รถถังหลัก
1.leopard 1

leopard 1 เป้นรถถังที่พัฒนาโดยกองทัพเยอรมันตะวันตกในช่วงทศววรศที่ 1950 เพื่อมาทดแทน m47 และ m48 patton ที่เริ่มล้าสมัยของกองทัพนาโต้ หลังจากพัฒนาเสร็จโดยการช่วยเหลือของกองทัพพันธมิตรเจ้า leopard ก็เข้าประจำการในกองทัพเยอรมันในปี 1965 leopard ถือว่าเป้นรถถังที่ทันสมัยอยู่พอสมควรในยุคนั้นโดยจุดประสงค์ในการออกแบบก็เพื่อมารับมือกับฝูงรถถัง t54/55 จำนวนมหาศาลที่จ่อคอหอยบ้านตัวอยู่ โดยมันมีปืนใหญ่ 105mm l7a3 ตัวรถออกแบบมาให้ทำสงครามภายใต้สภาวะแวดล้อมที่เลวร้ายเช่น สงครามนิวเครียร์หรือสงครามเคมี-ชีวะเป้นต้น ด้วยขุมพลังเครื่องยนต์ MTU MB 838 CaM 500 10 ลูกสูบ ที่ให้อัตราแรงขับต่อน้ำหนัก 19.6/ตัน และให้ขุมกำลังแรงม้าที่ 820 แรงม้า ทำให้เจ้า leopard 1 เคลื่อนที่ด้วยความเร็ว 67 กิโลเมตร/ชั่วโมง โดยตุรกีมี leopard 1 ทั้งหมด 397 คัน โดยแบ่งเป็น
-รุ่น a3 จำนวน 227 คัน
-รุ่น 1t volkan ซึ่งเป็น leopard 1 ที่นำมาพัฒนาโดยตุรกีเองโดยพัฒนาระบบควบคุมการยิงแบบใหม่ พัฒนตัวถังแบบใหม่สามารถรบได้ทั้งกลางวันและกลางคืนและได้ทุกสภาพแวดล้อม โดยตุรกีมี volkan จำนวน 190 คัน
2.leopard 2

หลังจากประสบความสำเร็จกับ leopard 1 อย่างงดงาม เยอรมันตะวันตกก็เริ่มพัฒนารถถังแบบใหม่ในช่วงทศวรรศที่ 1970 หลังจากพัฒนาเสร็จตัวรถก็เข้าประจำการในปี 1979 ในชื่อ leopard 2 โดยการปรับปรุงครั้งใหญ่สุดน่าจะเป็น leopard 2a4 ในช่วงทศวรรศที่ 1990
โดยเข้า leopard a4 การปรับปรุงหลักๆก็จะมี เปลี่ยนระบบควบคุมคุมดิจิตอลการยิงแบบใหม่เพื่อรองรับกระสุนชนิดใหม่ และหุ้มกราะทังสเตน/ไททาเนียมอีกชั้นบนตัวป้อมรถ เพิ่มระบบต่างๆตามยุคสมัยเพื่อเพิ่มอัตราการอยู่รอดที่มากขึ้นในสนามรบ โดยตุรกีมี leopard 2a4 ทั้งหมด 354 คัน
3.m60 patton

เจ้า patton นั้นถูกเริ่มพัฒนาในช่วงทศวรรศที่ 1950 หลังจากเหตุการณ์ปฏิวัติในฮังการีในปี 1956 เหล่ากองทัพตะวันตกได้พบกับเจ้ารถถังแบบใหม่ของโซเวียตอย่าง t54/55 อันแสนร้ายกาจโดยได้พบว่ารถถังที่ตัวเองมีอยู่นั้นไม่อาจรับมือกับเจ้า t54/55 ได้แน่เพราะรถถังที่ดีที่สุดอย่าง m48a3 patton ซึ่งน่าจะเป้นรถถังที่ทันสมัยของตะวันตกก็ไม่อาจรับมือกับเจ้า t54/55 