ขอวีซ่าท่องเที่ยวให้ลูกสาวค่ะ ตั้งใจจะพาลูกไปเที่ยว Disney World แล้วก็ไปเที่ยวกันกับครอบครัว
การขอวีซ่าให้เด็กอายุต่ำกว่า 15 ปีที่ผู้ปกครองมีวีซ่าท่องเที่ยวอเมริกาอยู่แล้วไม่ต้องนัดวันสัมภาษณ์ให้ยื่นคำร้องและส่งเอกสารทางไปรษณีย์อย่างเดียว
เอกสารที่ยื่นไปก็มี ใบยื่นคำร้อง หนังสือเดินทางตัวจริงของลูก ใบยืนยันแบบฟอร์ม DS 160 รูปถ่าย หลักฐานการชำระเงิน เอกสารการรับรองปกครองบุตรตามกฏหมาย สำเนาวีซ่าของผู้ปกครองที่ยังไม่หมดอายุ เค้าไม่ให้แนบเอกสารอื่นไปด้วยก็ไม่ไม่ได้ส่งอะไรเพิ่มเติมจากนี้ค่ะ
ส่งเรื่องไปแล้วอีกสามวันต่อมาก็มีเจ้าหน้าที่สถานทูตโทรมาค่ะ แจ้งว่าต้องเข้าไปสัมภาษณ์พร้อมเอาเอกสารรับรองบุตรบุณธรรมตัวจริงไปด้วย ตอนนั้นก็แอบกังวลแล้วถ้าต้องสัมภาษณ์จะเป็นยังไง จะถามอะไร หลังจากนั้นก็ต้องไปกรอกออนไลน์นัดสัมภาษณ์ค่ะ
พอวันสัมภาษณ์มาถึงก็พาคุณลูกเข้าเมืองค่ะ จริงๆวันนั้นให้ลูกหยุดเรียนแต่ให้เค้าใส่ชุดนักเรียนไป ส่วนตัวเองก็ใส่ชุดทำงานออฟฟิสปกติค่ะ เอารถไปจอดที่ทำงานแล้วก็นั่งแท๊กซี่ไปสถานทูต
พอไปถึงก็ไปต่อคิวพอได้เจอเจ้าหน้าที่ก็พบว่าเราไม่ได้เอาใบยืนยันแบบฟอร์ม DS 160ไปด้วย ก็ไม่มีใครบอกนี่คะ บอกว่าให้เอาแต่เอกสารอย่างอื่นมา เราก็ต้องวิ่งกระเตงลูกไปตึกฝั่งตรงข้ามหาร้านพิมพ์ สรุปเสียค่าโง่ไปสองร้อยกับพิมพ์เอกสาร 1 ใบ พอได้เอกสารแล้วก็เดินเหงื่อท่วมกลับมาเข้าคิวอีกที ทีนี้เห็นหลายคนมากที่ไม่ได้พิมพ์ใบยืนยันแบบฟอร์ม DS 160 มาเหมือนกันเยอะแยะเลย ก็แนะให้เค้ารีบไปปรินท์ค่ะ
ถึงเวลาเข้าสถานทูต จ่ายค่าไปรณีย์เสร็จก็เข้าไปเจอด่านแรกที่เป็นคนไทยตรวจเอกสาร พอตรวจเสร็จเค้าก็ให้พาสปอร์ตลูกสาวพร้อมใบปะหน้ามาแล้วแจ้งให้เราไปต่อคิวสัมภาษณ์ค่ะ ระหว่างรอคิวก็หยิบเอกสารมาดูแต่ก็ผงะไปนิดนึง เพราะตรงใบปะหน้าที่ได้คืนมามันมีคำว่า Refused แสตมป์เอาไว้ค่ะ ตอนนั้นใจแป้วมาก คือโรงแรมก็จองไว้แล้ว ตั๋วดิสนี่ย์ก็ซื้อไว้แล้ว เหลือแค่ตั๋วเครื่องบิน เอาไงดีล่ะเนี่ย ตอนนั้นได้แต่แอบตระหนกในใจ แต่ก็พยายามยิ้มแย้มไว้ ไม่อยากให้ลูกกังวลค่ะ อยากให้เค้าไปสัมภาษณ์แบบสบายใจ
เอกสารที่เตรียมใบสัมภาษณ์ จริงๆสถานทูตบอกให้เอาแต่ใบรับรองบุตรบุญธรรมตัวจริงไป แต่เราเตรียมอย่างอื่นไปด้วยค่ะ ใบรับรองเงินเดือน สเตทเม้นท์แบงค์ ภาพถ่ายกับลูกตั้งแต่เล็กยันโต ใบจองรีสอร์ตดิสนีย์ มีติดไว้เผื่อต้องใช้ค่ะ
