ทีมไทยเสมออิรักในเกมส์คัดเลือกบอลโลก แสดงให้เห็นถึงจิตวิญญาณแห่งการคัมแบ็ค
ทีมไทยต่อสู้อย่างกล้าหาญในการคว้า 1 แต้ม จากการยิงตีเสมอในช่วงท้ายจากมงคล ทศไกร หลังจากโดนอิรักแสดงความเหนือชั้นกว่าในช่วง 1ชม.แรกของการแข่งขันฟุตบอลโลกรอบคัดเลือก
ในเกมส์โหดและจริงจังนัดแรกที่นักเตะในยุคของเกียรติศักดิ์จะต้องพบเจอ ทีมระดับทอปคลาสของทวีป อิรักได้แสดงให้เห็นถึงจุดอ่อนในทีมไทย ก่อนที่ทีมไทยจะคัมแบ็คจาก 2:0 มาเป็นผลเสมอ 2:2 ในท้ายที่สุด
ทีมเจ้าบ้านเริ่มเกมส์ด้วยความคาดหวังหลังจากไล่ถล่มเพื่อนบ้านในย่านอาเซียนในช่วงปีที่ผ่านมาและผลชนะสองนัดแรกในการคัดบอลโลก แต่นี่คือคู่แข่งในอีกระดับชั้นหนึ่ง และทีมไทยแสดงให้เห็นถึงการขาดความนิ่ง หลังจากปล่อยให้ Justin Meram กับ Younis Mahmoud สองผู้ทำประตูของอิรักในนัดนี้ปั่นป่วนแนวรับของทีไทยในช่วงครึ่งแรก
ทีมไทยได้แต่ต่อสู้ไปตามเกมส์ แต่ความผิดพลาดพื้นๆ และการทำเกมส์ที่ไม่เป็นรูปเป็นร่าง ทำให้บอลทีมไทยแทบจะไปไม่ถึงปากประตูทีมเยือนเลย แต่ดราม่าในช่วงท้ายเกมส์แสดงให้เห็นว่าทีมไทยยังมีโครงสร้างทีมที่ดี นั่นช่วยให้ทีมชาติไทยมีความมั่นใจเพิ่มขึ้นในเกมส์ที่เหลืออยู่
นี่คือ 3 สิ่ง ที่เราได้เรียนรู้เกี่ยวกับทีมชาติไทยในเกมส์ที่ผ่านมา
1 ทีมไทยต้องเรียนรู้ที่จะเล่นง่ายๆ ในเกมส์รับ
ถึงแม้จะไม่สวยงาม แต่การตั้งแนวรับด้วยการอุดก็อาจจะเป็นสิ่งที่จำเป็นเมื่อเจอทีมระดับทอปคลาส เป็นข้อที่ไม่ควรแนะนำอย่างยิ่งในการเอาผู้เล่นตัวรุกลงไปวิ่งไล่บอลในแดนตัวเอง รวมถึงความผิดพลาดพื้นๆ เช่นสุทธินันท์โดนแย่งบอลขณะยืนเป็นตัวสุดท้ายในแนวรับ เมื่อเขาพยายามล็อคหลบผู้เล่นอิรักด้านฝั่งซ้ายของสนาม โชคดีที่ Meram ทิ้งโอกาสหลังจากสองจิตสองใจว่าจะยิงหรือจะเปิดบอลให้เพื่อนดีในวินาทีสุดท้าย
แต่สุดท้ายในต้นครึ่งหลัง สารัชได้ทำผิดพลาดแบบเดียวกันเมื่อออกบอลช้าเมื่อเขายืนเป็นตัวสุดท้าย และคราวนี้ทีมไทยโดนลงโทษด้วยการเสียประตูที่สอง ถึงแม้ Mahmoud ต้องพยายามถึงสองครั้งในการยิงเพื่อให้ผ่านมือกวินทร์แต่เค้าก็ทำได้สำเร็จ เป็นการลงโทษจากการเล่นผิดพลาดจากผู้เล่นทีมชาติไทย
2 การเพรซซิ่งเป็นสิ่งจำเป็น
ในช่วงต้นเกมส์ Maram กดดันจนแย่งบอลได้จากสารัช แต่โชคดีที่ลูกยิงของเขาถูกบล็อคไว้ได้ หลังจากนั้นไม่มีการเพรซซิ่งจากทีมไทยมากนัก ทำให้แนวรุกทำเกมส์ได้อย่างง่ายดายและเป็นสัญญาณอันตรายต่อทีมไทย จนกระทั่งนำไปสู่การเสียประตู