ได้เพราะมันมีปืนใหญ่ขนาดเพียง 90mm เท่านั้นและขุมกำลังทุกอย่างเป็นรองเจ้า t54/55 เกือบหมด โดยการออกแบบตัวปืนถูกแบบให้ใช้ปืนใหญ่ m68 ขนาด 105mm ตัวล้อของรถเริ่มมีการเอาอะลูมีเนียมมาผสมกับเหล็กเพื่อความคงทนและน้ำหนักที่เบาขึ้น โดยตัวรถใช้เครื่องยนต์ดีเซล Continental V-12 ให้กำลังที่ 750 แรงม้า ระบายความร้อนด้วยอากาศ ตัวรถถูกนำเข้าประจำการในกองทัพสหรัฐครั้งแรกในปี 1960 ทางด้านตุรกีก็สั่งเจ้า m60 มาใช้งานเช่นกัน โดยตุรกีมีรถถัง m60 กว่า 1646 คันแบ่งเป็น
-รุ่น a1 จำนวน 104 คัน
-รุ่น a2 จำนวน 753 คัน
-รุ่น a3 จำนวน 619 คัน โดยรุ่น a3 จะพิเศษกว่ารุ่น a1&a2 ตรงที่เพิ่มระบบกล้องจับภาพด้วยความร้อน AN/VVG-2 ทำให้สามารถรบได้ทั้งกลางวันและกลางคืน และเพิ่มระบบ stabilaizer ทำให้สามารถยิงในขณะรถเคลื่อนที่ได้และเพิ่มระบบล็อคเป้าและวัดระยะทางเป้าหมายด้วยแสงเลเซอร์
-รุ่น m60t sabra จำนวน 170 คัน โดยรุ่น sabra คือรุ่น m60 ที่ทันสมัยที่สุดของตุรกี และน่าจะเป็นรุ่นที่ทันสมัยที่สุดใน m60 tank series อีกด้วย โดยรุ่น sabra เป็นรุ่นที่ตุรกีนำไปให้อิสราเอลทำการอัฟเกรดให้ ไม่ว่าจะเปลี่ยนไปใช้ปืนใหญ่ขนาด 120mm MG253 แทน m68 แบบเก่า ใช้ขุมกำลังเครื่องยนต์ดีเซล MTU MT 881 KA-501 ที่ให้ขุมพลังขนาด 1000 แรงม้า และให้อัตราขับต่อน้ำหนักที่ 17 แรงม้า/ตัน และระบบต่างๆที่แทบยกเอาระบบของ merkava mk4 ไม่ว่า่จะเป็นเกราะผสมแบบพิเศษ ระบบควบคุมการยิงบลาๆๆและอื่นอีกมากมาย(พูดง่ายๆคือยกเอาระบบของ merkava mk4 มายัดลงใน m60 เกือบทั้งดุ้น) นั่นเองทำให้เจ้า m60t sabra น่าจะเป้นรถถังที่ทันสมัยที่สุดใน m60 tank series
4.altay tank

ตุรกีได้เริ่มพัฒนารถถังแบบใหม่ของตัวเองในช่วงทสวรรศที่ 1990 โดยได้ทำสัญญากับริษัท otokar ในการพัฒนารถถังใหม่ในแบบของตัวเอง แต่ถึงกระนั้นระหว่างการพัฒนาตุรกีก็ปประสบความปัญหาความล่าช้าและราคาตัวรถที่เกือบจะบานปลาย จนกระทั้งในช่วงทศวรรศที่ 2000 ทาง otoka ได้ร่วมมือกับทางเกาหลี และได้ขอแบบรถถัง k2 blackpanther ของเกาหลีใต้มาเป็นตัวต้นแบบในการพัฒนาในปี 2008 altay tank คันแรกออกจากโรงงงานในปี 2012 และถือว่าเป็นรถถังที่ทันสมัยที่สุดแบบหนึ่งของโลก