屮°□°)屮 (゜艸゜◎)มาเล่นแต่งเรื่องสั้นกัน...เรื่องสั้นฝันร้าย (50%) (屮°□°)屮 (゜艸゜◎)

กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด!!!!!!
เฮือกก!!!!!!



มินตราสะดุ้งขึ้นจากที่นอนด้วยดวงตาเบิกโพลง  ความกลัวชนิดที่บรรยายไม่ได้วิ่งเข้าเกาะกุมหัวใจเธอจนแทบไม่มีที่วาง
นี่มันอะไรกัน.......มินตรารู้สึกเจ็บตึงบริเวณผิวหน้าร้าวมาถึงลำคอพร้อมทั้งมีอาการปวดหัวคลื่นไส้อยากอาเจียน  

ฝันร้ายซ้ำซาก

น่าแปลก.....หลังจากตื่นเธอจดจำได้แต่ความหวาดกลัวแต่เมื่อพยายามนึกว่าฝันร้ายเกี่ยวกับเรื่องอะไรนั้น……
ทำอย่างไรเธอก็ไม่สามารถนึกออกได้

ยิ่งพยายาม...ยิ่งปวดหัว  


แอ๊ดดดดดดด....เสียงแง้มบานประตูทำให้มินตราเหลียวมองในผ่านความมืด  ไม่ต้องมองเห็นเธอก็รู้ว่าใคร คงเป็นคุณแม่ที่ตกใจกับเสียงกรีดร้องของเธอ

“หนูไม่เป็นไรค่ะแม่ แค่ฝันร้าย แม่ไปนอนต่อเถอะ”  มินตราบอกแม่ด้วยน้ำเสียงแหบโหยก่อนทิ้งตัวลงนอนใหม่อีกรอบ

แม่ค่อยๆดึงบานประตูจนปิดสนิทแทบไม่ได้ยินเสียง    การตื่นกลางดึกแบบนี้ทำให้มินตรารู้สึกไม่ดีเลย เพราะเธอจะนอนไม่หลับอีกหลายชั่วโมง

พอรู้สึกตัวอีกทีก็ใกล้เช้าแล้ว มินตราต้องหอบร่างกายที่เต็มไปด้วยความสะโหลสะเหลไม่สดชื่นเต็มร้อยไปโรงเรียน




“นอนไม่หลับอีกแล้วเหรอแก” ลิลินเพื่อนสนิทที่นั่งข้างกันในห้องเรียนถามด้วยความเป็นห่วง  เมื่อเห็นสายตาระโหยโรยแรง
รอบตาเป็นวงช้ำสีคล้ำของเพื่อน

“ฉันอยากไปหาหมอจังถ้าไม่ติดว่า....”มินตราพูดค้างไว้

“แม่แกเป็นหมอ” ลิลินต่อจนจบประโยค

“ฉันว่าโชคดีออกที่มีแม่แท้ๆเป็นหมอ  เจ็บป่วยก็ไม่ต้องไปโรงพยาบาล  ให้แม่วิเคราะห์อาการและจ่ายยาได้เลย น่าอิจฉาจะตาย”ลิลินบอกกันเพื่อน


..........


ไม่มีคำตอบจากมินตรา   พูดไปจะมีใครเชื่อว่าแม่นั่นแหละ คือคนที่เธอรู้สึกกลัวมากที่สุด  

สิ่งนี้มันออกมาจากจิตใต้สำนึก  ทั้งๆที่เธอพยายามให้เหตุผลค้านกับตัวเองว่าแม่คนดีของเธอ ซึ่งมอบทั้งความรักความเอาใจใส่

และทุกๆอย่างในชีวิตเท่าที่แม่คนหนึ่งจะทำเพื่อลูกได้  แม่ดีขนาดนี้...แล้วทำไมเธอถึงรู้สึกไม่ไว้วางใจ  

