ความเดิมตอนที่แล้ว -->
http://pantip.com/topic/34108068
********************
ณ วัดเบซากีห์
ระหว่างที่หาข้อมูลเกี่ยวกับวัดเบซากีห์ ผมมักจะได้ยินนักท่องเที่ยวกล่าวขวัญถึง ‘มาเฟีย’ อยู่บ่อย ๆ ตอนแรกผมก็ไม่ได้เอะใจอะไรเพราะคิดว่าคงไม่มีอะไรมาก คงไม่ถึงกับมีแก๊งยากูซ่าหน้าเหี้ยมถือดาบซามูไรคอยเก็บเงินค่าคุ้มครองจากนักท่องเที่ยวที่เดินผ่านไปมาหรอก อีกอย่างเกิดมาก็ไม่เคยเห็นมาเฟียซะด้วย หน้าตามันเป็นยังไง อุปนิสัยเหมือนลูกนักการเมืองบ้านเรารึเปล่า
ผมลืมคำเตือนเรื่อง ‘มาเฟีย’ ไปซะสนิท จนกระทั่งเดินมาถึงทางเข้าวัด
“Hey you”
ชายชาวบาหลีวัยกลางคนคนหนึ่งตะโกนเรียกผมให้เดินไปหา บริเวณนั้นมีชายฉกรรจ์ประมาณสิบคนนั่งอยู่ แต่อย่าเพิ่งจินตนาการไปไกลว่าเป็นแก๊งยากูซ่าที่มีรอยสักเต็มหลังนะครับ ไม่ได้มาเฟียขนาดนั้น อารมณ์ประมาณชาวบ้านแถวนั้นมานั่งคุยกันมากกว่า
ผมเดินตรงเข้าไปหาแก๊งมาเฟียอย่างห้าวหาญ ถึงภายนอกผมจะดูผอมแห้งแรงน้อย แต่ภายในก็ไม่ค่อยมีแรงเท่าไร ถูย!! แต่ก็หยิ่งทระนงในศักดิ์ศรี ไม่ยอมให้ใครมาข่มเหงคนไทยได้ง่าย ๆ
ลูกผู้ชายฆ่าได้.....ฝังให้ด้วย!!
ชายชาวบาหลีหน้าเหมือนเณรคำตอนไว้ผมยาวบอกผมว่า
“นาย ๆ ถ้านายจะเข้าชมภายในวัด นายจะต้องจ้างไกด์ท้องถิ่นพาเข้าไปด้วยนะ นาย”
“แล้วถ้าไอไม่จ้างล่ะ”
ผมโยนระเบิดควันเข้าไปตั้งแต่ประโยคแรก เปิดฉากสงครามเต็มรูปแบบ
“ถ้านายไม่จ้าง นายก็จะเข้าวัดไม่ได้นะนาย”
“แต่เมื่อกี้ไอจ่ายค่าเข้าชมวัดไปแล้วนะ”
“อันนั้นมันค่าเข้าชมวัด อันนี้ค่าจ้างไกด์ ไม่เกี่ยวกันนะนาย”
“อะ ๆ ก็ได้ ๆ แล้วไอต้องจ่ายเท่าไร”
“150,000 รูเปียห์นะนาย”
ห่านจิก!!
150,000 รูเปียห์เชียวเหรอ!! กุจะฟ้อง สคบ. เมิงจะเอาเปรียบผู้บริโภคมากไปแล้ว
ด้วยความโมโห ผมเลยตะโกนเสียงดังออกไปว่า
“ลดให้หน่อยได้ไหมครับ”
ถูย!! ตะโกนซะเก๋าเชียว!!
