แชร์ประสบการณ์ล่าหมวกแดงที่นักล่าปีกหลายๆคนใฝ่ฝัน จนถึงวันเทรน ^^

สวัสดีค่ะ เป็นกระทู้ยาวกระทู้แรกเลย ตั้งใจอยากรีวิวแชร์ประสบการณ์ให้กับนักล่าปีกทุกคนที่สนใจสายนี้ เพราะEmiratesเป็นหนึ่งในสายการบินที่คนต้องการสมัครเยอะมากกกกกกกก แต่บางทีก็รับน้อยมาก เพราะฉะนั้นก็เลยอยากเขียนรีวิวขั้นตอนการสมัครให้เป็นแรงบันดาลใจและแนวทางให้นักล่าปีกทุกคน เป็นรอบของประเทศไทยเมื่อเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา ตอนนี้เราเดินทางมาเทรนที่ดูไบแล้วค่ะ ^^


Interview Process
Pre-screen : 23 May 2015
Assessment Day : 24 May 2015
Final Interview : 28 May 2015
Interview Completed : 8 Jun 2015
Additional Document : 13 Jun 2015
Joining Formalities In Progress : 18 Jun 2015
Golden Call : 23 Jun 2015
Date of Join : 21 Aug 2015


Pre-Screen Day

วันแรกเลย CV Drop คนเยอะมากค่ะ รอบที่ไทยรอบนี้ทางสายการบินแบ่งรับสมัครเป็นรอบเช้ากับรอบบ่ายตามแต่ใครจะได้ Invite ไปรอบไหน มีกรรมการสี่ท่านค่ะ บางคนโดนถามน้อยถามเยอะแล้วแต่ว่าเจอกรรมการคนไหน ของเราได้กรรมการใจดีมากค่ะ เค้าดูจากResumeเราแล้วก็ถามว่าเป็นลูกเรืออยู่เหรอ? บินDomesticหรือ Inter? หนังล่าสุดที่ดูคือเรื่องอะไร? มันเป็นยังไง? แค่นี้ค่ะ เค้าก็จะให้หมายเลขมาสำหรับประกาศผลว่าเลขเราจะได้เข้ารอบต่อไปมั้ย บางคนโดนถามแค่ว่านี่มาครั้งแรกเหรอ? แล้วก็Thank youเลยก็มีค่ะ ที่ถามๆมาจะมีโดนถามว่าถ้าติดอยู่ที่ทะเลทรายจะทำยังไง? ถ้าเป็นตัวการ์ตูนดิสนีย์จะเลือกเป็นตัวไหน? ตอนนี้ทำอะไรอยู่? ชอบมั้ย? อะไรยากที่สุดในงานที่ทำ? แล้วก็อาจจะให้เล่าเรื่องงานนิดหน่อย ประมาณนี้ค่ะ สำเนียงกรรมการอาจจะฟังยากนิดนึง อาจเพราะเค้าพูดเบาด้วยค่ะ ต้องฟังดีๆ อย่าถามซ้ำบ่อยเพราะมันจะแสดงให้เห็นว่าเราฟังเค้าพูดไม่รู้เรื่องค่ะ พอครบหมดทุกคนแล้วกรรมการก็ขอเวลาคัดกรอง จากนั้นก็เรียกเข้าห้องประชุมเพื่อประกาศเลขคนที่ผ่านค่ะ อย่างกับเดอะสตาร์ คือลุ้นมากกกกกกก ถ้าเค้าประกาศเลขไหนออกจากห้องได้เลยแล้วมาเจอกันเก้าโมงเช้าวันรุ่งขึ้นค่ะ คนที่ไม่ผ่านก็กลับได้เลยเหมือนกัน แล้วก็มีชื่อค่า เย้~~


