คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 2
ตามข้อมูลที่แจ้ง ปัญหาที่เกิดขึ้นคือ ผ่อนมาตั้งนานเงินต้นลดไปได้นิดเดียว คือ จากยอดหนี้ 6 แสนบาท ผ่อนมานาน 11 ปีแล้ว หนี้ลดลงแค่ 2 แสนบาทกว่าบาทเท่านั้น วิธีแก้ไขที่ถูกจุดและเป็นวิธีที่ดีที่สุด แนะนำว่าให้เพิ่มยอดชำระหนี้คืนให้มากขึ้นจากเดิมที่ผ่อนอยู่เดือนละ 5,600 บาท เช่น มาผ่อนเพิ่มเป็นเดือนละ 8,000 บาท จะทำให้หนี้ที่มีอยู่ปัจจุบันหมดได้ภายใน 5 ปี หรือผ่อนเดือนละ 10,000 บาท ก็จะหมดได้ภายในไม่ถึง 4 ปี เลยทีเดียว นอกจากเงินกู้บ้าน ธนาคารจะคิดดอกเบี้ยแบบลดต้นลดดอก เงินที่ผ่อนไปจะหักดอกเบี้ยก่อนตามยอดเงินคงเหลือและจำนวนวันที่ค้างอยู่ เหลือเท่าใดก็จะลดเงินต้นลงมา หากมีการเพิ่มยอดเงินผ่อนเข้าไป ก็จะทำให้เงินต้นลดลงมากขึ้น เดือนต่อไปดอกเบี้ยก็ลดลงตามไปด้วย ก็จะทำให้หนี้หมดได้เร็วขึ้น หากมีรายได้แล้วต้องการช่วยแบ่งเบาภาระคุณพ่อก็ให้กันรายได้ส่วนหนึ่งสมทบผ่อนเพิ่มขึ้นดังกล่าวจะเป็นวิธีที่ดีที่สุด
ไม่แนะนำให้ Refinance หากมีวัตถุประสงค์ต้องการผ่อนให้หมดเร็วที่สุด เพราะการ Refinance ต้องมีวัตถุประสงค์ดังนี้ครับ
1. ต้องการอัตราดอกเบี้ยที่ต่ำกว่า วิธีนี้จะต้องคำนวณส่วนต่างของอัตราดอกเบี้ยที่ได้ลดลงตลอดระยะเวลาการผ่อนว่าลดลงเป็นเงินเท่าใด มาคำนวณเปรียบเทียบกับค่าใช้จ่ายในการ Refinance เช่น การประเมินราคาฯ ประมาณ 3,000 บาท , ค่าจำนองใหม่ร้อยละ 1.0 ของยอดเงินที่กู้ ,ค่าอากรติดสัญญากู้ ร้อยละ 0.05 ของยอดกู้ ,ค่าประกันชีวิต/ประกันอัคคีภัย
2. ต้องการวงเงินสินเชื่อที่เพิ่มขึ้น กรณีนี้อาจผ่อนกลับธนาคารเดิมมานานระยะหนึ่ง ยอดหนี้ลดลงจำนวนหนึ่ง กับการประเมินราคาบ้านปัจจุบันมีราคาสูงขึ้น ก็จะทำให้การ Refinance กู้ได้วงเงินสูงขึ้นบ้าน และกลับไปเริ่มต้นผ่อนใหม่ตามระยะเวลาใหม่
3. ต้องการผ่อนชำระหนี้ต่อเดือนน้อยกว่าเดิม กรณีนี้ก็เหมือนข้อ 2 คือต้องผ่อนมาระยะเวลาหนึ่งและยอดหนี้ลดลงจำนวนหนึ่ง สมมุติว่ากำหนดให้ผ่อนนาน 30 ปี ผ่อนมาแล้ว 10 ปี แล้ว Refinance ตามยอดหนี้ที่ค้างอยู่ แต่ขยายระยะเวลาผ่อนนาน 30 ปี ก็จะทำให้ภาระการผ่อนต่อเดือนลดลง
