ดังที่เราล้วนทราบ ทักษิณได้ขายหุ้น Shin ที่ถืออยู่ 49 เปอร์เซ็นออกไปทั้งหมดที่ราคา 49 บาท
หลังจากนั้น หุ้นได้ปรับตัวลดลงไปอยู่แถว 25-35 บาท ซึ่งเป็นราคาที่อยู่มาก่อนทีจะมีข่าวการเทคโอเวอร์
ใช้เวลาหลายปีกว่าราคาหุ้นในตลาดจะขึ้นมาถึงจุดคุ้มทุนที่จะทำกำไรได้
จนในปี 64 GULF ได้ทำเทนเดอร์เสนอซื้อหุ้น ในราคา 65 บาท ดิดเป็น 42% ด้วยวงเงิน 80,000 ล้านบาท
(มีการซ์้อสะสม มาบ้างก่อนหน้านั้น )
ในที่สุดเทมาเส็ก ก็ได้ขายหุ้น shin ออกไป หลังจาดที่ถือมายาวนานถึง 15 ปี
ด้วยกำไรที่ก็ดูไม่น่าคุ้มค่าที่จะลงทุนนัก และก็ดูเหมือนว่าไม่ได้พิศมัยในธุรกิจนี้สักเท่าไร
เอาไปลงทุนอย่างอื่น ซื้อหุ้นอื่นจะดีกว่าไหม? ได้ผลตอบแทนกว่าไหม?
สำหรับผู้ขาย ดร ทักษิณ ตอนนั้นนับขายได้ราคาดีทีเดียว ถ้าไม่ดีเขาก็คงไม่ขาย
มีเหตุผลที่ต้องการตัดครหาผลประโยชน์ทับซ้อนธุรกิจด้วยหรือมไม่ ก็ไม่แน่ใจ
ภายหลังต้องนึกเสียใจที่ขายไป คาดไม่ถึงแน่ๆ ว่าขายแล้วจะโดนยึดทรัพย์
ถ้ายังอยู่เป็นหุ้นในตลาดหลักทรัพย์ ไม่ว่าคณะไหนขึ้นมา เชื่อว่าไม่กล้ายึดหุ้น shin ในตลาดหลักทรัพย์
ย้อนรอยดีล อะไรดลใจให้เทมาเส็ก ในตอนนั้นอยากได้หุ้น Shin
หลังจากนั้น หุ้นได้ปรับตัวลดลงไปอยู่แถว 25-35 บาท ซึ่งเป็นราคาที่อยู่มาก่อนทีจะมีข่าวการเทคโอเวอร์
ใช้เวลาหลายปีกว่าราคาหุ้นในตลาดจะขึ้นมาถึงจุดคุ้มทุนที่จะทำกำไรได้
จนในปี 64 GULF ได้ทำเทนเดอร์เสนอซื้อหุ้น ในราคา 65 บาท ดิดเป็น 42% ด้วยวงเงิน 80,000 ล้านบาท
(มีการซ์้อสะสม มาบ้างก่อนหน้านั้น )
ในที่สุดเทมาเส็ก ก็ได้ขายหุ้น shin ออกไป หลังจาดที่ถือมายาวนานถึง 15 ปี
ด้วยกำไรที่ก็ดูไม่น่าคุ้มค่าที่จะลงทุนนัก และก็ดูเหมือนว่าไม่ได้พิศมัยในธุรกิจนี้สักเท่าไร
เอาไปลงทุนอย่างอื่น ซื้อหุ้นอื่นจะดีกว่าไหม? ได้ผลตอบแทนกว่าไหม?
สำหรับผู้ขาย ดร ทักษิณ ตอนนั้นนับขายได้ราคาดีทีเดียว ถ้าไม่ดีเขาก็คงไม่ขาย
มีเหตุผลที่ต้องการตัดครหาผลประโยชน์ทับซ้อนธุรกิจด้วยหรือมไม่ ก็ไม่แน่ใจ
ภายหลังต้องนึกเสียใจที่ขายไป คาดไม่ถึงแน่ๆ ว่าขายแล้วจะโดนยึดทรัพย์
ถ้ายังอยู่เป็นหุ้นในตลาดหลักทรัพย์ ไม่ว่าคณะไหนขึ้นมา เชื่อว่าไม่กล้ายึดหุ้น shin ในตลาดหลักทรัพย์