Assessment Day

วันนี้ก็ตื่นแต่เช้ามาถึงโรงแรมตั้งแต่ก่อนแปดโมง ก่อนเข้าโรงแรมก็ไหว้สิ่งศักดิ์สิทธิ์หน้าโรวแรมเอาฤกษ์เอาชัยค่ะ 555 คุยกับเพื่อนๆให้หายตื่นเต้นแล้วก็เข้าไปนั่งรอในห้องเหมือนเดิมค่ะ พอกรรมการมาถึงเค้าจะให้หมายเลขใหม่พร้อมชื่อเราแปะไว้ตลอดวัน จากนั้นก็ให้ดูวีดีโอเกี่ยวกับการเทรนนิ่ง บอกคร่าวๆถึงสิ่งที่ควรทำและไม่ควรทำเมื่อไปอยู่ดูไบ, Role of EK Cabin Crew ประมาณนี้ค่ะ Motivationมากๆ 555 จากนั้นก็จะเริ่มเป็นการทำกรุ้ปแล้วค่ะ แบ่งเป็นสองเซต เซตAกับเซตB เพราะคนเข้าเยอะมากค่ะ ไม่แน่ใจว่าเท่าไหร่ น่าจะสองร้อยกว่าๆเกือบสามร้อยได้ ในหนึ่งเซตก็จะมีสี่กลุ่ม ซึ่งเป็นสี่กลุ่มใหญ่เกือบยี่สิบคนได้ค่ะ แล้วในเกือบยี่สิบคนนั้นกรรมการก็จะให้แบ่งเป็นกลุ่มย่อยอีกประมาณสามคน เค้าจะแจกการ์ดที่มีชื่ออาชีพให้แต่ละกลุ่ม ให้discussกันว่าอาชีพนี้ควรจะมีQualificationsอะไรบ้าง แล้วให้พรีเซนต์ให้เพื่อนในกลุ่มใหญ่ของเราฟัง เน้นว่าฟังโจทย์กรรมการดีๆนะคะ ถ้าเค้าบอกว่า Each one, Each qualification ก็ต้องคนละอันจริงๆ ก็เริ่มคุยกับเพื่อนค่ะ ของเราได้ Fitness Trainer ก็บอกมาว่าคนที่เป็นFitness Trainerต้องมีคุณสมบัติอะไรบ้าง อาชีพอื่นๆก็จะมี Florist,Gardener,Astronomer,Actor,Singer,Personal Shopper,Graphic Designer,Painterประมาณนี้ค่ะ  อันนี้แนะนำว่าให้พยายามเรียบเรียงคำพูดในการพรีเซนต์ให้ดี คาดว่าดูภาษาอังกฤษกับการให้เหตุผลของเราเป็นหลักจริงๆค่ะ คือคุณสมบัติที่เราพูดนั้นควรจะมีเหตุผลซัพพอร์ตดีๆว่าทำไมถึงคิดว่าเค้าควรมีคุณสมบัตินี้ แต่ว่าระหว่างดิสคัสกัน กรรมการก็มีมาแอบฟังบ้างค่ะ มาจ้องเลยก็มีว่าคุยอะไรกัน ช่วงนั้นก็พยายามเออออห่อหมกยิ้มแย้มแจ่มใสไปเยอะๆค่ะ ช่วยได้จริงๆ 55555 รอบที่ไทยกรรมการจะเคร่งเรื่องเวลามาก เค้าต้องการให้กระชับมากที่สุด เอาให้สั้นแต่ตรงประเด็นและเข้าใจง่าย บางคนพูดไม่ทันจบกรรมการตัดบทเลยก็มี เพราะเค้าต้องการความสั้นกระชับจริงๆ ถ้าบางประเทศคนสมัครน้อย กรรมการดูชิล ให้เวลาเราได้เต็มที่ ก็พูดลากประโยคสวยได้สุดฤทธิ์เลยค่ะ 555 พอพูดจบ ก็ควรส่งให้เพื่อน ไม่ใช่จบห้วนๆนะคะ มันเป็นจุดเล็กๆที่แสดงให้เห็นว่าเราทำงานเป็นทีม ไม่ใช่พูดของเราจบแล้วก็จบ ระหว่างเพื่อนกลุ่มเราพรีเซนต์ก็ให้หันไปมอง พยักหน้าเห็นด้วยกับสิ่งที่เพื่อนพูด เพราะถือว่าเป็นสิ่งที่เราช่วยกันคิดแล้ว เราเห็นด้วยนะ อะไรแบบนี้ค่ะ ไม่เฉพาะกับเพื่อนกลุ่มเรา เพื่อนกลุ่มอื่นพูดเราก็ควรพยักหน้าเห็นด้วยเช่นกัน แสดงให้รู้ว่าเราสนใจ ถ้าไม่ใช่กลุ่มเราพรีเซนต์ ก็ไม่จำเป็นต้องยิ้มตลอดเวลานะคะ เพราะธรรมชาติของคนไม่ได้ยิ้มตลอดเวลาอยู่แล้ว แต่ควรแสดงออกว่าเราสนใจฟังเค้าอยู่