“ต่อรองได้เลยนะนาย”
“70,000 รูเปียห์”
“โอเค”
มาเฟียคนนั้นตอบตกลงอย่างง่ายดายพร้อมกับยิ้มน้อย ๆ ที่มุมปาก
รอยยิ้มแบบนี้อีกแล้ว
นี่มันอะไรกัน ทำไมการต่อราคาที่นี่มันช่างง่ายดายอะไรขนาดนี้ ที่จริงเราควรรู้สึกดีใจสิที่สามารถต่อราคาจาก 150,000 เหลือ 70,000 รูเปียห์ได้ ไม่ใช่รู้สึกเหมือนถูกหลอกแบบนี้ อะไรกัน ความรู้สึกนี้นี่มันอะไรกัน (ผมมารู้ภายหลังว่าเคยมีคนเข้าวัดแบบไม่ได้จ้างไกด์ด้วย น้ำตาจะไหล)
ผมจ่ายเงินออกไป 70,000 รูเปียห์ หนึ่งในแก๊งมาเฟียภูเขาไฟก็เดินนำผมผ่านด่านเข้าไป
“เช่ามอเตอร์ไซด์ขึ้นไปไหมนาย จากจุดนี้ต้องเดินขึ้นเขาไปอีกประมาณหนึ่งกิโลนะนาย”
อินี่ เมิงจะหลอกอะไรกุอีกล่ะ เก็บกุทุกดอก เก็บกุทุกเม็ด ตอนนั้นผมเสียรู้ชาวบาหลีถึงสองครั้งติดต่อกัน ตั้งแต่ตอนเช่าโสร่งมาจนถึงจ้างไกด์ ถ้าเปรียบเป็นการแข่งขัน ผมคงตามอยู่ 0 ต่อ 2 เซต ผมเลยตั้งปณิธานไว้ว่าจะไม่ยอมเสียเงินในกระเป๋าแม้แต่สตางค์แดงเดียวอีกแล้ว
“โน ไอขอเดินดีกว่า ไอเอ็นจอยวอร์กกิ้ง”
ไกด์หนุ่มเห็นท่าทางไม่ดี เลยอาสาขี่มอเตอร์ไซด์ขึ้นไปส่งผมถึงหน้าวัด ผมเพิ่งได้สัมผัสรสชาติแห่งชัยชนะเป็นครั้งแรก
มันต้องตาต่อตา ฟันต่อฟัน
เสียงคุณวีรศักดิ์ นิลกลัด ดังขึ้นมา
“เอาล่ะครับ ตอนนี้อุ๊ยทำคะแนนไล่ขึ้นมาเป็น 1 ต่อ 2 เซตแล้ว”
ไกด์หนุ่มเดินนำผมเข้าไปในตัววัด
วัดขุ่นแม่
‘วัดเบซากีห์’ (Pura Besakih) เป็นวัดคู่บ้านคู่เมืองที่ใหญ่ที่สุดและสำคัญที่สุดในบาหลี น่าจะเปรียบได้กับวัดพระแก้วบ้านเรา วัดนี้ยิ่งใหญ่อลังการมาก ๆ ตัววัดสร้างด้วยหินภูเขาไฟสีดำ มีฉากหลังเป็นภูเขาไฟกุนุงอากุงซึ่งเป็นภูเขาไฟที่สูงที่สุดในเกาะบาหลี ภายในมีวัดย่อย ๆ อีกกว่า 30 วัด จนได้รับการขนานนามว่าเป็นมารดาแห่งวัด (Mother Temple) หรือภาษาไทยคือ ‘วัดขุ่นแม่’
วันนั้นผมโชคร้ายนิดหน่อย ผมไปวัดเบซากีห์ในวันที่หมอกลงจัด ทำให้ไม่มีโอกาสได้เห็นวัดเบซากีห์ที่มีฉากหลังเป็นภูเขาไฟกุนุงอากุงกับท้องฟ้าสีคราม อย่างไรก็ตาม วัดใหญ่โตโอ่อ่าสีดำทะมึนในบรรยากาศขมุกขมัวก็มีเสน่ห์ในแบบเร้นลับ ๆ ดีเหมือนกัน