โดยมันใช้ปืนใหญ่ Aselsan/STM Volkan III assisted MKEK ขนาด 120 mm ลำกล้องเรียบ ด้านขุมพลังนั้นตัวรถใช้เครื่องยนต์ดีเซล cift yakit motor(mtu) ที่ให้ขุมกำลังขนาด 1500 แรงม้า สามารถทำความเร็วได้ 70 กิโลเมตร/ชั่วโมง ให้ขุมกำลังต่อน้ำหนักประมาณ 25 แรงม้า/ตัน ระบายความร้อนด้วยอากาศ ตัวรถมีน้ำหนัก 65 ตัน ตัวรถใช้ระบบ stanag 4579 ที่ทำหน้าทีระบุเอกลักาณ์ของเป้าหมาย เพื่อเพิ่มความมั่นใจในกรณีเจอรถังขนาดเล็กที่ไม่สามารถระบุเป้าหมายได้ ตัวรถและป้อมรถใช้เกราะที่ทำจากเหล็กผสม เพื่อเพิ่มอัตราความอยู่รอดในสนามรบ และระบบที่ทันสมัยอย่างมากอีกมากมาย โดยปัจจบัน altay tank ถูกผลิตออกมา 4 คันและมีแผนที่จะสั่งซื้อ 1000 คัน เพื่อทดแทน m48 patton ที่เริ่มล้าสมัย(ขอขอบคุณข้อมูลจากคุณ in darkness) โดยตุรกีมีแผนที่จะนำเจ้า altay tank ส่งออกไปทั่วโลกแข่งกับรถถังแบบอื่นๆจากทั่วโลกอีกด้วย
5.m48 patton

m48 patton นั้นถูกพัฒนาขึ้นในช่วงทศวรรศที่ 1950 โดยพัฒนามาจาก m47 patton โดยตัวรถออกจากโรงงานครั้งแรกในวันที่ 2 เมษายน 1953 โดยตัวรถใช้ปืนใหญ่ขนาด 90mm t54(ก่อนจะเปลี่ยนไปใช้ปืนใหญ่ 105mm m68 ในรุ่น a5) โดยตัวรถใช้เครื่องยนต์ดีเซล
Continental AVSI-1790-6 V12 Twin-turbo gasoline ให้ขุมกำลัง 650 แรงม้า ระบายความร้อนด้วยอากาศ ทำให้ตัวรถสามารถวิ่งได้ด้วยความเร็ว 48 กิโลเมตร/ต่อชั่วโมง และให้เครื่องยนต์ให้กำลังแรงขับ 15 แรงม้า/ตัน โดยตุรกีมีรถถัง m48 patton ทั้งหมด 1377 คัน โดยแบ่งเป็น
-a51t1 โดยได้นำระบบบางส่วนของรถถัง m60a1 มายัดใส่ได้แก่ระบบควบคุมการยิงและเครื่องยนต์ของ m60a1 มาใส่ โดยเปลี่ยนไปใช้ปืนใหญ่ขนาด 105mm m68 เพิ่มกล้องตรวจการกลางคืน ทำให้ตัวรถถังสามารถรบได้ทั้งกลางวันและกลางคืนและทุกสภาพอากาศ โดยตุรกีมีรุ่น a51 ทั้งหมด 619 คัน
-a51t2 เจ้า a51t2 คือการนำเจ้า a51t1 มาอัพเกรดเพิ่มเติมนั่นเอง โดยเพิ่มระบบกล้องตรวจจับภาพด้วยความร้อน an/vvg-2 แบบเดียวกับ m60a3 มายัดใส่แทนกล้องตรวจการกลางคืนแบบเก่าทำให้สามารถทำการรบในเวลากลางคืนได้ดีขึ้น และเปลี่ยนไปใช้ระบบควบคุมการยิงและระบบเล็งเป้าและวัดระยะด้วยเลเซอร์ แบบเดียวกับ m60a3 โดยตุรกีมี a51t2 จำนวน 758 คัน
