สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 2
จากประสบการณ์ รูปแบบของธุรกิจ ที่คุณทำอยู่ เป็นธุรกิจบริการ ซึ่งใช้เงินลงทุน เริ่มต้นจัดตั้งบริษัท
จดทะเบียนให้ถูกต้อง และ ตกแต่งสำนักงาน ให้มีความน่าเชื่อถือ ในการสร้างภาพลักษณ์ให้เกิดความ
ไว้วางใจ สำหรับลูกค้า หรือ องค์กร ทั้งภาครัฐและเอกชน
โดยการรับงาน คุณจะต้องนำเสนอ ลูกค้า ในรูปแบบของการบริการ ติดตั้งระบบต่างๆ ตามความเชี่ยวชาญ
ของบริษัทฯ โดย ในใบเสนอราคา คุณจะต้องนำเสนอต่อลูกค้า แยกประเภทของงานให้ชัดเจน ในใบเสนอ
ราคาว่า ค่าอุปกรณ์ทั้งหมดที่จะต้องชื้อ มีอะไรบ้าง จำนวนเงินเท่าใด ราคา รวมภาษี ทุกๆอย่างเรียบร้อย
เพราะในส่วนนี้ จะต้องขอเบิกเงินกับลูกค้ามาก่อน ซึ่งเรื่องนี้เป็นที่รู้กันในวงการธุรกิจนี้
ส่วนที่ 2 คือ ค่าแรงบริการ ในส่วนนี้ จะแยกออกมาเป็นอีก 1 หมวด เพื่อให้ง่าย ต่อการ หักภาษี และแยก
ประเภท ของการเสียภาษี ซึ่งจะแตกต่างกัน กับ หมวด ค่าชื้ออุปกรณ์ ในเรื่อง ค่าแรงตรงจุดนี้ คุณจะได้รับ
ก็ต่อเมื่อ งานแล้วเสร็จ กี่ % ขึ้นอยู่กับข้อตกลงและเงื่อนไข 30 ,20, 50 เมื่องานแล้วเสร็จ โดยทั่วๆไป จะ
แบ่งออกเป็น 3 ครั้ง เพื่อป้องกัน การทิ้งงาน หรือ งานไม่เรียบร้อย สมบูรณ์
ส่วนที่ 3 การบริการ หลังระบบแล้วเสร็จ ในการเข้ามาดู แต่ละครั้ง คุณคิดค่าบริการเท่าไหร่ ในเรื่องค่าแรง
ในการเข้ามา ดูแลระบบ กี่เดือนครั้ง ก็ว่ากันไป ส่วนค่าซื้ออุปกรณ์ซ่อม เสริม คุณก็เบิกตามบิลจริง นี่คือ
รูปแบบของธุรกิจ ที่คุณกำลังดำเนินการอยู่ ระบบ ดำเนินการของธุรกิจ ของคุณจะต้องเป็นในลักษณะนี้
จึงจะไปรอดได้อย่างยั่งยืน
หากคุณจะต้อง ออกเงินซื้ออุปกรณ์เข้าไปทำให้กับลูกค้าก่อน อย่างที่คุณกล่าวมา ว่าต้องใช้เงินทุนเพื่อ
ซื้อของมาทำงานก่อน หากคุณทำธุรกิจ ในรูปแบบดังกล่าว คุณได้ลูกค้ามาแน่นอน ไม่ใช่เรื่องแปลกเลย
แต่ คุณเสี่ยงในหลายๆด้านมากๆ Ok. รูปแบบดังกล่าว คุณอาจจะได้กำไรเยอะ เพราะไม่ต้องโชว์รายละเอียด
ค่าซื้ออุปกรณ์ คือ เหมามาทั้งหมดเลย แต่ คุณจะทำในรูปแบบดังกล่าวได้ จะต้องมีเงินทุนเยอะจริงๆ
คุณพึ่งเริ่มต้นธุรกิจ คุณจะต้อง สร้างความชัดเจน สร้างฝีไม้รายมือ บริการให้ลูกค้าเชื่อใจ เห็นผลงาน คุณ
จะต้องมุ่งเน้นไปที่รายได้ของ การบริการในระยะยาว เพราะไม่ค่อยมีใครทำ งานระบบ ส่วนใหญ่ ไม่ค่อย
กลับมาสนใจบริการหลังติดตั้งแล้วเสร็จ ทั้งๆที่ หัวใจ ความสำเร็จ รายได้ของธุรกิจนี้ อยู่ตรงจุดนี้ สำคัญ
