เรื่องที่ผมจะเล่าต่อไปนี้ ไม่ใช่ว่าผมอยากฟื้นฝอยหาตะเข็บแต่อย่างใด แม้ว่าเรื่องนี้จะผ่านมานานมากแล้วก็ตาม แต่ทุกวันนี้ความรู้สึกที่เพื่อนๆรังเกียจผมก็ยังคงมีอยู่และไม่ได้รับการแก้ไข แต่พอเวลาผมจะพยายามจะค้นหาความจริง หรือจะชี้แจง(เรื่องที่กำลังจะเล่าให้ทุกคนฟัง) ทีไร มักจะมีเสียงออกมาทันทีว่า "อย่าไปรื้อฟื้นความหลังอีกเลย" หรือ "ทุกคนยังเด็กๆอยู่ตอนนั้น" ในขณะที่ผมก็ยังคงเป็นตัวตลกและน่ารังเกียจอยู่เช่นเดิม โดยไม่สนที่มาที่ไปว่าผมโดนใส่ร้ายมายังไง โดนพวกเค้ากระทำยังไงตั้งแต่อดีต และตัวผม
ซึ่งเป็นฝ่ายถูกกระทำมาตลอดจะแหลกเละเพียงใด จากการกระทำของพวกเค้าเหล่านั้น ทำทุกวิถีทางเพื่อปกป้องเพื่อนตัวเอง โดยไม่สนใจว่าใครผิดใครถูก
เพราะฉะนั้นผมขอใช้พันทิปแห่งนี้เป็นช่องทางระบายความรู้สึกของผมที่ไม่เคยพูดให้ใครฟัง เพราะทุกคนไม่เคยยอมฟังข้อมูลในมุมมองของผมเลย ผมไม่ได้บอกว่าผมถูกหรือผิด ผมไม่ได้เอาดีใส่ตัวเอาชั่วใส่คนอื่น แต่สิ่งหนึ่งที่อยากให้ทุกคนรู้ก็คือ
ผมไม่ได้โกหกแต่งเรื่องขึ้นมาจริงๆ ผมแค่อยากให้มีคนเข้าใจความรู้สึกของผมบ้างเท่านั้นเอง
........
เมื่อช่วงแรกที่ผมเข้ามาอยู่โรงเรียนแห่งนี้ ผมเลือกคบและนั่งอยู่กับเด็กเรียนเก่งและนิสัยดี ผมเลือกที่จะอยู่เงียบๆ ไม่ค่อยยุ่งกับใครนอกจากเพื่อนในกลุ่ม ซึ่งในเวลานั้นยังไม่เกิดเรื่องอะไรพวกเค้าเหล่านั้นก็ดีกับผมมาก สนุกสนานเฮฮามีความสุข
จนกระทั้งอยู่ๆ อาจารย์ประจำชั้นก็มาย้ายที่พวกผมหมดเลย โดยบอกว่า
ทำเพื่อความเหมาะสม โดยผมถูกอาจารย์จับไปย้ายที่ใหม่ และมีคนสองคนถูกจับย้ายมานั่งประกบซ้ายขวาผม ซึ่งสองคนนี้เป็นต้นเหตุของเรื่องทั้งหมด
คนแรกคือ นาย น. มีเพื่อนเป็นผู้หญิงและกระเทยเป็นจำนวนมาก เป็นเครือข่าย เป็นแกนหลักในการแกล้งผมต่างๆนาๆ ทั้งเอาของต่างๆของผมไปซ่อน รวมทั้งเอาความเท็จต่างๆไปว่าร้ายผม จนเพื่อนๆมีอคติและรังเกียจผม และเป็นเหตุทำให้ผมโดนเพื่อนคนอื่นๆรังแกซ้ำเติมต่อมาจนจบ ม.6
คนที่สองคือ นาย อ. อยู่ในกลุ่มเด็กหลังห้อง ถูกอาจารย์จับมานั่งข้างขวาของผม แกล้งผมบ้างเป็นครั้งคราว แต่ทราบภายหลังว่าเป็นตัวบงการอยู่เบื้องหลังนาย น. ในการแกล้งผม แต่อาจารย์ประจำชั้นไม่ยอมจัดการ และไม่ทราบว่าข้างหลังนาย อ. ก็มีใครคอยยุแหย่อีกทีรึป่าว
เมื่อทั้งสองคนย้ายมานั่งข้างๆผมแล้ว สิ่งของต่างๆก็เริ่มหายโดยไม่ทราบสาเหตุ ทั้งดินสอ ยางลบ ปากกา กล่องดินสอ สมุด ฯลฯ ผมกลับไปบ้านก็โดนพ่อดุและต่อว่าเป็นประจำว่าไม่รักษาข้าวของให้ดี เนื่องจากพ่อเป็นคนค่อนข้างดุ ทำให้ผมโดนต่อว่าอย่างรุนแรง ซึ่งผมก็คิดว่าผมทำดีที่สุดแล้วที่จะรักษาของ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้เค้าขโมยแม้กระทั่ง กกน. ที่ผมเก็บไว้ในล็อกเกอร์ตอนเรียนวิชาว่ายน้ำ เอาไปโยนทิ้งไว้บนน้ำสกปรกบนพื้นห้องน้ำข้างๆซอกล็อกเกอร์กับริมกำแพง แล้วก็มาบอกว่าให้ผมใส่ กกน. ตัวนั้นกลับบ้านอีกด้วย ไม่เพียงเท่านั้น มีการขโมยพวงมาลัยที่ผมเตรียมให้อาจารย์ในวันไหว้ครูเอาไปซ่อนอีกด้วย