กองทัพบกตุรกี
1.leopard 1
leopard 1 เป้นรถถังที่พัฒนาโดยกองทัพเยอรมันตะวันตกในช่วงทศววรศที่ 1950 เพื่อมาทดแทน m47 และ m48 patton ที่เริ่มล้าสมัยของกองทัพนาโต้ หลังจากพัฒนาเสร็จโดยการช่วยเหลือของกองทัพพันธมิตรเจ้า leopard ก็เข้าประจำการในกองทัพเยอรมันในปี 1965 leopard ถือว่าเป้นรถถังที่ทันสมัยอยู่พอสมควรในยุคนั้นโดยจุดประสงค์ในการออกแบบก็เพื่อมารับมือกับฝูงรถถัง t54/55 จำนวนมหาศาลที่จ่อคอหอยบ้านตัวอยู่ โดยมันมีปืนใหญ่ 105mm l7a3 ตัวรถออกแบบมาให้ทำสงครามภายใต้สภาวะแวดล้อมที่เลวร้ายเช่น สงครามนิวเครียร์หรือสงครามเคมี-ชีวะเป้นต้น ด้วยขุมพลังเครื่องยนต์ MTU MB 838 CaM 500 10 ลูกสูบ ที่ให้อัตราแรงขับต่อน้ำหนัก 19.6/ตัน และให้ขุมกำลังแรงม้าที่ 820 แรงม้า ทำให้เจ้า leopard 1 เคลื่อนที่ด้วยความเร็ว 67 กิโลเมตร/ชั่วโมง โดยตุรกีมี leopard 1 ทั้งหมด 397 คัน โดยแบ่งเป็น
-รุ่น a3 จำนวน 227 คัน
-รุ่น 1t volkan ซึ่งเป็น leopard 1 ที่นำมาพัฒนาโดยตุรกีเองโดยพัฒนาระบบควบคุมการยิงแบบใหม่ พัฒนตัวถังแบบใหม่สามารถรบได้ทั้งกลางวันและกลางคืนและได้ทุกสภาพแวดล้อม โดยตุรกีมี volkan จำนวน 190 คัน
2.leopard 2
หลังจากประสบความสำเร็จกับ leopard 1 อย่างงดงาม เยอรมันตะวันตกก็เริ่มพัฒนารถถังแบบใหม่ในช่วงทศวรรศที่ 1970 หลังจากพัฒนาเสร็จตัวรถก็เข้าประจำการในปี 1979 ในชื่อ leopard 2 โดยการปรับปรุงครั้งใหญ่สุดน่าจะเป็น leopard 2a4 ในช่วงทศวรรศที่ 1990
โดยเข้า leopard a4 การปรับปรุงหลักๆก็จะมี เปลี่ยนระบบควบคุมคุมดิจิตอลการยิงแบบใหม่เพื่อรองรับกระสุนชนิดใหม่ และหุ้มกราะทังสเตน/ไททาเนียมอีกชั้นบนตัวป้อมรถ เพิ่มระบบต่างๆตามยุคสมัยเพื่อเพิ่มอัตราการอยู่รอดที่มากขึ้นในสนามรบ โดยตุรกีมี leopard 2a4 ทั้งหมด 354 คัน
3.m60 patton
เจ้า patton นั้นถูกเริ่มพัฒนาในช่วงทศวรรศที่ 1950 หลังจากเหตุการณ์ปฏิวัติในฮังการีในปี 1956 เหล่ากองทัพตะวันตกได้พบกับเจ้ารถถังแบบใหม่ของโซเวียตอย่าง t54/55 อันแสนร้ายกาจโดยได้พบว่ารถถังที่ตัวเองมีอยู่นั้นไม่อาจรับมือกับเจ้า t54/55 ได้แน่เพราะรถถังที่ดีที่สุดอย่าง m48a3 patton ซึ่งน่าจะเป้นรถถังที่ทันสมัยของตะวันตกก็ไม่อาจรับมือกับเจ้า t54/55 