ไกด์พาผมเดินขึ้นบันไดไปเรื่อย ๆ จนถึงด้านบนสุดของวัด ระหว่างทางผมก็เดินแวะโน่นแวะนี่ตามประสา เลี้ยวเข้าแทบจะทุกตรอกซอกซอย จนกระทั่งถึงจุดสูงสุดที่นักท่องเที่ยวสามารถเข้าถึงได้ ไกด์บอกให้ผมมองไปด้านล่างจะได้เห็นพาโนรามาวิวที่งดงาม
เอ่อ งดงามอะไร กุเห็นแต่เมฆหมอก ไม่เห็นพาโนรามาวิวอะไรทั้งนั้น
ไกด์เล่าให้ผมฟังว่าชาวบาหลีนับถือเทพเจ้าหลายองค์ หลัก ๆ ก็จะมี ‘พระพรหม’ ‘พระวิษณุ’ และ ‘พระศิวะ’ ซึ่งรวมเรียกว่า ‘พระตรีมูรติ’ พระพรหมเป็นผู้สร้าง พระวิษณุเป็นผู้รักษา ส่วนพระศิวะเป็นผู้ทำลาย ผมว่าคนไทยน่าจะคุ้น ๆ กับบรรดาเทพเจ้าของศาสนาฮินดูอยู่แล้วเพราะพวกเรานับถือทุกสิ่งทุกอย่างตั้งแต่พระพุทธเจ้ายันไม้ตะเคียนทอง ไม่เว้นแม้แต่พระพิฆเนศและเจ้าแม่กวนอิม ใครเชื่ออะไรเราเชื่อหมด ยิ่งศาสนาฮินดูมีเทพเจ้ามากมายหลายองค์ขนาดนี้ พวกเรายิ่งต้องมีส่วนร่วม พลาดไม่ได้ด้วยประการทั้งปวง
เกาะบาหลีเป็นเกาะที่มีประชาชนนับถือศาสนาฮินดูอย่างเคร่งครัด ทั้ง ๆ ที่ชาวอินโดนีเซียส่วนใหญ่นับถือศาสนาอิสลาม ส่วนตัวผมว่าความเชื่อเรื่องพระตรีมูรติสอดคล้องกับหลักไตรลักษณ์ในพระพุทธศาสนาคือมี เกิดขึ้น ตั้งอยู่และดับไป พระพรหมเป็นผู้สร้างให้เกิดขึ้น พระวิษณุเป็นผู้ดูแลรักษาสิ่งที่ตั้งอยู่ ส่วนพระศิวะเป็นผู้ทำลายให้ดับไป
ทุกสรรพสิ่งบนโลกล้วนหนีไม่พ้นกฎทั้งสามข้อนี้ ชีวิตเราก็เช่นกัน
หลังจากใช้เวลาประมาณหนึ่งชั่วโมงในการเที่ยวชมรอบวัดเบซากีห์ ก็ถึงเวลาต้องเซย์กู๊ดบาย ไกด์หนุ่มยิ้มหวานให้ผมพร้อมกับถูมือไปมา น่าจะแปลเป็นภาษาพูดได้ว่า ‘นี่เมิงไม่ทิปกุหน่อยเหรอ’
อิห่าน!! นี่กุหมดเงินไปเป็นแสนรูเปียห์แล้ว กุยังต้องทิปเมิงอีกเหรอเนี่ย!!
“เป็นธรรมเนียมของที่นี่นะนาย นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่จะให้ทิปไกด์ก่อนที่จะจากกันนะนาย”
หุยยย!! เมิงจะตรงไปตรงมาเกินไปแล้ว!!
