สวัสดีครับ มาถึงตอนสุดท้ายของทริปนี้กันแล้ว เราจะกลับเข้าเมืองกัน แต่ก็ไม่ใช่เมืองหมดซะทีเดียว ยังไปดูมรดกโลกและไปสวนสนุกด้วย ตัดเลี่ยนกันได้ดี
ความเดิมตอนที่แล้วเราไปโอซาก้าและลงไปแถบคิวชูกัน สามารถกลับไปชมได้
ลากกระเป๋าเที่ยวญี่ปุ่น 15 วันอย่างลัลล้า : ตอนที่ 1 Universal City Japan - Osaka
http://pantip.com/topic/33985716
ลากกระเป๋าเที่ยวญี่ปุ่น 15 วันอย่างลัลล้า : ตอนที่ 2 Fukuoka - Nagasaki - Kumamoto - Yanagawa - Dazaifu - Beppu - Yufuin
http://pantip.com/topic/34019641
เห็นมีคนถามมา ผมใช้กล้อง Fujifilm-XT10 ครับ ได้กล้องมาสองวันปุ๊บ เอามาเที่ยวเลย ถือว่าทริปนี้เป็นการฝึกถ่ายรูปครับ อาจจะสวยบ้างไม่สวยบ้างต้องขออภัย 5555 เปลี่ยนจากคอมแพคมามิลเลอร์เลส ต้องเรียนรู้อีกเยอะแยะเลย ให้คำแนะนำได้นะครับ ^^
ลากกระเป๋าไปกับผมต่อเลยครับ
วันที่ 10 ของการเดินทาง Go Go Kobe
ตื่นมาเราก็เก็บกระเป๋ายัง เกือบๆ 7.30 ก็ลงไปกินข้าว เนื่องจากปกติเขาจะตั้งโต๊ะ 8.00 แต่เราบอกต้องไปขึ้นรถไฟรอบแรก เลยได้กิน 7.30 แต่จัดไว้ในห้องเล็ก เขาก็เชิญนะ แต่เราฟังไม่รู้เรื่องเข้าห้องใหญ่ไปถ่ายรูปแชะๆๆ เขาต้องวิ่งมาตามว่าอันนั้นม่ายช่ายยย 5555
ราคาชุดละ 1080 เยน
อยู่ห้องเล็กบรรยากาศโอเลย เพราะเขาเปิดเพลงคลาสสิกให้ฟัง บรรยากาศหรูหราทันที่ มีเพลง Canon in D แบบนี้ ที่สำคัญอาหารอร่อย เช้าๆแบบนี้ร้านในยูฟูอินยังไม่เปิดแน่ๆ
กินเสร็จก็ลากกระเป๋าไปสถานีรถไฟ อากาศชื้นๆ มีน้ำค้างสไตร์บ้านพักตากอากาศบนเขา
มีหมอกลงเบาๆ
ข้างหน้าสถานีมีเกือกม้าด้วย คงเป็นดาราของที่นี่
เข้าไปรอรถไฟกันดีกว่า
กระเป๋าเราหย่ายยยยมากกกก และหนักมากด้วย
09.07 รถไฟมาแล้ววว ทุกคนเอากระเป๋าใส่ข้างบนได้ แต่เราไม่ หนึ่งหนักไม่ขึ้น สองถึงยกขึ้นก็ยัดไม่ได้ 555
มาถึง Hakata 11.18 เพื่อเปลี่ยนรถไฟโกเบ
โอ้เอ้ไม่ได้ เพราะต้องไปขึ้นรถไฟตอน 11.32 แต่ก็แวะซื้อข้าวกล่องทันนะ อิอิ เรื่องกินไว้ใจได้
ข้าวกล่องของ DELI 2กล่อง 1900 เยน
นี่ขนาดนั่งรถไฟอย่างเดียวเราก็หิวได้เหมือนไปวิ่งมา
มองไปข้างนอก ตายละ ฝน ฝน ฝน โกเบจะรอดมั้ย
ครึ่งวันหมดไปในมี่สุด มาถึงโกเบแล้ววววว เจอโฆษณาสถานที่ท่องเที่ยว น่าสนแต่เราคงไม่ได้ไป ใครมีเวลานั่งกระเช้าขึ้นไปได้นะครับ
