สมัยก่อนเมื่อ 20 ปีที่แล้ว จะจีบสาวนี่ลำบากตรากตรำกันขนาดไหนครับ ใครทันมาเล่าให้ฟังบ้าง (จากเด็กรุ่นใหม่)

สมัยนี้มีสังคมออนไลน์มากมาย มันพบกันงานเลิกกันง่าย ไม่ยกคงกะพันเท่าพ่อแม่ปู่ย่าเรา อิอิ อยากรู้ว่าสมัยก่อนนู้นเขาจีบสาวกันยังไงบ้าง มีพ่อตาเอาปืนลูกซองเอาออกมายิงเหมือนละครไหมครับ 55555 ใครมีประสบการณ์มาเล่าหน่อนยครับ ผมเด็กรุ่นใหม่อยากรู้จัง
สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 38
อย่าเรียกว่าลำบากครับ เพราะมันคือรสชาติของยุค 90 ซึ่งโมเม้นการจีบสาวสมัยนั้นบอกเลยว่ามันมีหลายแบบ หลายวิธีมากเลยทีเดียวซึ่งผมเองก็ยังทำไม่ครบหรอก แต่ก็ขอมาแชร์ให้ฟังนะ

1. จดหมายสื่อรัก : ไอ่กระดาษแผ่นบางๆ ลายน่ารักมุ้งมิ้งลายมัดใจสาวอย่าง Sario นี่แหละคือสุดยอดแห่งกระดาษในแผ่นดินนี้ในการจีบสาว ต่อให้คุณแมร่งเขียนลายมือห่วยแตก หรือเน่าสนิทยังไง แต่ตราบใดที่กระดาษมีตัวการ์ตูน Sario ที่เธอชอบอยู่ เมื่อนั้นคุณก็ยังมีสิทธิ์พิชิตใจเธอนะ ยิ่งถ้าพับเป็นรูปหัวใจได้นี่ Epic เลยครับ หล่อสัสเลยคราวนี้ (ถ้าจะทำห้ามฝากเพื่อนไปให้ ไม่งั้นรู้ทั้งห้องเรียน ยันห้องปกครองแน่เอ้ยยย)

2.ออกสื่อสิรักจริง : การโทรไปขอเพลงตามคลื่นวิทยุที่เธอชอบฟังนั้นคือความหล่ออย่างหนึ่งเมื่อมีคำว่า "คุณหล่อ ได้ขอเพลง พูดไม่ค่อยเก่ง ของ AB Normal ให้น้องกิ๊ก" แต่คุณจะหล่อขึ้นไปอีกเมื่อตอนที่ได้ออกหน้าไมค์แล้วเค้าถามว่าจะเพลงให้ใครเหรอคะ แล้วเราก็ได้ตอบไปว่า "ขอเพลงให้น้องกิ๊ก ห้อง ม.3/2 โรงเรียนชั้นนำ ครับ" เชื่อเถอะพรุ่งนี้ คนรู้กันทั้งโรงเรียน

3.เพจเจอร์ส่งตรง : หนึ่งในสิ่งที่คิดว่าทำแล้วต้องอาย (ซึ่งจริงๆ ครั้งแรกก็อายแหละ แต่หลังๆนี้ด้านละ ชิวเลยสบาย) นั่นคือการส่งคำหวานไปจีบสาวผ่าน Call Center สาวเสียงหวาน อย่างเช่น "รักน้องจุ๊กกรู้วว นะครับ แต่ไม่เจอกันไม่กี่วันพี่ก็กินไม่ได้ นอนไม่หลับ" คือพูดไปพูดมาเหมือนจะจีบเค้าเองยังไงก็ไม่รู้ 5555+

4.หูฟังสุดสวีท : อันนี้คือหวานมาก พีคมากจริงๆ กับการเอาหูฟังเสียบ Walkman แล้วแบ่งกันฟัง คือถึงแม้เดี๋ยวนี้จะมีเหมือนกัน แต่เชื่อเหอะมันคนละฟิล (นี่ลองมาหลายรอบละ แมร่งต่างจริง อะไรจริง)

5.โทรศัพท์บ้านงานระทึก : ในยุคที่โทรศัพท์มือถือยังอันเท่าสาก และราคาแพงสัส โทรศัพท์บ้านคือสื่อรักที่โคตรเสี่ยงจริงๆ เพราะการโทรแต่ละครั้งจะถ้าไม่นัดเวลากันไว้ล่วงหน้าให้ดี งานนี้คือสิ่งระทึกเพราะอย่างแรกเราไม่รู้ว่าโทรไปใครจะรับถ้าเจอพ่อ หรือพี่ชายนี่มีช็อคเปลี่ยนเสียงเป็นตุ๊ดแทบไม่ทัน อย่างที่สองเมื่อได้คุยแล้วจะมั่นใจได้ไงว่าคนที่บ้าน (ทั้งเราและเธอ) จะไม่ไปแอบฟังจากโทรศัพท์บ้านเครื่องอื่มอยู่เงียบๆ (แต่ถ้าช่ำชองแล้ว จะรู้ว่าเมื่อไรที่เสียงสนทนามันแอบเบาลง เมื่อนั้นแหละแสดงว่ามีคนยกหูจากเครื่องอื่น)

