สวัสดีจ้าา กระทู้นี้เป็นกระทู้แรกของเรา ผิดพลาดประการใดต้องกราบขออภัยด้วยน้าา
ก่อนอื่น ต้องขอเล่าก่อนว่า เราทำธีสิสวิจัยเรื่อง "การจีบกันผ่านสื่อออนไลน์" ทีนี้ เรารู้สึกเสียดายที่วิทยานิพนธ์ไปขึ้นหิ้งเงียบๆอยู่ในห้องสมุดมหาลัย
เราก็เลยตัดสินใจทำแฟนเพจขึ้นมา เพราะอยากนำข้อมูลที่ได้จากธีสิสเราเอง จากการค้นคว้าอื่นๆ จากการสัมภาษณ์คู่รัก และการสังเกตต่างๆ มาบอกเล่าให้ "คนโสด" "คนมีความรัก" ได้มีข้อมูลไปประกอบการมีคู่ได้ดียิ่งขึ้น 555
อาทิตย์ก่อนเราเขียนเรื่อง "จีบผู้ชายก่อน เป็นไปได้หรือ" ปรากฏว่ามีคนแชร์และชอบค่อนข้างเยอะ(เมื่อเทียบกับเพจจิ๋วๆของเรา) เราก็เสียดายอีก กลัวมันจะหายไป ไม่มีใครได้อ่าน ก็เลยตัดสินใจมาแบ่งปันในพันทิปจ้าาา เราเลยขอตัดโพสต์ที่เราเขียนมาไว้ในนี้นะ
และถ้าผิดพลาดประการใด ต้องขออภัยอีกครั้ง
******************************
เมื่อประมาณ 10 ปีก่อน มีงานวิจัยในไทยหนึ่ง พบว่าสาวๆเกือบครึ่งหนึ่งเลือกที่จะรอให้ผู้ชายมาจีบก่อน ...แต่เชื่อมั้ยว่า มีอีก 20% ที่บอกว่า การจีบผู้ชายก่อนไม่เห็นจะเสียหายอะไรเลย แต่แม้ทุกวันนี้จะยังไม่มีงานวิจัยสำรวจเรื่องนี้อีกครั้งหนึ่ง แต่ถ้าให้เดาแนวโน้ม ผู้หญิงที่กล้าจีบผู้ชายก่อน ดูท่าจะน่าจะสูงขึ้นกว่าแต่ก่อน
6 ปีที่แล้ว เชื่อว่าหลายคนคงมีโอกาสรู้จักผู้หญิงคนนึง ชื่อ “เหมยลี่” สาวออฟฟิศวัย 30 ที่ทนทุกข์ทรมานกับความโสดมานานจนวันนึงฟ้าก็เปิดทาง ทำให้นางได้พบรักกับ “ลุง” (พี่เคน) วิศวกรหนุ่มรูปหล่อที่ทำงานดูแลรถไฟฟ้า
จะว่าไป “เหมยลี่” เป็นตัวอย่างหนึ่งของนางเอกไทยที่จีบพระเอกก่อน แต่ความเจ๋งของหนังเรื่องนี้ คือมันทำให้เราในฐานะคนดูไม่ได้รู้สึกว่าเหมยลี่ “ดูแรดอะไรขนาดนั้น” กลับมองว่านางก็จีบลุง(พี่เคน)แบบโก๊ะๆ กุ๊กกิ๊ก น่ารักดี (ยอมรับได้)
กรณีของเหมยลี่ เลยทำให้คิดต่อไปว่า ... ถ้าจะจีบผู้ชายให้ดูไม่น่าเกลียด จริงๆมันก็ทำได้หนิ!!
............
วันนี้เราเลยจะมาบอกวิธีการว่า :::
ถ้าจีบผู้ชายก่อนและไม่ให้ดูไม่น่าเกลียดเนี่ย ทำยังไง ?:::
1. ศึกษาหนุ่มคนนั้นก่อนให้ดีเสียก่อน
เหมือนที่เหมยลี่คอยแอบตามและสอดส่องว่าลุง(พี่เคน) เป็นคนชอบอะไร เช่น ชอบดูหนังก็ตามไปร้านเช่าดีวีดี หรือเลิกงานกี่โมง? นางก็พยายาม ไปขึ้นบีทีเอสช่วงนั้น เพื่อให้ได้เจอและคุยกับเค้า
........