หรือเป็นเพราะเธอเริ่มมีอาการป่วยทางจิตเวช  หวาดระแวงแม้แต่คนใกล้ตัว





ไม่มีเวลาให้คิดอะไรมากนักเสียงออดหมดคาบกระตุ้นให้เธอกับลิลินต้องรีบเปลี่ยนชุดพละเพื่อไปเรียนวอลเล่ย์ที่โรงยิม  

วันนี้มีสอบด้วย...เธอต้องรีบ


ตึ่กๆๆๆๆๆๆๆ


ใจมินตราเต้นไม่เป็นจังหวะ  มือเย็บเฉียบ  เธอไม่ถนัดกีฬาทุกชนิด พอถึงเวลาต้องสอบเก็บคะแนนทีไร เธอจะรู้สึกถึง

ความกดดันมหาศาลถาโถมมาทับตัวเธอ “เราต้องสอบผ่าน” มินตราย้ำกับตัวเองเบาๆเรียกความมั่นใจ



วันนี้มีสอบเสิร์ฟลูกซึ่งอาจารย์ให้โอกาสสิบครั้ง  เธอต้องเสิร์ฟลูกดีข้ามเน็ตและไม่ออกนอกเส้นอย่างน้อยเจ็ดลูกจึงจะผ่าน

อาจารย์ให้เวลาจับคู่ซ้อมสิบนาที  ก่อนจะเรียกสอบเป็นคู่ตามเลขที่  มินตรารู้สึกกระวนกระวายเป็นอย่างมาก

ตอนนี้เธอทำได้ดีที่สุดเพียงแค่สี่ในสิบลูก   ยังต้องพยายามเพิ่มขึ้นอีก

ด้วยความจำกัดของโรงยิมทำให้นักเรียนครึ่งหนึ่งต้องนั่งคอย  ดูเพื่อนอีกครึ่งหนึ่งซ้อมก่อนกับเน็ตจริงที่ต้องเสิร์ฟข้ามผ่านไปให้ได้



เฮ้ออออออออ



อยากให้ช่วงเวลาเลวร้ายอย่างที่รู้สึกตอนนี้วิ่งผ่านไปเร็วๆจัง  มินตราอดเผลอคิดไม่ได้ก่อนจะเสริ์ฟลูกแรกออกไป...


ไม่ผ่านลูกเสิร์ฟของเธอเบาเกินไป....


เหลือเวลาอีกไม่มากนักจะหมดเวลาซ้อมแล้ว  ตอนนี้มินตรารู้สึกเครียดจนปวดตึงที่ขมับอาการเจ็บหน้าร้าวมาถึงลำคอเริ่มกำเริบอีกรอบ


มิน!!!!!   ระวัง!!!!


เธอได้ยินเสียงร้องเตือนของลิลินดังมาจากที่ไหนสักที่  เธอเงยหน้าขึ้นมอง ตอนนี้กำลังมีลูกวอลเล่ย์ที่พุ่งจี๋หมุนด้วยความเร็วสูง

ผ่านเน็ตตรงดิ่งเข้าสู่ใบหน้าเธอ  



มินตราตัวแข็ง ยืนขาตายตกตะลึงทำอะไรไม่ถูกจนกระทั่ง....


ผลั่กกกกก!!!


เสียงลูกบอลกระแทกกับหน้าเธอจังๆทำให้มินตราถึงกับเซถลาล้มไปกองที่พื้น  เลือดกำเดาจำนวนมากไหลออกมา  

ลิลินถลาเข้ามาประคองเพื่อนรักด้วยสีหน้าเป็นห่วง


“เป็นอะไรหรือเปล่ามิน”


ลิลินสังเกตเห็นความผิดปกติของเพื่อนสาว  ตัวมินตราเย็นเฉียบ ตาเบิกโพลงอ้าปากค้าง ราวกับหวาดกลัวอะไรบางอย่างสุดชีวิต


“แก....เป็นอะไรไป”  ลิลินเขย่าตัวเพื่อนเมื่อ

“ฉันเห็นหัวตัวเองลอยข้ามเน็ตมา....”