หลังจากพรีเซนต์เสร็จเรื่องอาชีพเสร็จ กรรมการก็จะให้รูปสิ่งของมา แล้วเอามาดูว่าสิ่งของที่เราได้ กับอาชีพที่เราได้มันสามารถนำมาrelateกันได้ยังไง ของกลุ่มเราได้รูปลิปสติกค่ะ Fitness Trainer กับลิปสติก คือแบบ... 55555 แต่ก็ต้องคิดค่ะ บอกตรงๆว่าตันมาก แต่เพื่อนในกลุ่มเก่งมาก คิดกันได้คนละอันสองอัน ถ้าคิดไม่ออก แนะนำว่าควรเออออไปกับเพื่อน แล้วพยายามช่วยaddความคิดไปในไอเดียของเพื่อนค่ะ เช่นเพื่อนเสนอว่าจะเอาลิปสติคมาทำแบบนี้ ก็แบบ..Oh! It's very great idea แล้วเราก็เอามาทำแบบนี้ๆใช่มั้ย อะไรทำนองนี้ค่ะ คราวนี้กรรมการจะเลือกคนพรีเซนต์เอง ซึ่งไม่ใช่เราค่า รอดตัว 555 เพราะฉะนั้นควรตจั้งใจฟังตอนเพื่อนเสนอไอเดียนะคะ อย่าเพิ่งคิดเรื่องอื่น เพราะถ้าโดนเรียกแล้วพูดไอเดียไม่ได้หรือติดๆขัดๆ ก็ไม่ใช่ผลดีกับเราแน่นอน แต่คนที่ไม่โดนเรียก ก็ไม่ควรเสริมหรือขัดตอนเพื่อนกำลังพรีเซนต์นะคะ ถึงเพื่อนจะพูดไม่ครบก็ไม่เป็นไร หากเราขัด มันจะกลายเป็นการหักหน้าเพื่อน ซึ่งเราก็จะดูไม่ดีแน่นอน หลังจากเสร็จครั้งนี้แล้วก็ออกไปรอผลค่ะ คราวนี้กรรมการจะแปะเลขไว้ที่บอร์ดหน้าห้อง มีเลขเราก็อยู่ต่อ ไม่มีเลขก็กลับบ้าน.....


พอรอดชีวิตจากการทำกรุ้ปเล็กแล้ว ก็เป็นการเอื้อมแตะค่ะ ตอนที่กรรมการเอาแถบวัดมาแปะคือดูสูงมากกกกกกก มากจนแบบ โห นี่จะเอื้อมถึงป่ะเนี่ย ปกติก็ซ้อมเอื้อมที่บ้านทุกวันก็ถึง ถ้าวันนี้ไม่ถึงจะออกไปกระโดดสระน้ำโรงแรมเลยเอาจริง 5555 กรรมการก็แบ่งให้นั่งสี่กลุ่มเหมือนเดิมค่ะ มีแถบเอื้อมแตะติดอยู่ทั้งสี่มุมห้อง เค้าบอกชัดเจนเลยว่าห้ามเขย่งแบบballerinaห้ามrun and jump because we are not playing basketball 555ตอนแรกกะว่าลองดูคนอื่นก่อนซิ สาวไซส์เล็กอย่างเราก็มีตั้งหลายคน ถ้าคนอื่นถึงเราก็คงถึงแหละ 5555 สรุปโดนเรียกไปเอื้อมคนแรกจ้า ก็เผลอจิกเท้าบัลเล่ต์ไป กรรมการก็บอกว่าให้เอาใหม่ ก็เลยลดเท้าลงมานิดนึงแต่ยืดแขนเหมือนเดิม ก็ผ่านเรียบร้อยค่ะ กรรมการก็ถามเรื่องรอยสักกับแผลเป็น แล้วก็มานั่งที่ค่ะ มีคนเอื้อมแตะไม่ผ่านด้วย เค้าเชิญกลับเลยค่ะ เสียดายแทนมากๆ อุตส่าห์ผ่านด่านกรุ้ปแรกมาแล้ว บางคนเอื้อมผ่านแล้ว โดนกรรมการเรียกให้ไปเอื้อมอีกรอบก็มีค่ะ พอเอื้อมครั้งที่สองก็ไม่ผ่าน ก็ต้องกลับบ้าน ช่วงนั้นจะเดินตัวตรง นั่งยืนแบบตัวยืดเป็นพิเศษ เพราะถ้าดูเตี้ยเดี๋ยวโดนเรียกไปอีกรอบแล้วไม่ผ่านก็ซวยเลยค่า 55

เอื้อมแตะเสร็จแล้วก็มาทำกรุ้ปScenarioค่ะ ไม่แน่ใจว่ากรุ้ปละกี่คนแต่น่าจะเกือบสิบค่ะ แบ่งเป็นเซตAกับB เหมือนเดิม ทุกกลุ่มน่าจะได้เรื่องเดียวกันคือเป็นผู้จัดการสวนน้ำ ซึ่งสวนน้ำจัดWinter Festivalอะไรอยู่ซักอย่างแล้ววันนี้เป็นวันสุดท้ายแล้ว ก็จะมีเคสให้เราแก้ประมาณนี้ค่ะ