คุณลองวาดภาพดูว่า หากคุณจับงานได้ ชัก 20 งานต่อปี เมื่อติดตั้งระบบแล้วเสร็จ คุณเพียงแค่ หันกลับ
มาวางแผน การเข้าไปบริการ ดูแล ทั้ง 20 ผลงานนั้น อย่างต่อเนื่อง สม่ำเสมอ คุณจะมีรายได้ ต่อเดือน
เท่าไหร่ คำนวนเป็นตัวเลข / ปี ออกมาได้อย่างชัดเจน ต้องค่อยๆ เริ่มจากเล็กๆ ก้าวขึ้นไปเรื่อยๆ การทำ
ธุรกิจดังกล่าว จะรีบร้อนไม่ได้ หากเร่งรีบ ไม่รอดชักราย หลงกับดักของงานที่เข้ามา จากลูกค้า
เพราะคุณไปออกเงินซื้อของเข้าไปทำให้ลูกค้าก่อน ใครจะไม่จ้างคุณทำงาน คุณกำลังเดินธุรกิจแบบเดิมๆ
เอาใจลูกค้าก่อน เอางานมาให้ได้ก่อน มันสามารถทำได้ แต่ไม่ใช่ตอนที่เราพึ่งจะเริ่มก้าว เริ่มตั้งต้น ต่อให้
คุณไปกู้เงินมาทำได้ คุณก็จะปวดหัวกับการจ่ายดอก จ่ายหนี้ แทนที่จะมาคิดเรื่องการวางแผนงาน หางาน
การนำเสนองานที่ดี จะต้อง ซื่อสัตย์ทั้งต่อตนเอง บริษัทฯของเรา และ ลูกค้า ให้มันชัดเจน ตั้งแต่เริ่มต้น
ทั้งกับเราและลูกค้า ไม่ต้องมาแบกภาระต้นทุนการซื้อของ เพราะเราแบบภาระค่าแรง ไว้แล้ว หากลูกค้า
อยากให้เราทำงาน อยากจ้างเรา เขาจะต้องมีเงิน สำรองค่าซื้อของมาให้เรา สามารถทำงานได้ เอาบิลให้
ลูกค้า ไม่ต้องมานั่งเก็บบิล ทำบัญชีให้ปวดหัว สิ้นเปลืองเวลา แยกให้ชัดเจน แล้วจะเห็นต้นทุน กำไร
เรื่องการยื่นกู้แบงค์ บริษัทฯ ต้องเปิดดำเนินการ มาครบ 1 ปี โดยมี ระบบ การจัดการ ด้านการเงิน ภาษี ตาม
ที่กล่าวมาชัดเจน เงินเข้าหมุนเวียนในบัญชี บริษัท และบัญชี ส่วนตัว แยกประเภท ให้ลูกค้าโอนเงินเข้า แยก
ไปเลยว่า บัญชีนี้ เฉพาะค่าซื้ออุปกรณ์ เปิดหลายๆบัญชี หลายๆธนาคารได้ เพื่อสร้างเครดิต ให้กับธุรกิจ
ตนเอง หากอนาคต อยากจะกู้ หรือ ขยับ ขยายอะไร ก็จะง่าย
นักธุรกิจ รุ่นใหม่ จะต้องเข้าแบงค์ฝาก ถอนบ่อยๆ อย่าไปคิดว่าเสียเวลา มันสำคัญ สร้างเครดิตให้กับตนเอง
รู้จักคนในแบงค์ไว้ ให้เขาเห็นหน้าบ่อยๆ เดี๋ยวสิ่งดีๆ มันจะเกิดขึ้นตามมาเอง
จดทะเบียนให้ถูกต้อง และ ตกแต่งสำนักงาน ให้มีความน่าเชื่อถือ ในการสร้างภาพลักษณ์ให้เกิดความ
ไว้วางใจ สำหรับลูกค้า หรือ องค์กร ทั้งภาครัฐและเอกชน
โดยการรับงาน คุณจะต้องนำเสนอ ลูกค้า ในรูปแบบของการบริการ ติดตั้งระบบต่างๆ ตามความเชี่ยวชาญ
ของบริษัทฯ โดย ในใบเสนอราคา คุณจะต้องนำเสนอต่อลูกค้า แยกประเภทของงานให้ชัดเจน ในใบเสนอ
ราคาว่า ค่าอุปกรณ์ทั้งหมดที่จะต้องชื้อ มีอะไรบ้าง จำนวนเงินเท่าใด ราคา รวมภาษี ทุกๆอย่างเรียบร้อย
เพราะในส่วนนี้ จะต้องขอเบิกเงินกับลูกค้ามาก่อน ซึ่งเรื่องนี้เป็นที่รู้กันในวงการธุรกิจนี้
