สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 3
งานแต่งมันก็เป็นแค่ละครแหกตาชาวบ้านเริ่มอย่างทรหดจบอย่างแฮปปี้ แต่ไม่เคยมีใครรู้ว่าหลังจากละครจบพระเอกนางเอกเป็นอย่างไรต่อไป ก็เหมือนงานแต่งเมื่อขณะมีงานผู้มาร่วมงานยินดีปรีดา แต่พองานเลิกใครเขาจะรู้ว่าคุณเป็นยังไงนอกจากคุณสองคน จัดใหญ่โตโก้หรู อยู่กันไม่ได้ก็เยอะแยะไป (ยกตัวอย่างดาราบางคู่) งานแต่งไม่สำคัญหรอก อยู่กันให้ได้ รักกันให้นาน เข้าใจกันให้มาก ขยันทำงานเก็บเงินสร้างอนาคตเผื่อมีลูก มันน่าจะสำคัญและจำเป็นกว่านะ หรือถ้าอยากจัดงานจริงๆก็จัดงานเล็กๆให้พ่อแม่ชื่นใจก็น่าจะพอนะ
ปล.เราเป็นผู้หญิงไม่ชอบงานแต่ง เลยไม่จัดงานแต่ง ผูกข้อมือให้พ่อเรา พ่อเขาแม่เขารับรู้ จบ ก็อยู่กันมาได้ 7 ปีละ คบกัน 3 ปี รวมแล้วก็ 10 ปีพอดี ชีวิตก็ปกติดีมีความสุข
ปล.เราเป็นผู้หญิงไม่ชอบงานแต่ง เลยไม่จัดงานแต่ง ผูกข้อมือให้พ่อเรา พ่อเขาแม่เขารับรู้ จบ ก็อยู่กันมาได้ 7 ปีละ คบกัน 3 ปี รวมแล้วก็ 10 ปีพอดี ชีวิตก็ปกติดีมีความสุข

ความคิดเห็นที่ 1
คู่เราจดทะเบียนสมรสค่ะ แต่ไม่จัดงานแต่ง
เพราะเราขี้เกียจ เคยจัดงานหมั้นมาก่อนหน้านั้น2ปี เหนื่อยมาก และตอนที่จะแต่งนั้นเราวุ่นๆกับการทำทีสิส ป.โท ด้วย
แต่ฝ่ายชายก็เตรียมงานไว้ให้นะคะ เตรียมจัดการทุกอย่าง ก่อนมาสู่ขออีก เค้าบอกว่าเราไม่ต้องทำอะไรเลย แค่แต่งชุดเจ้าสาวยืนสวยๆ แต่เราก็ปฎิเสธ บอกไปว่าขอตรวจเลือด ไม่ใช่ไม่มั่นใจนะ แต่ตกลงกันว่าจะมีลูก ก็ไปตรวจเตรียมไว้เลย และขอจดทะเบียนอย่างเดียว สุดท้ายก็ตามใจเราค่ะ ยกเลิกงานไป ให้ทางออแกไนซ์ที่รับงานยึดมัดจำ
ชีวิตคู่ แต่งมา2ปีกว่ายังหวานชื่น ข้าวใหม่ปลามันค่ะ สามียังดีมากเหมือนวันแรกๆที่คบกัน ปีนี้ก็คบเป็นแฟนมา13ปีแล้ว มีลูก1คน สนุกสนาน ไม่มีอะไรหนักใจ
แต่ก็ไม่ประมาทนะ เตรียมพร้อมตลอด อนาคตมันไม่แน่นอน
เพราะเราขี้เกียจ เคยจัดงานหมั้นมาก่อนหน้านั้น2ปี เหนื่อยมาก และตอนที่จะแต่งนั้นเราวุ่นๆกับการทำทีสิส ป.โท ด้วย