เราไม่ได้นอนที่นี่ ดังนั้นอันดับแรก ต้องฝากกระเป๋าก่อน เดินไปสุดท้ายเลย เลือกช่องใหญ่สุดตู้ละ 700 เยน ของนายแม่พอดี
แต่ของผมเนี่ยสิ ต้องปลดสายรัด บีบกระเป๋า แล้วถีบ เอ้ย แล้วดันมันเข้าไป นี่ขนาดช่องใหญ่สุดแล้วนะ
อ่า ใส่กระเป๋าเสร็จ อะไรไม่ถือก็ใส่เข้าไปให้หมด ปิดตู้หันไปประตู อุ๊ย ร่มมมมมมม!!!!! ไม่ทันแล้ว จะเปิดใหม่ก็ต้องเสียอีก 700 เยน เปลืองๆ ไปซื้อใหม่คุ้มกว่า ออกมาปุ๊บ ไม่มีร่มขายแหะ ช่างมันๆ ฝนยังไม่ค่อยมี
เราออกมาเดินไปทางขวา มุ่งสู่ Kitano Ijinkan
เดินๆไป ฝนมันตกหนักเรื่อยๆแหะะะะ
ระหว่างทางก็ชมบ้านเรือนไป
แล้วก็มาถึงทางขึ้น ต้องขึ้นบันไดไป บ้านเรือนมันชันๆ แต่บรรยากาศเหมือนอยู่ยุโรปเลย
เราเดินไปเรื่อยๆ ชมนู้นชมนี้
ที่นี่จะเหมือนยุโรปยังไงก็ยังมีศาลเจ้าตั้งอยู่ท่ามกลางอย่างโดดเด่น Kitanotenman shrine
ทางขึ้นสูงชันเลย ฝนก็ตกหนักขึ้น นายแม่เลยขอบาย แต่ผมไม่หวั่น ขึ้นไปดูสิ เหมือนตอนดูการ์ตูนเลย เข้าวัดต้องขึ้นบันไดสูงๆเนี่ย
ดูเหมือนที่นี่จะดังเรื่องขอพรด้านความรัก หัวใจเต็มไปหมด รออะไร วิ่งไปขอพรเลยย ได้เครื่องรางมาด้วย อิอิ
หันไปเห็นเป้าหมายแล้ว บ้านไก่ 555 เขาเรียกว่า Weathercock House
ค่าเข้าคน 500 เยน มีแบบเหมาด้วย เข้าได้ทุกหลัง แต่เราจะเข้าที่นี่หลังเดียวแระ ทำไมอ่ะหรือ ผมก็ไม่รู้เหมือนกัน แต่ตอนนั้นดันบอกเขาไปว่าเอาแค่ที่นี่ 5555
ออกมาก็ถ่ายรอบๆ สวยดี ที่เห็นนี่คือฝนยังตกอยู่นะจ๊ะ สู้ๆ
ถ้าซื้อตั๋วรวมก็จะเข้าอาคารนี้ได้
เราจะเดินลงจากเขาเข้าสู้เมือง เดินลงไปเรื่อยตามทางนี้ก็จะถึงย่านช้อปปิ้ง ระยะก็1 สถานีรถไฟ
ระหว่างได้กลิ่นเตะจมูก เตะแรงจนควักเงินจ่ายไป Kazamidori cheese cake อันละ 250 เยน
อร่อยมาก หอมมาก ฟินมาก โดยส่วนตัวชอบชีสอยู่แล้วด้วย ฟินฟิน
เดินลงทาอีกหน่อยก็เจอสตาบัคที่ทุกคนกล่าวถึง เพราะตัวอาคารเนี่ยแหละ คนเยอะมากกกก
แล้วก็เดินอีกสักพัก ก็มาถึงย่านช้อปปิ้ง ถามว่าซื้ออะไรไหม ป่าวหรอก เดินเล่น
ข้างนอกฝนตกหนัก โกเบทาวเวอร์ หรือที่อื่นๆคงไม่ได้ไป อยู่แถวนี้ดีกว่า
เดินๆไปมองที่พื้น มีของโชว์ด้วย
เดินไปสุดทางเริ่มเป็นการเดินหาของกินล่ะ นับมื้อไม่ถูกจริงๆ ถือว่าเป็นมื้อเย็นเลย เพราะสี่ห้าโมงล่ะ
