http://pantip.com/topic/34214133 กระทู้ภาคแรกนะคับ
แท่น..แท๊นนน เดินมาไม่ถึง100เมตรจาก7-11 ก็มีร้านกาแฟร้านนี้
เก้าอี้ด้านในน่านั่งเลยเข้าไปนั่งจิบกาแฟระหว่างรอเวลาสักหน่อย
:: Espresso เย็นนั่นเอง แล้วก็นั่งชิลไปตามเรื่องรอเวลา พอใกล้เวลา11.00 น.ก็เรียกมอไซต์ไป
บขส.
:: ทำให้รู้ว่า เมื่อคืนค่ากะป๊อ50บาทโดนหลอกซะแล้ว มันพาวนซะนึกว่าไกลจากโรงแรมที่พัก แต่
จริงๆเลี้ยวขวาทีเดียวก็ถึงแล้วเฮ้อออออ
ตรงหัวมุมทางเลี้ยวเข้าบขส.จะมีร้านกาแฟให้ได้ซื้อกินกันอีก บอกเลออกินซะ!
:: หลังจากซื้อกาแฟเสร็จนั่งกินสักพัก 11.00น.แล้วนี่นา รถยังไม่มา ?? 11.15น.ยังไม่มาอีก เลย
เดินไปถามที่เคาร์เตอร์เค้าบอกว่าเดี๋ยวมาเลทหน่อย............ สัก 11.30 น.รถก็เลี้ยวเข้ามาครับ ดีใจมาก
:: แต่ดีใจได้แพพเดียวเพราะคนนั่งมาเต็มรถ อ่าวแล้วไปไงอ่ะ? สรุปคือ ยืนไป!!
:: แค่ยืนยังไม่ลำบากพอนะครับสำหรับการเดินทางครั้งนี้..คนแน่นอีก เอาความจริงมาตีแผ่ตรงนี้เลยครับถ้า
จะเดินทางไปเองอย่าหวังว่าจะสบายในการเดินทาง แนะนำสำหรับคนที่ต้องการหาเติมไฟให้ชีวิต หา
สิ่งที่แตกต่างไปจากปกติ ละเว้นจากความสบายทั้งปวง และใกล้ชิดธรรมชาติฝุดๆแบบที่คนในเมือง
ไม่สามารถจะจินตนาการได้เลย
:: เรามาต่อกันเลยคนขับรถเป็นลุงแก่ๆ อายุอานามประมาณ65-70 ปี แต่ลวดลายการขับรถขึ้นเขา
ของแกนั้น ช่างล้ำลึกและยากที่จะหาตัวจับได้ยากยิ่งนัก ถ้าวินดีเซลได้นั่งรถที่แกขับรับรองว่าจะ
ต้องชวนแกไปเล่นหนังแทนจาพนมแน่ๆ
:: ตอนอยู่บนรถไอ้เราก็กังวลเพราะมองไม่เห็นข้างหน้ารถเลย ไม่รู้ว่าจะไปถึงเมื่อไหร่ น่าจะ
ประมาณ 1 ชม. ต้องเปิดGPSไปด้วยเพราะกลัวว่าจะเลยป้ายที่ต้องลง มันเคว้งคว้างมาก ถ้าลงผิดมี
ไปโผล่เชียงรายเลยนะ...... ในที่สุดรถก็จอดอย่างกระทันหัน ลุงแกเหยียบเบรค หักพวงมาลัยขวา
พร้อมกับดึงเบรคมือ รถจอดฝุ่นตลบกันเลยทีเดียว กว่าจะลงรถได้นี่ลำบากกว่าตอนขึ้นเยอะ กว่าจะ
เบียดตัวออกมาพร้อม เป้ใบใหญ่เบียดกันแทบจะได้เมียกันเลยทีเดียว แถมหน้าประตูมีป้าๆนั่งขวาง
ทาง ความรู้สึกตอนนั้นเหมือน อยู่บนรถไฟในอินเดียทีเดียว พอหลุดลงรถมาได้เจอป้ายรีสอร์ทเลยจร้าาาา
:: ดีใจมั่กๆเดินทางกว่าจะถึงสมบุกสมบัน ผ่านอุปสรรคขวากหนามมามาก แต่ แต่........มันยังไม่จบ
:: ทางเข้า -_-" สักแพพจะมีรถกอล์ฟวิ่งมารับนะคับ..........ตื่นๆๆๆ เดินไปเช็คอินได้แล้ว โอ้โหหหห