แต่ฝ่ายชายก็เตรียมงานไว้ให้นะคะ เตรียมจัดการทุกอย่าง ก่อนมาสู่ขออีก เค้าบอกว่าเราไม่ต้องทำอะไรเลย แค่แต่งชุดเจ้าสาวยืนสวยๆ แต่เราก็ปฎิเสธ บอกไปว่าขอตรวจเลือด ไม่ใช่ไม่มั่นใจนะ แต่ตกลงกันว่าจะมีลูก ก็ไปตรวจเตรียมไว้เลย และขอจดทะเบียนอย่างเดียว สุดท้ายก็ตามใจเราค่ะ ยกเลิกงานไป ให้ทางออแกไนซ์ที่รับงานยึดมัดจำ
ชีวิตคู่ แต่งมา2ปีกว่ายังหวานชื่น ข้าวใหม่ปลามันค่ะ สามียังดีมากเหมือนวันแรกๆที่คบกัน ปีนี้ก็คบเป็นแฟนมา13ปีแล้ว มีลูก1คน สนุกสนาน ไม่มีอะไรหนักใจ
แต่ก็ไม่ประมาทนะ เตรียมพร้อมตลอด อนาคตมันไม่แน่นอน
ความคิดเห็นที่ 19
ของเราไม่แต่งค่ะ พอดีตอนระหว่างกำลังคบๆ ดูใจกัน ดูใจกันลึกซึ้งไปหน่อย
รู้ตัวอีกทีท้องซะแหล่ว ก็เลยพาแฟนไม่ขอขมาพร้อมทั้งสารภาพบาปกับแม่เสร็จสรรพเรียบร้อย
บอกแม่ว่าเราเลยจุดนั้นมาแล้ว หนูขอไม่จัดงานแต่งอะไรนะ หนูจะเก็บเงินไว้เลี้ยงลูก
จริงๆถ้าเราไม่ท้องซะก่อน เราก็ตั้งใจว่าจะแต่งนะ เพราะมันก็เป็นครั้งนึงในชีวิตเนาะ
แต่ก็อย่างที่บอก มันเลยจุดนั้นมาแล้ว เราเตรียมตัวสำหรับอนาคตดีกว่า
ดีว่าแม่เราเป็นคนง่ายๆ ไม่เรื่องมาก เพราะตา ยาย เราก็เสียไปแล้ว
ปู่ก็เสียแล้ว เหลือแต่ยาย กับพี่น้องพ่อ ด้วยความที่พอพ่อเราตกยากทำงานไม่ได้
ไม่มีใครมาสนใจใยดี พ่อเราเท่าไหร่ เราเลยออกแนวไม่ค่อยแคร์ญาติทางพ่อเท่าไหร่
พอคุยกับแม่ แม่เข้าใจเราก็โล่งอก พ่อเราก็ไม่ว่าอะไรตามใจลูกตลอดอยู่แล้ว
แต่พอพวก อาๆ บรรดาพี่น้องพ่อรู้เรื่อง พากันไม่ยอม จะมาบังคับให้เราแต่ง
พูดนู่น นั่น นี่ สารพัด ว่าถ้าไม่แต่งจะรู้ได้ยังไงว่าเค้าจะเลี้ยงเราได้หรือเปล่า
ไม่คิดจะให้แม่ได้ค่าเหนื่อย ค่าดองมั่งหรอ และอีกเยอะแยะจำไม่หมด
แต่เราก็ยืนยัน นั่งยัน ว่าไม่แต่ง แฟนเราก็พร้อมที่จะแต่งให้นะ แต่เราอยากเก็บเงินไว้เลี้ยงลูกมากกว่า
เราก็โดนแบนไปนานอยู่เหมือนกัน แต่เราออกแนวไม่แคร์สื่อ แคร์พ่อกับแม่เราเท่านั้น
แต่พ่อ แม่ก็ไม่ได้ว่าอะไร ก็มีโอนเอนไปตามอาๆ เราบ้าง แต่พอเห็นเราไม่ยอม แม่ก็ตามใจเรา
ตอนนี้ก็ผ่านมาสิบ กว่าปีละ ลูกสอง ก็มีทุกข์บ้าง สุขบ้าง เราก็ผ่านมันมาด้วยกันตลอด
ไม่เคยทะเลาะกันรุนแรง มีขึ้นเสียง มีความเห็นไม่ตรงกันบ้างตามประสา
แต่ก็ไม่เคยข้ามวัน คนผิดก็เสียงอ่อน เข้ามายอมรับผิด ก็คุยกันได้ปรกติ
วันที่เรามีลูกคนที่สอง เราต้องผ่านสารพัดปัญหา และวิกฤตมากมาย