ได้เพราะมันมีปืนใหญ่ขนาดเพียง 90mm เท่านั้นและขุมกำลังทุกอย่างเป็นรองเจ้า t54/55 เกือบหมด โดยการออกแบบตัวปืนถูกแบบให้ใช้ปืนใหญ่ m68 ขนาด 105mm ตัวล้อของรถเริ่มมีการเอาอะลูมีเนียมมาผสมกับเหล็กเพื่อความคงทนและน้ำหนักที่เบาขึ้น โดยตัวรถใช้เครื่องยนต์ดีเซล Continental V-12 ให้กำลังที่ 750 แรงม้า ระบายความร้อนด้วยอากาศ ตัวรถถูกนำเข้าประจำการในกองทัพสหรัฐครั้งแรกในปี 1960 ทางด้านตุรกีก็สั่งเจ้า m60 มาใช้งานเช่นกัน โดยตุรกีมีรถถัง m60 กว่า 1646 คันแบ่งเป็น
-รุ่น a1 จำนวน 104 คัน
-รุ่น a2 จำนวน 753 คัน
-รุ่น a3 จำนวน 619 คัน โดยรุ่น a3 จะพิเศษกว่ารุ่น a1&a2 ตรงที่เพิ่มระบบกล้องจับภาพด้วยความร้อน AN/VVG-2 ทำให้สามารถรบได้ทั้งกลางวันและกลางคืน และเพิ่มระบบ stabilaizer ทำให้สามารถยิงในขณะรถเคลื่อนที่ได้และเพิ่มระบบล็อคเป้าและวัดระยะทางเป้าหมายด้วยแสงเลเซอร์
-รุ่น m60t sabra จำนวน 170 คัน โดยรุ่น sabra คือรุ่น m60 ที่ทันสมัยที่สุดของตุรกี และน่าจะเป็นรุ่นที่ทันสมัยที่สุดใน m60 tank series อีกด้วย โดยรุ่น sabra เป็นรุ่นที่ตุรกีนำไปให้อิสราเอลทำการอัฟเกรดให้ ไม่ว่าจะเปลี่ยนไปใช้ปืนใหญ่ขนาด 120mm MG253 แทน m68 แบบเก่า ใช้ขุมกำลังเครื่องยนต์ดีเซล MTU MT 881 KA-501 ที่ให้ขุมพลังขนาด 1000 แรงม้า และให้อัตราขับต่อน้ำหนักที่ 17 แรงม้า/ตัน และระบบต่างๆที่แทบยกเอาระบบของ merkava mk4 ไม่ว่า่จะเป็นเกราะผสมแบบพิเศษ ระบบควบคุมการยิงบลาๆๆและอื่นอีกมากมาย(พูดง่ายๆคือยกเอาระบบของ merkava mk4 มายัดลงใน m60 เกือบทั้งดุ้น) นั่นเองทำให้เจ้า m60t sabra น่าจะเป้นรถถังที่ทันสมัยที่สุดใน m60 tank series
4.altay tank
ตุรกีได้เริ่มพัฒนารถถังแบบใหม่ของตัวเองในช่วงทสวรรศที่ 1990 โดยได้ทำสัญญากับริษัท otokar ในการพัฒนารถถังใหม่ในแบบของตัวเอง แต่ถึงกระนั้นระหว่างการพัฒนาตุรกีก็ปประสบความปัญหาความล่าช้าและราคาตัวรถที่เกือบจะบานปลาย จนกระทั้งในช่วงทศวรรศที่ 2000 ทาง otoka ได้ร่วมมือกับทางเกาหลี และได้ขอแบบรถถัง k2 blackpanther ของเกาหลีใต้มาเป็นตัวต้นแบบในการพัฒนาในปี 2008 altay tank คันแรกออกจากโรงงงานในปี 2012 และถือว่าเป็นรถถังที่ทันสมัยที่สุดแบบหนึ่งของโลก