การเดินบนภูเขา ที่มีอากาศเบาบาง ขนาดช่วงตอนนั้นออกกำลังกาย 3 วัน/สัปดาห์ เดินไป10กว่า
ก้าวถึงกับเริ่มเหนื่อย
:: ไม่ได้กดกล้องให้ต่ำแต่ประการใดนะรูปนี้ ยืนเฉยๆแล้วถ่าย มันเป็นทางขึ้นไม่กี่ 100 เมตร
แต่...เหมือนเดิน มากว่า 1 Km. นึกถึงทางขึ้นภูกระดึงขึ้นมาทันใดแถมมีเป้หนักๆ ติดหลังมาอีก1ใบ
:: ถึงจุดหมายของเราในที่สุด ทำการเช็คอิน ได้เต๊นท์มา1หลัง ตอนแรกนึกว่าเป็นเต๊นท์โล่งๆ ไม่มี
อะไรเลย ผิดคาดอย่างมาก ทางรีสอร์ทจัดเตรียมผ้านวมไว้ให้ 2 ผืน ปูรองนอน1 ห่ม1 อุ่นมากๆ เลย
ไม่ได้ใช้ถุงนอนที่เตรียมมาเลย มาดูวิวหน้าเต๊นท์มั่งว่าคุ้มค่าแก่การเดินทางในครั้งนี้รึป่าว
:: เก็บของเข้าเต๊นท์เสร็จ ออกมายืนดูวิวพร้อมกับมีลมอ่อนๆพัดมาประทะหน้าและตัวตลอดเวลา ทำ
ให้แสงแดด ที่ร้อนระอุเป็นเสมือนแค่แสงแดดยามเช้าที่ไม่ให้ความร้อนอะไรมากนัก รู้สึกสดชื่น
อย่างบอกไม่ถูก อย่างแรกที่ทำเมื่อเห็นวิวนี้คือสูดลมหายใจเข้าให้ลึกที่สุด มันสดชื่นอย่างบอกไม่ถูก
ต่างจาก บรรยากาศในกทม.อย่างสิ้นเชิง
:: ลีโอกระป๋องนี้เมื่อถูกนำขึ้นไปบนภู มันเปรียบเสมือนได้กับแชมเปญเลิศรส ประกอบกับ
บรรยากาศบนภูลมโชยเอื่อย เย็นๆ มันเหมือนกับได้นั่งจิบแชมเปญบนเทือกเขาแอลป์เลยทีเดียว
5555+ เสียเพียงอย่างเดียว มาคนเดียวไม่มีสาวๆไว้คอยกอดแก้หนาว และอากาศบนนี้
กลางคืนมันนี่มันเหน็บหนาว แถมลมที่โหมกระหน่ำกระหน่ำเข้ามาตลอดเวลา ทำให้ความหนาวนั้นช่าง
เสียดแทงเหลือเกิน
[CR] แบกเป้เดี่ยวๆ..เที่ยวภูลังกา 2
แท่น..แท๊นนน เดินมาไม่ถึง100เมตรจาก7-11 ก็มีร้านกาแฟร้านนี้
เก้าอี้ด้านในน่านั่งเลยเข้าไปนั่งจิบกาแฟระหว่างรอเวลาสักหน่อย
:: Espresso เย็นนั่นเอง แล้วก็นั่งชิลไปตามเรื่องรอเวลา พอใกล้เวลา11.00 น.ก็เรียกมอไซต์ไป
บขส.
:: ทำให้รู้ว่า เมื่อคืนค่ากะป๊อ50บาทโดนหลอกซะแล้ว มันพาวนซะนึกว่าไกลจากโรงแรมที่พัก แต่
จริงๆเลี้ยวขวาทีเดียวก็ถึงแล้วเฮ้อออออ
ตรงหัวมุมทางเลี้ยวเข้าบขส.จะมีร้านกาแฟให้ได้ซื้อกินกันอีก บอกเลออกินซะ!
:: หลังจากซื้อกาแฟเสร็จนั่งกินสักพัก 11.00น.แล้วนี่นา รถยังไม่มา ?? 11.15น.ยังไม่มาอีก เลย
เดินไปถามที่เคาร์เตอร์เค้าบอกว่าเดี๋ยวมาเลทหน่อย............ สัก 11.30 น.รถก็เลี้ยวเข้ามาครับ ดีใจมาก
:: แต่ดีใจได้แพพเดียวเพราะคนนั่งมาเต็มรถ อ่าวแล้วไปไงอ่ะ? สรุปคือ ยืนไป!!