เข้าไปเข้ามาเหมือนมาเจอซอยไชน่าทาวน์ อาหารถูกน่ากิน ลุย (โกเบดังเนื้อวัว แต่พอดีไม่กินเนื้อ เลยตัดของดังข้อนี้ไป)
ชุดข้าวไก่สามรส 750 เยน
ชุดข้าวไข่ไก่ทอด 750 เยน เหมือนกัน แต่เสียนิดหน่อย ร้านนี้สูบบุหรี่ได้ ควันโขมงเลย
กินเสร็จก็ได้เวลาเดินทางต่อไปนาโกยา เราต้องหารถไฟใต้ดินเพื่อไปสถานีชินโกเบ
ระหว่างทางไปสถานีเจอพุดดิ้งโกเบกับพุดดิ้งร้านเบเกอรี่ เลยกวาดมาเลย เป็นทริปที่บ้าพุดดิ้ง
ถึงสถานีชินโกเบ นี่ไง เขาบอกว่าโกเบกับโอซาก้าห่างกันแค่คืบจริงๆ
ชินกันเซนมาแล้ววววว
ใช้เวลาประมาณ ชั่วโมงนิดๆเราก็มาถึง นาโกยา ออกจากสถานีมาก็เจอย่านช้อปปิ้งแบรนด์เนมเลย
เรานั่งรถไฟ สาย Higashiyama ไปลง Sakae Station แล้วเดินต่ออีก 10 นาที ก็ถึง Nagoya travellers Hostel
ใช่แล้ว คืนนี้เราจะนอนโฮสเทล
คือกระเป๋าเราหนักมาก แล้วไม่มีลิฟท์ ต้องฝากไว้ใบนึง แล้วเจ้าของโฮส เอ๊ะ หรือพนง. ก็ช่วยกันแบกกระเป๋าใบเดียวชั้น 4 แค่ใบเดียวยังหอบ 555
เราได้ห้องเตียงสองชั้น
ห้องน้ำแบบแชร์กันใช้ มีที่ชั้น1 กับ 3 เท่านั้น
ปลอกหมอน ผ้าปูเตียง มาหยิบตรงนี้
นี่มันเหมือนอยู่หอในตอนเรียนเลย (หมายถึงระบบนะ สภาพนี้ไม่ขอเทียบ อิอิ) ประตูโฮสเทล มีเวลาปิด ใครจะออกไปท่องราตรีก็จำรหัสเข้าโฮสไว้ มีที่เที่ยวนะ รอบโฮสเทลเลยเป็นร้านนั่งดริ้งได้ ผ้าเช็คตัวไม่มีให้ ต้องเช่า ชั้นสามมีเวลาอาบน้ำและเวลาใช้ไดร์เป่าผมกำหนดไว้ คือ ช่วงก่อนแปดโมงเช้าและหลังสี่ทุ่ม ห้ามอาบห้ามเป่า เพราะมันดัง รบกวนการนอน ถ้าจะอาบหรือเป่าผม ให้ลงไปชั้นหนึ่ง
ที่นี่ลายไสตร์น่ารักๆ ที่ชั้น1 เป็นส่วนกลาง มีทีวี มีน้ำร้อน คนเต็มเลย ส่วนใหญ่ที่มาพักวัยรุ่นทั้งนั้น มีคนไทยด้วย อยากจะเข้าไปสวัสดีงามๆเหมือนกัน แต่ไม่กล้า เห็นเขากินข้าวแล้วคุยกันอยู่ ไม่ค่อยชอบกินเผือก 5555 ชั้นนี้เน็ตแรงสุดเลย ที่ห้องนี่อ่อนมาก เล่นเสร็จค่อยขึ้นห้อง
ผมชิลๆกับบรรยากาศที่นี่นะ แต่นายแม่ไม่โอ นายแม่ชอบความเป็นส่วนตัวกว่านี้ อยากได้ห้องน้ำส่วนตัวไรงี้ ก็เข้าใจนะ เพราะคงไม่ค่อยเจออะไรแบบนี้
ส่วนผมอยู่หอในมาปีนึง แค่นี้สบายมาก
ก่อนนอนก็กินของหวานสักหน่อย 555 เดี๋ยวไม่มีเวลากิน พุดดิ้งโกเบ 270 เยน ก็ใช้ได้ แต่ด้านไปนิด
อีกอันของ Morozuff 324 เยนต่อถ้วย สอยรสพีชกับรสธรรมดามา ก็ใช้ได้เหมือนกัน
อิ่มแล้ว สบายใจ พักเอาแรง พรุ่งนี้ลุยนาโกยาต่อ