โดยมันใช้ปืนใหญ่ Aselsan/STM Volkan III assisted MKEK ขนาด 120 mm ลำกล้องเรียบ ด้านขุมพลังนั้นตัวรถใช้เครื่องยนต์ดีเซล cift yakit motor(mtu) ที่ให้ขุมกำลังขนาด 1500 แรงม้า สามารถทำความเร็วได้ 70 กิโลเมตร/ชั่วโมง ให้ขุมกำลังต่อน้ำหนักประมาณ 25 แรงม้า/ตัน ระบายความร้อนด้วยอากาศ ตัวรถมีน้ำหนัก 65 ตัน ตัวรถใช้ระบบ stanag 4579 ที่ทำหน้าทีระบุเอกลักาณ์ของเป้าหมาย เพื่อเพิ่มความมั่นใจในกรณีเจอรถังขนาดเล็กที่ไม่สามารถระบุเป้าหมายได้ ตัวรถและป้อมรถใช้เกราะที่ทำจากเหล็กผสม เพื่อเพิ่มอัตราความอยู่รอดในสนามรบ และระบบที่ทันสมัยอย่างมากอีกมากมาย โดยปัจจบัน altay tank ถูกผลิตออกมา 4 คันและมีแผนที่จะสั่งซื้อ 1000 คัน เพื่อทดแทน m48 patton ที่เริ่มล้าสมัย(ขอขอบคุณข้อมูลจากคุณ in darkness) โดยตุรกีมีแผนที่จะนำเจ้า altay tank ส่งออกไปทั่วโลกแข่งกับรถถังแบบอื่นๆจากทั่วโลกอีกด้วย
5.m48 patton
m48 patton นั้นถูกพัฒนาขึ้นในช่วงทศวรรศที่ 1950 โดยพัฒนามาจาก m47 patton โดยตัวรถออกจากโรงงานครั้งแรกในวันที่ 2 เมษายน 1953 โดยตัวรถใช้ปืนใหญ่ขนาด 90mm t54(ก่อนจะเปลี่ยนไปใช้ปืนใหญ่ 105mm m68 ในรุ่น a5) โดยตัวรถใช้เครื่องยนต์ดีเซล
Continental AVSI-1790-6 V12 Twin-turbo gasoline ให้ขุมกำลัง 650 แรงม้า ระบายความร้อนด้วยอากาศ ทำให้ตัวรถสามารถวิ่งได้ด้วยความเร็ว 48 กิโลเมตร/ต่อชั่วโมง และให้เครื่องยนต์ให้กำลังแรงขับ 15 แรงม้า/ตัน โดยตุรกีมีรถถัง m48 patton ทั้งหมด 1377 คัน โดยแบ่งเป็น
-a51t1 โดยได้นำระบบบางส่วนของรถถัง m60a1 มายัดใส่ได้แก่ระบบควบคุมการยิงและเครื่องยนต์ของ m60a1 มาใส่ โดยเปลี่ยนไปใช้ปืนใหญ่ขนาด 105mm m68 เพิ่มกล้องตรวจการกลางคืน ทำให้ตัวรถถังสามารถรบได้ทั้งกลางวันและกลางคืนและทุกสภาพอากาศ โดยตุรกีมีรุ่น a51 ทั้งหมด 619 คัน
-a51t2 เจ้า a51t2 คือการนำเจ้า a51t1 มาอัพเกรดเพิ่มเติมนั่นเอง โดยเพิ่มระบบกล้องตรวจจับภาพด้วยความร้อน an/vvg-2 แบบเดียวกับ m60a3 มายัดใส่แทนกล้องตรวจการกลางคืนแบบเก่าทำให้สามารถทำการรบในเวลากลางคืนได้ดีขึ้น และเปลี่ยนไปใช้ระบบควบคุมการยิงและระบบเล็งเป้าและวัดระยะด้วยเลเซอร์ แบบเดียวกับ m60a3 โดยตุรกีมี a51t2 จำนวน 758 คัน