เรื่องนี้ เป็นเรื่องราวของป้าเราความรักที่ต้องผิดหวังและกลายเป็นโรคประสาท
ป้าเรากับสามีอยู่ด้วยกันมา ประมาณ 30 ปี อยู่ด้วยกันตั้งแต่วัยรุ่น ป้าเราเป็นคนทุ่มเท ให้ลุงเขยมาก
ไม่ว่าลุงเขยอยากได้อะไรป้าเราหาให้หมด หน้าที่เรื่องการเงินที่ผู้ชายต้องรับผิดชอบครอบครัว ไม่เคยมี มีแต่ป้าเราให้เงินเขา
อยู่ฟรี กินฟรี สบายสุดๆ อยู่กันเหมือน เงิน ใคร เงินมัน แต่ถ้าเงินลุงเขยเราไม่มีจะมาขอยืมป้า (แต่ยืมไม่คืนนะ) ป้าเราเปิดกิจการ ซักอบรีด อยู่ข้าง ม.บูรพา จะว่าเป็นเจ้าแรกเลยก็ว่าได้ ส่วนลุงเขย ทำอาชีพรับเหมาก่อสร้าง ซึ่งเงินก็ต้องได้เยอะอยู่แล้ว แต่ไม่เคยช่วยเหลือป้าเราเลย และเวลาทำรับเหมาลุงเขยก็จะไปต่างหวัดๆบ่อย แต่ป้าเราไม่เคยระแวงเลยสักครั้งเดียว ด้วยความว่ารักมาก ป้าเราทุมเทให้กับลุงและครอบครัวลุงทุกอย่าง ไม่เคยแม้แต่ระแวงว่าลุงจะมีคนอื่น แม้แต่ซื้อที่ดินของตัวเองแท้ๆ ยังให้เป็นชื่อหลานของลุงเขย หลานตัวเองไม่ได้คะ (ป้าเราไม่มีลูก)
จนวันนึงป้าเราจับได้ว่าลุงเขยมีเมียน้อย ป้าเราก็ไปด่า แต่โดนลุงเขย และผู้หญิงคนนั้นด่ากลับ ป้าเราช็อคมาก กรี๊ดแบบคนขาดสติ เพราะผิดหวังที่ทุ่มเทให้ทุกอย่าง แต่สุดท้ายก็ไม่เหลืออะไรเลย และป้าเราต้องเข้าออกโรงพยาบาลตลอด เพราะ
เป็นโรคประสาทไปเลย กับเหตุการ ครั้งนั้น
หลังจากเหตุการวันนั้น ร้านซักรีดก็ปิดตัวลงอีก ด้วยเพราะหมดสัญญาเช่าตึก ป้าเราจากที่เคยปกติทุกอย่าง
ก็นั่งร้องไห้บ้าง หัวเราะบ้าง กินข้าวแบบคนที่หิวโหยแบบคนไม่เคยกิน ต้มไข่ที่ละ 20 ฟอง เพื่อเอาไว้กิน
เงินทองที่เคยมีก็ไม่มี จนป้าเราไปของานทำกับหลาน (ลูกพี่ลูกน้องเรา)เปิดร้านอาหารอยู่ ข้าง ม.บูรพา ร้านอยู่ในซอย ตรงข้ามสดใส หลานแท้ๆ ให้เงินค่าแรงป้าวันละ 150 บาท ใช้งานยิ่งกว่าทาส แต่จ้างพม่า วันละ 300 บาท นะคะ สุดท้ายป้าเราอีกคนและลุงเขยอีกคนทนความเวทนาไม่ไหว
ลุงเลยได้ปลูกบ้านให้ป้าอยู่ที่ต่างจังหวัด บนพื้นที่ ที่ป้าเราซื้อเป็นชื่อของหลานอดีตลุงเขยนั้นแหละคะ
แกก็ไปเปิดร้านซักรีดอยู่ที่นั้น แต่ต่างจังหวัด รายได้ไม่เยอะอยู่แล้ว แกก็อยู่ตามสภาพไป
อดีตลุงเขยไม่เคยเลี้ยวแล
**ส่วนอดีตลุงเขยเรา จากที่ป้าเราเคยทำให้ทุกอย่าง อยู่อย่างราชา ตอนนี้ กับต้องลำบากทำงานเลี้ยงเมียใหม่
เห็นว่าเปิดร้านข้าวขาหมูตรงเพิงข้างๆ ม.บูรพา งานรับเหมาก็ไม่มีแล้ว**