ส่วนที่ 2 คือ ค่าแรงบริการ ในส่วนนี้ จะแยกออกมาเป็นอีก 1 หมวด เพื่อให้ง่าย ต่อการ หักภาษี และแยก
ประเภท ของการเสียภาษี ซึ่งจะแตกต่างกัน กับ หมวด ค่าชื้ออุปกรณ์ ในเรื่อง ค่าแรงตรงจุดนี้ คุณจะได้รับ
ก็ต่อเมื่อ งานแล้วเสร็จ กี่ % ขึ้นอยู่กับข้อตกลงและเงื่อนไข 30 ,20, 50 เมื่องานแล้วเสร็จ โดยทั่วๆไป จะ
แบ่งออกเป็น 3 ครั้ง เพื่อป้องกัน การทิ้งงาน หรือ งานไม่เรียบร้อย สมบูรณ์
ส่วนที่ 3 การบริการ หลังระบบแล้วเสร็จ ในการเข้ามาดู แต่ละครั้ง คุณคิดค่าบริการเท่าไหร่ ในเรื่องค่าแรง
ในการเข้ามา ดูแลระบบ กี่เดือนครั้ง ก็ว่ากันไป ส่วนค่าซื้ออุปกรณ์ซ่อม เสริม คุณก็เบิกตามบิลจริง นี่คือ
รูปแบบของธุรกิจ ที่คุณกำลังดำเนินการอยู่ ระบบ ดำเนินการของธุรกิจ ของคุณจะต้องเป็นในลักษณะนี้
จึงจะไปรอดได้อย่างยั่งยืน
หากคุณจะต้อง ออกเงินซื้ออุปกรณ์เข้าไปทำให้กับลูกค้าก่อน อย่างที่คุณกล่าวมา ว่าต้องใช้เงินทุนเพื่อ
ซื้อของมาทำงานก่อน หากคุณทำธุรกิจ ในรูปแบบดังกล่าว คุณได้ลูกค้ามาแน่นอน ไม่ใช่เรื่องแปลกเลย
แต่ คุณเสี่ยงในหลายๆด้านมากๆ Ok. รูปแบบดังกล่าว คุณอาจจะได้กำไรเยอะ เพราะไม่ต้องโชว์รายละเอียด
ค่าซื้ออุปกรณ์ คือ เหมามาทั้งหมดเลย แต่ คุณจะทำในรูปแบบดังกล่าวได้ จะต้องมีเงินทุนเยอะจริงๆ
คุณพึ่งเริ่มต้นธุรกิจ คุณจะต้อง สร้างความชัดเจน สร้างฝีไม้รายมือ บริการให้ลูกค้าเชื่อใจ เห็นผลงาน คุณ
จะต้องมุ่งเน้นไปที่รายได้ของ การบริการในระยะยาว เพราะไม่ค่อยมีใครทำ งานระบบ ส่วนใหญ่ ไม่ค่อย
กลับมาสนใจบริการหลังติดตั้งแล้วเสร็จ ทั้งๆที่ หัวใจ ความสำเร็จ รายได้ของธุรกิจนี้ อยู่ตรงจุดนี้ สำคัญ
คุณลองวาดภาพดูว่า หากคุณจับงานได้ ชัก 20 งานต่อปี เมื่อติดตั้งระบบแล้วเสร็จ คุณเพียงแค่ หันกลับ
มาวางแผน การเข้าไปบริการ ดูแล ทั้ง 20 ผลงานนั้น อย่างต่อเนื่อง สม่ำเสมอ คุณจะมีรายได้ ต่อเดือน
เท่าไหร่ คำนวนเป็นตัวเลข / ปี ออกมาได้อย่างชัดเจน ต้องค่อยๆ เริ่มจากเล็กๆ ก้าวขึ้นไปเรื่อยๆ การทำ
ธุรกิจดังกล่าว จะรีบร้อนไม่ได้ หากเร่งรีบ ไม่รอดชักราย หลงกับดักของงานที่เข้ามา จากลูกค้า
เพราะคุณไปออกเงินซื้อของเข้าไปทำให้ลูกค้าก่อน ใครจะไม่จ้างคุณทำงาน คุณกำลังเดินธุรกิจแบบเดิมๆ
เอาใจลูกค้าก่อน เอางานมาให้ได้ก่อน มันสามารถทำได้ แต่ไม่ใช่ตอนที่เราพึ่งจะเริ่มก้าว เริ่มตั้งต้น ต่อให้
คุณไปกู้เงินมาทำได้ คุณก็จะปวดหัวกับการจ่ายดอก จ่ายหนี้ แทนที่จะมาคิดเรื่องการวางแผนงาน หางาน