2. แสดงให้เค้ารู้ว่าคุณคล้ายกับเค้า
หากใครอ่านโพสต์ก่อนๆของเรา ก็จะรู้ว่า “ความคล้ายคลึง” กันเนี่ย เป็น หัวใจสำคัญที่ทำให้คนชอบกัน เพราะคนเรามักจะชอบคนที่คล้ายๆกัน ดังนั้นหากคุณได้ศึกษาเค้าคนนั้นมาเป็นอย่างดีแล้ว คุณก็น่าจะรู้ว่าเขาชอบอะไร จากนั้นก็ลองชวนเค้าคุยเรื่องที่เค้าสนใจ
แต่สิ่งที่จะทำให้การจีบของคุณนั้นแนบเนียน และดูกุ๊กกิ๊กน่ารัก อย่างสมบูรณ์แบบ ก็คือ ….
......
3. ต้องพยายามใกล้ชิดเค้าให้บ่อยๆ
เราขอเล่าแบบนี้ละกัน เราอยากให้คุณลองทายว่า
...ระหว่างชายกับหญิง ใคร ‘มโน’ หนักกว่ากัน ?
เอาล่ะ เราเชื่อว่าหลายคนคงคิดว่า “ผู้หญิง” ชิมิล่ะ แต่คุณต้องไม่เชื่อแน่ๆเลย ว่าจริงๆแล้ว ผู้ชายมโนเข้าข้างตัวเองหนักกว่าผู้หญิงเสียอีก
งานวิจัยต่างประเทศหลายชิ้น อย่างเช่น Abbey (1987) พบว่า ผู้ชายเนี่ยมักจะตีความการแสดงของผู้หญิงว่า “มีใจ” มากกว่าที่ผู้หญิงคิด
(คือจริงๆยังไม่ได้คิดอะไรเลย แต่ฮีเอาไปคิดแล้วว่าชอบ)
คือ ผู้หญิงอาจจะนึกว่าตัวเองเป็นเพศที่มโนเก่ง 55 แต่พอเอาเข้าจริง ผู้หญิงมักไม่เชื่อในสิ่งที่ตัวเองมโนหรอก (จริงมั้ย?) เพราะหัวเด็ดตีนขาด ถ้าพวกเธอไม่ได้ยินหรือเห็นเป็นลายลักษณ์อักษรว่าเค้า “ชอบ” หรือ “รัก” ผู้หญิงจะไม่กล้าฟันธงว่าผู้ชายคนนี้ชอบเธอ (จริงมั้ย?)
ดังนั้น โปรดจงรู้ไว้ว่า ผู้ชายคิดเข้าข้างตัวเองง่ายมากกว่าที่คุณคิดเสียอีก เพราะฉะนั้น ถ้าคุณรู้จุดนี้ของผู้ชายแล้ว คุณผู้หญิง คุณยิ่ง....ไม่จำเป็นต้องแสดงออกอะไรมากเลย เพราะยังไง พ่อเจ้าประคุณของคุณก็จะมโนได้เองว่าคุณ “มีใจ” กับเค้า
ถ้าคุณเพียง.... ส่งยิ้มเล็กๆให้เค้าบ่อยๆ ใกล้ชิดกับเค้าบ่อยๆ เค้าก็รู้ได้เองแหละ ก็เหมือนยัยเหมยลี่แหละหนา ก่อนที่นางจะไปเพ้อร้องเป็นเพลงอยู่ที่ป้อมยาม ลุง(พี่เคน)ก็น่าจะพอรู้อยู่แล้วว่า นางแอบชอบเค้า
ดังนั้น แค่คุณสนิทสนมกับเค้ามากๆ....มันก็คือ การจีบเค้าแบบแนบเนียนนั่นเอง
.........
แต่ เพื่อให้การจีบของคุณจบลงอย่างสวยงาม มันก็มีอีกวิธีหนึ่ง ที่ทำให้การจีบของคุณมลายหายไป และกลายเป็นว่าเค้าคนนั้นเป็น “ฝ่ายจีบ” คุณแทน
นั่นก็คือ.....
4. เมื่อสนิทถึงระดับหนึ่ง จงตั้งคำถามผู้ชายคนนั้น ด้วยการสลับตำแหน่ง “ประธาน” และ “กรรม” ของกิริยา “จีบ”
เทคนิคนี้เป็นสิ่งที่เราพบตอนสัมภาษณ์ทำธีสิส คือเราซูฮกกับเทคนิคนี้มากๆว่า การเรียงไวยากรณ์ไทยผิดเพียงเล็กน้อยเนี่ย จะทำให้ทุกอย่างเปลี่ยนไปถึงเพียงนี้....