**ขออภัยนะ เราเล่าไม่ค่อยเก่งนะ ความจริงมันละเอียดอ่อนกว่านี้**
เรื่องราวของป้าเราความรักที่ต้องผิดหวังและกลายเป็นโรคประสาท
ป้าเรากับสามีอยู่ด้วยกันมา ประมาณ 30 ปี อยู่ด้วยกันตั้งแต่วัยรุ่น ป้าเราเป็นคนทุ่มเท ให้ลุงเขยมาก
ไม่ว่าลุงเขยอยากได้อะไรป้าเราหาให้หมด หน้าที่เรื่องการเงินที่ผู้ชายต้องรับผิดชอบครอบครัว ไม่เคยมี มีแต่ป้าเราให้เงินเขา
อยู่ฟรี กินฟรี สบายสุดๆ อยู่กันเหมือน เงิน ใคร เงินมัน แต่ถ้าเงินลุงเขยเราไม่มีจะมาขอยืมป้า (แต่ยืมไม่คืนนะ) ป้าเราเปิดกิจการ ซักอบรีด อยู่ข้าง ม.บูรพา จะว่าเป็นเจ้าแรกเลยก็ว่าได้ ส่วนลุงเขย ทำอาชีพรับเหมาก่อสร้าง ซึ่งเงินก็ต้องได้เยอะอยู่แล้ว แต่ไม่เคยช่วยเหลือป้าเราเลย และเวลาทำรับเหมาลุงเขยก็จะไปต่างหวัดๆบ่อย แต่ป้าเราไม่เคยระแวงเลยสักครั้งเดียว ด้วยความว่ารักมาก ป้าเราทุมเทให้กับลุงและครอบครัวลุงทุกอย่าง ไม่เคยแม้แต่ระแวงว่าลุงจะมีคนอื่น แม้แต่ซื้อที่ดินของตัวเองแท้ๆ ยังให้เป็นชื่อหลานของลุงเขย หลานตัวเองไม่ได้คะ (ป้าเราไม่มีลูก)
จนวันนึงป้าเราจับได้ว่าลุงเขยมีเมียน้อย ป้าเราก็ไปด่า แต่โดนลุงเขย และผู้หญิงคนนั้นด่ากลับ ป้าเราช็อคมาก กรี๊ดแบบคนขาดสติ เพราะผิดหวังที่ทุ่มเทให้ทุกอย่าง แต่สุดท้ายก็ไม่เหลืออะไรเลย และป้าเราต้องเข้าออกโรงพยาบาลตลอด เพราะ
เป็นโรคประสาทไปเลย กับเหตุการ ครั้งนั้น
หลังจากเหตุการวันนั้น ร้านซักรีดก็ปิดตัวลงอีก ด้วยเพราะหมดสัญญาเช่าตึก ป้าเราจากที่เคยปกติทุกอย่าง
ก็นั่งร้องไห้บ้าง หัวเราะบ้าง กินข้าวแบบคนที่หิวโหยแบบคนไม่เคยกิน ต้มไข่ที่ละ 20 ฟอง เพื่อเอาไว้กิน
เงินทองที่เคยมีก็ไม่มี จนป้าเราไปของานทำกับหลาน (ลูกพี่ลูกน้องเรา)เปิดร้านอาหารอยู่ ข้าง ม.บูรพา ร้านอยู่ในซอย ตรงข้ามสดใส หลานแท้ๆ ให้เงินค่าแรงป้าวันละ 150 บาท ใช้งานยิ่งกว่าทาส แต่จ้างพม่า วันละ 300 บาท นะคะ สุดท้ายป้าเราอีกคนและลุงเขยอีกคนทนความเวทนาไม่ไหว
ลุงเลยได้ปลูกบ้านให้ป้าอยู่ที่ต่างจังหวัด บนพื้นที่ ที่ป้าเราซื้อเป็นชื่อของหลานอดีตลุงเขยนั้นแหละคะ
แกก็ไปเปิดร้านซักรีดอยู่ที่นั้น แต่ต่างจังหวัด รายได้ไม่เยอะอยู่แล้ว แกก็อยู่ตามสภาพไป
อดีตลุงเขยไม่เคยเลี้ยวแล
**ส่วนอดีตลุงเขยเรา จากที่ป้าเราเคยทำให้ทุกอย่าง อยู่อย่างราชา ตอนนี้ กับต้องลำบากทำงานเลี้ยงเมียใหม่
เห็นว่าเปิดร้านข้าวขาหมูตรงเพิงข้างๆ ม.บูรพา งานรับเหมาก็ไม่มีแล้ว**
**ขออภัยนะ เราเล่าไม่ค่อยเก่งนะ ความจริงมันละเอียดอ่อนกว่านี้**