พอถึงตาเราที่จะต้องเข้าไปสัมภาษณ์ ก็เจอกงสุล พอถึงก็ยื่นเอกสารให้ ทักทายพองาม เราทักแกเป็นภาษาอังกฤษค่ะ
กงสุล: จะไปเที่ยวที่ไหนครับ
เรา: ไปออแลนโด้ค่ะ พาไปเที่ยวดิสนี่ย
กงสุล: ขอใบจดทะเบียนรับรองบุตรด้วยครับ
เรา: (ยื่นให้)
กงสุล: รับลูกมาเลี้ยงตั้งแต่เมื่อไหร่ครับ
เรา: ตั้งแต่เล็กๆค่ะ แต่พึ่งมาจดรับรองปี ..... เอาภาพถ่ายตั้งแต่เล็กๆมาด้วยนะคะ (พร้องชูรูป ตั้งแต่เยาว์วัย)
กงสุล : อ่อ เอารูปมาด้วยหรือครับ
กงสุลมองแล้วยิ้ม เราก็เอ๋อ คือเค้าไม่ได้ขอให้เรายื่น เราก็ไม่ได้ยื่นแค่ชูๆให้ดู
กงสุล : มีญาติอยู่ที่นู่นไหมครับ
เรา: มีค่ะ ลุงอยู่ที่เมือง..... เปิดคลีนิคอยู่ที่นั่น
กงสุล: แล้วจะไปหาญาติไหมคับ
เรา: ไม่ไปค่ะ
กงสุล: ตอนนี้ทำงานอะไรครับ
เรา: (อธิบาย...)
กงสุล: ทำงานมากี่ปีแล้วครับ
เรา: ห้าปีกว่าแล้วค่ะ
กงสุล: รอสักครู่นะครับ (แล้วแกก็เอาเอกสารเดินไปไหนไม่รู้)
กงสุล: แล้วจะไปเยี่ยมญาติไหมครับ
เรา: ไม่ไปค่ะ
กงสุล: โทษทีครับ ทำงานที่นี่มากี่ปีแล้วครับ
เรา: ห้าปีกว่าค่ะ ครบห้าปีในเดือน .... (กงสุลนี่ไม่รู้ว่าความจำสั้นหรือจะจับผิดเนอะ)
กงสุล: แล้วจะไปเจอใครที่นู่นครับ
เรา: พาลูกไปเที่ยวไปเจอพี่สาวกับแม่ค่ะ สองคนนั้นบินจากประเทศ ... ไปเจอกันที่นู่น ไปเที่ยวกันแบบครอบครัวอ่ะค่ะ (ตอนนั้น วางใบจองหัวมิคกี้เมาส์แผ่หราเลยค่ะ แต่ไม่ได้ยื่นให้ดู)
กงสุล: (พูดกับลูกสาว) จะไปเที่ยวที่ไหนครับ (ภาษาไทย)
ลูกสาวอึ้งและงงค่ะ หันมามองหน้าเราแบบหน้าตาฉงนมาก จนเราต้องแปลไทยเป็นไทยอีกที
ลูกสาว: ไปเที่ยวดิสนี่ย์เวิลด์ค่ะ
กงสุล: ไปกี่วันครับ
ลูกสาว: สิบวันค่ะ
กงสุล: ครับรอสักครู่นะครับ
แล้วกงสุลก็เดินไปไหนอีกรอบก็ไม่รู้ พอกลับมา
กงสุล: ไม่ไปหาญาติที่นั่นนะครับ
เรา: คงไม่อ่ะค่ะ ที่นั่นไม่มีอะไรเลย นอกจากวัว
กงสุล: (ยิ้ม แล้วก็พยักหน้า) เที่ยวให้สนุกนะครับ เดี๋ยวรอรับพาสปอร์ตคืนทางไปรษณีย์
เย้ โล่งใจมากค่ะ ถามนานอยู่นึกว่าจะไม่ได้ซะแล้ว อ่อ วีซ่าส่งเร็วมากค่ะ 3 วันต่อมาก็มาส่งถึงบ้าน คุณลูกได้มา 10 ปี
สรุปนะคะ การสัมภาษณ์จริงๆไม่มีอะไรมาก แต่รู้สึกว่าเค้าถามซ้ำไปซ้ำมา คือถ้าตอบแต่ละครั้งไม่เหมือนกันคงมีประเด็นอ่ะค่ะ สำหรับคนที่ไปสัมภาษณ์อย่าลืมพิมพ์ใบยืนยันแบบฟอร์ม DS 160 กันนะคะ จะได้ไม่เสียเงิน เสียเวลาและอารมณ์ค่ะ
ใครจะไปขอก็ขอให้เตรียมเอกสาร เตรียมตัว เตรียมใจให้พร้อมนะคะ โชคดีค่ะ