ด้วยความที่ลูกเราไม่แข็งแรง และมีเรื่องให้ต้องรักษาดูแลหลายอย่าง
เราก็ผ่านมันมาได้อย่างสวยงาม ไม่มีปัญหา
ส่วนแม่เรา เราก็ไม่เคยปล่อยให้แม่ลำบาก ส่งเงินให้แม่ไม่เคยขาดตกบกพร่อง
ถึงจะไม่ได้ให้สินสอดเป็นกอบเป็นกำ แต่แฟนเราก็ไม่เคยหวง เวลาเราต้องใช้เงินก้อนใหญ่ๆ
ไม่ว่าจะเอาไปใช้เรื่องตัวเราเอง เรื่องลูก หรือให้แม่เรา
ล่าสุด แม่ได้ย้ายจากทาวเฮ้าส์ มาอยู่บ้านเดี่ยว 54 ตารางวา
ถึงจะซื้อได้แค่มือสอง ไม่ได้ซื้อบ้านใหม่ใสกิ๊กให้แม่
แต่มันก็เป็นน้ำพักน้ำแรง ของเรากับแฟน ที่เราพยายามจะทำให้แม่มีความสุข
จากวันนั้น ถึงวันนี้ ชีวิตคู่เราไม่มีทั้งพิธีแต่งงาน และทะเบียนสมรส
แต่เราก็ไม่ได้ประมาท เพราะชีวิตไม่มีอะไรแน่นอน แต่เราก็รู้ว่า
เราแค่ต้องรู้ว่าเราต้องการอะไรในชีวิต และเราแค่ทำวันนี้ให้ดีที่สุดก็พอ
รู้ตัวอีกทีท้องซะแหล่ว ก็เลยพาแฟนไม่ขอขมาพร้อมทั้งสารภาพบาปกับแม่เสร็จสรรพเรียบร้อย
บอกแม่ว่าเราเลยจุดนั้นมาแล้ว หนูขอไม่จัดงานแต่งอะไรนะ หนูจะเก็บเงินไว้เลี้ยงลูก
จริงๆถ้าเราไม่ท้องซะก่อน เราก็ตั้งใจว่าจะแต่งนะ เพราะมันก็เป็นครั้งนึงในชีวิตเนาะ
แต่ก็อย่างที่บอก มันเลยจุดนั้นมาแล้ว เราเตรียมตัวสำหรับอนาคตดีกว่า
ดีว่าแม่เราเป็นคนง่ายๆ ไม่เรื่องมาก เพราะตา ยาย เราก็เสียไปแล้ว
ปู่ก็เสียแล้ว เหลือแต่ยาย กับพี่น้องพ่อ ด้วยความที่พอพ่อเราตกยากทำงานไม่ได้
ไม่มีใครมาสนใจใยดี พ่อเราเท่าไหร่ เราเลยออกแนวไม่ค่อยแคร์ญาติทางพ่อเท่าไหร่
พอคุยกับแม่ แม่เข้าใจเราก็โล่งอก พ่อเราก็ไม่ว่าอะไรตามใจลูกตลอดอยู่แล้ว
แต่พอพวก อาๆ บรรดาพี่น้องพ่อรู้เรื่อง พากันไม่ยอม จะมาบังคับให้เราแต่ง
พูดนู่น นั่น นี่ สารพัด ว่าถ้าไม่แต่งจะรู้ได้ยังไงว่าเค้าจะเลี้ยงเราได้หรือเปล่า
ไม่คิดจะให้แม่ได้ค่าเหนื่อย ค่าดองมั่งหรอ และอีกเยอะแยะจำไม่หมด
แต่เราก็ยืนยัน นั่งยัน ว่าไม่แต่ง แฟนเราก็พร้อมที่จะแต่งให้นะ แต่เราอยากเก็บเงินไว้เลี้ยงลูกมากกว่า
เราก็โดนแบนไปนานอยู่เหมือนกัน แต่เราออกแนวไม่แคร์สื่อ แคร์พ่อกับแม่เราเท่านั้น
แต่พ่อ แม่ก็ไม่ได้ว่าอะไร ก็มีโอนเอนไปตามอาๆ เราบ้าง แต่พอเห็นเราไม่ยอม แม่ก็ตามใจเรา
