ใครฆ่า??

กระทู้สนทนา
ป็นเรื่องสั้นแนวนี้ อาชญากรรม เรื่องแรกที่เขียน...
ปกติ...หลิวจะไม่ค่อยเขียนแนวนี้เท่าไหร่ค่ะ
เพราะ...ไม่ค่อยถนัด...และไม่ค่อยมีความรู้ด้านนี้เลย
หาความรู้มาพอประมาณ แต่ก็ยังกลัวข้อมูลผิดพลาด
ถ้าข้อมูลไม่ถูกต้องยังไง ต้องขออภัยด้วยนะคะ..
สามารถแนะนให้แก้ไขได้นะคะ..จะขอบคุณมากเลยค่ะ

............................

“เลือด ยาพิษ หมอ”
วิทวัสตำรวจหนุ่มไฟแรงนั่งอ่านข้อความสุดท้ายของเอฬิณาดาราสาวชื่อดัง
ที่เสียชีวิตด้วยอาการหัวใจล้มเหลวเฉียบพลันจากการช็อค
ซึ่งทางตำรวจได้ตัดสินว่าเป็นคดีฆาตกรรมมากกว่าการป่วยตายแบบธรรมดา

“เฮ้ย...คดีก็ปิดไปแล้ว ฆาตกรก็ยอมรับสารภาพแล้ว
แกยังจะคาใจอะไรอีกวะไอ่วิท กลับบ้านไปนอนได้แล้ว
จะเที่ยงคืนแล้วเนี่ย ไม่หลับไม่นอนบ้างรึไง”
ดำริเพื่อนตำรวจเจ้าสำราญเดินเข้ามาทักพร้อมทั้งไล่วิทวัสให้กลับบ้านด้วยความเป็นห่วง
คดีเรื่องการเสียชีวิตของเอฬิณาเพิ่งถูกปิดไปเมื่อวาน
ด้วยการรับสารภาพจาก ดร.สุรธี เวทวงศ์ หมอเจ้าของไข้ของเอฬิณา
ว่าเขาเป็นคนจ่ายสารเคมีประเภทสเตียรอยด์
เพื่อกระตุ้นให้เกิดอาการช็อคกับผู้ที่มีภาวะหัวใจล้มเหลวมาก่อนอย่างเอฬิณา
ด้วยเหตุผลส่วนตัวว่าดาราสาวเคยทำแท้งลูกในท้องของเธอซึ่งมีเขาเป็นพ่อ
จนเป็นเหตุให้เด็กในท้องซึ่งถือว่าเป็นลูกของเขาต้องเสียชีวิต
ด้วยความแค้นที่เอฬิณาฆ่าลูกของเขา
เมื่อเธอป่วยและมารับการรักษาโดยไว้ใจให้เขาเป็นเจ้าของไข้
สุรธีก็ตัดสินใจให้สารกระตุ้นอาการช็อคจนนำไปสู่ภาวะหัวใจล้มเหลวเฉียบพลันของเอฬิณา

“แต่ฉันไม่คิดว่าสุรธีเป็นคนฆ่า มันทะยิ้มๆยังไงไม่รู้
ถ้าเขาเป็นคนทำแต่แรก หรือตั้งใจจะยอมรับสารภาพเขาก็ทำไปนานแล้ว
ทำไมเพิ่งมายอมรับหลังจากที่ตำรวจเริ่มสาวคดีมากขึ้น”
วิทวัสตั้งข้อสงสัยที่ไม่มีทางแก้หายไปจากใจเขา

“ก็คงกลัวได้รับโทษหนักน่ะแหละ คดีฆาตกรรมเชียวนะ
รีบรับสารภาพก่อนถูกจับได้ก็ยังสามารถลดโทษจากหนักให้เป็นเบาได้” ดำริว่า

“มันไม่น่าจะมีแค่นั้นน่ะสิ สุรธีเป็นถึงหมอเจ้าของไข้
เขาไม่น่าเสี่ยงกับอะไรที่ทำให้เขาต้องเป็นผู้ต้องสงสัยขนาดนั้น
แบบนั้นมันโง่เกินไป ดำริ” วิทวัสแย้ง

