รีวิว The Wolf of Wall Street: หมาป่าตัวนี้มันบ้าจริง! (แต่โคตรได้สาระ)



สวัสดีครับเพื่อนๆ ชาว Pantip! วันนี้ผมขอมาป้ายยา เอ้ย! มารีวิวหนังในตำนานเรื่องหนึ่งที่เชื่อว่าหลายคนน่าจะเคยได้ยินชื่อ หรืออาจจะเคยดูมาแล้ว แต่ถ้าใครยังไม่เคยดู ผมบอกเลยว่า “พลาดมาก!” นั่นคือเรื่อง The Wolf of Wall Street ครับ!

สารภาพตามตรงว่าผมเพิ่งได้ดูเรื่องนี้แบบจริงจังเมื่อไม่นานมานี้เองครับ (หลังจากดองมาหลายปีดีดัก เพราะเห็นว่ายาวมากกกก) พอได้ดูเท่านั้นแหละครับ ถึงกับอุทานในใจว่า "ทำไมฉันไม่ดูตั้งนานแล้ววะเนี่ย!" มันเป็นหนังที่ให้อารมณ์แบบว่า ตื่นเต้น เร้าใจ บ้าคลั่ง สะเทือนใจ และชวนคิดตามไปพร้อมๆ กันเลยครับ

สำหรับใครที่ไม่คุ้นเคย The Wolf of Wall Street เป็นเรื่องราวที่สร้างจากชีวประวัติจริงของ Jordan Belfort ครับ หนังจะพาเราไปสำรวจโลกของตลาดหุ้นในยุค 80-90 ที่เต็มไปด้วยความบ้าคลั่ง ความโลภ การฉ้อโกง และไลฟ์สไตล์ที่โคตรจะฟุ้งเฟ้อแบบสุดโต่ง ชนิดที่ว่าเห็นแล้วต้องอ้าปากค้าง หนังเล่าตั้งแต่จุดเริ่มต้นที่ Jordan เป็นเซลส์แมนเล็กๆ ที่พยายามจะไต่เต้าในวอลล์สตรีท จนกระทั่งเขากลายเป็นนายหน้าค้าหุ้นที่ประสบความสำเร็จอย่างมหาศาล และสร้างอาณาจักรของตัวเองขึ้นมาด้วยวิธีการที่เรียกได้ว่า "สีเทาจัดๆ" ไปจนถึงจุดที่ชีวิตของเขาดำดิ่งลงเหวเพราะความทะเยอทะยานและกิเลสที่ไม่มีที่สิ้นสุด

สิ่งที่ผมประทับใจที่สุดในหนังเรื่องนี้ คงหนีไม่พ้นการแสดงของ Leonardo DiCaprio ครับ! คือแกเล่นได้แบบ "ถึงพริกถึงขิง" มากๆ สลัดคราบพระเอกหล่อใสออกไปได้หมดสิ้น กลายเป็น Jordan Belfort ที่มีทั้งเสน่ห์ ความบ้าคลั่ง ความน่าเชื่อถือ และความน่ารังเกียจในเวลาเดียวกัน คือดูแล้วเชื่อจริงๆ ว่าผู้ชายคนนี้สามารถพูดจูงใจคนให้คล้อยตาม และทำอะไรบ้าๆ บอๆ ได้ขนาดนั้น พลังงานในการแสดงของลีโอคือเต็มเปี่ยมตลอด 3 ชั่วโมงของหนังเลยครับ ไม่มีแผ่วเลยสักนิด!

นอกจากลีโอแล้ว นักแสดงสมทบคนอื่นๆ ก็คือดีงามไม่แพ้กันครับ ไม่ว่าจะเป็น Margot Robbie ในบทภรรยาคนที่สอง ที่สวย เผ็ด ดุ และมีมิติมากๆ หรือ Jonah Hill ที่มาในบทเพื่อนซี้สุดเพี้ยน ก็สร้างสีสันและความฮาแบบดำมืดได้ดีสุดๆ เคมีของแก๊งนี้คือเข้ากันได้ดีมากๆ ครับ ส่งเสริมให้เรื่องราวดูมีชีวิตชีวาและชวนติดตามตลอดเวลา

ส่วนการกำกับของปรมาจารย์ Martin Scorsese ก็คือไม่ทำให้ผิดหวังเลยครับ แกเล่าเรื่องได้มันส์มาก Pace ของหนังคือเร็ว แรง และไม่น่าเบื่อเลยสักนิด แม้ว่าหนังจะยาวถึง 3 ชั่วโมงก็ตาม แต่ผมรู้สึกว่ามันผ่านไปเร็วมากครับ แกทำให้เราอินไปกับความบ้าคลั่ง ความฟุ้งเฟ้อ และความเสื่อมทรามของตัวละครได้อย่างอยู่หมัด โดยที่ไม่ได้รู้สึกว่ากำลังเชิดชูพฤติกรรมเหล่านั้นเลยนะครับ แต่เป็นการนำเสนอให้เราเห็นถึง "ความจริง" ที่เกิดขึ้นในโลกแบบนั้นต่างหาก

สิ่งที่หนังเรื่องนี้นำเสนอได้ดีมากๆ คือการตั้งคำถามกับ "ความสำเร็จ" และ "ความสุข" ครับ มันทำให้เราเห็นว่าการไขว่คว้าทุกอย่างมาด้วยความโลภและวิธีการที่ผิดๆ สุดท้ายแล้วมันต้องแลกมาด้วยอะไรบ้าง ชีวิตที่เต็มไปด้วยเงินทอง ยาเสพติด เซ็กส์ และอำนาจ มันให้ความสุขที่ยั่งยืนจริงหรือเปล่า? หรือมันแค่ทำให้เราหลงระเริงและจมดิ่งลงไปในวังวนของกิเลสที่ไม่รู้จักพอ? หนังไม่ได้ตัดสินตัวละครนะครับ แต่ปล่อยให้คนดูเป็นคนตัดสินเอง ซึ่งผมว่านี่แหละคือเสน่ห์ของมัน

แน่นอนว่าหนังเรื่องนี้ไม่ใช่สำหรับทุกคนนะครับ เพราะเนื้อหาค่อนข้างรุนแรง มีฉากเปลือย ฉากใช้ยา และคำหยาบคายเยอะมาก (สมกับเรต R จริงๆ) ใครที่ไม่ชอบแนวนี้อาจจะต้องพิจารณาดีๆ ครับ แต่ถ้าใครที่เปิดใจรับได้ และชอบหนังที่เล่าเรื่องเข้มข้น มีพลังงานสูง และชวนให้คิดตาม ผมแนะนำว่า "ต้องดู
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่