ตอนนี้ก็ผ่านมาสิบ กว่าปีละ ลูกสอง ก็มีทุกข์บ้าง สุขบ้าง เราก็ผ่านมันมาด้วยกันตลอด
ไม่เคยทะเลาะกันรุนแรง มีขึ้นเสียง มีความเห็นไม่ตรงกันบ้างตามประสา
แต่ก็ไม่เคยข้ามวัน คนผิดก็เสียงอ่อน เข้ามายอมรับผิด ก็คุยกันได้ปรกติ
วันที่เรามีลูกคนที่สอง เราต้องผ่านสารพัดปัญหา และวิกฤตมากมาย
ด้วยความที่ลูกเราไม่แข็งแรง และมีเรื่องให้ต้องรักษาดูแลหลายอย่าง
เราก็ผ่านมันมาได้อย่างสวยงาม ไม่มีปัญหา
ส่วนแม่เรา เราก็ไม่เคยปล่อยให้แม่ลำบาก ส่งเงินให้แม่ไม่เคยขาดตกบกพร่อง
ถึงจะไม่ได้ให้สินสอดเป็นกอบเป็นกำ แต่แฟนเราก็ไม่เคยหวง เวลาเราต้องใช้เงินก้อนใหญ่ๆ
ไม่ว่าจะเอาไปใช้เรื่องตัวเราเอง เรื่องลูก หรือให้แม่เรา
ล่าสุด แม่ได้ย้ายจากทาวเฮ้าส์ มาอยู่บ้านเดี่ยว 54 ตารางวา
ถึงจะซื้อได้แค่มือสอง ไม่ได้ซื้อบ้านใหม่ใสกิ๊กให้แม่
แต่มันก็เป็นน้ำพักน้ำแรง ของเรากับแฟน ที่เราพยายามจะทำให้แม่มีความสุข
จากวันนั้น ถึงวันนี้ ชีวิตคู่เราไม่มีทั้งพิธีแต่งงาน และทะเบียนสมรส
แต่เราก็ไม่ได้ประมาท เพราะชีวิตไม่มีอะไรแน่นอน แต่เราก็รู้ว่า
เราแค่ต้องรู้ว่าเราต้องการอะไรในชีวิต และเราแค่ทำวันนี้ให้ดีที่สุดก็พอ
ความคิดเห็นที่ 9
เป็นเราเราแต่งค่ะ งานเล็กๆ พอ ผูกข้อไม้ข้อมือ
เลี้ยงพระ กินอาหารกันภายในครอบครัวญาติพี่น้อง
เรื่องจดทะเบียนส่วนตัวแล้วเฉยๆ
ที่อยากมีพิธีแต่งเพราะ
ตัวเราเองเราอยากให้เกียรติพ่อแม่เราค่ะ
อ้อ! สินสอดไม่ต้องมีนะ เราค่อนข้างแอนตี้เรื่องสินสอดนิดๆ
เราแค่มีกินเลี้ยงกันในหมู่ญาติพี่น้อง คนข้างบ้านรู้เห็นว่าลูกสาวบ้านนี้แต่งงานแล้ว
ไม่ได้อยู่กินกันเฉยๆ
แค่นี้เราว่าพอแล้วสำหรับเรา
เลี้ยงพระ กินอาหารกันภายในครอบครัวญาติพี่น้อง
เรื่องจดทะเบียนส่วนตัวแล้วเฉยๆ
ที่อยากมีพิธีแต่งเพราะ
ตัวเราเองเราอยากให้เกียรติพ่อแม่เราค่ะ
อ้อ! สินสอดไม่ต้องมีนะ เราค่อนข้างแอนตี้เรื่องสินสอดนิดๆ
เราแค่มีกินเลี้ยงกันในหมู่ญาติพี่น้อง คนข้างบ้านรู้เห็นว่าลูกสาวบ้านนี้แต่งงานแล้ว
ไม่ได้อยู่กินกันเฉยๆ
แค่นี้เราว่าพอแล้วสำหรับเรา
แสดงความคิดเห็น
"พิธีแต่งงาน" จำเป็นหรือไม่? ... คนที่อยู่กินกันโดยไม่แต่ง สาเหตุเพราะอะไร? ... ชีวิตคู่เป็นไงบ้าง?