“นี่นายวิท นายลืมไปแล้วหรือไงว่า
กว่าเราจะสะสางคดีนี้ได้ใช้เวลาร่วมสองอาทิตย์
กว่าจะหาสาเหตุการตายของเอฬิณา
เราแทบไม่คิดเลยด้วยซ้ำว่าคดีนี้เป็นการฆาตกรรม
ถ้าไม่เจอกระดาษแผ่นสุดท้ายที่ผู้ตายเขียนไว้
กว่าเราจะค้นพบว่าสุรธีนั้นให้สารพิษผ่านน้ำเกลือของเอฬิณา
เราแทบจะบ้ากันตาย เพราะอะไร นายจำได้มั้ย
ก็วีธีของเขามันโคตรแนบเนียนเลยล่ะสิ
สารที่ให้วันละนิดหน่อยเริ่มสะสมที่ละนิดจนเมื่อมันมากขึ้นก็ทำให้เธอช็อค
และเกิดภาวะหัวใจล้มเหลวในที่สุด
แน่นอน ถ้ายัยเอฬิณาไม่เขียนข้อความในกระดาษไว้
มันก็จะเป็นการตายแบบธรรมดา
แต่เผอิญยัยนี่ฉลาด รู้ว่าตัวเองกำลังโดนวางยาก็เลยใบ้ไว้ว่าใครคือฆาตกร”
ดำริบ่นขึ้นมา กว่าจะสืบคดีนี้ได้พวกตำรวจแทบเป็นบ้ากันตาย
ต้องทำงานหามรุ่งหามค่ำเพื่อสืบเสาะถึงสาเหตุการตายที่แท้จริงของเอฬิณา
ด้วยความที่เธอเป็นดาราดังจะปิดคดีไปเฉยๆ โดยไม่หาตัวผู้ร้ายก็ไม่ได้
จะเอาเจ้าหน้าที่มาชันสูตรศพหาสาเหตุการตายก็ไม่ได้เนื่องจากเอฬิณาเป็นมุสลิม
ทำให้ไม่สามารถผ่าศพมาชันสูตรได้
กว่าพวกเขาจะรู้ก็เมื่อเช็คการเบิกยาจากห้องจ่ายยา
และพบว่าสุรธีได้มีการสั่งยาในลักษณะนี้ออกไป
ซึ่งหมอที่ตำรวจให้มาช่วยคดีก็ยืนยันว่าสารชนิดนี้สามารถทำปฏิกิริยา
ให้ผู้ที่เคยมีภาวะหัวใจล้มเหลวมาก่อนมาก่อนอย่างเอฬิณา
เกิดภาวะหัวใจล้มเหลวเฉียบพลันจากการช็อกได้

แน่นอนว่าฝ่ายตำรวจยังพิสูจน์ไม่ได้ว่าสุรธีเป็นคนทำจริงหรือไม่
แต่เขาจะอยู่ในข่ายผู้ต้องสงสัย
แต่พวกเขาก็ขาดหลักฐานที่สุรธีได้จ่ายยานี้ให้กับเอฬิณา
แม้เขาจะมีการเบิกยานี้ไปสำหรับการรักษาจริง
แต่บางทีเขาอาจจะนำยานี้ไปรักษาให้คนไข้รายอื่นไม่ใช่เพื่อมาฆาตกรรมเอฬิณา
จนกระทั่งสุรธีออกมายอมรับเอง คดีนี้จึงสิ้นสุด
แม้ตำรวจจะยังมีความงงงวยอยู่บ้างกับการยอมมอบตัวของสุรธีก็ตาม

“ฉันรู้ แต่มันง่ายเกินไป” วิทวัสยังคงสงสัย
แต่ดำริกลับส่ายหน้าและเดินขอตัวจากไปเสียแล้ว
วิทวัสนั่งครุ่นคิดจนกระทั่งเพื่อนเก่าสมัยเรียนเดินเข้ามาหา
“เฮ้ย...ไอ่วิท ยังอยู่อีก” เพื่อนสนิทที่คุ้นเคยมานานหรือปรเมศเดินเข้ามาทัก
“อ้าว..ไอ้เมศ มาทำอะไรโรงพักดึกๆดื่นๆ” วิทวัสถามด้วยความสงสัย
ก่อนจะหายข้องใจเมื่อเห็นน้องชายจอมแสบของเพื่อนที่เมาแอ๋
มาท่ามกลางตำรวจที่ลากเข้ามา
“เมา..แล้วทะเลาะวิวาทอีกแล้วว่ะ
ดีนะที่คราวนี้ไม่มีใครบาดเจ็บ จ่ายค่าเสียหายให้ร้านแล้วก็จบกันไป
นี่รอลงคดีประจำวันแล้วประกันตัว
แต่บอกให้เค้าจับมันขังคุกสักสองชั่วโมง จะได้เข็ด”
ปรเมศว่าพร้อมกับมองไปยังน้องชายที่กำลังถูกลากเข้าตาราง