6.เมื่อไรจะออนไลน์ : ในยุคของเนต 46บิท ที่ต้องต่อผ่านเร้าท์เตอร์เสียงดังสนั่นลั่นบ้าน แถมความเร็วยังต้องบอกว่าเครปป้าเฉื่อยยังเร็วกว่านั้น ยังมีโปรแกรมมหาเทพแห่งการจีบสาวอยู่อย่าง Pirch MSN และ ICQ โปรแกรมแชทวัดดวงที่คุณเองก็ไม่รู้หรอกว่า เค้าจะมาออนไลน์เมื่อไร แต่ถ้ามาทีไรนะดีใจยิ่งกว่าถูกหวย จากนั้นก็ลากเม้าไปคลิกที่ชื่อทักทีพร้อมพิมพ์คำว่า "อ่าว... เพิ่งจะออนเหรอ เรากำลังจะไปพอดีเลย แต่เธอมาแบบนี้เดี๋ยวอยู่คุยเป็นเพื่อนก็ได้นะ"

7.รูปถ่ายระดับแรร์ : สมัยนั้นกล้องถ่ายรูปก็ยังไม่เฟื่องฟูเหมือนทุกวันนี้ ใครมีนี่ก็หรู ดังนั้นการที่จะมีรูปของตัวเองได้ถ้าไม่ไปถ่ายสติ๊กเกอร์ ก็ต้องไปเช่าสตูดิโอถ่ายรูป ซึ่งการที่เราจะได้รูปของคนที่แอบชอบมานั้นก็มีด้วยกันหลายวิธีทั้งแอบไปขอเพื่อนสนิทเธอที่เราพยายามตีสนิทไว้แล้วด้วยสินบน (ขนม และเพื่อนสุดหล่อ) อีกวิธีนึงที่เชื่อว่า ชายไทยหลายๆ คนเคยทำก็คือ "ขโมยเอาหน้าด้านๆจากบอร์ดในโรงเรียน" นี่แหละครับ ก่อนจะดึงต้องหันซ้ายขวา รอจังหวะแล้วเอื้อมมือไปดึงด้วยความไวปานสายฟ้าฟาด แล้วเดินจากไปแบบนิ่งๆ แต่ถ้ามีคนมาเห็นก็สวมวิญญาณยูเซียน โบลท์ กันอย่างแน่นอน

8.แผนการเด็กเรียน : นี่คือ 1 ในปฎิบัติการวัดใจที่ต้องอาศัยสกิลเนียน ด้วยการบุกไปที่บ้านแล้วบอกพ่อ-แม่ของเธอว่า มาขอยืมสมุดการบ้าน หรือ มาให้เธอช่วยติวหนังสือตรงนี้ให้หน่อย เพราะ เธอนั้นเทพธิดาเก่งสัสหมาเลยทีเดียว

ก็อะไรประมาณนี้แหละครับ ความมันส์ของเด็กยุค 90
ความคิดเห็นที่ 12
สิบห้าปีที่แล้วได้มั้ยคะ ยังไม่ถึงยี่สิบปีอะ ><
เรียนมัธยมปลายคนละโรงเรียน ชายได้เบอร์บ้านไปจากเพื่อนของเพื่อนของเพื่อน
โทรหาทุกคืนตอนสองทุ่ม วันละ 1 ชม.นี่คือเวลาปกติ วันไหนไม่โทรก็รอเก้อกันไป เข้านอนแบบงงๆ หงุดหงิดๆ
นัดเจอกันก็นานๆ ครั้ง ต่างคนต่างไปรอเจอกันที่ห้างตามเวลานัด ไปดูหนัง เดินเล่น นั่งกินแม็คโดนัล แล้วก็แยกย้ายกันกลับบ้าน
กว่าจะได้จับมือ ปาไปเป็นหลายเดือน ช่วงนั้นเป็นความรักที่แบบ นึกย้อนไปยังยิ้มอยู่เลยค่ะ
มาเป็นแฟนกันจริงๆ ก็ตอนเข้ามหาลัยแล้ว
ปัจจุบันแต่งงานกับคนนี้มา 3 ปีกว่าๆ เดือนหน้ากำลังจะคลอดลูกสาวคนแรก ^^
ความคิดเห็นที่ 4
ผมบ้านอยู่ ตจว การที่จะได้เจอใครรักใครยากนัก
สมัยเรียน ม.ต้น และ ม.ปลาย ในยุคที่ไม่มีโชเชียลแบบทุกวันนี้ เราใช้ระบบจดหมายน้อย
ถ้าเป็นสาวต่างห้องเรียน ก็จะเขียนฝากเพื่อนไปให้คนที่ชอบ ที่เหลือก็ลุ้นล่ะครับว่าเค้าจะตอบ จม.เรามั้ย
ถ้าตอบนี่สวรรค์ครับ แต่ต้องดูเนื้อหาข้างในด้วยเค้าตอบแบบไหน เล่นด้วยกับเราหรือเปล่า