“แต่เมื่อกี้ไอจ่ายไปแล้ว 70,000 รูเปียห์นะ”
“อันนั้นค่าไกด์ อันนี้ค่าทิป ไม่เกี่ยวกันนะนาย”
“เกี่ยวหน่อยได้ไหม ไอไม่ได้เหลือเงินเยอะขนาดนั้น”
“เถอะนะ ฉันมีลูกชายสองคนที่ต้องดูแล”
เห้ยยย!! จู่ ๆ ก็วกมาดราม่า!! นี่เมิงเป็นมาเฟียภูเขาไฟหรือนักแสดงละครหลังข่าวเนี่ย มีครบทุกรสชาติทุกบทบาทจริง ๆ
แม้ว่าชีวิตผมจะเคยพลาดท่าให้มารยาหญิงอยู่บ่อย ๆ แต่สำหรับมารยาชาย หึหึ เมิงทำอะไรกุไม่ได้หรอก ผมว่าเงิน 70,000 รูเปียห์มันมากพอสำหรับทุกอย่างแล้ว อาจจะมากเกินไปซะด้วยซ้ำ ผมจะไม่ยอมขาดดุลการค้าให้กับคนในหมู่บ้านนี้อีกต่อไปแล้ว
“ซอร์รี่ ไอแฮฟนอทอินัฟมันนี่ แต๊งกิ้วเวรี่มัช”
ผมรีบเดินจากมาก่อนที่จะโดนแก๊งมาเฟียเอาหินภูเขาไฟเขวี้ยงหัว ไกด์พ่อลูกอ่อนขี่มอเตอร์ไซด์แซงหน้าผมไป โดยไม่ร่ำลากันซักคำ
‘โอ้โห อุ๊ยทำคะแนนตีตื้นขึ้นมาในวินาทีสุดท้าย จบเกมเสมอกันไป 2 ต่อ 2 เซตครับ’
เสียงคุณวีรศักดิ์ นิลกลัดดังขึ้นอีกครั้ง
To be continued
บาหลีไม่มีเธอ: หมู่บ้านคินตามณี (ตอนที่ 12) -->
http://pantip.com/topic/34154454
*** ติดตามเรื่องราวสนุก ๆ ได้ที่เพจ นายอุ๊ย!! นะครับ -->
https://www.facebook.com/lovenaioui ***
บาหลีไม่มีเธอ: มาเฟียภูเขาไฟแห่งวัดเบซากีห์ (ตอนที่ 11)
ณ วัดเบซากีห์
ระหว่างที่หาข้อมูลเกี่ยวกับวัดเบซากีห์ ผมมักจะได้ยินนักท่องเที่ยวกล่าวขวัญถึง ‘มาเฟีย’ อยู่บ่อย ๆ ตอนแรกผมก็ไม่ได้เอะใจอะไรเพราะคิดว่าคงไม่มีอะไรมาก คงไม่ถึงกับมีแก๊งยากูซ่าหน้าเหี้ยมถือดาบซามูไรคอยเก็บเงินค่าคุ้มครองจากนักท่องเที่ยวที่เดินผ่านไปมาหรอก อีกอย่างเกิดมาก็ไม่เคยเห็นมาเฟียซะด้วย หน้าตามันเป็นยังไง อุปนิสัยเหมือนลูกนักการเมืองบ้านเรารึเปล่า
ผมลืมคำเตือนเรื่อง ‘มาเฟีย’ ไปซะสนิท จนกระทั่งเดินมาถึงทางเข้าวัด
“Hey you”
ชายชาวบาหลีวัยกลางคนคนหนึ่งตะโกนเรียกผมให้เดินไปหา บริเวณนั้นมีชายฉกรรจ์ประมาณสิบคนนั่งอยู่ แต่อย่าเพิ่งจินตนาการไปไกลว่าเป็นแก๊งยากูซ่าที่มีรอยสักเต็มหลังนะครับ ไม่ได้มาเฟียขนาดนั้น อารมณ์ประมาณชาวบ้านแถวนั้นมานั่งคุยกันมากกว่า
ผมเดินตรงเข้าไปหาแก๊งมาเฟียอย่างห้าวหาญ ถึงภายนอกผมจะดูผอมแห้งแรงน้อย แต่ภายในก็ไม่ค่อยมีแรงเท่าไร ถูย!! แต่ก็หยิ่งทระนงในศักดิ์ศรี ไม่ยอมให้ใครมาข่มเหงคนไทยได้ง่าย ๆ
ลูกผู้ชายฆ่าได้.....ฝังให้ด้วย!!
