เมื่อคณิตศาสตร์ถูกใช้ในนิติวิทยาศาสตร์
-------
นอกเหนือจากวิทยาศาสตร์สาขาต่างๆ ถูกนำมาใช้ในนิติวิทยาศาสตร์ คณิตศาสตร์ก็ถูกนำใช้ในการพิสูจน์ข้อเท็จจริงในคดีความต่างๆ ให้ถูกต้องแม่นยำยิ่งขึ้นเช่นกัน
(1) มีการนำความรู้เรื่องมุม และตรีโกณมิติ มาใช้ในการศึกษาเรื่องการกระเด็นของเลือดในพื้นที่เกิดเหตุ อาทิ นักสืบสามารถบอกมุมที่เลือดแต่ละจุดตกกระทบพื้น จากนั้นนำทิศทางจากเลือดแต่ละจุดมาช่วยหาจุดเริ่มต้นของเลือดที่กระเด็นว่าอยู่บริเวณไหนของที่เกิดเหตุ และสูงจากพื้นเท่าใดได้อย่างแม่นยำ ข้อมูลนี้ยังสามารถช่วยบอกได้ว่าผู้ก่อเหตุทำร้ายเหยื่อรุนแรงแค่ไหน
(2) ในการสืบสวนต้องมีการวัดอย่างแม่นยำ อาทิ การวัดขนาดของรอยเท้า ทำให้เราสามารถบอกขนาดของรองเท้าที่พบ ซึ่งช่วยจำกัดวงผู้ต้องสงสัยให้แคบมากขึ้น แท้จริงแล้วการวัดนั้นเกี่ยวกับทั้งระยะทาง น้ำหนัก ปริมาตร และอุณหภูมิ
(3) เมื่อนักสืบค้นพบแค่บางส่วนของร่างกาย เช่น แขน และกระดูก ก็สามารถประยุกต์ใช้คณิตศาสตร์เกี่ยวกับอัตราส่วนได้ โดยการวัดน้ำหนัก ความยาว และความหนาแน่น เพื่อนำมาคำนวณหาความสูงของเหยื่อ ซึ่งจะบอกได้ว่าเหยื่อเป็นเด็กหรือผู้ใหญ่ และในบางกรณีสามารถบอกได้ด้วยว่าเป็นผู้หญิงหรือผู้ชาย
(4) หลักความน่าจะเป็นถูกนำมาใช้ในเรื่องการตรวจสอบดีเอ็นเอ ปกตินักชีววิทยาด้านนิติวิทยาศาสตร์จะศึกษาคู่เฉพาะของยีน 13 คู่ ซึ่งปกติจะแตกต่างกัน
โอกาสที่คนสองคน (ยกเว้นแฝดเหมือน หรือ identical twins) จะมียีน 13 คู่เหมือนกันทั้งหมด คือ 1 ใน 400 ล้านล้าน (เป็นจำนวนมากกว่าคนทั้งโลก) ดังนั้นโอกาสที่พบคนสองคนมียีนซ้ำกันจึงมีน้อยมาก
แต่ในทางปฏิบัติเมื่อเกิดคดีอาชญากรรมตัวอย่างดีเอ็นเอที่ได้นั้นอาจไม่สมบูรณ์ อาจมีน้อย อาจสลายไปตามเวลา หรืออาจปนเปื้อนด้วยสารอื่น จึงต้องมีการตรวจสอบว่า ดีเอ็นเอของผู้ต้องสงสัยและดีเอ็นเอที่พบในที่เกิดเหตุนั้นมีโอกาสเป็นของคนคนเดียวกันมากน้อยแค่ไหน
ทั้งหมดก็เป็นเกร็ดน่ารู้น่าสนใจเกี่ยวกับคณิตศาสตร์ที่พบในด้านนิติวิทยาศาสตร์
ดร.หนุ่ม ผู้หลงรักตัวเลข
Dr.Noom MathLover
Fanpage: www.facebook.com/Dr.NoomMathLover/
ปล. เผยแพร่ครั้งแรกที่
http://on.fb.me/1QdTheH