Mahmoud มีที่ว่างมากมายและเวลาเหลือเฟือ กวินทร์ต้องออกแรงเซฟอีกครั้ง กองหลังและกองกลางของทีมชาติไทย ยืนกันห่างและไม่ประกบติดแนวรุกของทีมเยือนมากนัก ปล่อยพื้นที่ว่างให้แนวรุก บุกเข้าทำหรือแม้แต่เลี้ยงบอลจี้แล้วกระชากหนี
ไม่เป็นการแปลกใจเมื่อเห็น Mahmoud ได้บอลจากกลางสนามแล้วค่อยๆ เลี้ยงจี้เข้าหาประตูก่อนสับไกยิงจากระยะ 18 หลาหน้าปากประตูทีมเจ้าบ้าน โดยไม่มีผู้เล่นทีมไทยเข้าไปไล่บอลแม้แต่คนเดียว
ผู้เล่นทีมไทยต้องเรียนรู้ว่า เมื่อไหร่ที่ควรจะเพรซซิ่ง วิ่งเข้าหาบอล หรือเมื่อไหร่ควรจะถอยคุมพื้นที่ ในเกมส์นี้ทีมไทยทำอย่างหลังมากกว่า
3 การกลับมาในช่วงท้ายแสดงให้เห็นถึงสปิริตทีมชาติไทย
ทีมเยือนอาจจะผ่อนเกมส์ลงหลังจากได้ประตูที่สอง แต่การกลับมาของทีมไทยมันช่างเร้าใจยิ่งนัก หลังจากทีมเริ่มทำเกมส์ได้และแสดงให้เห็นว่าทีมทำอะไรได้บ้างเมื่อได้ครอบครองบอล
เป็นการยากลำบากที่จะทำเกมส์เข้าไปยิงทีมอิรักอย่างจะแจ้ง ถึงแม้มงคลจะได้โอกาสใกล้เคียงที่สุดเมื่อลูกโหม่งของเขาถูกปัดข้ามคานออกไป แต่ทีมเยือนในช่วงเวลานั้นอยู่ในช่วงหลังพิงฝา และเจ้าบ้านก็ได้รางวัลจากการทำงานหนักเมื่อ กัปตันทีมธีรธรยิงจุดโทษเข้าไป
1 นาทีหลังจากนั้น การผ่านบอลอย่างสวยงานของแนวรุกไทยทางด้านซ้ายทำให้ธีรธรได้โอกาสเปิดบอลเรียดจากด้านข้างก่อนบอลจะเลยมาถึงมงคลที่เสาไกล ในสนามระเบิดด้วยเสียงโห่ร้องกึกก้องเมื่อปีกทีมอาร์มี่ แทงบอลปาดหน้ากองหลังอิรักเข้าประตูที่ว่างเปล่า เปลี่ยนจากความพ่ายแพ้เห็นๆ สู้การมองไปถึงชัยชนะในท้ายเกมส์
แต่หลังจากนั้นกลายเป็นกวินทร์ที่ออกแรงสองเซฟสำคัญ เพื่อ 1 แต้มที่มีค่าจากการทำงานอย่างหนักของทั้งทีม และยังคงไม่พ่ายแพ้ในการเล่นบอลโลกรอบคัดเลือกต่อไป
บทความโดย Paul Murphy
http://www.espnfc.com.au/world-cup-qualifying-afc/62/blog/post/2600957/wcq-thais-need-better-defending
อันนี้แปลเองนะครับ ไม่ได้คัดลอกจากไหน ปกติเห็นมีหลายๆ เวปแปลกันเองอยู่ก็หวังว่าคงจะไม่มาคัดลอกที่ผมแปลไว้ไปนะครับ
* เวปต้นทางรู้สึกจะเปลี่ยนพาดหัวรอง ผมแก้ตามแล้วนะครับ ส่วนที่เค้าเรียบเรียงหัวข้อใหม่ไม่ได้ทำตามครับยังคงเรียงลำดับเหมือนตอนแปลครั้งแรก