[CR] ลากกระเป๋าเที่ยวญี่ปุ่น 15 วันอย่างลัลล้า : ตอนที่ 3 Kobe - Nagoya - Nikko - Disney Sea - Tokyo
ความเดิมตอนที่แล้วเราไปโอซาก้าและลงไปแถบคิวชูกัน สามารถกลับไปชมได้
ลากกระเป๋าเที่ยวญี่ปุ่น 15 วันอย่างลัลล้า : ตอนที่ 1 Universal City Japan - Osaka http://pantip.com/topic/33985716
ลากกระเป๋าเที่ยวญี่ปุ่น 15 วันอย่างลัลล้า : ตอนที่ 2 Fukuoka - Nagasaki - Kumamoto - Yanagawa - Dazaifu - Beppu - Yufuin http://pantip.com/topic/34019641
เห็นมีคนถามมา ผมใช้กล้อง Fujifilm-XT10 ครับ ได้กล้องมาสองวันปุ๊บ เอามาเที่ยวเลย ถือว่าทริปนี้เป็นการฝึกถ่ายรูปครับ อาจจะสวยบ้างไม่สวยบ้างต้องขออภัย 5555 เปลี่ยนจากคอมแพคมามิลเลอร์เลส ต้องเรียนรู้อีกเยอะแยะเลย ให้คำแนะนำได้นะครับ ^^
ลากกระเป๋าไปกับผมต่อเลยครับ
วันที่ 10 ของการเดินทาง Go Go Kobe
ตื่นมาเราก็เก็บกระเป๋ายัง เกือบๆ 7.30 ก็ลงไปกินข้าว เนื่องจากปกติเขาจะตั้งโต๊ะ 8.00 แต่เราบอกต้องไปขึ้นรถไฟรอบแรก เลยได้กิน 7.30 แต่จัดไว้ในห้องเล็ก เขาก็เชิญนะ แต่เราฟังไม่รู้เรื่องเข้าห้องใหญ่ไปถ่ายรูปแชะๆๆ เขาต้องวิ่งมาตามว่าอันนั้นม่ายช่ายยย 5555
ราคาชุดละ 1080 เยน
อยู่ห้องเล็กบรรยากาศโอเลย เพราะเขาเปิดเพลงคลาสสิกให้ฟัง บรรยากาศหรูหราทันที่ มีเพลง Canon in D แบบนี้ ที่สำคัญอาหารอร่อย เช้าๆแบบนี้ร้านในยูฟูอินยังไม่เปิดแน่ๆ
กินเสร็จก็ลากกระเป๋าไปสถานีรถไฟ อากาศชื้นๆ มีน้ำค้างสไตร์บ้านพักตากอากาศบนเขา
มีหมอกลงเบาๆ
ข้างหน้าสถานีมีเกือกม้าด้วย คงเป็นดาราของที่นี่
เข้าไปรอรถไฟกันดีกว่า
กระเป๋าเราหย่ายยยยมากกกก และหนักมากด้วย
09.07 รถไฟมาแล้ววว ทุกคนเอากระเป๋าใส่ข้างบนได้ แต่เราไม่ หนึ่งหนักไม่ขึ้น สองถึงยกขึ้นก็ยัดไม่ได้ 555
มาถึง Hakata 11.18 เพื่อเปลี่ยนรถไฟโกเบ
โอ้เอ้ไม่ได้ เพราะต้องไปขึ้นรถไฟตอน 11.32 แต่ก็แวะซื้อข้าวกล่องทันนะ อิอิ เรื่องกินไว้ใจได้
ข้าวกล่องของ DELI 2กล่อง 1900 เยน
นี่ขนาดนั่งรถไฟอย่างเดียวเราก็หิวได้เหมือนไปวิ่งมา
มองไปข้างนอก ตายละ ฝน ฝน ฝน โกเบจะรอดมั้ย
ครึ่งวันหมดไปในมี่สุด มาถึงโกเบแล้ววววว เจอโฆษณาสถานที่ท่องเที่ยว น่าสนแต่เราคงไม่ได้ไป ใครมีเวลานั่งกระเช้าขึ้นไปได้นะครับ