เพื่อนในห้องก็เริ่มมีท่าทีรังเกียจต่างๆนาๆ โดยที่ก็เริ่มแรกจากล้อเบาๆก่อนว่า "ไอ้ติดยา" ฯลฯ ล้อกันทุกวัน ซ้ำไปซ้ำมาอยู่อย่าง และก็เริ่มแรงขึ้นเรื่อยๆ จนกระทั่งเพื่อนเริ่มไม่ยอมให้เข้าใกล้ เมื่อเข้าใกล้ก็โดนเมิน โดนไล่ โดนยี้ว่าเป็นไอ้ตัวเสนียดบ้าง ไอ้น่ารังเกียจบ้าง
เวลามีงานกลุ่มก็มักจะโดนไล่ ไม่ยอมให้เข้ากลุ่ม และถ้าได้เข้ากลุ่มก็จะได้เข้ากลุ่มเป็นคนสุดท้ายในห้องเสมอ ผมมักจะเจอคำพูดที่ดูถูกน้ำใจต่างๆ และแสดงความรังเกียจอย่างรุนแรงมากระแทกเข้าหูผมอยู่เสมอ หลายครั้งที่ผมพยายามทำดีกับเพื่อนๆ เพื่อซื้อใจ และให้เพื่อนๆเห็นความดีบ้าง แต่มักจะถูกตอกกลับด้วยถ้อยคำที่รุนแรงว่า "
กูไม่ต้องการความช่วยเหลือจากเมิง!!!!!!!" ในขณะเดียวกันผมยังถูกเพื่อนนินทาว่าร้ายต่างๆอยู่เสมอ (โดยที่ผมยังไม่รู้ตัวตอนนั้น)
ถามว่า นาย น. กระทำกับผมเพียงเท่านี้ มันสาแก่ใจเค้าหรือยัง คำตอบคือ "ไม่"
มีอยู่วันนึง เค้าโทรศัพท์มาที่บ้านผมแล้วบอกผมว่าขอคุยกับพ่อผมหน่อย พอพ่อได้คุยโทรศัพท์แล้ว พ่อก็ออกมาด้วยความโกรธ พ่อบอกผมว่า
นาย น. ได้มาฟ้องว่า ผมนั่งเรียนอยู่ในห้องไม่ตั้งใจเรียน ไม่สนใจเรียน เหม่อลอย ฯลฯ และผมก็โดนพ่อดุ ด่า ตะคอก ว่าทำไมไม่ตั้งใจเรียน อย่างงั้นอย่างงี้
ตอนนั้นผมเริ่มมีความรู้สึกว่า ทำไมชีวิตผมต้องโดนกระทำขนาดนี้ ทำไมต้องมีคนมาจ้องจับผิดผม ผมไปทำอะไรให้ใคร เค้าถึงได้มาแกล้งผมชนิดที่ว่า
จะเอากันให้ตาย!!!! ขนาดนี้
แต่ผมก็ไม่กล้าบอกอะไรกับพ่อ เพราะว่าถ้าพ่อไปเอาเรื่องที่โรงเรียน เพื่อนๆ(ซึ่งรังเกียจผมอยู่แล้วตอนนั้น) จะโจมตีซ้ำว่าผมเป็นคนขี้ฟ้อง ผมจึงได้แต่เงียบแล้วต้องทนโดนมันรังแกต่อไป
แต่ทว่าในที่สุด พ่อก็รู้เรื่องนี้จนได้ เมื่อ
มีเพื่อนในห้องไปดักพบพ่อผมในที่เรียนพิเศษ แล้วก็เล่าเรื่องทั้งหมดให้พ่อผมฟังเลย
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้มีเพื่อนคนนึง(ซึ่งผมคิดว่าเค้าหวังดีกับผม)สมมุติว่าชื่อ xxxx มาบอกผมว่า นาย น. ได้กลั่นแกล้งผมหลายอย่าง ให้เอาเรื่องนี้ไปบอกพ่อ
แต่ผมก็ไม่ยอมไปบอกพ่อ เพราะกลัวว่าจะโดนหาว่าเป็นคนขี้ฟ้องดังที่กล่าวมาแล้วข้างต้น ซึ่งxxxxก็ได้ถามคำถามนี้กับผมเป็นเวลาหลายวันมาก เพราะผมไม่ได้เอาเรื่องนี้ไปฟ้องพ่อ และพ่อก็ไม่มาเอาเรื่องสักที
xxxxก็เลยไปดักเจอพ่อผมในที่เรียนพิเศษวันเสาร์ แล้วก็เล่าเรื่องทั้งหมดให้พ่อผมฟังด้วยตัวเองเลย
พ่อถึงได้รู้ว่า นาย น.ได้รังแกผมต่างๆนาๆ ทั้งเอาของต่างๆไปซ่อน
ที่สำคัญที่สุดก็คือ เอาผมไปว่าร้ายต่างๆ จนเพื่อนๆมีอคติและรังเกียจผม
พอผมออกจากห้องเรียนพิเศษ ผมก็โดนพ่อด่าทันทีว่า ทำไมมีอะไรไม่ยอมบอก พ่อจะไม่ไว้ใจผมอีกแล้ว !!!!!!!