คือตอนเราสัมภาษณ์คู่รัก เราพบว่ามีหลายคู่ที่ฝ่ายชายยังงงๆเบลอๆ อยู่ ช่วงที่เริ่มๆจีบกัน แต่ต้องตกกระไดพลอยโจนยอมรับว่า “กำลังจีบ” เพราะถูกฝ่ายหญิงยิงคำถามสุดคลาสสิกว่า
.....“คุยแบบนี้ คิดอะไรกับเรารึป่าวเนี่ย ?”.....
คือเอางี้นะ บางกรณีฝ่ายหญิงอาจจะถามคำถามนี้โดยไม่ได้คิดจะจีบอะไรก่อนหรอก แต่คือนางใจร้อน ต้องการความชัดเจน เลยชิงถามก่อน (แต่ได้ผลลัพธ์เหมือนกัน)
แต่มันก็บางกรณีนะที่ฝ่ายหญิงชอบฝ่ายชายก่อน ก็ชวนฝ่ายชายคุยบ่อยๆนี่แหละ จนสนิทกัน ซึ่งฝ่ายชายตอนนั้นอาจยังเบลอๆอยู่ แต่เริ่มรู้สึกดีนิดๆบ้างแล้ว
แต่พอเจอคำถามนี้เข้า ..ปั๊ง!!!...
จบค่า... ยังไม่คิด ก็ต้องคิดแล้ว คือผู้ชายลึกๆมักจะกลัวว่า ถ้าตัวเองตอบว่า "ไม่" หรือตอบแบบกำกวม ทุกอย่างก็จะจบ ฝ่ายหญิงคงไม่ยอมคุยต่อแน่ๆหรือว่าง่ายๆ เหยื่อหลุด
ดังนั้น สิ่งที่เราเจอเลยกลายเป็นว่า ผู้ชายมักจะตอบว่า พวกเขาชอบเธอ หรือจีบเธอ อยู่ ทั้งที่จริงตัวเองอาจจะยังเบลอๆอยู่
แต่ยังดีที่พอหลังจากนั้น ผู้ชายก็เริ่มเข้าใจไปเองว่าตัวเองชอบจริงๆ และที่น่ายินดีคือ ฝ่ายชายจะแสดงออกว่า “จีบ” อย่างชัดเจนมากขึ้น (ก็บอกไปแล้วหนิว่าชอบ จะมาเหนียมอายทำไม)
และสิ่งที่ตามมาคือ ทุกอย่างกลับตาลปัตรด้วยคำถามนั้นจริงๆ เพราะฝ่ายหญิงจะกลายเป็นฝ่ายถูกจีบ ไปในบัดดล
ทั้งที่จริง ถ้าฟังเรื่องมาทั้งหมดจะรู้ว่า ฝ่ายหญิงของเรานั้นเริ่มก่อน 5555
…….
สุดท้าย ใครอาจจะบอก "ไม่เอาหรอก จีบผู้ชายก่อนยังไงก็ดูไม่ดี” หรือ “ถ้ามีบุญวาสนา เดี๋ยวเค้าก็มาจีบเราเอง” คือ อันนี้ก็สุดแท้ แล้วแต่จะเชื่อหรือจะคิดนะแต่อย่างน้อย ที่เราตั้งใจเล่า ก็เผื่อคนที่คิดคล้ายๆเหมยลี่ จะได้ลองดูสักตั้ง
เพราะไม่แน่ว่า เค้าคนนั้นอาจเป็น “พระเอก” ตัวจริงก็ได้ ใครจะรู้
ยังไง ขอให้ทุกคนโชคดี
by page ธีสิสมุ้งมิ้ง
**********
ขอขอบคุณที่อ่านถึงตรงนี้น้า หวังว่าจะชอบกันน้าา ฝากเนื้อฝากด้วยจ้า


เครดิตรูป GTH :
http://picpost.postjung.com/158843.html
อ้างอิงข้อมูล
1) "การสื่อสารเพื่อการเริ่มต้นความสัมพันธ์ฉันคู่รักของวัยรุ่นไทย" โดย เยาวภา อินทระชัย (ปี 2549)
2) "Social–Sexual Interactions? MetaAnalyses of Sex Differences in Perceptions of Flirtatiousness, Seductiveness, and Promiscuousness" โดย Betty H. La France , David D. Henningsen , Aubrey Oates & Christina M. Shaw (2009)