“เมาอย่างนี้จะรู้เรื่องเหรอ” วิทวัสถามด้วยความสงสัย
“เดี๋ยวก็สร่าง” ปรเมศว่าพร้อมกับทิ้งตัวนั่งลงข้างๆตำรวจหนุ่มเพื่อนเก่า
เขาคว้าหนังสือพิมพ์ที่วางอยู่บนโต๊ะเพื่อนมาดู
“อ้าว....นี่มันข่าวนานแล้วนี่หว่า” ปรเมศว่าแล้วพูดต่อ
“ตกลงหมอสุรธีรอลงอาญาใช่มั้ย” ปรเมศหันไปถามเพื่อนตำรวจ
“ใช่ หมอเป็นคนยอมรับสารภาพผิดเอง” วิทวัสว่า
“ไอ่ธีมันบ้า อย่าว่าอย่างงั้นอย่างงี้เลยนะไอ่วิท
คนอย่างไอ่ธีน่ะ ฉันรู้จักมาตั้งแต่เด็ก
ความใฝ่ฝันของมันคืออยากเป็นหมอ อยากช่วยชีวิตผู้คน
เพราะตอนเด็กมันจนและแม่มันต้องเสียชีวิตเพราะไม่มีเงินจ่ายค่ารักษา
มันไม่มีวันเอาจรรยาบรรณ์แพทย์มาแลกกับการทำลายยัยเอฬิณาหรอก
อีกอย่างไอ่ธีมันก็ไม่ใช่พวกแค้นฝังหุ่น"
ปรเมศหลุดปากออกมาโดยลืมไปว่าวิทวัสไม่เคยรู้เรื่องที่เขาเป็นเพื่อนกับสุรธีมาก่อน

“นายรู้จักหมอเหรอ” วิทวัสถามด้วยความสงสัย
“เอ้อ...ฉันไม่เคยเล่าให้นายฟังนี่นา ก็อย่างที่ฉันเล่านั่นแหละ” ปรเมศว่า
“ความจริงฉันก็คิดว่าหมอสุรธีไม่ใช่ฆาตกร
แต่หมอกลับสารภาพออกมาเอง ก็จนปัญญาจริงๆแล้วว่ะ”
“ฆาตกรอาจจะเป็นวาริณ” อยู่ๆ ปรเมศก็โพล่งขึ้นมา
“เฮ้ย หมอวาริณน่ะเหรอ เกี่ยวอะไรด้วย” วิทวัสว่า
“วาริณกับเอฬิณาน่ะมีความแค้นต่อกันนะ หมอสุรธีรักอยู่กับวาริณ
แต่ยัยเอฬิณาซึ่งเป็นเพื่อนสนิทมาเจอและรักหมอ
วางอุบายจนตัวเองท้องกับหมอทั้งๆ ที่วาริณกับหมอหมั้นกันแล้วน่ะ
สองคนนั้นเลยต้องถอนหมั้น
ส่วนวาริณกับเอฬิณาก็ตัดขาดความเป็นเพื่อนต่อกันทันที
ถ้าเหตุจูงใจการฆ่านี่วาริณก็มีนะ”

ปรเมศพูดออกมาเพราะเขารู้จักเพื่อนสามคนนี้ดี
“เฮ้ย...แต่มันไม่น่าจะขนาดนั้น ก็แค่เพื่อนแย่งคู่หมั้น
อีกอย่างสุรธีก็รักวาริณไม่ใช่เหรอ” วิทวัสว่า
“ก็เพราะไอ่ธีมันรักวาริณน่ะสิ”
จบประโยคปรเมศก็เปลี่ยนเรื่องทันที
เขาไม่เสนอความคิดเห็นเกี่ยวกับประเด็นนี้อีก
แต่กลับหันไปบ่นเรื่องน้องชายให้วิทวัสฟังแทน
โดยปล่อยให่วิทวัสต้องสงสัยเรื่องฆาตรกรอยู่คนเดียว

