พระอาจารย์เหรียญ วรลาโภ
วัดอรัญญบรรพต
อ.ศรีเชียงใหม่ จ.หนองคาย
...
กุศล แปลว่า ความฉลาด ฉลาดในความจริงของชีวิต
หรือฉลาดในเรื่องอื่นๆก็เหมือนกันนะ คำว่ากุศลนั้นน่ะ
มันหมายเอาอย่างนี้ ไม่ใช่ว่ามันจะเป็นตัวเป็นรูปเป็นร่างอะไรอย่างนั้น
ที่ว่าผลบุญกุศลอำนวยให้มีความสุขความเจริญนั้น
มันก็หมายความว่า เมื่อได้พิจารณาเห็นร่างกายขันธ์ ๕ ธาตุ ๔ อันนี้
ไม่ใช่เป็นตัวตนของตน ไม่ใช่ของเราของเขาแล้วอย่างนี้
มันก็ไม่ใช้ขันธ์ ๕ นี้ไปทำบาปเบียดเบียนบุคคลอื่นและสัตว์อื่น
ใช้มันทำแต่ประโยชน์ตนและผู้อื่นเท่านั้นอย่างนี้นะ
นี้เมื่อหมดบุญหมดวาสนานี้ลงไปแล้ว
บุญกรรมที่ทำนี้ก็อำนวยผลให้เป็นสุขในกาลต่อไป
ถ้าบุคคลไม่ฉลาด พิจารณาขันธ์ ๕ ไม่เห็นตามเป็นจริงอย่างว่านี้นะ
ไปยึดถือตัวตนอยู่ก็เอาล่ะ..ไปทำบาปมาเลี้ยงมันน่ะ
ไม่มีอาหารดีๆเลี้ยงมันก็กลัวมันจะตาย กลัวมันจะชำรุดทรุดโทรมง่าย
เอ้า ถ้าจะไปซื้ออาหารตามที่เขาทำไว้ในตลาดเรียบร้อยแล้วตัวก็ไม่มีเงินมาก
ก็ไปเที่ยวจับสัตว์มาฆ่าทำเป็นอาหารรับประทานกันไปอย่างนี้
แต่ว่า
คนผู้ที่ไม่เห็นแจ้งในเรื่องบาปบุญคุณโทษมันไม่สะดุ้งหรอก
นึกว่าเป็นเรื่องธรรมดาการทำมาหากินนะ นี้ล่ะไม่สะดุ้งเลย
มันสะดุ้งเท่าแต่คนผู้ที่มาเห็นแจ้งในธรรมคำสอนของพระพุทธเจ้าเท่านั้นแหละ
เห็นแจ้งว่า บาปนั้นมีจริงๆ เราเชื่อคำสอนของพระองค์
นั่นล่ะผู้ใดเชื่อคำสอนของพระองค์แล้ว ผู้นั้นก็ไม่กล้าทำบาป
เพราะมันมีความรู้สึกอยู่ในใจนี้เสมอๆ ว่าการเบียดเบียนบุคคลอื่นและสัตว์อื่นนี้
เมื่อเราทำเขาให้เป็นทุกข์อย่างนี้นะแล้วบัดนี้
ไอ้ความทุกข์นั้นจะไม่มาสนองตนนี้มันไม่มีในโลกนี้
ถ้าเช่นนั้นก็แสดงว่า ทำบาปก็ไม่ได้บาปอะไร
จะไปฆ่าคนตายทั้งคนก็ไม่มีผลอะไรตอบสนองอย่างนี้
โห..มันผิดหลักธรรมดา พระพุทธเจ้าทรงตรัสรู้แจ้งแทงตลอดแล้วอย่างนี้
ผู้ใดทำกรรมอันใดต้องได้รับผลแห่งกรรมอันนั้น
ถ้าบุคคลใดมาพิจารณาเห็นตามคำสอนพระพุทธเจ้าอย่างนี้
มันก็ไม่เบียดเบียนกันน่ะ มันก็แสวงหาเลี้ยงชีพแต่ในทางที่ชอบนั้นแหละ
เมื่อเห็นชัดว่ากายนี้ไม่ใช่ของเราก็ไม่ทำบาปมาเลี้ยงมัน : หลวงปู่เหรียญ วรลาโภ
พระอาจารย์เหรียญ วรลาโภ
วัดอรัญญบรรพต
อ.ศรีเชียงใหม่ จ.หนองคาย
...