บทวิรเคราะห์เกมส์ ไทย - อิรัก ของ ESPN โดย Paul Murphy
ทีมไทยต่อสู้อย่างกล้าหาญในการคว้า 1 แต้ม จากการยิงตีเสมอในช่วงท้ายจากมงคล ทศไกร หลังจากโดนอิรักแสดงความเหนือชั้นกว่าในช่วง 1ชม.แรกของการแข่งขันฟุตบอลโลกรอบคัดเลือก
ในเกมส์โหดและจริงจังนัดแรกที่นักเตะในยุคของเกียรติศักดิ์จะต้องพบเจอ ทีมระดับทอปคลาสของทวีป อิรักได้แสดงให้เห็นถึงจุดอ่อนในทีมไทย ก่อนที่ทีมไทยจะคัมแบ็คจาก 2:0 มาเป็นผลเสมอ 2:2 ในท้ายที่สุด
ทีมเจ้าบ้านเริ่มเกมส์ด้วยความคาดหวังหลังจากไล่ถล่มเพื่อนบ้านในย่านอาเซียนในช่วงปีที่ผ่านมาและผลชนะสองนัดแรกในการคัดบอลโลก แต่นี่คือคู่แข่งในอีกระดับชั้นหนึ่ง และทีมไทยแสดงให้เห็นถึงการขาดความนิ่ง หลังจากปล่อยให้ Justin Meram กับ Younis Mahmoud สองผู้ทำประตูของอิรักในนัดนี้ปั่นป่วนแนวรับของทีไทยในช่วงครึ่งแรก
ทีมไทยได้แต่ต่อสู้ไปตามเกมส์ แต่ความผิดพลาดพื้นๆ และการทำเกมส์ที่ไม่เป็นรูปเป็นร่าง ทำให้บอลทีมไทยแทบจะไปไม่ถึงปากประตูทีมเยือนเลย แต่ดราม่าในช่วงท้ายเกมส์แสดงให้เห็นว่าทีมไทยยังมีโครงสร้างทีมที่ดี นั่นช่วยให้ทีมชาติไทยมีความมั่นใจเพิ่มขึ้นในเกมส์ที่เหลืออยู่
นี่คือ 3 สิ่ง ที่เราได้เรียนรู้เกี่ยวกับทีมชาติไทยในเกมส์ที่ผ่านมา
1 ทีมไทยต้องเรียนรู้ที่จะเล่นง่ายๆ ในเกมส์รับ
ถึงแม้จะไม่สวยงาม แต่การตั้งแนวรับด้วยการอุดก็อาจจะเป็นสิ่งที่จำเป็นเมื่อเจอทีมระดับทอปคลาส เป็นข้อที่ไม่ควรแนะนำอย่างยิ่งในการเอาผู้เล่นตัวรุกลงไปวิ่งไล่บอลในแดนตัวเอง รวมถึงความผิดพลาดพื้นๆ เช่นสุทธินันท์โดนแย่งบอลขณะยืนเป็นตัวสุดท้ายในแนวรับ เมื่อเขาพยายามล็อคหลบผู้เล่นอิรักด้านฝั่งซ้ายของสนาม โชคดีที่ Meram ทิ้งโอกาสหลังจากสองจิตสองใจว่าจะยิงหรือจะเปิดบอลให้เพื่อนดีในวินาทีสุดท้าย
แต่สุดท้ายในต้นครึ่งหลัง สารัชได้ทำผิดพลาดแบบเดียวกันเมื่อออกบอลช้าเมื่อเขายืนเป็นตัวสุดท้าย และคราวนี้ทีมไทยโดนลงโทษด้วยการเสียประตูที่สอง ถึงแม้ Mahmoud ต้องพยายามถึงสองครั้งในการยิงเพื่อให้ผ่านมือกวินทร์แต่เค้าก็ทำได้สำเร็จ เป็นการลงโทษจากการเล่นผิดพลาดจากผู้เล่นทีมชาติไทย
2 การเพรซซิ่งเป็นสิ่งจำเป็น
ในช่วงต้นเกมส์ Maram กดดันจนแย่งบอลได้จากสารัช แต่โชคดีที่ลูกยิงของเขาถูกบล็อคไว้ได้ หลังจากนั้นไม่มีการเพรซซิ่งจากทีมไทยมากนัก ทำให้แนวรุกทำเกมส์ได้อย่างง่ายดายและเป็นสัญญาณอันตรายต่อทีมไทย จนกระทั่งนำไปสู่การเสียประตู