และทำให้ผม กลายเป็นคนขี้โกหกในสายตาพ่อทันที !!!!!!!
เพราะว่าผมมีเรื่องและไม่ยอมบอกพ่อ และนี่เป็นผลจากการที่ผมกลัวว่าเพื่อนจะมองว่าผมเป็นคนขี้ฟ้องไง พวกมันจะรู้บ้างมั้ย ว่าผมกดดันแค่ไหน โดนพวกมันแกล้ง แล้วยังโดนบีบจากทั้งสองทาง โดนกดดันจากที่บ้านอีก กรูโดนกดดันจากสองทางเลยรู้ป่าว
แต่ก็อย่างว่า พวกมันไม่สนใจหรอกว่าผมจะเป็นอย่างไร เพราะสถานะของผมในห้องตอนนั้นไม่ต่างอะไรจากสัตว์!!!!!!! สัตว์ที่มีหน้าที่ให้พวกมันกดขี่
โดยไม่มีสิทธิ์พูด หรือเรียกร้องอะไรทั้งสิ้น.....
***ผมไม่ได้โกรธxxxxที่เอาเรื่องนี้มาฟ้องพ่อผมนะ แต่ผมโกรธบรรดาพรรคพวกของนาย น. ที่มีทั้งผู้หญิงและกระเทยที่ทำทุกวิธีทางเพื่อปกป้องเพื่อนของตนเอง โดยไม่สนผิดถูกจะเป็นอย่างไร
พ่อผมได้โทรศัพท์ไปหาอาจารย์ประจำชั้นเพื่อเล่าเรื่องนาย น.ให้ฟังและขอความช่วยเหลือ อาจารย์ถามพ่อผมกลับมาว่า
แล้วรู้ได้ยังไงว่าเป็นอย่างงั้น พ่อเลยบอกอาจารย์ไปว่า xxxxเป็นคนเอาเรื่องนี้มาบอก อาจารย์ก็เลยบอกพ่อผมว่าขอเวลาสอบสวนก่อน
พ่อได้โทรศัพท์ไปสอบถามเรื่องราวจากเพื่อนอีกคนที่นั่งใกล้ๆกัน (พอดีว่ารู้จักกัน) แต่ว่าคำตอบที่ได้นั้น ดูเหมือนว่าเค้าท่าทางกลัวและไม่ค่อยอยากตอบคำถามเท่าไหร่ ได้คำตอบเพียงสั้นๆว่าเคยเห็นขโมยดินสอแค่ครั้งเดียวเท่านั้น
หลังจากนั้นในวันต่อมา(วันอาทิตย์) พ่อกับอาจารย์ประจำชั้นได้คุยกันทางโทรศัพท์ อาจารย์บอกว่า อาจารย์ได้ไปพบ xxxxแล้วก็ถามเรื่องราวที่เกิดขึ้น xxxxบอกอาจารย์ว่า เค้าไม่รู้เรื่องอะไรเลย !!!!!????
พ่อผมก็แปลกใจ ก็เลยโทรศัพท์กลับไปหา xxxxแล้วก็ถามว่า ทำไมถึงบอกกับอาจารย์ประจำชั้นไปแบบนั้น xxxxเล่าให้พ่อผมฟังว่า อาจารย์ประจำชั้นได้เข้ามาหาตัวเอง แล้วก็ถามว่าเอาเรื่องนี้ไปบอกพ่อผมรึเปล่า เค้าตอบกลับอาจารย์ไปว่า "ไม่ได้บอก" และเป็นเพราะว่าเค้า"กลัวมาก"เค้าเลยตอบกับอาจารย์ไปแบบนั้น
ซึ่งยังคงเป็นสิ่งที่คาใจผมจนถึงทุกวันนี้.......ว่าทำไมเพื่อนถึงตอบอาจารย์ไปแบบนั้น ทำไมเค้าต้องกลัวมากขนาดนั้น????......
