คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 1
ได้ อ่านข้อมูล ในกระทู้ ของคุณ แล้ว
ถือ เป็นความผิดพลาด อย่างแรง เลย นะครับ
ที่คุณ ไม่ได้ ติดตาม เรื่อง อัตรา ดอกเบี้ยเงินกู้ ณ สถานการณ์ ปัจจุบัน ว่า อยู่ในอัตราไหนแล้ว หลับหู หลับตา ผ่อนอย่างเดียว และก็ไม่แน่ใจว่า ที่คุณ กู้ บ้านในอัตราดอกเบี้ยที่สูงนี้ มันไม่ใช่ ดอกเบี้ยกู้บ้านแล้วนะครับ ธนาคารเขาอาจจะให้คุณกู้ในกรณี ประกอบธุรกิจการค้าหรือเปล่า
ป้จจุบันนี้ คุณ ก็ได้ ทำการผ่อน ผ่านมาแล้ว 6 ปี จ่ายเงินไป มากกว่า 2 ล้านกว่าบาทแล้ว (32,500 x 6 x 12 = 2,340,000 บาท) ส่วนใหญ่ จะเป็นการจ่ายค่าดอกเบี้ย เสียมากกว่า เงินต้นลด ลงไป แค่ 400,000 บาท เท่านั้น
แล้ว ก็ต้องขอ ตำหนิ ธนาคารที่คุณผ่อน ด้วยนะ ที่ ไม่ได้แนะนำ และ ไม่ได้รักษาผลประโยชน์ ให้กับลูกค้า เท่าที่ควร
ในเมื่อผ่อนผ่านมาแล้ว 6 ปี ถ้าจะผ่อนต่อกับธนาคาร เดิม คุณ เสียเปรียบเขาแน่นอน ทางที่ดี ที่สุด ควรจะหาทาง รีไฟแนนซ์ หนี้ ไป ผ่อนกับธนาคารอื่น ที่ คิดดอกเบี้ย เงินกู้ ที่ต่ำกว่า จะช่วยทำให้คุณผ่อนน้อยลง และถ้าคุณผ่อนในจำนวนเงินเท่าเดิมที่ 32,500 บาท จะช่วยทำให้ เงินต้นลดลง อย่างรวดเร็ว ครับ
วิธี รีไฟแนนซ์หนี้ คุณ หาโอกาส ไป ติดต่อ กับ ธนาคารอื่น ที่ คิดดอกเบี้ยเงินกู้ ที่ต่ำกว่า แล้ว โชว์ ยอดเงินที่มีอยู่ 2,300,000 บาท ให้เขาดู แล้ว ยื่น ทำเรื่องขอกู้ แล้วบอกรายละเอียดต่าง ๆ ให้เขาทราบ เดี๊ยวทางธนาคาร เขาก็จะชี้แจง และช่วยทำเรื่องให้คุณ เองครับ คุณก็มีหน้า ที่ เซ็นชื่อ รับมอบการโอนหนี้ ระหว่างธนาคาร ด้วยกัน ครับ
ในกรณี คำถาม (1) ถ้า คุณ เอาเงิน 2,300,000 บาท ไป โปะหนี้ แล้ว จะเหลือยอดเงินกู้ 900,000 บาท จะทำให้ดอกเบี้ยผ่อนเบาบางลง ก็จริงอยู่ ถ้าคุณ ยังผ่อนอยู่กับ ธนาคารเดิม คุณ จะเสียเปรียบเขาตลอดนะครับ เพราะปัจจุบันดอกเบี้ยเงินกู้ ของธนาคารอื่น ๆ จะอยู่ในอัตราประมาณ 7. 00 - 8.25% เท่านั้น ถ้า คุณ สามารถ รีไฟแนนซ์ หนี้ ได้ จะช่วยทำให้คุณผ่อนหนี้ ลดลงได้ครับ
ส่วนกรณี คำถาม ข้อ (2) ไม่สนับสนุน ให้คุณ ขาย บ้าน ที่ ราคา 3,600,000 บาท นะครับ เพราะคุณ ซื้อ บ้าน เสียเวลาผ่อน ผ่านไป 6 ปีแล้ว มูลค่าบ้าน มันเปลี่ยนแปลงไปมากแล้ว และต้นทุน ในการซื้อบ้านของคุณ ก็ สูงมากแล้ว คือ 32,500 x6 x 12 = 2,340,000 + หนี้ ที่ยังค้างอยู่ อีก 3,200,000 บาท รวมเป็นเงินทั้งหมด (2,340,000+3,200,000) = 5,540,000 บาท ยังไม่รวมค่าจดจำนอง ค่า