เราไม่ได้นอนที่นี่ ดังนั้นอันดับแรก ต้องฝากกระเป๋าก่อน เดินไปสุดท้ายเลย เลือกช่องใหญ่สุดตู้ละ 700 เยน ของนายแม่พอดี
แต่ของผมเนี่ยสิ ต้องปลดสายรัด บีบกระเป๋า แล้วถีบ เอ้ย แล้วดันมันเข้าไป นี่ขนาดช่องใหญ่สุดแล้วนะ
อ่า ใส่กระเป๋าเสร็จ อะไรไม่ถือก็ใส่เข้าไปให้หมด ปิดตู้หันไปประตู อุ๊ย ร่มมมมมมม!!!!! ไม่ทันแล้ว จะเปิดใหม่ก็ต้องเสียอีก 700 เยน เปลืองๆ ไปซื้อใหม่คุ้มกว่า ออกมาปุ๊บ ไม่มีร่มขายแหะ ช่างมันๆ ฝนยังไม่ค่อยมี
เราออกมาเดินไปทางขวา มุ่งสู่ Kitano Ijinkan
เดินๆไป ฝนมันตกหนักเรื่อยๆแหะะะะ
ระหว่างทางก็ชมบ้านเรือนไป
แล้วก็มาถึงทางขึ้น ต้องขึ้นบันไดไป บ้านเรือนมันชันๆ แต่บรรยากาศเหมือนอยู่ยุโรปเลย
เราเดินไปเรื่อยๆ ชมนู้นชมนี้
ที่นี่จะเหมือนยุโรปยังไงก็ยังมีศาลเจ้าตั้งอยู่ท่ามกลางอย่างโดดเด่น Kitanotenman shrine
ทางขึ้นสูงชันเลย ฝนก็ตกหนักขึ้น นายแม่เลยขอบาย แต่ผมไม่หวั่น ขึ้นไปดูสิ เหมือนตอนดูการ์ตูนเลย เข้าวัดต้องขึ้นบันไดสูงๆเนี่ย
ดูเหมือนที่นี่จะดังเรื่องขอพรด้านความรัก หัวใจเต็มไปหมด รออะไร วิ่งไปขอพรเลยย ได้เครื่องรางมาด้วย อิอิ
หันไปเห็นเป้าหมายแล้ว บ้านไก่ 555 เขาเรียกว่า Weathercock House
ค่าเข้าคน 500 เยน มีแบบเหมาด้วย เข้าได้ทุกหลัง แต่เราจะเข้าที่นี่หลังเดียวแระ ทำไมอ่ะหรือ ผมก็ไม่รู้เหมือนกัน แต่ตอนนั้นดันบอกเขาไปว่าเอาแค่ที่นี่ 5555
ออกมาก็ถ่ายรอบๆ สวยดี ที่เห็นนี่คือฝนยังตกอยู่นะจ๊ะ สู้ๆ
ถ้าซื้อตั๋วรวมก็จะเข้าอาคารนี้ได้
เราจะเดินลงจากเขาเข้าสู้เมือง เดินลงไปเรื่อยตามทางนี้ก็จะถึงย่านช้อปปิ้ง ระยะก็1 สถานีรถไฟ
ระหว่างได้กลิ่นเตะจมูก เตะแรงจนควักเงินจ่ายไป Kazamidori cheese cake อันละ 250 เยน
อร่อยมาก หอมมาก ฟินมาก โดยส่วนตัวชอบชีสอยู่แล้วด้วย ฟินฟิน
เดินลงทาอีกหน่อยก็เจอสตาบัคที่ทุกคนกล่าวถึง เพราะตัวอาคารเนี่ยแหละ คนเยอะมากกกก
แล้วก็เดินอีกสักพัก ก็มาถึงย่านช้อปปิ้ง ถามว่าซื้ออะไรไหม ป่าวหรอก เดินเล่น
ข้างนอกฝนตกหนัก โกเบทาวเวอร์ หรือที่อื่นๆคงไม่ได้ไป อยู่แถวนี้ดีกว่า
เดินๆไปมองที่พื้น มีของโชว์ด้วย
เดินไปสุดทางเริ่มเป็นการเดินหาของกินล่ะ นับมื้อไม่ถูกจริงๆ ถือว่าเป็นมื้อเย็นเลย เพราะสี่ห้าโมงล่ะ
เข้าไปเข้ามาเหมือนมาเจอซอยไชน่าทาวน์ อาหารถูกน่ากิน ลุย (โกเบดังเนื้อวัว แต่พอดีไม่กินเนื้อ เลยตัดของดังข้อนี้ไป)