มินตราพึมพำเสียงเบาหวิว  ก่อนความรู้สึกทั้งมวลจะดับวูบลงไป....





“ทำไมไม่รู้จักดูแลตัวเองนะ!?” แม่ขึ้นเสียงกราดเกรี้ยวใส่เธอเมื่ออยู่ในรถสองต่อสอง ลิลินคงจัดการโทรไปบอกแม่ให้

“หนูขอโทษค่ะ”  มินตราก้มหน้าพูด ดวงตารื้นด้วยน้ำตา เรื่องแค่นี้ทำไมแม่ต้องตวาดด้วย  เธอน้อยใจและเสียความรู้สึก



อีกแล้ว...ความอึดอัดที่บรรยายไม่ถูก กลืนไม่เข้าคายไม่ออกมันกำลังพุ่งขึ้นมาจากช่องท้องแล่นเข้าจับหัวใจ  

มินตราค่อยๆเหลียวมองดูใบหน้าด้านข้างของแม่ที่กำลังขับรถอยู่  แว่บหนึ่ง.....มีเสียงในใจบอกเธอว่า  คนๆนี้ไม่ใช่แม่ของเธอ!!!



นี่มันอะไร....มินตราไม่รู้ว่าเธอควรเชื่อใจตัวเองหรือเปล่า...หรือนี่คือจุดเริ่มต้นของความเจ็บป่วยทางจิต

ถ้าคนที่กำลังขับรถพาเธอไปโรงพยาบาลไม่ใช่แม่ของมินตรา  แล้วเธอคือใครกันแน่!!!!



แม่ไม่ได้พาเธอไปโรงพยาบาล แต่ตรงดิ่งกลับบ้าน ประคองมินตรานอนบนเตียงแล้วหยิบยาเม็ดสีชมพูสองเม็ดส่งมาให้เธอพร้อมแก้วน้ำ

“กินยาแล้วดื่มน้ำตามเยอะๆ”

มินตราจำใจทำตามคำสั่งของแม่เหมือนหุ่นยนต์ที่ถูกโปรแกรมไว้  แม้ในใจเธออยากขัดขืน  

แม่ทำอย่างนี้ทุกครั้งเวลาเธอป่วย  ยาเม็ดสีชมพูนั่นเปรียบเสมือนยามรณะ  มันทำให้ง่วงมึน

หลังจากนั้นก็จำอะไรไม่ได้ ตื่นขึ้นมาอีกทีก็รู้สึกได้ร้าวไปทั้งกระโหลก หน้าและลำคอ....

เธอเดาว่ามันคือยานอนหลับ  แต่แม่ทำอะไรกับเธอหลังจากนั้นเป็นสิ่งที่มินตราไม่เคยมีคำตอบให้ตัวเอง



ครั้งนี้ต้องไม่พลาด..


มินตราบอกตัวเอง  ทำทีรับแก้วน้ำและยามากิน  

แต่แอบเก็บยาไว้ใต้ลิ้นไม่ได้กลืนลงลำคอและเมื่อแม่รับแก้วไปแล้วเดินไปวางที่โต๊ะเครื่องแป้งมิตราก็บ้วนยาทิ้งซ่อนไว้ใต้หมอน...


มันถึงเวลาที่เธอควรจะรู้ความจริงเสียทีว่าแม่แอบทำอะไรกับเธอหลังสลบไป


มินตราจะรู้ตัวหรือไม่ว่าสิ่งที่ทำถือว่าเป็นความผิดพลาดอย่างมหันต์   เรื่องบางเรื่องถ้าไม่รู้....คงจะดีกว่า



----เรื่องสั้นเรื่องนี้แต่งไว้เพียงครึ่งหนึ่ง  ขอเชิญสหายทุกท่านช่วยแต่งเติมให้จบครบร้อยเปอร์เซนต์----



อมยิ้ม15อมยิ้ม15อมยิ้ม15มาเล่นกันนะ...อมยิ้ม15อมยิ้ม15อมยิ้ม15



แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่