ไถ่ถอน และ ค่าจดทะเบียนโอนกรรมสิทธิ์ ด้วยนะครับ ฉะนั้น ถ้า คุณขายบ้านไป ในราคา 3,600,000 บาท คุณจะขาดทุนจากการขายบ้านทันที ที่ (5,540,000 -3,600,000 ) = 1,940,000 บาท ยังไม่รวมค่าจดจำนอง ค่าไถ่ถอน และค่าจดทะเบียนโอนกรรมสิทธิ์ นะครับ ไม่ใช่คุณ ได้ กำไรจากการขาย บ้าน 400,000 บาท อย่างที่คุณ เข้าใจ นะครับ ขอให้ทบทวนให้ละเอียดอีกครั้งหนึ่งนะครับ
ส่วนกรณีข้อ (3) ต้องลองติดต่อ กับธนาคารแห่งใหม่ ดู นะครับ เจรจาความกับเขา ให้ดี ๆ อาจจะได้กู้ นะครับ ถ้าสามารถทำให้ธนาคารเขามั่นใจในความสามารถ ผ่อนชำระหนี้ เงินกู้ของคุณได้ โดย หยิบยกเอาผลงานการผ่อนบ้าน ที่ ผ่านมา 6 ปี เป็นแนวทางในการนำเสนอ ผลงานเป็นหลักประกัน นะครับ
ขอให้คุณ โชคดี ได้ รีไฟแนนซ์ หนี้ นะครับ จะได้ ผ่อนเบา เรื่องการผ่อนชำระหนี้ ครับ
ถือ เป็นความผิดพลาด อย่างแรง เลย นะครับ
ที่คุณ ไม่ได้ ติดตาม เรื่อง อัตรา ดอกเบี้ยเงินกู้ ณ สถานการณ์ ปัจจุบัน ว่า อยู่ในอัตราไหนแล้ว หลับหู หลับตา ผ่อนอย่างเดียว และก็ไม่แน่ใจว่า ที่คุณ กู้ บ้านในอัตราดอกเบี้ยที่สูงนี้ มันไม่ใช่ ดอกเบี้ยกู้บ้านแล้วนะครับ ธนาคารเขาอาจจะให้คุณกู้ในกรณี ประกอบธุรกิจการค้าหรือเปล่า
ป้จจุบันนี้ คุณ ก็ได้ ทำการผ่อน ผ่านมาแล้ว 6 ปี จ่ายเงินไป มากกว่า 2 ล้านกว่าบาทแล้ว (32,500 x 6 x 12 = 2,340,000 บาท) ส่วนใหญ่ จะเป็นการจ่ายค่าดอกเบี้ย เสียมากกว่า เงินต้นลด ลงไป แค่ 400,000 บาท เท่านั้น
แล้ว ก็ต้องขอ ตำหนิ ธนาคารที่คุณผ่อน ด้วยนะ ที่ ไม่ได้แนะนำ และ ไม่ได้รักษาผลประโยชน์ ให้กับลูกค้า เท่าที่ควร
ในเมื่อผ่อนผ่านมาแล้ว 6 ปี ถ้าจะผ่อนต่อกับธนาคาร เดิม คุณ เสียเปรียบเขาแน่นอน ทางที่ดี ที่สุด ควรจะหาทาง รีไฟแนนซ์ หนี้ ไป ผ่อนกับธนาคารอื่น ที่ คิดดอกเบี้ย เงินกู้ ที่ต่ำกว่า จะช่วยทำให้คุณผ่อนน้อยลง และถ้าคุณผ่อนในจำนวนเงินเท่าเดิมที่ 32,500 บาท จะช่วยทำให้ เงินต้นลดลง อย่างรวดเร็ว ครับ
วิธี รีไฟแนนซ์หนี้ คุณ หาโอกาส ไป ติดต่อ กับ ธนาคารอื่น ที่ คิดดอกเบี้ยเงินกู้ ที่ต่ำกว่า แล้ว โชว์ ยอดเงินที่มีอยู่ 2,300,000 บาท ให้เขาดู แล้ว ยื่น ทำเรื่องขอกู้ แล้วบอกรายละเอียดต่าง ๆ ให้เขาทราบ เดี๊ยวทางธนาคาร เขาก็จะชี้แจง และช่วยทำเรื่องให้คุณ เองครับ คุณก็มีหน้า ที่ เซ็นชื่อ รับมอบการโอนหนี้ ระหว่างธนาคาร ด้วยกัน ครับ