สำหรับบ้านมือสองในอนาคตจะขึ้นหรือไม่ อยู่ที่ความต้องการของคนซื้อ หากในทำเลนั้นไม่มีบ้านขายหรือมีคนต้องการมาก ราคาก็สูงขึ้นตามกำลังของคนซื้อ แต่ถ้ามีบ้านให้เลือก โดยเฉพาะโครงการใหม่ๆ บ้านก็ขยับราคาได้น้อย เป็นต้นครับ
ไม่แนะนำให้ Refinance หากมีวัตถุประสงค์ต้องการผ่อนให้หมดเร็วที่สุด เพราะการ Refinance ต้องมีวัตถุประสงค์ดังนี้ครับ
1. ต้องการอัตราดอกเบี้ยที่ต่ำกว่า วิธีนี้จะต้องคำนวณส่วนต่างของอัตราดอกเบี้ยที่ได้ลดลงตลอดระยะเวลาการผ่อนว่าลดลงเป็นเงินเท่าใด มาคำนวณเปรียบเทียบกับค่าใช้จ่ายในการ Refinance เช่น การประเมินราคาฯ ประมาณ 3,000 บาท , ค่าจำนองใหม่ร้อยละ 1.0 ของยอดเงินที่กู้ ,ค่าอากรติดสัญญากู้ ร้อยละ 0.05 ของยอดกู้ ,ค่าประกันชีวิต/ประกันอัคคีภัย
2. ต้องการวงเงินสินเชื่อที่เพิ่มขึ้น กรณีนี้อาจผ่อนกลับธนาคารเดิมมานานระยะหนึ่ง ยอดหนี้ลดลงจำนวนหนึ่ง กับการประเมินราคาบ้านปัจจุบันมีราคาสูงขึ้น ก็จะทำให้การ Refinance กู้ได้วงเงินสูงขึ้นบ้าน และกลับไปเริ่มต้นผ่อนใหม่ตามระยะเวลาใหม่
3. ต้องการผ่อนชำระหนี้ต่อเดือนน้อยกว่าเดิม กรณีนี้ก็เหมือนข้อ 2 คือต้องผ่อนมาระยะเวลาหนึ่งและยอดหนี้ลดลงจำนวนหนึ่ง สมมุติว่ากำหนดให้ผ่อนนาน 30 ปี ผ่อนมาแล้ว 10 ปี แล้ว Refinance ตามยอดหนี้ที่ค้างอยู่ แต่ขยายระยะเวลาผ่อนนาน 30 ปี ก็จะทำให้ภาระการผ่อนต่อเดือนลดลง
สำหรับบ้านมือสองในอนาคตจะขึ้นหรือไม่ อยู่ที่ความต้องการของคนซื้อ หากในทำเลนั้นไม่มีบ้านขายหรือมีคนต้องการมาก ราคาก็สูงขึ้นตามกำลังของคนซื้อ แต่ถ้ามีบ้านให้เลือก โดยเฉพาะโครงการใหม่ๆ บ้านก็ขยับราคาได้น้อย เป็นต้นครับ
แสดงความคิดเห็น
ถามเรื่อง ผ่อนบ้านมือสอง
บ้านผมตอนซื้อ ราคา6แสน(ซื้อตอนผมยังเด็กน่าจะ11ปีที่เเล้ว)
ผมไปดูในบิลจ่าย ค่าบ้าน ยอดมันเหลือเกือบสี่แสน
เเล้วเห็นงวดที่จ่าย เงินต้น2900 ดอกเบี้ย2700
เหลือค่างวดอีกประมาณเกือบสี่แสน
อยากทราบว่ามีวิธีลดดอกเบี้ยมั้งมั้ย เพราะผมเทียบกับคนที่ผ่อนรถราคาหกแแสนบาท เค้ายังผ่อนแค่5ปีเอง (8000บาทต่อเดือน)
อันนี่แค่สีแสนยังตอนผ่อนอีกเกือบ20ปี
อีกหนึ่งคำถาม
ตอนนี่ราคาบ้านมีคนมาเสนอ 1,300,000 อีกสองปีรถไฟฟ้าขึ้นน่าจะได้มากกว่านี่ เพราะหน้าหมู่บ้านติดกับสถานีเลยครับ(มีคอนโดผุดขึ้นมาข้างหมู่บ้าเเล้ว)
ถ้ารถไฟฟ้าขึ้นโอกาศที่ราคาบ้านจะขึ้นประมาณเท่าไรครับ