อาจารย์เรียกผมกับนาย น. มาสอบปากคำถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้น โดย
แยกห้องสอบสวนทีละคน ซึ่งผมก็ไม่รู้ว่านาย น.ได้สารภาพหรือตอบอะไรกับอาจารย์ไปบ้าง ส่วนผมก็บอกไปตามความจริงที่ผมได้ประสบพบเจอมา หลังจากนั้นพ่อก็โทรถามอาจารย์ประจำชั้นว่าสรุปเรื่องมันเป็นยังไง อาจารย์ก็ตอบพ่อผมสั้นๆ ประมาณว่า "เด็กเค้าคงไม่มีอะไรกันหรอกค่ะ" พ่อผมก็พยายามบอกอาจารย์ว่าเรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องเล็กๆอย่างที่อาจารย์คิด(และพยายามจะให้พ่อผมคิด) อาจารย์ก็ดูเหมือนจะไม่ค่อยเข้าใจในสิ่งที่พ่อผมพูดซักเท่าไหร่
พ่อผมยังได้ขอร้องอาจารย์ประจำชั้นอย่างหนึ่งว่าขอร้องให้ย้ายผมหรือย้ายนาย น. ให้แยกออกจากกัน อาจารย์ก็ปฏิเสธ แล้วก็พูดประมาณว่าอยากให้ผมกับนาย น. เค้านั่งด้วยกัน จะได้เป็นเพื่อนกัน พ่อเราในตอนนั้นก็ไม่กล้าเถียงหรือแย้งอะไรอาจารย์ไปตอนนั้น ผมกับนาย น. ก็ยังคงนั่งอยู่ที่เดิม (และยังคงมีนาย อ. นั่งประกบอยู่ทางขวาอีกด้วย)
อาจารย์ประจำชั้นได้พยายามเคลียร์เรื่องให้จบๆไปซะ ซึ่งผมก็อภัยให้เค้าและนึกว่าเรื่องจะจบแล้ว โดยที่เรื่องยังไม่ถึงฝ่ายปกครอง
แต่ทว่าความรังเกียจของเพื่อนที่มีต่อผมก็ยังไม่ลดลง ตรงกันข้าม ทุกคนกลับไปรุมล้อมที่นาย น. ถามถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้น และจากนั้นก็เริ่มมีเสียงประณามผมออกมาว่า "ผมเป็นไอ้ขี้ฟ้อง!!!"
พ่อผมเคยพูดกับผมว่า อาจารย์ประจำชั้นไม่ค่อยเต็มใจช่วยเหลือเราเท่าไหร่ และเข้าข้างนาย น. และคนที่คอยแกล้งผม ตอนนั้นผมเองก็ไม่ค่อยเข้าใจเท่าไหร่ว่าทำไมพ่อผมถึงพูดอย่างงั้น จนกระทั่งเวลาผ่านไปหลายปีเมื่อผมเติบโตเป็นผู้ใหญ่ขึ้น แล้วนึกย้อนหลังกลับมาเรื่องนี้ มันทำให้ผมเชื่อโดยความบริสุทธิ์ใจว่า อาจารย์ประจำชั้นเข้าข้าง และช่วยเหลือนาย น.(และคนอื่นๆที่คอยแกล้งผม)จริงๆ เรื่องที่ผมจะเล่าต่อไปนี้ มาจากมุมมองและการรับรู้จากตัวผมเอง ไม่ได้ฟังพ่อหรือคนอื่นมา
นาย น. ตอนนั้น ก็ยังไม่เข็ด แม้ว่านาย น.จะหยุดขโมยของผมแล้ว แต่เค้ายังคงว่าร้ายผมอยู่เหมือนเดิม ยังคงมีเสียงก่นด่าจากเพื่อนๆนาย น. และนาย น.ยังเอาปากกาไปเขียนบนกระดานไวท์บอร์ดต่อว่าผมอีก คราวนี้ผมก็เลยรู้ว่า นาย น. ยังไม่เข็ด ก็เลยถึงหูอาจารย์ครับคราวนี้อาจารย์ก็เลยต้องยอมเอาศิษย์รักของตัวเองเข้าฝ่ายปกครอง แล้วก็มีการสอบสวนโดยอาจารย์ฝ่ายปกครองจริงๆ คราวนี้เป็นการ
สอบสวนรวม
จึงทำให้รู้ความจริงว่า
สาเหตุทำให้นาย น.มาแกล้งมารังแกผม มาจากคำยุแหย่และชักชวนของนาย อ
ตอนนั้นที่ได้ฟัง ผมรู้สึกตกใจมากพอสมควร แม้ว่านาย อ.จะแกล้งและพูดจาไม่ดีกับผมเป็นครั้งคราว แต่ผมก็คาดไม่ถึงว่าเค้าจะแกล้งผมลับหลังเช่นนี้
แต่สุดท้าย เรื่องก็จบอยู่แค่นี่ละครับ นาย น. ก็โดนลงโทษแค่คนเดียว แต่ผมตอนนั้นผมซึ่งยังเด็กก็ไม่ได้ทักท้วงอะไรไปด้วย
มีคำถามหลายคำถาม วนเข้ามาอยู่ในหัวผมในเวลานั้น
ว่าทำไมชีวิตผมต้องมาเจออะไรแบบนี้?????