ชายชาวบาหลีหน้าเหมือนเณรคำตอนไว้ผมยาวบอกผมว่า
“นาย ๆ ถ้านายจะเข้าชมภายในวัด นายจะต้องจ้างไกด์ท้องถิ่นพาเข้าไปด้วยนะ นาย”
“แล้วถ้าไอไม่จ้างล่ะ”
ผมโยนระเบิดควันเข้าไปตั้งแต่ประโยคแรก เปิดฉากสงครามเต็มรูปแบบ
“ถ้านายไม่จ้าง นายก็จะเข้าวัดไม่ได้นะนาย”
“แต่เมื่อกี้ไอจ่ายค่าเข้าชมวัดไปแล้วนะ”
“อันนั้นมันค่าเข้าชมวัด อันนี้ค่าจ้างไกด์ ไม่เกี่ยวกันนะนาย”
“อะ ๆ ก็ได้ ๆ แล้วไอต้องจ่ายเท่าไร”
“150,000 รูเปียห์นะนาย”
ห่านจิก!!
150,000 รูเปียห์เชียวเหรอ!! กุจะฟ้อง สคบ. เมิงจะเอาเปรียบผู้บริโภคมากไปแล้ว
ด้วยความโมโห ผมเลยตะโกนเสียงดังออกไปว่า
“ลดให้หน่อยได้ไหมครับ”
ถูย!! ตะโกนซะเก๋าเชียว!!
“ต่อรองได้เลยนะนาย”
“70,000 รูเปียห์”
“โอเค”
มาเฟียคนนั้นตอบตกลงอย่างง่ายดายพร้อมกับยิ้มน้อย ๆ ที่มุมปาก
รอยยิ้มแบบนี้อีกแล้ว
นี่มันอะไรกัน ทำไมการต่อราคาที่นี่มันช่างง่ายดายอะไรขนาดนี้ ที่จริงเราควรรู้สึกดีใจสิที่สามารถต่อราคาจาก 150,000 เหลือ 70,000 รูเปียห์ได้ ไม่ใช่รู้สึกเหมือนถูกหลอกแบบนี้ อะไรกัน ความรู้สึกนี้นี่มันอะไรกัน (ผมมารู้ภายหลังว่าเคยมีคนเข้าวัดแบบไม่ได้จ้างไกด์ด้วย น้ำตาจะไหล)
ผมจ่ายเงินออกไป 70,000 รูเปียห์ หนึ่งในแก๊งมาเฟียภูเขาไฟก็เดินนำผมผ่านด่านเข้าไป
“เช่ามอเตอร์ไซด์ขึ้นไปไหมนาย จากจุดนี้ต้องเดินขึ้นเขาไปอีกประมาณหนึ่งกิโลนะนาย”
อินี่ เมิงจะหลอกอะไรกุอีกล่ะ เก็บกุทุกดอก เก็บกุทุกเม็ด ตอนนั้นผมเสียรู้ชาวบาหลีถึงสองครั้งติดต่อกัน ตั้งแต่ตอนเช่าโสร่งมาจนถึงจ้างไกด์ ถ้าเปรียบเป็นการแข่งขัน ผมคงตามอยู่ 0 ต่อ 2 เซต ผมเลยตั้งปณิธานไว้ว่าจะไม่ยอมเสียเงินในกระเป๋าแม้แต่สตางค์แดงเดียวอีกแล้ว
“โน ไอขอเดินดีกว่า ไอเอ็นจอยวอร์กกิ้ง”
ไกด์หนุ่มเห็นท่าทางไม่ดี เลยอาสาขี่มอเตอร์ไซด์ขึ้นไปส่งผมถึงหน้าวัด ผมเพิ่งได้สัมผัสรสชาติแห่งชัยชนะเป็นครั้งแรก
มันต้องตาต่อตา ฟันต่อฟัน
เสียงคุณวีรศักดิ์ นิลกลัด ดังขึ้นมา