ส่วนตัวผมชอบเขียนใส่การ์ดในวันสำคัญ เขียน จม.บอกรัก แล้วรอเวลาเขาไม่อยู่ในห้องเรียนก็ย่องไปเปิดกระเป๋าของเค้าแล้วก็ใส่ลงไป
(เคสนี้ไม่เคยได้รับคำตอบใด ๆ ทำมาตลอด ม.1 2 3 เขาไม่ตอบ มารู้เอาตอนโตว่าปัจจุบันเขายังเก็บไว้อยู่)
ตอน ม.4 มีจดหมายน้อยจากรุ่นพี่ ม.5 ร่อนฝากคนรู้จักมา เปิดอ่านเป็นเนื้อเพลงทาทายัง ที่พึ่งจะเปิดอัลบั้มแรกแบบดังสุด "หากจะดูเป็นการรบกวน ก็อยากชวนเธอมารักกัน" โอว๊ๆๆๆๆ มันเป็นอะไรที่ฟินมาก
ตกเย็นก็นัดกันฟังวิทยุคลื่นวัยรุ่น ที่เด็กวัยรุ่นยุคนั้นเขาเขียน จม ไปขอเพลงกัน ดีเจ ก็จะอ่านให้แทบทุกฉบับเลย
"จากหนุ่มห้อง 5/4 TP โต๊ะหลังแถว 1 ขอเพลง มารักกันเถอะ มอบให้สาวห้อง 5/2 โต๊ะหน้า แถวสาม " แหม่...ถึงตรงนี้ล่ะกรี๊ดกันเลย...

ต่อมาเมื่อเขียนส่งกันได้ช่วงนึงก็คุยกัน รอหน้าโรงเรียนตอนเลิก คุยกันจนรถเที่ยวสุดท้ายค่อยแยกทางกัน
ตจว แถวบ้านผมนี่ถ้าใครมีโทรศัพท์บ้านนี่แสดงว่ารวยเลยล่ะ
ยุคของผมนี่มีวิขาภาษาไทย ที่คุณครูบังคับให้นักเรียนทำการเขียนจดหมายไปหาเพื่อนต่างโรงเรียนโดยที่เราไม่รู้ว่าที่เราส่งไปหานั้นเป็นหญิงหรือชาย ครูจะให้เลขห้องมาให้เราเขียนถึงคนในห้อง โดยระบุเลขที่ ให้เดาเอาน่ะครับ
ถ้าได้รับจดหมายตอบกลับนี่โคตรดีใจเพราะถือว่าผ่าน จดหมายในยุคผมนั้นสำคัญมาก

ช่วงปี 2540 - 43 ช่วงนั้นที่ฮิตสุดคือ แพคลิ้งค์ มันเป็นแฟชั่นพอๆ กับไอโฟนสมัยนี้เลยจริง พับผ่าสิ

ปี 43 ผมติดทหารเกณฑ์ ทร.43ผลัด 3 ปีที่เริ่มมีการใช้มือถือแล้ว ทั้ง nokia ericson และ motorolla  กำลังเริ่มต่อสู้กัน
ผมก็ยังใช้ จม ส่งหาคนรัก ที่ส่งเท่าไรก็ไม่เคยได้รับการตอบกลับ มีแต่รุ่นน้องที่เป็นหญิงเขียนมาให่กำลังใจ
จดหมายฉบับเดียวอ่านสิบเที่ยวก็ไม่เบื่อ อ่านไปยิ้มไป ส่วนคนที่รักไม่เคยที่จะตอบเล้ยยย จริงๆ
หนังสือที่ขายดีในค่ายทหาร "ศาลาคนเศร้า" ผมนี่เปิดหน้าหลังสุดเลย เพราะหลังสุดนั้นจะมีแต่คนเศร้าเหงา ขาดเพื่อน ฯลฯ
ผมเปิดดูเลือกดูคนเศร้าที่ลงรูปทิ้งที่อยู่ประกาศหาเพื่อนแก้เหงา คนนี้หน้าตาพอได้ สวย น่ารัก อยู่ใกล้ ไกล เบือกได้ก็บรรเลงจดหมายส่งไปหวังจีบ
ผลสุดท้ายคือไม่เคยได้รับการตอบรับใดๆ จากหมายเลขที่ท่านเลือก

ทั้งจดหมาย และไปรณียบัตร ผมใช้ส่งถึงเพื่อนๆ และคนที่เรารัก มันดูมีค่าจริงๆ แต่ส่วนมากกับคนที่เราชอบมักไม่ได่รับการตอบกลับ เศร้าจริงๆ
เริ่มยาวแระ รู้สึกตัวเองแก่เกินแระ แค่นี้แหละครับ มีอีกเยอะเลย รอท่านอื่นต่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่