มันจะเอากันให้ตายเลยใช้มั้ย!!!!????
ทำไมสองคนนี้ต้องถูกอาจารย์จับมาประกบข้างผมด้วย???
แต่ในที่สุด มีการนัดกันระหว่างผู้ปกครองสองฝ่าย รวมทั้งอาจารย์ประจำชั้น และอาจารย์ระดับผู้บริหารโรงเรียน และนาย น. ก็ได้เตรียมพวงมาลัย มา
ขอขมาพ่อแม่ผมด้วย
หลังจากที่นาย น.โดนลงโทษไปเรียบร้อยแล้ว นาย น.ก็ไม่กล้ามาขโมยหรือแกล้งอะไรผมอีก ตัวผมในตอนนั้นก็นึกว่าเพื่อนในห้องจะเข้าใจผมแล้ว
แต่สิ่งหนึ่งที่ผมแปลกใจ ก็คือ ทุกคนไม่มีใครมาถามอะไรผมเลย ว่าเกิดอะไรขึ้น หรือเป็นยังไงบ้าง
ในขณะเดียวกัน ทางฝั่งของนาย น. ผมเห็นพวกผู้หญิงจำนวนหนึ่ง เข้าไปรุมล้อมพูดคุยที่ตัวเขา ซึ่งผมเข้าใจว่าคงถามถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้น แต่ผมก็ไม่ได้สนใจอะไรด้วยความเป็นเด็ก ณ เวลานั้น และก็ไม่ทันคิดอะไร ณ ตอนนั้น
พวกที่คอยด่าผมเป็นประจำ ก็เงียบลงไปชั่วคราว แต่ก็แค่ชั่วเวลาหนึ่งเท่านั้น อย่างน้อยก็จบเทอมหนึ่ง
เขียนมาถึงจุดนี้ หลายคนอาจอยากรู้แล้วใช้มั้ยครับ ว่าผลกระทบที่เกิดกับผมมันเป็นยังไง หนักหนาสาหัสแค่ไหน
เพราะผมกลับโดนแกล้ง เหยียดหยาม และกระทำหนักกว่าเก่า จากคนร่วมห้องในตอนนั้น เกือบทั้งห้อง!!!!!!!
***เดี๋ยวมาต่อครับ
เมื่อสังคมโรงเรียนเห็นค่าผมต่ำยิ่งกว่าสัตว์ เรื่องราว(ที่ยิ่งกว่านิยาย)จากมุมมุมหนึงบนโลกใบนี้ที่คุณไม่เคยรู้
เพราะฉะนั้นผมขอใช้พันทิปแห่งนี้เป็นช่องทางระบายความรู้สึกของผมที่ไม่เคยพูดให้ใครฟัง เพราะทุกคนไม่เคยยอมฟังข้อมูลในมุมมองของผมเลย ผมไม่ได้บอกว่าผมถูกหรือผิด ผมไม่ได้เอาดีใส่ตัวเอาชั่วใส่คนอื่น แต่สิ่งหนึ่งที่อยากให้ทุกคนรู้ก็คือผมไม่ได้โกหกแต่งเรื่องขึ้นมาจริงๆ ผมแค่อยากให้มีคนเข้าใจความรู้สึกของผมบ้างเท่านั้นเอง
เมื่อช่วงแรกที่ผมเข้ามาอยู่โรงเรียนแห่งนี้ ผมเลือกคบและนั่งอยู่กับเด็กเรียนเก่งและนิสัยดี ผมเลือกที่จะอยู่เงียบๆ ไม่ค่อยยุ่งกับใครนอกจากเพื่อนในกลุ่ม ซึ่งในเวลานั้นยังไม่เกิดเรื่องอะไรพวกเค้าเหล่านั้นก็ดีกับผมมาก สนุกสนานเฮฮามีความสุข
จนกระทั้งอยู่ๆ อาจารย์ประจำชั้นก็มาย้ายที่พวกผมหมดเลย โดยบอกว่า ทำเพื่อความเหมาะสม โดยผมถูกอาจารย์จับไปย้ายที่ใหม่ และมีคนสองคนถูกจับย้ายมานั่งประกบซ้ายขวาผม ซึ่งสองคนนี้เป็นต้นเหตุของเรื่องทั้งหมด
คนแรกคือ นาย น. มีเพื่อนเป็นผู้หญิงและกระเทยเป็นจำนวนมาก เป็นเครือข่าย เป็นแกนหลักในการแกล้งผมต่างๆนาๆ ทั้งเอาของต่างๆของผมไปซ่อน รวมทั้งเอาความเท็จต่างๆไปว่าร้ายผม จนเพื่อนๆมีอคติและรังเกียจผม และเป็นเหตุทำให้ผมโดนเพื่อนคนอื่นๆรังแกซ้ำเติมต่อมาจนจบ ม.6
คนที่สองคือ นาย อ. อยู่ในกลุ่มเด็กหลังห้อง ถูกอาจารย์จับมานั่งข้างขวาของผม แกล้งผมบ้างเป็นครั้งคราว แต่ทราบภายหลังว่าเป็นตัวบงการอยู่เบื้องหลังนาย น. ในการแกล้งผม แต่อาจารย์ประจำชั้นไม่ยอมจัดการ และไม่ทราบว่าข้างหลังนาย อ. ก็มีใครคอยยุแหย่อีกทีรึป่าว
