ที่บ้านเราทำโรงงานน้ำดื่มค่ะ ถ้าจะมีลูกค้าคนไหนขอยืมถังน้ำ ลังน้ำ เราจะขอเก็บบัตรประชาชน หรือใบขับขี่ หรือเอกสารสำคัญไว้ เพื่อเป็นหลักประกันในการยืมถัง-ลังของเราค่ะ ลูกค้าบางคนถ้ามีปัญหามากๆเราจะเก็บค่ามัดจำเป็นเงินในอัตรา ถังละ 100 บาท และลังละ 250 บาท เมื่อนำถัง-ลังมาคืนจะได้เงินค่ามัดจำคืนในจำนวนเต็ม แต่ต้องมีข้อแม้คือ ถัง-ลังต้องสภาพดีเหมือนก่อนที่คุณจะนำออกจากโรงงานของเราไป
แต่มาวันนี้ วันอาทิตย์ โรงงานเราปิด เราก็ออกไปข้างนอก แต่สามีเราดั๊นนนนน. ลืมล็อกกุญแจประตูรั้ว เรากลับเข้าโรงงานมา ก็พอดีเจอกับผู้หญิงคนหนึ่งเข้าไปเดินอยู่ในบริเวณโรงงานเรา คือเปิดประตูรั้วโรงงานเราเข้าไปแล้ว เราก็ตกใจ เห้ย! ทำไมถึงเปิดเข้าไปข้างในอ่ะ ถึงแม้เราจะลืมล็อกใช่ไหมคะ แต่ตามมารยาท ประตูโรงงานเขาไม่เปิดสักบาน ซึ่งตอนนางมาถึงนางก็ต้องเห็นประตูรั้วปิด แล้วทำไมถึงกล้าเปิดประตูรั้วเราเข้าไปละ. ตอนแรกเราไม่รู้ว่านางจะมาสั่งน้ำ มาขอยืมถัง-ลัง กับทางโรงงานเรา เราจึงแค่เปิดกระจกแล้วถามว่ามาทำไมคะ พอนางบอกนางจะมาซื้อน้ำ จะขอยืมถัง-ลังด้วย เราก็เลยรีบบอก เดี๋ยวขอตัวเอารถไปจอดก่อนนะคะ เดี๋ยวจะเปิดประตูโรงงานให้ เราก็รีบเอารถไปจอด แล้วรีบเดินมาคุยกับนาง
นางสรรพากร : พอดีบ้านพี่มีงานศพ จะมาสั่งน้ำ ขอยืมถัง-ลัง อย่างละ 10 ถัง 10 ลัง พี่คุยกับแม่น้องแล้ว แม่น้องบอกให้น้องจัดการ
เรา : อ่อๆ ได้ค่ะ ได้ แต่การยืมถัง-ลัง ของที่นี่จะต้องวางเอกสาร เช่น บัตรประชาชน หรือใบขับขี่ ไว้เป็นหลักประกันในการยืมนะคะ
นางสรรพากร : ให้คนไปส่งได้ไหม พี่เอามอไซต์มา
เรา : พอดีวันนี้วันอาทิตย์ค่ะ คนงานหยุดหมดเลย พรุ่งนี้ได้ไหมคะ หรือถ้าพี่ใช้ด่วน พี่พอมีคนมาเอาไหมคะ
นางสรรพากร : พี่ไม่มีคน (ว่าไปพลางนางก็หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาโทนหาใครสักคน แล้วก็แอบบ่นกับเพื่อนที่มาด้วยกันกับนางว่าที่นี่อะไรยังไง ลูกค้ามาสั่งน้ำแต่ไม่มีใครไปส่ง)
เราได้ยินนางคุยโทรศัพท์กับแม่ค่ะ พอดีว่าเสียงโทรศัพท์นางดังมาก เราได้ยินทุกคำพูดที่แม่นางพูด นางก็ถามว่าที่นี่เขาไม่มีคนส่งน้ำให้ตอนนี้ จะเอาที่นี่อยู่ไหม หรือจะไม่เอา ไปหาที่อื่น แต่แม่นางพูดมาว่า ไม่เป็นไร รถกับคนเรามีเยอะแยะ เดี๋ยวให้คนไปเอา)
เรา : ตกลงเอาอย่างละ 10 นะคะ
นางสรรพากร : อืมมม