ด้วยความสงสัย
วันรุ่งขึ้น วิทวัสจึงเดินทางไปที่โรงพยาบาลและขอดูกล้องวงจรปิด
จนพบว่าวาริณนั้นเข้าห้องของเอฬิณาทุกวัน รวมไปถึงวันที่เอฬิณาตายด้วย
แต่เนื่องจากในห้องคนป่วยไม่มีกล้องวงจรปิด
วิทวัสจึงไม่สามารถรู้ได้ว่าเกิดอะไรขึ้นในสถานที่แห่งนั้นบ้าง

วิทวัสพยายามสอบถามหัวหน้าพยาบาล
และสุดท้ายหัวหน้าพยาบาลก็เกิดความกดดันจึงยอมสารภาพความจริงออกมา
ว่าแท้จริงแล้ววันที่เอฬิณาเสียชีวิตนั้นมีสาเหตุมาจากการที่วาริณให้ยาผิด
เนื่องจากหลอดยามีการติดป้ายชื่อสลับกัน
อีกอย่างคือวาริณต่างหากที่เป็นเจ้าของไข้ของเอฬิณา ไม่ใช่วิทวัส
เพราะเอฬิณารู้ว่าตนกำลังอยู่ได้อีกไม่นาน
เธอจึงอยากให้คนที่เคยเป็นเพื่อนรักอย่างวาริณมาดูแล
และวาริณเองก็สงสารที่เพื่อนจะอยู่ได้ไม่นาน
เธอจึงปล่อยวางความแค้นและรักษาเอฬิณาอย่างเต็มที่
จนวันที่เธอให้ยาผิดวันนั้น

จากปากคำของหัวหน้าพยาบาลวิทวัสก็กลับมานั่งคิด
มีความเป็นไปได้ที่วาริณจะเป็นฆาตกรที่แท้จริง
แล้วสุรธีเมื่อรู้ว่าวาริณเป็นคนทำเขาจึงอยากปกป้องเธอแล้วรับผิดเอง
วิทวัสกำลังจะไขคดีออก
แต่ก็มีคนแจ้งมาว่าวาริณเข้ามารับสารภาพว่าตนคือคนฆาตกรรมเอฬิณา
เนื่องจากความเลิ่นเล่อในการใช้ยารักษา แทนที่ปัญหาจะจบ
วิทวัสก็ต้องคิดมากขึ้นมากอีก

ทำไมวาริณต้องมาสารภาพตอนนี้ เพื่อปกป้องสุรธีงั้นหรือ
หรือเพราะ เธอเองก็ไม่ใช่ฆาตกรเหมือนกัน
แต่ทำเพราะต้องการปกป้องคนที่เธอรัก

“ลูกสาวผมไม่ใช่ฆาตกร!!!”
เสียงเกรี้ยวกราดดังขึ้นมาจากนายตำรวจชั้นผู้ใหญ่ ผู้เป็นพ่อของวาริณ
“แต่รูปคดีมันเป็นอย่างนี้นะครับท่าน” ตำรวจนายอื่นๆพากันแย้ง
“ผมก็คิดว่าลูกสาวท่านไม่ใช่ฆาตกรเหมือนกันครับ” อยู่ดีดีวิทวัสก็โพล่งขึ้นมากลางห้อง
“คุณคิดอย่างนั่นเหรอ ถ้าคุณสืบคดีนี้ได้ ผมจะเลื่อนขั้นให้คุณ” นายอำนาจหรือพ่อของวาริณว่า
“ไม่ต้องหรอกครับท่าน ผมขอแค่ความสะดวกในการสะสางคดีนี้ก็พอ” วิทวัสว่า

วิทวัสไปโรงพยาบาลอีกครั้ง
คราวนี้เขาดูกล้องวงจรปิดพร้อมกับสอบสวนทุกคนที่เกี่ยวข้องจนได้รู้เรื่องของรตี
พยาบาลประจำตัวเอฬิณาที่ลาออกไปหลังจากเกิดเหตุการณ์นี้ขึ้น