:: แค่ยืนยังไม่ลำบากพอนะครับสำหรับการเดินทางครั้งนี้..คนแน่นอีก เอาความจริงมาตีแผ่ตรงนี้เลยครับถ้า
จะเดินทางไปเองอย่าหวังว่าจะสบายในการเดินทาง แนะนำสำหรับคนที่ต้องการหาเติมไฟให้ชีวิต หา
สิ่งที่แตกต่างไปจากปกติ ละเว้นจากความสบายทั้งปวง และใกล้ชิดธรรมชาติฝุดๆแบบที่คนในเมือง
ไม่สามารถจะจินตนาการได้เลย
:: เรามาต่อกันเลยคนขับรถเป็นลุงแก่ๆ อายุอานามประมาณ65-70 ปี แต่ลวดลายการขับรถขึ้นเขา
ของแกนั้น ช่างล้ำลึกและยากที่จะหาตัวจับได้ยากยิ่งนัก ถ้าวินดีเซลได้นั่งรถที่แกขับรับรองว่าจะ
ต้องชวนแกไปเล่นหนังแทนจาพนมแน่ๆ
:: ตอนอยู่บนรถไอ้เราก็กังวลเพราะมองไม่เห็นข้างหน้ารถเลย ไม่รู้ว่าจะไปถึงเมื่อไหร่ น่าจะ
ประมาณ 1 ชม. ต้องเปิดGPSไปด้วยเพราะกลัวว่าจะเลยป้ายที่ต้องลง มันเคว้งคว้างมาก ถ้าลงผิดมี
ไปโผล่เชียงรายเลยนะ...... ในที่สุดรถก็จอดอย่างกระทันหัน ลุงแกเหยียบเบรค หักพวงมาลัยขวา
พร้อมกับดึงเบรคมือ รถจอดฝุ่นตลบกันเลยทีเดียว กว่าจะลงรถได้นี่ลำบากกว่าตอนขึ้นเยอะ กว่าจะ
เบียดตัวออกมาพร้อม เป้ใบใหญ่เบียดกันแทบจะได้เมียกันเลยทีเดียว แถมหน้าประตูมีป้าๆนั่งขวาง
ทาง ความรู้สึกตอนนั้นเหมือน อยู่บนรถไฟในอินเดียทีเดียว พอหลุดลงรถมาได้เจอป้ายรีสอร์ทเลยจร้าาาา
:: ดีใจมั่กๆเดินทางกว่าจะถึงสมบุกสมบัน ผ่านอุปสรรคขวากหนามมามาก แต่ แต่........มันยังไม่จบ
:: ทางเข้า -_-" สักแพพจะมีรถกอล์ฟวิ่งมารับนะคับ..........ตื่นๆๆๆ เดินไปเช็คอินได้แล้ว โอ้โหหหห
การเดินบนภูเขา ที่มีอากาศเบาบาง ขนาดช่วงตอนนั้นออกกำลังกาย 3 วัน/สัปดาห์ เดินไป10กว่า
ก้าวถึงกับเริ่มเหนื่อย
:: ไม่ได้กดกล้องให้ต่ำแต่ประการใดนะรูปนี้ ยืนเฉยๆแล้วถ่าย มันเป็นทางขึ้นไม่กี่ 100 เมตร
แต่...เหมือนเดิน มากว่า 1 Km. นึกถึงทางขึ้นภูกระดึงขึ้นมาทันใดแถมมีเป้หนักๆ ติดหลังมาอีก1ใบ
:: ถึงจุดหมายของเราในที่สุด ทำการเช็คอิน ได้เต๊นท์มา1หลัง ตอนแรกนึกว่าเป็นเต๊นท์โล่งๆ ไม่มี
อะไรเลย ผิดคาดอย่างมาก ทางรีสอร์ทจัดเตรียมผ้านวมไว้ให้ 2 ผืน ปูรองนอน1 ห่ม1 อุ่นมากๆ เลย
ไม่ได้ใช้ถุงนอนที่เตรียมมาเลย มาดูวิวหน้าเต๊นท์มั่งว่าคุ้มค่าแก่การเดินทางในครั้งนี้รึป่าว
:: เก็บของเข้าเต๊นท์เสร็จ ออกมายืนดูวิวพร้อมกับมีลมอ่อนๆพัดมาประทะหน้าและตัวตลอดเวลา ทำ
ให้แสงแดด ที่ร้อนระอุเป็นเสมือนแค่แสงแดดยามเช้าที่ไม่ให้ความร้อนอะไรมากนัก รู้สึกสดชื่น
อย่างบอกไม่ถูก อย่างแรกที่ทำเมื่อเห็นวิวนี้คือสูดลมหายใจเข้าให้ลึกที่สุด มันสดชื่นอย่างบอกไม่ถูก
ต่างจาก บรรยากาศในกทม.อย่างสิ้นเชิง
:: ลีโอกระป๋องนี้เมื่อถูกนำขึ้นไปบนภู มันเปรียบเสมือนได้กับแชมเปญเลิศรส ประกอบกับ
บรรยากาศบนภูลมโชยเอื่อย เย็นๆ มันเหมือนกับได้นั่งจิบแชมเปญบนเทือกเขาแอลป์เลยทีเดียว
5555+ เสียเพียงอย่างเดียว มาคนเดียวไม่มีสาวๆไว้คอยกอดแก้หนาว และอากาศบนนี้
กลางคืนมันนี่มันเหน็บหนาว แถมลมที่โหมกระหน่ำกระหน่ำเข้ามาตลอดเวลา ทำให้ความหนาวนั้นช่าง
เสียดแทงเหลือเกิน