เราก็วิ่งไปเอาบิลยืมมาเขียนให้นาง พอดีกับแม่เราโทรมาตอนเราวิ่งไปเอาบิลยืมของ แม่เราบอกว่าให้ถ่ายรูปบัตรประชาชนนางไว้ นางบอกนางเป็นสรรพากร นางพูดไม่ดีใส่แม่ นางบอกว่าเคยมาตรวจโรงงานเราแล้วจำไม่ได้เหรอ หรือต้องให้มาตรวจโรงงานอีกครั้งเผื่อจำจะหน้าได้ แม่เราอารมณ์เสียสุดๆ (คือทำไมต้องพูดอย่างนี้ จะอวดจะเบ่งว่านางมีอิทธิพลสินะ มีอภิสิทธิ์ จะยืมหรืออะไรยังไงก็ได้ ไม่ต้องทำตามกฎเกณฑ์ของที่ไหนๆ) เราไม่พอใจนะ ที่มีคนมาพูดแบบนี้ แต่เพราะลูกค้าคือพระเจ้า(มั้ง) เราก็ช่างมัน เดินไปเอาบิลให้นางเซ็นชื่อ และขอถ่ายรูปบัตรประชาชนนาง
เรา : ขอถ่ายรูปบัตรประชาชนด้วยนะคะ
นางสรรพากร : เอาบัตรราชการนี้ไหม เนี่ยๆๆๆๆๆ ดูซะ
เรา : ไม่ได้ค่ะ มันไม่มีที่อยู่....ค่ะ (เราไม่แม้แต่จะมองบัตรราชการที่นางพยายามยัดใส่มือให้เราดู)
พอถ่ายบัตรประชาชนนางเสร็จ เราก็เลยพูดว่า
เรา : เหตุผลที่หนูขอเอกสารสำคัญไว้ไม่ใช่อะไรหรอกนะคะ เพราะเคยเกิดเหตุการณ์มาแล้วหลายเหตุการณ์ เช่น มาขอยืมถัง-ลังไปใช้งานนั่นนู้นนี่ แต่ไม่วางบัตร อ้างรู้จักแม่ แต่ไม่เคย ไม่กระตือรือร้นเอาของที่ยืมไปมาคืนเลยค่ะ ล่าสุดมีมาขอยืมลังน้ำไป20ลัง หายไป 3 เดือน หนูหาบ้านลูกค้าคนนี้จนเจอ ไปตามเอาลังคืนมาได้ รู้ไหมคะเกิดอะไรขึ้น 20 ลัง เอาวางตากแดดตลอด 3 เดือน หนูเก็บมาล้าง จับยัดเครื่องล้างยังไม่ได้เลย ขวดกรอบไปหมด ใช้งานแทบไม่ได้เลย 20 ลัง ลังละ 250 บาท ก็ 5000 บาทแล้วนะคะ มากกว่ายืมไปไม่เอามาคืน คือเอาลังที่ยืมไปมาคืนโรงงานค่ะ แต่บอกว่าเคยวางมัดจำกับทางโรงงานไว้ แต่บิลหาย จะมาขอค่ามัดจำคืน ทั้งๆที่ความจริงเขาไม่ได้วางมัดจำ แต่เขาแค่ยืมของเราไป แต่จะมาเอาเงินเราอีกด้วยซ้ำค่ะ
นางสรรพากร : เหรอ มีด้วยเหรอแบบนี้
เรา : มีเยอะจนไม่หวาดไม่หวั่น จนเราต้องปกป้องตัวเองบ้าง และออกกฎในการวางเอกสารเป็นหลักประกันในการยืมนี้ขึ้นมาแหละค่ะ พี่รีบกลับเถอะค่ะ ฝนเริ่มตกลงมาละ พี่เอามอไซต์มานี่ค่ะ เดี๋ยวเปียก
นางสรรพากร : จ๊ะ
**หมายเหตุ**ข้อตกลงในการมัดจำถัง-ลังของทางโรงงานกับลูกค้าคือ ต้องมีบิลถึงจะได้รับค่ามัดจำคืนเท่านั้น มิฉะนั้นทางโรงงานจะไม่รับผิดชอบ ลูกค้าตกลงยินยอมตามนั้นก่อนตกลงมัดจำค่ะ
ประเด็นคือ นางอวด นางเบ่งว่านางเป็นสรรพากร มีสิทธิ์ และมีอำนาจในการมาตรวจโรงงานเรา จะเรียกเก็บภาษีเราเยอะ อะไรประมาณนี้อ่ะ ทำไมอ่ะ ไม่สะดวกหรืออะไร พี่ต้องใช้บัตรอะไรก็พูดมาสิ นี่มาอวดเบ่งอย่างนี้ เราไม่ชอบเลย ไม่ว่าจะใคร ทำอาชีพอะไร คุณมาอยู่ในที่ที่ต้องพึ่งพาคนอื่น คุณก็ควรจะปฏิบัติตามกฎระเบียบของคนอื่นเขาด้วยไหม ทำได้แค่ไหน หรือข้อไหนทำไม่ได้ ลองบอกเหตุผลเขาไปดีๆ ไม่ต้องไปวางกล้าม วางอำนาจ อวดเบ่ง ใส่เขาก็ได้