เมื่อคณิตศาสตร์ถูกใช้ในนิติวิทยาศาสตร์
เมื่อคณิตศาสตร์ถูกใช้ในนิติวิทยาศาสตร์
-------
นอกเหนือจากวิทยาศาสตร์สาขาต่างๆ ถูกนำมาใช้ในนิติวิทยาศาสตร์ คณิตศาสตร์ก็ถูกนำใช้ในการพิสูจน์ข้อเท็จจริงในคดีความต่างๆ ให้ถูกต้องแม่นยำยิ่งขึ้นเช่นกัน
(1) มีการนำความรู้เรื่องมุม และตรีโกณมิติ มาใช้ในการศึกษาเรื่องการกระเด็นของเลือดในพื้นที่เกิดเหตุ อาทิ นักสืบสามารถบอกมุมที่เลือดแต่ละจุดตกกระทบพื้น จากนั้นนำทิศทางจากเลือดแต่ละจุดมาช่วยหาจุดเริ่มต้นของเลือดที่กระเด็นว่าอยู่บริเวณไหนของที่เกิดเหตุ และสูงจากพื้นเท่าใดได้อย่างแม่นยำ ข้อมูลนี้ยังสามารถช่วยบอกได้ว่าผู้ก่อเหตุทำร้ายเหยื่อรุนแรงแค่ไหน
(2) ในการสืบสวนต้องมีการวัดอย่างแม่นยำ อาทิ การวัดขนาดของรอยเท้า ทำให้เราสามารถบอกขนาดของรองเท้าที่พบ ซึ่งช่วยจำกัดวงผู้ต้องสงสัยให้แคบมากขึ้น แท้จริงแล้วการวัดนั้นเกี่ยวกับทั้งระยะทาง น้ำหนัก ปริมาตร และอุณหภูมิ
(3) เมื่อนักสืบค้นพบแค่บางส่วนของร่างกาย เช่น แขน และกระดูก ก็สามารถประยุกต์ใช้คณิตศาสตร์เกี่ยวกับอัตราส่วนได้ โดยการวัดน้ำหนัก ความยาว และความหนาแน่น เพื่อนำมาคำนวณหาความสูงของเหยื่อ ซึ่งจะบอกได้ว่าเหยื่อเป็นเด็กหรือผู้ใหญ่ และในบางกรณีสามารถบอกได้ด้วยว่าเป็นผู้หญิงหรือผู้ชาย
(4) หลักความน่าจะเป็นถูกนำมาใช้ในเรื่องการตรวจสอบดีเอ็นเอ ปกตินักชีววิทยาด้านนิติวิทยาศาสตร์จะศึกษาคู่เฉพาะของยีน 13 คู่ ซึ่งปกติจะแตกต่างกัน
โอกาสที่คนสองคน (ยกเว้นแฝดเหมือน หรือ identical twins) จะมียีน 13 คู่เหมือนกันทั้งหมด คือ 1 ใน 400 ล้านล้าน (เป็นจำนวนมากกว่าคนทั้งโลก) ดังนั้นโอกาสที่พบคนสองคนมียีนซ้ำกันจึงมีน้อยมาก
แต่ในทางปฏิบัติเมื่อเกิดคดีอาชญากรรมตัวอย่างดีเอ็นเอที่ได้นั้นอาจไม่สมบูรณ์ อาจมีน้อย อาจสลายไปตามเวลา หรืออาจปนเปื้อนด้วยสารอื่น จึงต้องมีการตรวจสอบว่า ดีเอ็นเอของผู้ต้องสงสัยและดีเอ็นเอที่พบในที่เกิดเหตุนั้นมีโอกาสเป็นของคนคนเดียวกันมากน้อยแค่ไหน
ทั้งหมดก็เป็นเกร็ดน่ารู้น่าสนใจเกี่ยวกับคณิตศาสตร์ที่พบในด้านนิติวิทยาศาสตร์
ดร.หนุ่ม ผู้หลงรักตัวเลข
Dr.Noom MathLover
Fanpage: www.facebook.com/Dr.NoomMathLover/
ปล. เผยแพร่ครั้งแรกที่ http://on.fb.me/1QdTheH