“เอาล่ะครับ ตอนนี้อุ๊ยทำคะแนนไล่ขึ้นมาเป็น 1 ต่อ 2 เซตแล้ว”
ไกด์หนุ่มเดินนำผมเข้าไปในตัววัด
‘วัดเบซากีห์’ (Pura Besakih) เป็นวัดคู่บ้านคู่เมืองที่ใหญ่ที่สุดและสำคัญที่สุดในบาหลี น่าจะเปรียบได้กับวัดพระแก้วบ้านเรา วัดนี้ยิ่งใหญ่อลังการมาก ๆ ตัววัดสร้างด้วยหินภูเขาไฟสีดำ มีฉากหลังเป็นภูเขาไฟกุนุงอากุงซึ่งเป็นภูเขาไฟที่สูงที่สุดในเกาะบาหลี ภายในมีวัดย่อย ๆ อีกกว่า 30 วัด จนได้รับการขนานนามว่าเป็นมารดาแห่งวัด (Mother Temple) หรือภาษาไทยคือ ‘วัดขุ่นแม่’
วันนั้นผมโชคร้ายนิดหน่อย ผมไปวัดเบซากีห์ในวันที่หมอกลงจัด ทำให้ไม่มีโอกาสได้เห็นวัดเบซากีห์ที่มีฉากหลังเป็นภูเขาไฟกุนุงอากุงกับท้องฟ้าสีคราม อย่างไรก็ตาม วัดใหญ่โตโอ่อ่าสีดำทะมึนในบรรยากาศขมุกขมัวก็มีเสน่ห์ในแบบเร้นลับ ๆ ดีเหมือนกัน
ไกด์พาผมเดินขึ้นบันไดไปเรื่อย ๆ จนถึงด้านบนสุดของวัด ระหว่างทางผมก็เดินแวะโน่นแวะนี่ตามประสา เลี้ยวเข้าแทบจะทุกตรอกซอกซอย จนกระทั่งถึงจุดสูงสุดที่นักท่องเที่ยวสามารถเข้าถึงได้ ไกด์บอกให้ผมมองไปด้านล่างจะได้เห็นพาโนรามาวิวที่งดงาม
เอ่อ งดงามอะไร กุเห็นแต่เมฆหมอก ไม่เห็นพาโนรามาวิวอะไรทั้งนั้น
ไกด์เล่าให้ผมฟังว่าชาวบาหลีนับถือเทพเจ้าหลายองค์ หลัก ๆ ก็จะมี ‘พระพรหม’ ‘พระวิษณุ’ และ ‘พระศิวะ’ ซึ่งรวมเรียกว่า ‘พระตรีมูรติ’ พระพรหมเป็นผู้สร้าง พระวิษณุเป็นผู้รักษา ส่วนพระศิวะเป็นผู้ทำลาย ผมว่าคนไทยน่าจะคุ้น ๆ กับบรรดาเทพเจ้าของศาสนาฮินดูอยู่แล้วเพราะพวกเรานับถือทุกสิ่งทุกอย่างตั้งแต่พระพุทธเจ้ายันไม้ตะเคียนทอง ไม่เว้นแม้แต่พระพิฆเนศและเจ้าแม่กวนอิม ใครเชื่ออะไรเราเชื่อหมด ยิ่งศาสนาฮินดูมีเทพเจ้ามากมายหลายองค์ขนาดนี้ พวกเรายิ่งต้องมีส่วนร่วม พลาดไม่ได้ด้วยประการทั้งปวง
เกาะบาหลีเป็นเกาะที่มีประชาชนนับถือศาสนาฮินดูอย่างเคร่งครัด ทั้ง ๆ ที่ชาวอินโดนีเซียส่วนใหญ่นับถือศาสนาอิสลาม ส่วนตัวผมว่าความเชื่อเรื่องพระตรีมูรติสอดคล้องกับหลักไตรลักษณ์ในพระพุทธศาสนาคือมี เกิดขึ้น ตั้งอยู่และดับไป พระพรหมเป็นผู้สร้างให้เกิดขึ้น พระวิษณุเป็นผู้ดูแลรักษาสิ่งที่ตั้งอยู่ ส่วนพระศิวะเป็นผู้ทำลายให้ดับไป