จีบผู้ชายก่อน เป็นไปได้หรือ? ... แชร์เทคนิคจีบผู้ชายก่อนแบบเนียนๆ
ก่อนอื่น ต้องขอเล่าก่อนว่า เราทำธีสิสวิจัยเรื่อง "การจีบกันผ่านสื่อออนไลน์" ทีนี้ เรารู้สึกเสียดายที่วิทยานิพนธ์ไปขึ้นหิ้งเงียบๆอยู่ในห้องสมุดมหาลัย
เราก็เลยตัดสินใจทำแฟนเพจขึ้นมา เพราะอยากนำข้อมูลที่ได้จากธีสิสเราเอง จากการค้นคว้าอื่นๆ จากการสัมภาษณ์คู่รัก และการสังเกตต่างๆ มาบอกเล่าให้ "คนโสด" "คนมีความรัก" ได้มีข้อมูลไปประกอบการมีคู่ได้ดียิ่งขึ้น 555
อาทิตย์ก่อนเราเขียนเรื่อง "จีบผู้ชายก่อน เป็นไปได้หรือ" ปรากฏว่ามีคนแชร์และชอบค่อนข้างเยอะ(เมื่อเทียบกับเพจจิ๋วๆของเรา) เราก็เสียดายอีก กลัวมันจะหายไป ไม่มีใครได้อ่าน ก็เลยตัดสินใจมาแบ่งปันในพันทิปจ้าาา เราเลยขอตัดโพสต์ที่เราเขียนมาไว้ในนี้นะ
และถ้าผิดพลาดประการใด ต้องขออภัยอีกครั้ง
******************************
เมื่อประมาณ 10 ปีก่อน มีงานวิจัยในไทยหนึ่ง พบว่าสาวๆเกือบครึ่งหนึ่งเลือกที่จะรอให้ผู้ชายมาจีบก่อน ...แต่เชื่อมั้ยว่า มีอีก 20% ที่บอกว่า การจีบผู้ชายก่อนไม่เห็นจะเสียหายอะไรเลย แต่แม้ทุกวันนี้จะยังไม่มีงานวิจัยสำรวจเรื่องนี้อีกครั้งหนึ่ง แต่ถ้าให้เดาแนวโน้ม ผู้หญิงที่กล้าจีบผู้ชายก่อน ดูท่าจะน่าจะสูงขึ้นกว่าแต่ก่อน
6 ปีที่แล้ว เชื่อว่าหลายคนคงมีโอกาสรู้จักผู้หญิงคนนึง ชื่อ “เหมยลี่” สาวออฟฟิศวัย 30 ที่ทนทุกข์ทรมานกับความโสดมานานจนวันนึงฟ้าก็เปิดทาง ทำให้นางได้พบรักกับ “ลุง” (พี่เคน) วิศวกรหนุ่มรูปหล่อที่ทำงานดูแลรถไฟฟ้า
จะว่าไป “เหมยลี่” เป็นตัวอย่างหนึ่งของนางเอกไทยที่จีบพระเอกก่อน แต่ความเจ๋งของหนังเรื่องนี้ คือมันทำให้เราในฐานะคนดูไม่ได้รู้สึกว่าเหมยลี่ “ดูแรดอะไรขนาดนั้น” กลับมองว่านางก็จีบลุง(พี่เคน)แบบโก๊ะๆ กุ๊กกิ๊ก น่ารักดี (ยอมรับได้)
กรณีของเหมยลี่ เลยทำให้คิดต่อไปว่า ... ถ้าจะจีบผู้ชายให้ดูไม่น่าเกลียด จริงๆมันก็ทำได้หนิ!!
............
วันนี้เราเลยจะมาบอกวิธีการว่า ::: ถ้าจีบผู้ชายก่อนและไม่ให้ดูไม่น่าเกลียดเนี่ย ทำยังไง ?:::
1. ศึกษาหนุ่มคนนั้นก่อนให้ดีเสียก่อน
เหมือนที่เหมยลี่คอยแอบตามและสอดส่องว่าลุง(พี่เคน) เป็นคนชอบอะไร เช่น ชอบดูหนังก็ตามไปร้านเช่าดีวีดี หรือเลิกงานกี่โมง? นางก็พยายาม ไปขึ้นบีทีเอสช่วงนั้น เพื่อให้ได้เจอและคุยกับเค้า
........