เมื่อทั้งสองคนย้ายมานั่งข้างๆผมแล้ว สิ่งของต่างๆก็เริ่มหายโดยไม่ทราบสาเหตุ ทั้งดินสอ ยางลบ ปากกา กล่องดินสอ สมุด ฯลฯ ผมกลับไปบ้านก็โดนพ่อดุและต่อว่าเป็นประจำว่าไม่รักษาข้าวของให้ดี เนื่องจากพ่อเป็นคนค่อนข้างดุ ทำให้ผมโดนต่อว่าอย่างรุนแรง ซึ่งผมก็คิดว่าผมทำดีที่สุดแล้วที่จะรักษาของ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
เพื่อนในห้องก็เริ่มมีท่าทีรังเกียจต่างๆนาๆ โดยที่ก็เริ่มแรกจากล้อเบาๆก่อนว่า "ไอ้ติดยา" ฯลฯ ล้อกันทุกวัน ซ้ำไปซ้ำมาอยู่อย่าง และก็เริ่มแรงขึ้นเรื่อยๆ จนกระทั่งเพื่อนเริ่มไม่ยอมให้เข้าใกล้ เมื่อเข้าใกล้ก็โดนเมิน โดนไล่ โดนยี้ว่าเป็นไอ้ตัวเสนียดบ้าง ไอ้น่ารังเกียจบ้าง
เวลามีงานกลุ่มก็มักจะโดนไล่ ไม่ยอมให้เข้ากลุ่ม และถ้าได้เข้ากลุ่มก็จะได้เข้ากลุ่มเป็นคนสุดท้ายในห้องเสมอ ผมมักจะเจอคำพูดที่ดูถูกน้ำใจต่างๆ และแสดงความรังเกียจอย่างรุนแรงมากระแทกเข้าหูผมอยู่เสมอ หลายครั้งที่ผมพยายามทำดีกับเพื่อนๆ เพื่อซื้อใจ และให้เพื่อนๆเห็นความดีบ้าง แต่มักจะถูกตอกกลับด้วยถ้อยคำที่รุนแรงว่า "กูไม่ต้องการความช่วยเหลือจากเมิง!!!!!!!" ในขณะเดียวกันผมยังถูกเพื่อนนินทาว่าร้ายต่างๆอยู่เสมอ (โดยที่ผมยังไม่รู้ตัวตอนนั้น)
ถามว่า นาย น. กระทำกับผมเพียงเท่านี้ มันสาแก่ใจเค้าหรือยัง คำตอบคือ "ไม่"
มีอยู่วันนึง เค้าโทรศัพท์มาที่บ้านผมแล้วบอกผมว่าขอคุยกับพ่อผมหน่อย พอพ่อได้คุยโทรศัพท์แล้ว พ่อก็ออกมาด้วยความโกรธ พ่อบอกผมว่า นาย น. ได้มาฟ้องว่า ผมนั่งเรียนอยู่ในห้องไม่ตั้งใจเรียน ไม่สนใจเรียน เหม่อลอย ฯลฯ และผมก็โดนพ่อดุ ด่า ตะคอก ว่าทำไมไม่ตั้งใจเรียน อย่างงั้นอย่างงี้
ตอนนั้นผมเริ่มมีความรู้สึกว่า ทำไมชีวิตผมต้องโดนกระทำขนาดนี้ ทำไมต้องมีคนมาจ้องจับผิดผม ผมไปทำอะไรให้ใคร เค้าถึงได้มาแกล้งผมชนิดที่ว่า จะเอากันให้ตาย!!!! ขนาดนี้
แต่ผมก็ไม่กล้าบอกอะไรกับพ่อ เพราะว่าถ้าพ่อไปเอาเรื่องที่โรงเรียน เพื่อนๆ(ซึ่งรังเกียจผมอยู่แล้วตอนนั้น) จะโจมตีซ้ำว่าผมเป็นคนขี้ฟ้อง ผมจึงได้แต่เงียบแล้วต้องทนโดนมันรังแกต่อไป
แต่ทว่าในที่สุด พ่อก็รู้เรื่องนี้จนได้ เมื่อมีเพื่อนในห้องไปดักพบพ่อผมในที่เรียนพิเศษ แล้วก็เล่าเรื่องทั้งหมดให้พ่อผมฟังเลย
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
พ่อผมได้โทรศัพท์ไปหาอาจารย์ประจำชั้นเพื่อเล่าเรื่องนาย น.ให้ฟังและขอความช่วยเหลือ อาจารย์ถามพ่อผมกลับมาว่า แล้วรู้ได้ยังไงว่าเป็นอย่างงั้น พ่อเลยบอกอาจารย์ไปว่า xxxxเป็นคนเอาเรื่องนี้มาบอก อาจารย์ก็เลยบอกพ่อผมว่าขอเวลาสอบสวนก่อน
พ่อได้โทรศัพท์ไปสอบถามเรื่องราวจากเพื่อนอีกคนที่นั่งใกล้ๆกัน (พอดีว่ารู้จักกัน) แต่ว่าคำตอบที่ได้นั้น ดูเหมือนว่าเค้าท่าทางกลัวและไม่ค่อยอยากตอบคำถามเท่าไหร่ ได้คำตอบเพียงสั้นๆว่าเคยเห็นขโมยดินสอแค่ครั้งเดียวเท่านั้น
หลังจากนั้นในวันต่อมา(วันอาทิตย์) พ่อกับอาจารย์ประจำชั้นได้คุยกันทางโทรศัพท์ อาจารย์บอกว่า อาจารย์ได้ไปพบ xxxxแล้วก็ถามเรื่องราวที่เกิดขึ้น xxxxบอกอาจารย์ว่า เค้าไม่รู้เรื่องอะไรเลย !!!!!????