ชุดข้าวไก่สามรส 750 เยน
ชุดข้าวไข่ไก่ทอด 750 เยน เหมือนกัน แต่เสียนิดหน่อย ร้านนี้สูบบุหรี่ได้ ควันโขมงเลย
กินเสร็จก็ได้เวลาเดินทางต่อไปนาโกยา เราต้องหารถไฟใต้ดินเพื่อไปสถานีชินโกเบ
ระหว่างทางไปสถานีเจอพุดดิ้งโกเบกับพุดดิ้งร้านเบเกอรี่ เลยกวาดมาเลย เป็นทริปที่บ้าพุดดิ้ง
ถึงสถานีชินโกเบ นี่ไง เขาบอกว่าโกเบกับโอซาก้าห่างกันแค่คืบจริงๆ
ชินกันเซนมาแล้ววววว
ใช้เวลาประมาณ ชั่วโมงนิดๆเราก็มาถึง นาโกยา ออกจากสถานีมาก็เจอย่านช้อปปิ้งแบรนด์เนมเลย
เรานั่งรถไฟ สาย Higashiyama ไปลง Sakae Station แล้วเดินต่ออีก 10 นาที ก็ถึง Nagoya travellers Hostel
ใช่แล้ว คืนนี้เราจะนอนโฮสเทล
คือกระเป๋าเราหนักมาก แล้วไม่มีลิฟท์ ต้องฝากไว้ใบนึง แล้วเจ้าของโฮส เอ๊ะ หรือพนง. ก็ช่วยกันแบกกระเป๋าใบเดียวชั้น 4 แค่ใบเดียวยังหอบ 555
เราได้ห้องเตียงสองชั้น
ห้องน้ำแบบแชร์กันใช้ มีที่ชั้น1 กับ 3 เท่านั้น
ปลอกหมอน ผ้าปูเตียง มาหยิบตรงนี้
นี่มันเหมือนอยู่หอในตอนเรียนเลย (หมายถึงระบบนะ สภาพนี้ไม่ขอเทียบ อิอิ) ประตูโฮสเทล มีเวลาปิด ใครจะออกไปท่องราตรีก็จำรหัสเข้าโฮสไว้ มีที่เที่ยวนะ รอบโฮสเทลเลยเป็นร้านนั่งดริ้งได้ ผ้าเช็คตัวไม่มีให้ ต้องเช่า ชั้นสามมีเวลาอาบน้ำและเวลาใช้ไดร์เป่าผมกำหนดไว้ คือ ช่วงก่อนแปดโมงเช้าและหลังสี่ทุ่ม ห้ามอาบห้ามเป่า เพราะมันดัง รบกวนการนอน ถ้าจะอาบหรือเป่าผม ให้ลงไปชั้นหนึ่ง
ที่นี่ลายไสตร์น่ารักๆ ที่ชั้น1 เป็นส่วนกลาง มีทีวี มีน้ำร้อน คนเต็มเลย ส่วนใหญ่ที่มาพักวัยรุ่นทั้งนั้น มีคนไทยด้วย อยากจะเข้าไปสวัสดีงามๆเหมือนกัน แต่ไม่กล้า เห็นเขากินข้าวแล้วคุยกันอยู่ ไม่ค่อยชอบกินเผือก 5555 ชั้นนี้เน็ตแรงสุดเลย ที่ห้องนี่อ่อนมาก เล่นเสร็จค่อยขึ้นห้อง
ผมชิลๆกับบรรยากาศที่นี่นะ แต่นายแม่ไม่โอ นายแม่ชอบความเป็นส่วนตัวกว่านี้ อยากได้ห้องน้ำส่วนตัวไรงี้ ก็เข้าใจนะ เพราะคงไม่ค่อยเจออะไรแบบนี้
ส่วนผมอยู่หอในมาปีนึง แค่นี้สบายมาก
ก่อนนอนก็กินของหวานสักหน่อย 555 เดี๋ยวไม่มีเวลากิน พุดดิ้งโกเบ 270 เยน ก็ใช้ได้ แต่ด้านไปนิด
อีกอันของ Morozuff 324 เยนต่อถ้วย สอยรสพีชกับรสธรรมดามา ก็ใช้ได้เหมือนกัน
อิ่มแล้ว สบายใจ พักเอาแรง พรุ่งนี้ลุยนาโกยาต่อ