การนำเสนองานที่ดี จะต้อง ซื่อสัตย์ทั้งต่อตนเอง บริษัทฯของเรา และ ลูกค้า ให้มันชัดเจน ตั้งแต่เริ่มต้น
ทั้งกับเราและลูกค้า ไม่ต้องมาแบกภาระต้นทุนการซื้อของ เพราะเราแบบภาระค่าแรง ไว้แล้ว หากลูกค้า
อยากให้เราทำงาน อยากจ้างเรา เขาจะต้องมีเงิน สำรองค่าซื้อของมาให้เรา สามารถทำงานได้ เอาบิลให้
ลูกค้า ไม่ต้องมานั่งเก็บบิล ทำบัญชีให้ปวดหัว สิ้นเปลืองเวลา แยกให้ชัดเจน แล้วจะเห็นต้นทุน กำไร
เรื่องการยื่นกู้แบงค์ บริษัทฯ ต้องเปิดดำเนินการ มาครบ 1 ปี โดยมี ระบบ การจัดการ ด้านการเงิน ภาษี ตาม
ที่กล่าวมาชัดเจน เงินเข้าหมุนเวียนในบัญชี บริษัท และบัญชี ส่วนตัว แยกประเภท ให้ลูกค้าโอนเงินเข้า แยก
ไปเลยว่า บัญชีนี้ เฉพาะค่าซื้ออุปกรณ์ เปิดหลายๆบัญชี หลายๆธนาคารได้ เพื่อสร้างเครดิต ให้กับธุรกิจ
ตนเอง หากอนาคต อยากจะกู้ หรือ ขยับ ขยายอะไร ก็จะง่าย
นักธุรกิจ รุ่นใหม่ จะต้องเข้าแบงค์ฝาก ถอนบ่อยๆ อย่าไปคิดว่าเสียเวลา มันสำคัญ สร้างเครดิตให้กับตนเอง
รู้จักคนในแบงค์ไว้ ให้เขาเห็นหน้าบ่อยๆ เดี๋ยวสิ่งดีๆ มันจะเกิดขึ้นตามมาเอง
แสดงความคิดเห็น
เปิดบริษัทมา 9เดือน ประสบปัญหาเรื่องเงินลงทุน ขอคำแนะนำครับ
ตอนนี้ผมพบปัญหาด้านการเงิน เนื่องจากผมเองไม่มีเงินทุนมาตั้งแต่ตอนเปิดแรกๆ อาศัยจับงานชนงาน รับงานนี้เอาเงินที่ได้ไปลงทุนงานต่อไป ผมทำแบบนี้มาตลอด จนหลังๆ มีงานปรับปรุงสำนักงานเข้ามา ซึ่งมันต้องใช้เงินลงทุนค่อนข้างเยอะ ผมเองก็ได้ลองเสี่ยงรับมาทำ โดยขอเงินส่วนหนึ่งมาจากลูกค้ามาลงทุนของก่อน จนสามารถทำจนประสบความสำเร็จ. แต่หลังจากนั้นมันไม่ฟรุ๊คแบบนี้แล้ว เนื่องจากลูกค้าส่วนใหญ่ไม่ค่อยอยากจ่ายเงินงวดแรกในปริมาณมาก จึงทำให้ผมต้องออกเงินลงทุนค่อนข้างสูง ซึ่งผมเองอย่างที่บอกคือ ไม่มีเงินทุน จึงได้วิ่งหากู้เงินจากแบงค์ต่างๆ แต่ก็โดนปฎิเสธมาตลอด ด้วยเหตุผล 2ประการคือ
1. ผมเป็นเจ้าของธุรกิจ ไม่มีเงินเดือนประจำ
2. อายุบริษัทไม่ถึง 1ปี(บ้างที่เอา3ปี)
ตอนนี้ผมเครียดมาก เพราะมีงานมารออยู่ 3-4งาน ซึ่งผมไม่มีเงินไปซื้อของมาทำ ครั้นจะปล่อยงานหลุดไปเฉยๆก็ดูจะโหดร้ายกับผมมาก งานกว่าจะหาได้ก็ยากแล้ว แต่พอได้งานผมดันไม่มีเงินไปลงของ
ทั้งนี้ ผมมีเอกสารใบเสนอราคา ,ใบPOจากลูกค้า , statement (ทั้งหมดตั้งแต่เริ่มทำธุรกิจ). ผมมีหลักฐานทุกอย่างที่แสดงให้ทราบว่าผมดำเนินธุรกิจจริงๆ มีการรับ-จ่ายเงินจากทางลูกค้ามาตลอด. ผมควรทำยังไงดี? ผมเครียดมากๆเลยครับ ขอคำแนะนำทีครับผม