ในกรณี คำถาม (1) ถ้า คุณ เอาเงิน 2,300,000 บาท ไป โปะหนี้ แล้ว จะเหลือยอดเงินกู้ 900,000 บาท จะทำให้ดอกเบี้ยผ่อนเบาบางลง ก็จริงอยู่ ถ้าคุณ ยังผ่อนอยู่กับ ธนาคารเดิม คุณ จะเสียเปรียบเขาตลอดนะครับ เพราะปัจจุบันดอกเบี้ยเงินกู้ ของธนาคารอื่น ๆ จะอยู่ในอัตราประมาณ 7. 00 - 8.25% เท่านั้น ถ้า คุณ สามารถ รีไฟแนนซ์ หนี้ ได้ จะช่วยทำให้คุณผ่อนหนี้ ลดลงได้ครับ
ส่วนกรณี คำถาม ข้อ (2) ไม่สนับสนุน ให้คุณ ขาย บ้าน ที่ ราคา 3,600,000 บาท นะครับ เพราะคุณ ซื้อ บ้าน เสียเวลาผ่อน ผ่านไป 6 ปีแล้ว มูลค่าบ้าน มันเปลี่ยนแปลงไปมากแล้ว และต้นทุน ในการซื้อบ้านของคุณ ก็ สูงมากแล้ว คือ 32,500 x6 x 12 = 2,340,000 + หนี้ ที่ยังค้างอยู่ อีก 3,200,000 บาท รวมเป็นเงินทั้งหมด (2,340,000+3,200,000) = 5,540,000 บาท ยังไม่รวมค่าจดจำนอง ค่า ไถ่ถอน และ ค่าจดทะเบียนโอนกรรมสิทธิ์ ด้วยนะครับ ฉะนั้น ถ้า คุณขายบ้านไป ในราคา 3,600,000 บาท คุณจะขาดทุนจากการขายบ้านทันที ที่ (5,540,000 -3,600,000 ) = 1,940,000 บาท ยังไม่รวมค่าจดจำนอง ค่าไถ่ถอน และค่าจดทะเบียนโอนกรรมสิทธิ์ นะครับ ไม่ใช่คุณ ได้ กำไรจากการขาย บ้าน 400,000 บาท อย่างที่คุณ เข้าใจ นะครับ ขอให้ทบทวนให้ละเอียดอีกครั้งหนึ่งนะครับ
ส่วนกรณีข้อ (3) ต้องลองติดต่อ กับธนาคารแห่งใหม่ ดู นะครับ เจรจาความกับเขา ให้ดี ๆ อาจจะได้กู้ นะครับ ถ้าสามารถทำให้ธนาคารเขามั่นใจในความสามารถ ผ่อนชำระหนี้ เงินกู้ของคุณได้ โดย หยิบยกเอาผลงานการผ่อนบ้าน ที่ ผ่านมา 6 ปี เป็นแนวทางในการนำเสนอ ผลงานเป็นหลักประกัน นะครับ
ขอให้คุณ โชคดี ได้ รีไฟแนนซ์ หนี้ นะครับ จะได้ ผ่อนเบา เรื่องการผ่อนชำระหนี้ ครับ
แสดงความคิดเห็น
รบกวนสอบถามผู้รู้เรื่องการโปะหนี้บ้านหน่อยครับ
ตอนนี้ผ่อนไปประมาณ 6 ปี ไปสอบถามธนาคารว่าถ้าจะปิดบัญชีกี่บาท ธนาคารบอกว่าประมาณ 3,200,000 ผมอยาก
จะสอบถามว่า
1.ถ้าผมเอาเงิน 2,300,000 ไปโปะจะทำให้หนี้เหลือ 900,000 ดอกเบี้ยจะลดลงไหมครับ ต้องปรับไฟแนนส์ไหม ยังไงครับ
2.ผมขายบ้านได้ 3,600,000 ถ้าผมใช้หนี้ธนาคารก็จะเหลือ 400,000 ผมจะซื้อบ้านใหม่ในราคา 1,300,000 พอแนะนำได้ไหมครับ
ว่าผมควรจะทำตาม ข้อ 1 ไหม คือเอาเงินไปซื้อบ้านใหม่เลย แล้วอีกสองล้านกว่าโปะไป ค่อยผ่อนกับไทยพาณิชย์เอา หรือ ไปกู้ธนาคาร
ใหม่ ธนาคารอื่นครับ เพราะไทยพาณิชดอกเบี้ยแพง
3.สมมติจะไปกู้ธนาคารอื่น ผมกู้ 900,000 อาชีพอิสระ เงินในบัญชีก็สองแสนกว่าบาทเอง ตอนซื้อบ้านไม่มีธนาคารไหนให้กู้เลยตอนขอ 3,600,000
ตอนนี้เลยกลัวว่า เงิน 900,000 จะไม่ให้กู้อีก
รบกวนด้วยนะครับ ขอคารวะทุกท่าน