Mahmoud มีที่ว่างมากมายและเวลาเหลือเฟือ กวินทร์ต้องออกแรงเซฟอีกครั้ง กองหลังและกองกลางของทีมชาติไทย ยืนกันห่างและไม่ประกบติดแนวรุกของทีมเยือนมากนัก ปล่อยพื้นที่ว่างให้แนวรุก บุกเข้าทำหรือแม้แต่เลี้ยงบอลจี้แล้วกระชากหนี
ไม่เป็นการแปลกใจเมื่อเห็น Mahmoud ได้บอลจากกลางสนามแล้วค่อยๆ เลี้ยงจี้เข้าหาประตูก่อนสับไกยิงจากระยะ 18 หลาหน้าปากประตูทีมเจ้าบ้าน โดยไม่มีผู้เล่นทีมไทยเข้าไปไล่บอลแม้แต่คนเดียว
ผู้เล่นทีมไทยต้องเรียนรู้ว่า เมื่อไหร่ที่ควรจะเพรซซิ่ง วิ่งเข้าหาบอล หรือเมื่อไหร่ควรจะถอยคุมพื้นที่ ในเกมส์นี้ทีมไทยทำอย่างหลังมากกว่า
3 การกลับมาในช่วงท้ายแสดงให้เห็นถึงสปิริตทีมชาติไทย
ทีมเยือนอาจจะผ่อนเกมส์ลงหลังจากได้ประตูที่สอง แต่การกลับมาของทีมไทยมันช่างเร้าใจยิ่งนัก หลังจากทีมเริ่มทำเกมส์ได้และแสดงให้เห็นว่าทีมทำอะไรได้บ้างเมื่อได้ครอบครองบอล
เป็นการยากลำบากที่จะทำเกมส์เข้าไปยิงทีมอิรักอย่างจะแจ้ง ถึงแม้มงคลจะได้โอกาสใกล้เคียงที่สุดเมื่อลูกโหม่งของเขาถูกปัดข้ามคานออกไป แต่ทีมเยือนในช่วงเวลานั้นอยู่ในช่วงหลังพิงฝา และเจ้าบ้านก็ได้รางวัลจากการทำงานหนักเมื่อ กัปตันทีมธีรธรยิงจุดโทษเข้าไป
1 นาทีหลังจากนั้น การผ่านบอลอย่างสวยงานของแนวรุกไทยทางด้านซ้ายทำให้ธีรธรได้โอกาสเปิดบอลเรียดจากด้านข้างก่อนบอลจะเลยมาถึงมงคลที่เสาไกล ในสนามระเบิดด้วยเสียงโห่ร้องกึกก้องเมื่อปีกทีมอาร์มี่ แทงบอลปาดหน้ากองหลังอิรักเข้าประตูที่ว่างเปล่า เปลี่ยนจากความพ่ายแพ้เห็นๆ สู้การมองไปถึงชัยชนะในท้ายเกมส์
แต่หลังจากนั้นกลายเป็นกวินทร์ที่ออกแรงสองเซฟสำคัญ เพื่อ 1 แต้มที่มีค่าจากการทำงานอย่างหนักของทั้งทีม และยังคงไม่พ่ายแพ้ในการเล่นบอลโลกรอบคัดเลือกต่อไป
บทความโดย Paul Murphy
http://www.espnfc.com.au/world-cup-qualifying-afc/62/blog/post/2600957/wcq-thais-need-better-defending
อันนี้แปลเองนะครับ ไม่ได้คัดลอกจากไหน ปกติเห็นมีหลายๆ เวปแปลกันเองอยู่ก็หวังว่าคงจะไม่มาคัดลอกที่ผมแปลไว้ไปนะครับ
* เวปต้นทางรู้สึกจะเปลี่ยนพาดหัวรอง ผมแก้ตามแล้วนะครับ ส่วนที่เค้าเรียบเรียงหัวข้อใหม่ไม่ได้ทำตามครับยังคงเรียงลำดับเหมือนตอนแปลครั้งแรก