ภาพยนตร์และดนตรีดูเหมือนจะเป็นสิ่งที่อยู่คู่กันมาโดยตลอด ไม่ว่าจะเป็นหนังสำหรับสร้างแรงบันดาลใจในการทำตามความฝัน, ไม่ว่าคุณจะชื่นชอบดนตรีแนวไหนหรืออยากรู้เบื้องหลังของศิลปินชื่อดังทั้งหลาย เช่น วง The Beatles, ไบรอัน วิลสัน วง The Beach Boys, เรย์ ชาร์ลส, อีดิธ เพียฟ, ไมเคิล แจ็คสัน, เอียน เคอร์ติส วง Joy Division ล้วนแล้วแต่มีการทำเป็นหนังเพื่อถ่ายทอดชีวิตรวมถึงยกย่องความสามารถของพวกเขา
เอกลักษณ์อันโดดเด่นของหนังแนวชีวประวัตินักดนตรีคงหนีไม่พ้นเรื่องราว rise and fall ของศิลปิน ซึ่งมักจะนำเสนอพรสวรรค์อันล้ำค่าจนผู้คนยกย่องในผลงาน แต่มักจะมีปัญหาในการดำเนินชีวิตส่วนตัว เช่นการใช้ยาเสพติดหรือปัญหาทางจิตที่ต้องได้รับการบำบัด และสุดท้ายหนังดนตรีย่อมมีเพลงประกอบเพราะ ๆ ที่เราคุ้นหูมากมายให้ได้อินไปกับเรื่องราว
วันนี้ผมได้หยิบ 6 หนังชีวประวัตินักดนตรีมาแนะนำให้ได้ลองหามาชมกันครับ เริ่มด้วย
6
Control (2007)
ปกติเราดูหนังชีวประวัตินักดนตรีทั้งหลายส่วนใหญ่ก็จะมุ่งเน้นไปที่การยกย่องเชิดชูความสามารถทางด้านดนตรีหรือการจัดการแก้ไขปัญหายุ่งเหยิงในชีวิต เช่น Ray, Walk the Line แต่สำหรับ Control นั้นถูกสร้างขึ้นจากบันทึกของภรรยา 'เอียน เคอร์ติส' นักร้องนำวง Joy Division เพื่อตอบคำถามว่าทำไมนักร้องวงร็อคดาวรุ่งกำลังพุ่งแรงถึงได้จบชีวิตตัวเองลงด้วยวัยเพียง 23 ปี
หนังเล่าถึงชีวิตของ 'เอียน เคอร์คิส' (Sam Riley) ที่เริ่มประสบความสำเร็จบนเส้นทางอาชีพดนตรีอย่างก้าวกระโดด แต่เบื้องหลังของเขากลับเต็มไปด้วยปัญหาส่วนตัว ตั้งแต่อาการป่วยเป็นโรคลมชักควบคุมตัวเองไม่ได้ซึ่งเกิดขึ้นโดยไม่ทันตั้งตัว, ปัญหาความสัมพันธ์ระหว่างเขากับภรรยาโดยมีชู้รักเป็นมือที่สามที่เขาตัดสินใจไม่เด็ดขาด, เขาเริ่มมีอาการเหมือนผู้ป่วยซึมเศร้าเก็บปัญหาไว้กับตัวไม่เว้นแม้กระทั่งเรื่องท่าเต้นบนเวทีที่เขาทุ่มเทพลังให้กับมันอย่างมาก จนสุดท้ายเขาไม่สามารถควบคุมปัญหาที่ถาโถมเข้ามาพร้อม ๆ กันได้จึงเลือกจบชีวิตตัวเองด้วยการแขวนคอตาย
อย่างที่บอกว่าหนังสร้างจากบันทึกของ 'เด็บบี้' ภรรยาของเอียน เคอร์ติส ดังนั้นตัวหนังจึงไม่ได้ถูกสร้างมาเพื่อบอกเล่าเส้นทางความสำเร็จของวง Joy Division แต่มันถูกสร้างขึ้นเพื่อบอกเล่าปัญหาส่วนตัวต่าง ๆ ของเอียน เคอร์ติสที่หลายคนควรจะได้รับรู้ โดยที่เราต้องแยกเรื่องผลงานที่โด่งดังกลายเป็นอิทธิพลของ post-punk กับเรื่องส่วนตัวออกจากกัน ซึ่งตัวหนังบอกเล่าค่อนข้างตรงไปตรงมาไม่ได้ใส่ความเห็นชี้นำต่อเหตุการณ์ใด ๆ