ทุกสรรพสิ่งบนโลกล้วนหนีไม่พ้นกฎทั้งสามข้อนี้ ชีวิตเราก็เช่นกัน
หลังจากใช้เวลาประมาณหนึ่งชั่วโมงในการเที่ยวชมรอบวัดเบซากีห์ ก็ถึงเวลาต้องเซย์กู๊ดบาย ไกด์หนุ่มยิ้มหวานให้ผมพร้อมกับถูมือไปมา น่าจะแปลเป็นภาษาพูดได้ว่า ‘นี่เมิงไม่ทิปกุหน่อยเหรอ’
อิห่าน!! นี่กุหมดเงินไปเป็นแสนรูเปียห์แล้ว กุยังต้องทิปเมิงอีกเหรอเนี่ย!!
“เป็นธรรมเนียมของที่นี่นะนาย นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่จะให้ทิปไกด์ก่อนที่จะจากกันนะนาย”
หุยยย!! เมิงจะตรงไปตรงมาเกินไปแล้ว!!
“แต่เมื่อกี้ไอจ่ายไปแล้ว 70,000 รูเปียห์นะ”
“อันนั้นค่าไกด์ อันนี้ค่าทิป ไม่เกี่ยวกันนะนาย”
“เกี่ยวหน่อยได้ไหม ไอไม่ได้เหลือเงินเยอะขนาดนั้น”
“เถอะนะ ฉันมีลูกชายสองคนที่ต้องดูแล”
เห้ยยย!! จู่ ๆ ก็วกมาดราม่า!! นี่เมิงเป็นมาเฟียภูเขาไฟหรือนักแสดงละครหลังข่าวเนี่ย มีครบทุกรสชาติทุกบทบาทจริง ๆ
แม้ว่าชีวิตผมจะเคยพลาดท่าให้มารยาหญิงอยู่บ่อย ๆ แต่สำหรับมารยาชาย หึหึ เมิงทำอะไรกุไม่ได้หรอก ผมว่าเงิน 70,000 รูเปียห์มันมากพอสำหรับทุกอย่างแล้ว อาจจะมากเกินไปซะด้วยซ้ำ ผมจะไม่ยอมขาดดุลการค้าให้กับคนในหมู่บ้านนี้อีกต่อไปแล้ว
“ซอร์รี่ ไอแฮฟนอทอินัฟมันนี่ แต๊งกิ้วเวรี่มัช”
ผมรีบเดินจากมาก่อนที่จะโดนแก๊งมาเฟียเอาหินภูเขาไฟเขวี้ยงหัว ไกด์พ่อลูกอ่อนขี่มอเตอร์ไซด์แซงหน้าผมไป โดยไม่ร่ำลากันซักคำ
‘โอ้โห อุ๊ยทำคะแนนตีตื้นขึ้นมาในวินาทีสุดท้าย จบเกมเสมอกันไป 2 ต่อ 2 เซตครับ’
เสียงคุณวีรศักดิ์ นิลกลัดดังขึ้นอีกครั้ง
To be continued
บาหลีไม่มีเธอ: หมู่บ้านคินตามณี (ตอนที่ 12) --> http://pantip.com/topic/34154454
*** ติดตามเรื่องราวสนุก ๆ ได้ที่เพจ นายอุ๊ย!! นะครับ --> https://www.facebook.com/lovenaioui ***