2. แสดงให้เค้ารู้ว่าคุณคล้ายกับเค้า
หากใครอ่านโพสต์ก่อนๆของเรา ก็จะรู้ว่า “ความคล้ายคลึง” กันเนี่ย เป็น หัวใจสำคัญที่ทำให้คนชอบกัน เพราะคนเรามักจะชอบคนที่คล้ายๆกัน ดังนั้นหากคุณได้ศึกษาเค้าคนนั้นมาเป็นอย่างดีแล้ว คุณก็น่าจะรู้ว่าเขาชอบอะไร จากนั้นก็ลองชวนเค้าคุยเรื่องที่เค้าสนใจ
แต่สิ่งที่จะทำให้การจีบของคุณนั้นแนบเนียน และดูกุ๊กกิ๊กน่ารัก อย่างสมบูรณ์แบบ ก็คือ ….
......
3. ต้องพยายามใกล้ชิดเค้าให้บ่อยๆ
เราขอเล่าแบบนี้ละกัน เราอยากให้คุณลองทายว่า ...ระหว่างชายกับหญิง ใคร ‘มโน’ หนักกว่ากัน ?
เอาล่ะ เราเชื่อว่าหลายคนคงคิดว่า “ผู้หญิง” ชิมิล่ะ แต่คุณต้องไม่เชื่อแน่ๆเลย ว่าจริงๆแล้ว ผู้ชายมโนเข้าข้างตัวเองหนักกว่าผู้หญิงเสียอีก
งานวิจัยต่างประเทศหลายชิ้น อย่างเช่น Abbey (1987) พบว่า ผู้ชายเนี่ยมักจะตีความการแสดงของผู้หญิงว่า “มีใจ” มากกว่าที่ผู้หญิงคิด
(คือจริงๆยังไม่ได้คิดอะไรเลย แต่ฮีเอาไปคิดแล้วว่าชอบ)
คือ ผู้หญิงอาจจะนึกว่าตัวเองเป็นเพศที่มโนเก่ง 55 แต่พอเอาเข้าจริง ผู้หญิงมักไม่เชื่อในสิ่งที่ตัวเองมโนหรอก (จริงมั้ย?) เพราะหัวเด็ดตีนขาด ถ้าพวกเธอไม่ได้ยินหรือเห็นเป็นลายลักษณ์อักษรว่าเค้า “ชอบ” หรือ “รัก” ผู้หญิงจะไม่กล้าฟันธงว่าผู้ชายคนนี้ชอบเธอ (จริงมั้ย?)
ดังนั้น โปรดจงรู้ไว้ว่า ผู้ชายคิดเข้าข้างตัวเองง่ายมากกว่าที่คุณคิดเสียอีก เพราะฉะนั้น ถ้าคุณรู้จุดนี้ของผู้ชายแล้ว คุณผู้หญิง คุณยิ่ง....ไม่จำเป็นต้องแสดงออกอะไรมากเลย เพราะยังไง พ่อเจ้าประคุณของคุณก็จะมโนได้เองว่าคุณ “มีใจ” กับเค้า
ถ้าคุณเพียง.... ส่งยิ้มเล็กๆให้เค้าบ่อยๆ ใกล้ชิดกับเค้าบ่อยๆ เค้าก็รู้ได้เองแหละ ก็เหมือนยัยเหมยลี่แหละหนา ก่อนที่นางจะไปเพ้อร้องเป็นเพลงอยู่ที่ป้อมยาม ลุง(พี่เคน)ก็น่าจะพอรู้อยู่แล้วว่า นางแอบชอบเค้า
ดังนั้น แค่คุณสนิทสนมกับเค้ามากๆ....มันก็คือ การจีบเค้าแบบแนบเนียนนั่นเอง
.........
แต่ เพื่อให้การจีบของคุณจบลงอย่างสวยงาม มันก็มีอีกวิธีหนึ่ง ที่ทำให้การจีบของคุณมลายหายไป และกลายเป็นว่าเค้าคนนั้นเป็น “ฝ่ายจีบ” คุณแทน
นั่นก็คือ.....
4. เมื่อสนิทถึงระดับหนึ่ง จงตั้งคำถามผู้ชายคนนั้น ด้วยการสลับตำแหน่ง “ประธาน” และ “กรรม” ของกิริยา “จีบ”
เทคนิคนี้เป็นสิ่งที่เราพบตอนสัมภาษณ์ทำธีสิส คือเราซูฮกกับเทคนิคนี้มากๆว่า การเรียงไวยากรณ์ไทยผิดเพียงเล็กน้อยเนี่ย จะทำให้ทุกอย่างเปลี่ยนไปถึงเพียงนี้....