แม้ตัวหนังจะเห็นภาพด้านลบของเอียนอย่างเช่นการนอกใจภรรยา หรือกระทั่งผลลัพธ์ที่เขาก่อให้เกิดความเสียหายต่อผู้คนรอบข้าง เช่นการปฏิเสธขึ้นเวทีและการฆ่าตัวตายในขณะที่วงกำลังไปได้ด้วยดี ถึงอย่างนั้น Control ก็ไม่ใช่หนังที่จะมาตอกย้ำพิพากษาการฆ่าตัวตายของเขา แต่มันคือหนังที่ถูกสร้างขึ้นเพื่อให้ผู้คนรับรู้เข้าใจปัญหาของเขา
== 6 หนังชีวประวัตินักร้องดัง สร้างจากเรื่องจริง ==
ภาพยนตร์และดนตรีดูเหมือนจะเป็นสิ่งที่อยู่คู่กันมาโดยตลอด ไม่ว่าจะเป็นหนังสำหรับสร้างแรงบันดาลใจในการทำตามความฝัน, ไม่ว่าคุณจะชื่นชอบดนตรีแนวไหนหรืออยากรู้เบื้องหลังของศิลปินชื่อดังทั้งหลาย เช่น วง The Beatles, ไบรอัน วิลสัน วง The Beach Boys, เรย์ ชาร์ลส, อีดิธ เพียฟ, ไมเคิล แจ็คสัน, เอียน เคอร์ติส วง Joy Division ล้วนแล้วแต่มีการทำเป็นหนังเพื่อถ่ายทอดชีวิตรวมถึงยกย่องความสามารถของพวกเขา
เอกลักษณ์อันโดดเด่นของหนังแนวชีวประวัตินักดนตรีคงหนีไม่พ้นเรื่องราว rise and fall ของศิลปิน ซึ่งมักจะนำเสนอพรสวรรค์อันล้ำค่าจนผู้คนยกย่องในผลงาน แต่มักจะมีปัญหาในการดำเนินชีวิตส่วนตัว เช่นการใช้ยาเสพติดหรือปัญหาทางจิตที่ต้องได้รับการบำบัด และสุดท้ายหนังดนตรีย่อมมีเพลงประกอบเพราะ ๆ ที่เราคุ้นหูมากมายให้ได้อินไปกับเรื่องราว
Control (2007)
หนังเล่าถึงชีวิตของ 'เอียน เคอร์คิส' (Sam Riley) ที่เริ่มประสบความสำเร็จบนเส้นทางอาชีพดนตรีอย่างก้าวกระโดด แต่เบื้องหลังของเขากลับเต็มไปด้วยปัญหาส่วนตัว ตั้งแต่อาการป่วยเป็นโรคลมชักควบคุมตัวเองไม่ได้ซึ่งเกิดขึ้นโดยไม่ทันตั้งตัว, ปัญหาความสัมพันธ์ระหว่างเขากับภรรยาโดยมีชู้รักเป็นมือที่สามที่เขาตัดสินใจไม่เด็ดขาด, เขาเริ่มมีอาการเหมือนผู้ป่วยซึมเศร้าเก็บปัญหาไว้กับตัวไม่เว้นแม้กระทั่งเรื่องท่าเต้นบนเวทีที่เขาทุ่มเทพลังให้กับมันอย่างมาก จนสุดท้ายเขาไม่สามารถควบคุมปัญหาที่ถาโถมเข้ามาพร้อม ๆ กันได้จึงเลือกจบชีวิตตัวเองด้วยการแขวนคอตาย
อย่างที่บอกว่าหนังสร้างจากบันทึกของ 'เด็บบี้' ภรรยาของเอียน เคอร์ติส ดังนั้นตัวหนังจึงไม่ได้ถูกสร้างมาเพื่อบอกเล่าเส้นทางความสำเร็จของวง Joy Division แต่มันถูกสร้างขึ้นเพื่อบอกเล่าปัญหาส่วนตัวต่าง ๆ ของเอียน เคอร์ติสที่หลายคนควรจะได้รับรู้ โดยที่เราต้องแยกเรื่องผลงานที่โด่งดังกลายเป็นอิทธิพลของ post-punk กับเรื่องส่วนตัวออกจากกัน ซึ่งตัวหนังบอกเล่าค่อนข้างตรงไปตรงมาไม่ได้ใส่ความเห็นชี้นำต่อเหตุการณ์ใด ๆ
แม้ตัวหนังจะเห็นภาพด้านลบของเอียนอย่างเช่นการนอกใจภรรยา หรือกระทั่งผลลัพธ์ที่เขาก่อให้เกิดความเสียหายต่อผู้คนรอบข้าง เช่นการปฏิเสธขึ้นเวทีและการฆ่าตัวตายในขณะที่วงกำลังไปได้ด้วยดี ถึงอย่างนั้น Control ก็ไม่ใช่หนังที่จะมาตอกย้ำพิพากษาการฆ่าตัวตายของเขา แต่มันคือหนังที่ถูกสร้างขึ้นเพื่อให้ผู้คนรับรู้เข้าใจปัญหาของเขา