แชร์ประสบการณ์สัมภาษณ์วีซ่า ท่องเที่ยวอเมริกาให้ลูกสาว
การขอวีซ่าให้เด็กอายุต่ำกว่า 15 ปีที่ผู้ปกครองมีวีซ่าท่องเที่ยวอเมริกาอยู่แล้วไม่ต้องนัดวันสัมภาษณ์ให้ยื่นคำร้องและส่งเอกสารทางไปรษณีย์อย่างเดียว
เอกสารที่ยื่นไปก็มี ใบยื่นคำร้อง หนังสือเดินทางตัวจริงของลูก ใบยืนยันแบบฟอร์ม DS 160 รูปถ่าย หลักฐานการชำระเงิน เอกสารการรับรองปกครองบุตรตามกฏหมาย สำเนาวีซ่าของผู้ปกครองที่ยังไม่หมดอายุ เค้าไม่ให้แนบเอกสารอื่นไปด้วยก็ไม่ไม่ได้ส่งอะไรเพิ่มเติมจากนี้ค่ะ
ส่งเรื่องไปแล้วอีกสามวันต่อมาก็มีเจ้าหน้าที่สถานทูตโทรมาค่ะ แจ้งว่าต้องเข้าไปสัมภาษณ์พร้อมเอาเอกสารรับรองบุตรบุณธรรมตัวจริงไปด้วย ตอนนั้นก็แอบกังวลแล้วถ้าต้องสัมภาษณ์จะเป็นยังไง จะถามอะไร หลังจากนั้นก็ต้องไปกรอกออนไลน์นัดสัมภาษณ์ค่ะ
พอวันสัมภาษณ์มาถึงก็พาคุณลูกเข้าเมืองค่ะ จริงๆวันนั้นให้ลูกหยุดเรียนแต่ให้เค้าใส่ชุดนักเรียนไป ส่วนตัวเองก็ใส่ชุดทำงานออฟฟิสปกติค่ะ เอารถไปจอดที่ทำงานแล้วก็นั่งแท๊กซี่ไปสถานทูต
พอไปถึงก็ไปต่อคิวพอได้เจอเจ้าหน้าที่ก็พบว่าเราไม่ได้เอาใบยืนยันแบบฟอร์ม DS 160ไปด้วย ก็ไม่มีใครบอกนี่คะ บอกว่าให้เอาแต่เอกสารอย่างอื่นมา เราก็ต้องวิ่งกระเตงลูกไปตึกฝั่งตรงข้ามหาร้านพิมพ์ สรุปเสียค่าโง่ไปสองร้อยกับพิมพ์เอกสาร 1 ใบ พอได้เอกสารแล้วก็เดินเหงื่อท่วมกลับมาเข้าคิวอีกที ทีนี้เห็นหลายคนมากที่ไม่ได้พิมพ์ใบยืนยันแบบฟอร์ม DS 160 มาเหมือนกันเยอะแยะเลย ก็แนะให้เค้ารีบไปปรินท์ค่ะ
ถึงเวลาเข้าสถานทูต จ่ายค่าไปรณีย์เสร็จก็เข้าไปเจอด่านแรกที่เป็นคนไทยตรวจเอกสาร พอตรวจเสร็จเค้าก็ให้พาสปอร์ตลูกสาวพร้อมใบปะหน้ามาแล้วแจ้งให้เราไปต่อคิวสัมภาษณ์ค่ะ ระหว่างรอคิวก็หยิบเอกสารมาดูแต่ก็ผงะไปนิดนึง เพราะตรงใบปะหน้าที่ได้คืนมามันมีคำว่า Refused แสตมป์เอาไว้ค่ะ ตอนนั้นใจแป้วมาก คือโรงแรมก็จองไว้แล้ว ตั๋วดิสนี่ย์ก็ซื้อไว้แล้ว เหลือแค่ตั๋วเครื่องบิน เอาไงดีล่ะเนี่ย ตอนนั้นได้แต่แอบตระหนกในใจ แต่ก็พยายามยิ้มแย้มไว้ ไม่อยากให้ลูกกังวลค่ะ อยากให้เค้าไปสัมภาษณ์แบบสบายใจ
เอกสารที่เตรียมใบสัมภาษณ์ จริงๆสถานทูตบอกให้เอาแต่ใบรับรองบุตรบุญธรรมตัวจริงไป แต่เราเตรียมอย่างอื่นไปด้วยค่ะ ใบรับรองเงินเดือน สเตทเม้นท์แบงค์ ภาพถ่ายกับลูกตั้งแต่เล็กยันโต ใบจองรีสอร์ตดิสนีย์ มีติดไว้เผื่อต้องใช้ค่ะ