ทำงานสรรพากร ถึงขนาดต้องมาทำเบ่งกับคนเขาค้าขายทำมาหากินด้วยเหรอ
แต่มาวันนี้ วันอาทิตย์ โรงงานเราปิด เราก็ออกไปข้างนอก แต่สามีเราดั๊นนนนน. ลืมล็อกกุญแจประตูรั้ว เรากลับเข้าโรงงานมา ก็พอดีเจอกับผู้หญิงคนหนึ่งเข้าไปเดินอยู่ในบริเวณโรงงานเรา คือเปิดประตูรั้วโรงงานเราเข้าไปแล้ว เราก็ตกใจ เห้ย! ทำไมถึงเปิดเข้าไปข้างในอ่ะ ถึงแม้เราจะลืมล็อกใช่ไหมคะ แต่ตามมารยาท ประตูโรงงานเขาไม่เปิดสักบาน ซึ่งตอนนางมาถึงนางก็ต้องเห็นประตูรั้วปิด แล้วทำไมถึงกล้าเปิดประตูรั้วเราเข้าไปละ. ตอนแรกเราไม่รู้ว่านางจะมาสั่งน้ำ มาขอยืมถัง-ลัง กับทางโรงงานเรา เราจึงแค่เปิดกระจกแล้วถามว่ามาทำไมคะ พอนางบอกนางจะมาซื้อน้ำ จะขอยืมถัง-ลังด้วย เราก็เลยรีบบอก เดี๋ยวขอตัวเอารถไปจอดก่อนนะคะ เดี๋ยวจะเปิดประตูโรงงานให้ เราก็รีบเอารถไปจอด แล้วรีบเดินมาคุยกับนาง
นางสรรพากร : พอดีบ้านพี่มีงานศพ จะมาสั่งน้ำ ขอยืมถัง-ลัง อย่างละ 10 ถัง 10 ลัง พี่คุยกับแม่น้องแล้ว แม่น้องบอกให้น้องจัดการ
เรา : อ่อๆ ได้ค่ะ ได้ แต่การยืมถัง-ลัง ของที่นี่จะต้องวางเอกสาร เช่น บัตรประชาชน หรือใบขับขี่ ไว้เป็นหลักประกันในการยืมนะคะ
นางสรรพากร : ให้คนไปส่งได้ไหม พี่เอามอไซต์มา
เรา : พอดีวันนี้วันอาทิตย์ค่ะ คนงานหยุดหมดเลย พรุ่งนี้ได้ไหมคะ หรือถ้าพี่ใช้ด่วน พี่พอมีคนมาเอาไหมคะ
นางสรรพากร : พี่ไม่มีคน (ว่าไปพลางนางก็หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาโทนหาใครสักคน แล้วก็แอบบ่นกับเพื่อนที่มาด้วยกันกับนางว่าที่นี่อะไรยังไง ลูกค้ามาสั่งน้ำแต่ไม่มีใครไปส่ง)
เราได้ยินนางคุยโทรศัพท์กับแม่ค่ะ พอดีว่าเสียงโทรศัพท์นางดังมาก เราได้ยินทุกคำพูดที่แม่นางพูด นางก็ถามว่าที่นี่เขาไม่มีคนส่งน้ำให้ตอนนี้ จะเอาที่นี่อยู่ไหม หรือจะไม่เอา ไปหาที่อื่น แต่แม่นางพูดมาว่า ไม่เป็นไร รถกับคนเรามีเยอะแยะ เดี๋ยวให้คนไปเอา)
เรา : ตกลงเอาอย่างละ 10 นะคะ
นางสรรพากร : อืมมม