พ่อผมก็แปลกใจ ก็เลยโทรศัพท์กลับไปหา xxxxแล้วก็ถามว่า ทำไมถึงบอกกับอาจารย์ประจำชั้นไปแบบนั้น xxxxเล่าให้พ่อผมฟังว่า อาจารย์ประจำชั้นได้เข้ามาหาตัวเอง แล้วก็ถามว่าเอาเรื่องนี้ไปบอกพ่อผมรึเปล่า เค้าตอบกลับอาจารย์ไปว่า "ไม่ได้บอก" และเป็นเพราะว่าเค้า"กลัวมาก"เค้าเลยตอบกับอาจารย์ไปแบบนั้น
ซึ่งยังคงเป็นสิ่งที่คาใจผมจนถึงทุกวันนี้.......ว่าทำไมเพื่อนถึงตอบอาจารย์ไปแบบนั้น ทำไมเค้าต้องกลัวมากขนาดนั้น????......
อาจารย์เรียกผมกับนาย น. มาสอบปากคำถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้น โดยแยกห้องสอบสวนทีละคน ซึ่งผมก็ไม่รู้ว่านาย น.ได้สารภาพหรือตอบอะไรกับอาจารย์ไปบ้าง ส่วนผมก็บอกไปตามความจริงที่ผมได้ประสบพบเจอมา หลังจากนั้นพ่อก็โทรถามอาจารย์ประจำชั้นว่าสรุปเรื่องมันเป็นยังไง อาจารย์ก็ตอบพ่อผมสั้นๆ ประมาณว่า "เด็กเค้าคงไม่มีอะไรกันหรอกค่ะ" พ่อผมก็พยายามบอกอาจารย์ว่าเรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องเล็กๆอย่างที่อาจารย์คิด(และพยายามจะให้พ่อผมคิด) อาจารย์ก็ดูเหมือนจะไม่ค่อยเข้าใจในสิ่งที่พ่อผมพูดซักเท่าไหร่
พ่อผมยังได้ขอร้องอาจารย์ประจำชั้นอย่างหนึ่งว่าขอร้องให้ย้ายผมหรือย้ายนาย น. ให้แยกออกจากกัน อาจารย์ก็ปฏิเสธ แล้วก็พูดประมาณว่าอยากให้ผมกับนาย น. เค้านั่งด้วยกัน จะได้เป็นเพื่อนกัน พ่อเราในตอนนั้นก็ไม่กล้าเถียงหรือแย้งอะไรอาจารย์ไปตอนนั้น ผมกับนาย น. ก็ยังคงนั่งอยู่ที่เดิม (และยังคงมีนาย อ. นั่งประกบอยู่ทางขวาอีกด้วย)
อาจารย์ประจำชั้นได้พยายามเคลียร์เรื่องให้จบๆไปซะ ซึ่งผมก็อภัยให้เค้าและนึกว่าเรื่องจะจบแล้ว โดยที่เรื่องยังไม่ถึงฝ่ายปกครอง
แต่ทว่าความรังเกียจของเพื่อนที่มีต่อผมก็ยังไม่ลดลง ตรงกันข้าม ทุกคนกลับไปรุมล้อมที่นาย น. ถามถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้น และจากนั้นก็เริ่มมีเสียงประณามผมออกมาว่า "ผมเป็นไอ้ขี้ฟ้อง!!!"