คือตอนเราสัมภาษณ์คู่รัก เราพบว่ามีหลายคู่ที่ฝ่ายชายยังงงๆเบลอๆ อยู่ ช่วงที่เริ่มๆจีบกัน แต่ต้องตกกระไดพลอยโจนยอมรับว่า “กำลังจีบ” เพราะถูกฝ่ายหญิงยิงคำถามสุดคลาสสิกว่า .....“คุยแบบนี้ คิดอะไรกับเรารึป่าวเนี่ย ?”.....
คือเอางี้นะ บางกรณีฝ่ายหญิงอาจจะถามคำถามนี้โดยไม่ได้คิดจะจีบอะไรก่อนหรอก แต่คือนางใจร้อน ต้องการความชัดเจน เลยชิงถามก่อน (แต่ได้ผลลัพธ์เหมือนกัน)
แต่มันก็บางกรณีนะที่ฝ่ายหญิงชอบฝ่ายชายก่อน ก็ชวนฝ่ายชายคุยบ่อยๆนี่แหละ จนสนิทกัน ซึ่งฝ่ายชายตอนนั้นอาจยังเบลอๆอยู่ แต่เริ่มรู้สึกดีนิดๆบ้างแล้ว
แต่พอเจอคำถามนี้เข้า ..ปั๊ง!!!...
จบค่า... ยังไม่คิด ก็ต้องคิดแล้ว คือผู้ชายลึกๆมักจะกลัวว่า ถ้าตัวเองตอบว่า "ไม่" หรือตอบแบบกำกวม ทุกอย่างก็จะจบ ฝ่ายหญิงคงไม่ยอมคุยต่อแน่ๆหรือว่าง่ายๆ เหยื่อหลุด
ดังนั้น สิ่งที่เราเจอเลยกลายเป็นว่า ผู้ชายมักจะตอบว่า พวกเขาชอบเธอ หรือจีบเธอ อยู่ ทั้งที่จริงตัวเองอาจจะยังเบลอๆอยู่
แต่ยังดีที่พอหลังจากนั้น ผู้ชายก็เริ่มเข้าใจไปเองว่าตัวเองชอบจริงๆ และที่น่ายินดีคือ ฝ่ายชายจะแสดงออกว่า “จีบ” อย่างชัดเจนมากขึ้น (ก็บอกไปแล้วหนิว่าชอบ จะมาเหนียมอายทำไม)
และสิ่งที่ตามมาคือ ทุกอย่างกลับตาลปัตรด้วยคำถามนั้นจริงๆ เพราะฝ่ายหญิงจะกลายเป็นฝ่ายถูกจีบ ไปในบัดดล
ทั้งที่จริง ถ้าฟังเรื่องมาทั้งหมดจะรู้ว่า ฝ่ายหญิงของเรานั้นเริ่มก่อน 5555
…….
สุดท้าย ใครอาจจะบอก "ไม่เอาหรอก จีบผู้ชายก่อนยังไงก็ดูไม่ดี” หรือ “ถ้ามีบุญวาสนา เดี๋ยวเค้าก็มาจีบเราเอง” คือ อันนี้ก็สุดแท้ แล้วแต่จะเชื่อหรือจะคิดนะแต่อย่างน้อย ที่เราตั้งใจเล่า ก็เผื่อคนที่คิดคล้ายๆเหมยลี่ จะได้ลองดูสักตั้ง
เพราะไม่แน่ว่า เค้าคนนั้นอาจเป็น “พระเอก” ตัวจริงก็ได้ ใครจะรู้
ยังไง ขอให้ทุกคนโชคดี
by page ธีสิสมุ้งมิ้ง
**********
ขอขอบคุณที่อ่านถึงตรงนี้น้า หวังว่าจะชอบกันน้าา ฝากเนื้อฝากด้วยจ้า
เครดิตรูป GTH : http://picpost.postjung.com/158843.html
อ้างอิงข้อมูล
1) "การสื่อสารเพื่อการเริ่มต้นความสัมพันธ์ฉันคู่รักของวัยรุ่นไทย" โดย เยาวภา อินทระชัย (ปี 2549)
2) "Social–Sexual Interactions? MetaAnalyses of Sex Differences in Perceptions of Flirtatiousness, Seductiveness, and Promiscuousness" โดย Betty H. La France , David D. Henningsen , Aubrey Oates & Christina M. Shaw (2009)