“ปกติรตีจะเป็นคนดูแลคุณเอฬิณาตลอดค่ะ
วันนั้นตอนที่คุณหมอวาริณจ่ายยาหรือเข้าตรวจรตีก็มักอยู่ด้วยเสมอ
แต่พอคุณเอฬิณาเสียชีวิต เธอก็ลาออกไป” หัวหน้าพยาบาลว่า

ใช่แน่ ผู้หญิงคนนี้ต้องเป็นฆาตรกร วิทวัสคิดคนเดียวในใจ
ก่อนจะรับที่อยู่จากทางโรงพยาบาลและเดินทางไปหารตี

“สวัสดีค่ะ มาหาใครคะ”
หญิงสาวอดีตพยาบาลเก่าเปิดประตูออกมาพร้อมกับตกใจเมื่อเห็นป้ายตำรวจ
เธอปล่อยโฮออกมาทันที
ไหนเอฬิณาสัญญาว่าจะไม่มีใครรู้ว่าเธอเป็นคนจ่ายยานั้นให้เอฬิณาไง

“ดิฉัน...ดิฉัน”
“ถ้าคุณให้การสารภาพความจริง โทษของคุณจะถูกปรับจากหนักเป็นเบา”
ด้วยความเป็นตำรวจมาร่วมสิบปี วิทวัสจึงพอจะดูอาการของคนออก
รตีหวาดกลัวและลนลาน การบอกเธอเช่นนี้จะทำให้เธอยอมรับสารภาพ
และก็เป็นดั่งที่วิทวัสคาดไว้ รตียอมไปมอบตัวกับเขาพร้อมกับสารภาพเรื่องทั้งหมด

เธอถูกว่าจ้างจากเอฬิณาเพื่อให้วางยาตน ด้วยความที่เธออิจฉาที่สุรธีรักวาริณ
และเมื่อรู้ว่าอย่างไรตนเองก็ต้องเสียชีวิตเธอจึงอยากให้วาริณต้องพบความวิบัติไปด้วย
เอฬิณาวางแผนโดยให้วาริณมาเป็นหมอเจ้าของไข้
จากการหลอกลวงว่าเธอต้องการเป็นเพื่อนรักกับวาริณดังเดิม
และว่าจ้างให้รตีเป็นพยาบาลประจำ
โดยให้รตีคอยฉีดสารสเตียรอยด์เพื่อเป็นการกระตุ้นภาวะหัวใจล้มเหลวให้เธอวันละนิดทุกวัน
จนเมื่อมีปริมาณที่มากจนถึงขั้นอันตราย
จึงสั่งให้รตีแอบเปลี่ยนหลอดยาของวาริณเป็นสเตียรอยด์
เพื่อให้เอฬิณาเกิดอาการช็อคจนเสียชีวิต
และเธอก็จะเขียนคำใบ้เพื่อให้ตำรวจสืบสวนจนไปเจอความผิดพลาดของวาริณ
จากนั้นก็ให้รตีลาออกจากงานหลังจากที่เธอเสียชีวิตแล้ว

วิทวัสถึงกับอึ้งไปกับการแก้แค้นที่แลกด้วยชีวิตตัวเอง
รวมทั้งการว่าจ้างให้ฆ่าตัวเอง วิทวัสสั่งปิดคดี
พร้อมกับสุรธีที่ถูกปล่อยและคืนใบประกอบวิชาชีพแพทย์
วาริณก็ถูกปล่อยตัว
ส่วนรตีนั้นก็ถูกรอลงอาญาไว้เนื่องจากสุรธีและวาริณก็ไม่ได้เอาผิดอะไรกับเธอ
รวมไปถึงเอฬิณาผู้ว่าจ้างฆ่าเองก็เสียชีวิตไปแล้ว


สุดท้าย...ฝากผลงานเพจค่ะ...ตรงๆ เลย
ถ้าชอบแวะไปเยี่ยมชมกันได้นะคะ ทั้ง เพจและBlog

เพจ : โลกสวยไปวันวัน
Blog : http://storylunch.blogspot.com/
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่