เราก็วิ่งไปเอาบิลยืมมาเขียนให้นาง พอดีกับแม่เราโทรมาตอนเราวิ่งไปเอาบิลยืมของ แม่เราบอกว่าให้ถ่ายรูปบัตรประชาชนนางไว้ นางบอกนางเป็นสรรพากร นางพูดไม่ดีใส่แม่ นางบอกว่าเคยมาตรวจโรงงานเราแล้วจำไม่ได้เหรอ หรือต้องให้มาตรวจโรงงานอีกครั้งเผื่อจำจะหน้าได้ แม่เราอารมณ์เสียสุดๆ (คือทำไมต้องพูดอย่างนี้ จะอวดจะเบ่งว่านางมีอิทธิพลสินะ มีอภิสิทธิ์ จะยืมหรืออะไรยังไงก็ได้ ไม่ต้องทำตามกฎเกณฑ์ของที่ไหนๆ) เราไม่พอใจนะ ที่มีคนมาพูดแบบนี้ แต่เพราะลูกค้าคือพระเจ้า(มั้ง) เราก็ช่างมัน เดินไปเอาบิลให้นางเซ็นชื่อ และขอถ่ายรูปบัตรประชาชนนาง
เรา : ขอถ่ายรูปบัตรประชาชนด้วยนะคะ
นางสรรพากร : เอาบัตรราชการนี้ไหม เนี่ยๆๆๆๆๆ ดูซะ
เรา : ไม่ได้ค่ะ มันไม่มีที่อยู่....ค่ะ (เราไม่แม้แต่จะมองบัตรราชการที่นางพยายามยัดใส่มือให้เราดู)
พอถ่ายบัตรประชาชนนางเสร็จ เราก็เลยพูดว่า
เรา : เหตุผลที่หนูขอเอกสารสำคัญไว้ไม่ใช่อะไรหรอกนะคะ เพราะเคยเกิดเหตุการณ์มาแล้วหลายเหตุการณ์ เช่น มาขอยืมถัง-ลังไปใช้งานนั่นนู้นนี่ แต่ไม่วางบัตร อ้างรู้จักแม่ แต่ไม่เคย ไม่กระตือรือร้นเอาของที่ยืมไปมาคืนเลยค่ะ ล่าสุดมีมาขอยืมลังน้ำไป20ลัง หายไป 3 เดือน หนูหาบ้านลูกค้าคนนี้จนเจอ ไปตามเอาลังคืนมาได้ รู้ไหมคะเกิดอะไรขึ้น 20 ลัง เอาวางตากแดดตลอด 3 เดือน หนูเก็บมาล้าง จับยัดเครื่องล้างยังไม่ได้เลย ขวดกรอบไปหมด ใช้งานแทบไม่ได้เลย 20 ลัง ลังละ 250 บาท ก็ 5000 บาทแล้วนะคะ มากกว่ายืมไปไม่เอามาคืน คือเอาลังที่ยืมไปมาคืนโรงงานค่ะ แต่บอกว่าเคยวางมัดจำกับทางโรงงานไว้ แต่บิลหาย จะมาขอค่ามัดจำคืน ทั้งๆที่ความจริงเขาไม่ได้วางมัดจำ แต่เขาแค่ยืมของเราไป แต่จะมาเอาเงินเราอีกด้วยซ้ำค่ะ
นางสรรพากร : เหรอ มีด้วยเหรอแบบนี้
เรา : มีเยอะจนไม่หวาดไม่หวั่น จนเราต้องปกป้องตัวเองบ้าง และออกกฎในการวางเอกสารเป็นหลักประกันในการยืมนี้ขึ้นมาแหละค่ะ พี่รีบกลับเถอะค่ะ ฝนเริ่มตกลงมาละ พี่เอามอไซต์มานี่ค่ะ เดี๋ยวเปียก
นางสรรพากร : จ๊ะ
**หมายเหตุ**ข้อตกลงในการมัดจำถัง-ลังของทางโรงงานกับลูกค้าคือ ต้องมีบิลถึงจะได้รับค่ามัดจำคืนเท่านั้น มิฉะนั้นทางโรงงานจะไม่รับผิดชอบ ลูกค้าตกลงยินยอมตามนั้นก่อนตกลงมัดจำค่ะ
ประเด็นคือ นางอวด นางเบ่งว่านางเป็นสรรพากร มีสิทธิ์ และมีอำนาจในการมาตรวจโรงงานเรา จะเรียกเก็บภาษีเราเยอะ อะไรประมาณนี้อ่ะ ทำไมอ่ะ ไม่สะดวกหรืออะไร พี่ต้องใช้บัตรอะไรก็พูดมาสิ นี่มาอวดเบ่งอย่างนี้ เราไม่ชอบเลย ไม่ว่าจะใคร ทำอาชีพอะไร คุณมาอยู่ในที่ที่ต้องพึ่งพาคนอื่น คุณก็ควรจะปฏิบัติตามกฎระเบียบของคนอื่นเขาด้วยไหม ทำได้แค่ไหน หรือข้อไหนทำไม่ได้ ลองบอกเหตุผลเขาไปดีๆ ไม่ต้องไปวางกล้าม วางอำนาจ อวดเบ่ง ใส่เขาก็ได้