พอถึงตาเราที่จะต้องเข้าไปสัมภาษณ์ ก็เจอกงสุล พอถึงก็ยื่นเอกสารให้ ทักทายพองาม เราทักแกเป็นภาษาอังกฤษค่ะ
กงสุล: จะไปเที่ยวที่ไหนครับ
เรา: ไปออแลนโด้ค่ะ พาไปเที่ยวดิสนี่ย
กงสุล: ขอใบจดทะเบียนรับรองบุตรด้วยครับ
เรา: (ยื่นให้)
กงสุล: รับลูกมาเลี้ยงตั้งแต่เมื่อไหร่ครับ
เรา: ตั้งแต่เล็กๆค่ะ แต่พึ่งมาจดรับรองปี ..... เอาภาพถ่ายตั้งแต่เล็กๆมาด้วยนะคะ (พร้องชูรูป ตั้งแต่เยาว์วัย)
กงสุล : อ่อ เอารูปมาด้วยหรือครับ
กงสุลมองแล้วยิ้ม เราก็เอ๋อ คือเค้าไม่ได้ขอให้เรายื่น เราก็ไม่ได้ยื่นแค่ชูๆให้ดู
กงสุล : มีญาติอยู่ที่นู่นไหมครับ
เรา: มีค่ะ ลุงอยู่ที่เมือง..... เปิดคลีนิคอยู่ที่นั่น
กงสุล: แล้วจะไปหาญาติไหมคับ
เรา: ไม่ไปค่ะ
กงสุล: ตอนนี้ทำงานอะไรครับ
เรา: (อธิบาย...)
กงสุล: ทำงานมากี่ปีแล้วครับ
เรา: ห้าปีกว่าแล้วค่ะ
กงสุล: รอสักครู่นะครับ (แล้วแกก็เอาเอกสารเดินไปไหนไม่รู้)
กงสุล: แล้วจะไปเยี่ยมญาติไหมครับ
เรา: ไม่ไปค่ะ
กงสุล: โทษทีครับ ทำงานที่นี่มากี่ปีแล้วครับ
เรา: ห้าปีกว่าค่ะ ครบห้าปีในเดือน .... (กงสุลนี่ไม่รู้ว่าความจำสั้นหรือจะจับผิดเนอะ)
กงสุล: แล้วจะไปเจอใครที่นู่นครับ
เรา: พาลูกไปเที่ยวไปเจอพี่สาวกับแม่ค่ะ สองคนนั้นบินจากประเทศ ... ไปเจอกันที่นู่น ไปเที่ยวกันแบบครอบครัวอ่ะค่ะ (ตอนนั้น วางใบจองหัวมิคกี้เมาส์แผ่หราเลยค่ะ แต่ไม่ได้ยื่นให้ดู)
กงสุล: (พูดกับลูกสาว) จะไปเที่ยวที่ไหนครับ (ภาษาไทย)
ลูกสาวอึ้งและงงค่ะ หันมามองหน้าเราแบบหน้าตาฉงนมาก จนเราต้องแปลไทยเป็นไทยอีกที
ลูกสาว: ไปเที่ยวดิสนี่ย์เวิลด์ค่ะ
กงสุล: ไปกี่วันครับ
ลูกสาว: สิบวันค่ะ
กงสุล: ครับรอสักครู่นะครับ
แล้วกงสุลก็เดินไปไหนอีกรอบก็ไม่รู้ พอกลับมา
กงสุล: ไม่ไปหาญาติที่นั่นนะครับ
เรา: คงไม่อ่ะค่ะ ที่นั่นไม่มีอะไรเลย นอกจากวัว
กงสุล: (ยิ้ม แล้วก็พยักหน้า) เที่ยวให้สนุกนะครับ เดี๋ยวรอรับพาสปอร์ตคืนทางไปรษณีย์
เย้ โล่งใจมากค่ะ ถามนานอยู่นึกว่าจะไม่ได้ซะแล้ว อ่อ วีซ่าส่งเร็วมากค่ะ 3 วันต่อมาก็มาส่งถึงบ้าน คุณลูกได้มา 10 ปี
สรุปนะคะ การสัมภาษณ์จริงๆไม่มีอะไรมาก แต่รู้สึกว่าเค้าถามซ้ำไปซ้ำมา คือถ้าตอบแต่ละครั้งไม่เหมือนกันคงมีประเด็นอ่ะค่ะ สำหรับคนที่ไปสัมภาษณ์อย่าลืมพิมพ์ใบยืนยันแบบฟอร์ม DS 160 กันนะคะ จะได้ไม่เสียเงิน เสียเวลาและอารมณ์ค่ะ
ใครจะไปขอก็ขอให้เตรียมเอกสาร เตรียมตัว เตรียมใจให้พร้อมนะคะ โชคดีค่ะ