พ่อผมเคยพูดกับผมว่า อาจารย์ประจำชั้นไม่ค่อยเต็มใจช่วยเหลือเราเท่าไหร่ และเข้าข้างนาย น. และคนที่คอยแกล้งผม ตอนนั้นผมเองก็ไม่ค่อยเข้าใจเท่าไหร่ว่าทำไมพ่อผมถึงพูดอย่างงั้น จนกระทั่งเวลาผ่านไปหลายปีเมื่อผมเติบโตเป็นผู้ใหญ่ขึ้น แล้วนึกย้อนหลังกลับมาเรื่องนี้ มันทำให้ผมเชื่อโดยความบริสุทธิ์ใจว่า อาจารย์ประจำชั้นเข้าข้าง และช่วยเหลือนาย น.(และคนอื่นๆที่คอยแกล้งผม)จริงๆ เรื่องที่ผมจะเล่าต่อไปนี้ มาจากมุมมองและการรับรู้จากตัวผมเอง ไม่ได้ฟังพ่อหรือคนอื่นมา
นาย น. ตอนนั้น ก็ยังไม่เข็ด แม้ว่านาย น.จะหยุดขโมยของผมแล้ว แต่เค้ายังคงว่าร้ายผมอยู่เหมือนเดิม ยังคงมีเสียงก่นด่าจากเพื่อนๆนาย น. และนาย น.ยังเอาปากกาไปเขียนบนกระดานไวท์บอร์ดต่อว่าผมอีก คราวนี้ผมก็เลยรู้ว่า นาย น. ยังไม่เข็ด ก็เลยถึงหูอาจารย์ครับคราวนี้อาจารย์ก็เลยต้องยอมเอาศิษย์รักของตัวเองเข้าฝ่ายปกครอง แล้วก็มีการสอบสวนโดยอาจารย์ฝ่ายปกครองจริงๆ คราวนี้เป็นการ สอบสวนรวม
จึงทำให้รู้ความจริงว่า สาเหตุทำให้นาย น.มาแกล้งมารังแกผม มาจากคำยุแหย่และชักชวนของนาย อ
ตอนนั้นที่ได้ฟัง ผมรู้สึกตกใจมากพอสมควร แม้ว่านาย อ.จะแกล้งและพูดจาไม่ดีกับผมเป็นครั้งคราว แต่ผมก็คาดไม่ถึงว่าเค้าจะแกล้งผมลับหลังเช่นนี้
แต่สุดท้าย เรื่องก็จบอยู่แค่นี่ละครับ นาย น. ก็โดนลงโทษแค่คนเดียว แต่ผมตอนนั้นผมซึ่งยังเด็กก็ไม่ได้ทักท้วงอะไรไปด้วย
มีคำถามหลายคำถาม วนเข้ามาอยู่ในหัวผมในเวลานั้น
ว่าทำไมชีวิตผมต้องมาเจออะไรแบบนี้?????
มันจะเอากันให้ตายเลยใช้มั้ย!!!!????
ทำไมสองคนนี้ต้องถูกอาจารย์จับมาประกบข้างผมด้วย???
แต่ในที่สุด มีการนัดกันระหว่างผู้ปกครองสองฝ่าย รวมทั้งอาจารย์ประจำชั้น และอาจารย์ระดับผู้บริหารโรงเรียน และนาย น. ก็ได้เตรียมพวงมาลัย มาขอขมาพ่อแม่ผมด้วย
หลังจากที่นาย น.โดนลงโทษไปเรียบร้อยแล้ว นาย น.ก็ไม่กล้ามาขโมยหรือแกล้งอะไรผมอีก ตัวผมในตอนนั้นก็นึกว่าเพื่อนในห้องจะเข้าใจผมแล้ว
แต่สิ่งหนึ่งที่ผมแปลกใจ ก็คือ ทุกคนไม่มีใครมาถามอะไรผมเลย ว่าเกิดอะไรขึ้น หรือเป็นยังไงบ้าง
ในขณะเดียวกัน ทางฝั่งของนาย น. ผมเห็นพวกผู้หญิงจำนวนหนึ่ง เข้าไปรุมล้อมพูดคุยที่ตัวเขา ซึ่งผมเข้าใจว่าคงถามถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้น แต่ผมก็ไม่ได้สนใจอะไรด้วยความเป็นเด็ก ณ เวลานั้น และก็ไม่ทันคิดอะไร ณ ตอนนั้น
พวกที่คอยด่าผมเป็นประจำ ก็เงียบลงไปชั่วคราว แต่ก็แค่ชั่วเวลาหนึ่งเท่านั้น อย่างน้อยก็จบเทอมหนึ่ง
เขียนมาถึงจุดนี้ หลายคนอาจอยากรู้แล้วใช้มั้ยครับ ว่าผลกระทบที่เกิดกับผมมันเป็นยังไง หนักหนาสาหัสแค่ไหน
เพราะผมกลับโดนแกล้ง เหยียดหยาม และกระทำหนักกว่าเก่า จากคนร่วมห้องในตอนนั้น เกือบทั้งห้อง!!!!!!!
***เดี๋ยวมาต่อครับ