กุศล แปลว่า ความฉลาด ฉลาดในความจริงของชีวิต
หรือฉลาดในเรื่องอื่นๆก็เหมือนกันนะ คำว่ากุศลนั้นน่ะ
มันหมายเอาอย่างนี้ ไม่ใช่ว่ามันจะเป็นตัวเป็นรูปเป็นร่างอะไรอย่างนั้น
ที่ว่าผลบุญกุศลอำนวยให้มีความสุขความเจริญนั้น
มันก็หมายความว่า เมื่อได้พิจารณาเห็นร่างกายขันธ์ ๕ ธาตุ ๔ อันนี้
ไม่ใช่เป็นตัวตนของตน ไม่ใช่ของเราของเขาแล้วอย่างนี้
มันก็ไม่ใช้ขันธ์ ๕ นี้ไปทำบาปเบียดเบียนบุคคลอื่นและสัตว์อื่น
ใช้มันทำแต่ประโยชน์ตนและผู้อื่นเท่านั้นอย่างนี้นะ
นี้เมื่อหมดบุญหมดวาสนานี้ลงไปแล้ว
บุญกรรมที่ทำนี้ก็อำนวยผลให้เป็นสุขในกาลต่อไป
ถ้าบุคคลไม่ฉลาด พิจารณาขันธ์ ๕ ไม่เห็นตามเป็นจริงอย่างว่านี้นะ
ไปยึดถือตัวตนอยู่ก็เอาล่ะ..ไปทำบาปมาเลี้ยงมันน่ะ
ไม่มีอาหารดีๆเลี้ยงมันก็กลัวมันจะตาย กลัวมันจะชำรุดทรุดโทรมง่าย
เอ้า ถ้าจะไปซื้ออาหารตามที่เขาทำไว้ในตลาดเรียบร้อยแล้วตัวก็ไม่มีเงินมาก
ก็ไปเที่ยวจับสัตว์มาฆ่าทำเป็นอาหารรับประทานกันไปอย่างนี้
แต่ว่า คนผู้ที่ไม่เห็นแจ้งในเรื่องบาปบุญคุณโทษมันไม่สะดุ้งหรอก
นึกว่าเป็นเรื่องธรรมดาการทำมาหากินนะ นี้ล่ะไม่สะดุ้งเลย
มันสะดุ้งเท่าแต่คนผู้ที่มาเห็นแจ้งในธรรมคำสอนของพระพุทธเจ้าเท่านั้นแหละ
เห็นแจ้งว่า บาปนั้นมีจริงๆ เราเชื่อคำสอนของพระองค์
นั่นล่ะผู้ใดเชื่อคำสอนของพระองค์แล้ว ผู้นั้นก็ไม่กล้าทำบาป
เพราะมันมีความรู้สึกอยู่ในใจนี้เสมอๆ ว่าการเบียดเบียนบุคคลอื่นและสัตว์อื่นนี้
เมื่อเราทำเขาให้เป็นทุกข์อย่างนี้นะแล้วบัดนี้
ไอ้ความทุกข์นั้นจะไม่มาสนองตนนี้มันไม่มีในโลกนี้
ถ้าเช่นนั้นก็แสดงว่า ทำบาปก็ไม่ได้บาปอะไร
จะไปฆ่าคนตายทั้งคนก็ไม่มีผลอะไรตอบสนองอย่างนี้
โห..มันผิดหลักธรรมดา พระพุทธเจ้าทรงตรัสรู้แจ้งแทงตลอดแล้วอย่างนี้
ผู้ใดทำกรรมอันใดต้องได้รับผลแห่งกรรมอันนั้น
ถ้าบุคคลใดมาพิจารณาเห็นตามคำสอนพระพุทธเจ้าอย่างนี้
มันก็ไม่เบียดเบียนกันน่ะ มันก็แสวงหาเลี้ยงชีพแต่ในทางที่ชอบนั้นแหละ