1.แม่มากับลูกสองคน คนนึงอายุ2ขวบอีกคน11เดือน แต่สวนน้ำไม่อนุญาตให้เด็กต่ำกว่า3ขวบเข้าไปเล่นได้
2.นักดำน้ำมืออาชีพต้องการใช้อุปกรณ์ดำน้ำของเค้าเอง แต่อุปกรณ์ของพวกเค้าไม่ได้ตามมาตรฐานสวนน้ำก็เลยไม่อนุญาตให้เอาเข้าไป
3.ลูกค้าทำตั๋วหายแต่ต้องการเข้าไปในสวนน้ำ
4.ลูกค้าชาวต่างชาติต้องการซื้อตั๋วโดยใช้สกุลเงินของเค้าเอง แต่เคาท์เตอร์แลกเงินอยู่ห่างไปโดยใช้เวลาเดิน10นาที
5.นักศึกษาได้ตั๋วฟรี แต่หมดอายุเมื่อ1เดือนที่แล้ว
6.ลูกค้าอยากได้เงินคืนเพราะพนักงานในสวนน้ำหยาบคายใส่ลูกชายของเค้า

ก็ต้องdiscussกันว่าเราจะแก้ยังไง จะมีวิธีบอกลูกค้ายังไง ให้เวลา15นาทีค่ะ กรรมการเค้าก็จะนั่งฟังเราคุยกันด้วย พยายามพูดเสียงดังฟังชัด แต่ว่าไม่ใช่ตะโกน ให้ดูมั่นใจในสิ่งที่เราพูดหรือความเห็นที่เราเสนอไป รับฟังเพื่อนเยอะๆ พยายามอย่าขัดในเชิงnegativeหรือว่าเอาแต่ไอเดียตัวเองว่าแบบนี้ถูกแล้ว รับฟังแล้วเพิ่มไอเดียเข้าไปได้ ถ้าไอเดียเราดีเพื่อนๆก็จะเห็นด้วยกับเราเองค่ะ พอสรุปได้แล้วเรียบร้อยกรรมการก็จะเล่นเป็นลูกค้าแล้วเรียกถามทีละคนค่ะว่าจะทำยังไง เพราะเค้าได้ยินตลอดที่เราคุยกัน แต่เค้าก็อยากดูวิธีรับมือหรือประนีประนอมกับปัญหาด้วยว่าถ้าเราเจอลูกค้าเหวี่ยงมา หรือยืนยันที่จะไม่ทำตามกฎจะทำยังไง อันนี้ก็ต้องใช้ไหวพริบและสกิลภาษาอังกฤษในการสื่อสาร(สำหรับเราคือแถ555)ด้วยค่ะ บางคนไม่โดนกรรมการถามแต่ผ่านก็มีค่ะ เสร็จแล้วก็ออกมารอผลเหมือนเดิม ผ่านก็รอทำEnglish Test ตกก็กลับบ้านค่ะ มีผู้ได้ไปต่อ36คนค่ะ

ข้อสอบEnglish Test ไม่แน่ใจว่ากี่ข้อนะคะ ทั้งหมด50คะแนน ให้เวลา1ชม. ก็จะมีประมาณนี้ค่ะ
Reading ให้เนื้อเรื่องมาแล้วก็ตอบคำถามจากเนื้อเรื่อง แต่ในเนื้อเรื่องนั้นก็จะมีคำศัพท์มากมายให้เราทำในพาร์ทต่อไปด้วยค่ะ
หาคำที่ความหมายใกล้เคียงกับคำศัพท์ที่เค้าขีดเส้นใต้ไว้ในpassageค่ะ เช่นคำว่าYet ก็จะมีตัวเลือกว่า 1.Besides 2.However 3.Although 4.Up till now ประมาณนี้ค่ะ
Definition words ก็จะมีสองตาราง ตารางซ้ายเป็นศัพท์ ตารางขวาเป็นDefinition ให้จับคู่ว่าตรงกับคำไหนค่ะ อันนี้มาเปิดดิกชันนารีดูตอนหลังก็มีแอบผิดอยู่ เอิ๊กกกก
อันนี้จะเป็นจดหมาย,โน้ต,ข้อความสั้นๆให้เราดูว่าในข้อความนี้ตรงกับช้อยส์ข้อไหนมากที่สุด ช้อยส์จะหลอกทำให้สับสนมากค่ะ ต้องตั้งใจดูให้ดีๆ
Passageอีกหนึ่งอันค่ะ แต่อันนี้เว้นช่องไว้ แล้วเราต้องเลือกประโยคมาใส่ในเนื้อเรื่อง ประโยคก็ยาวมากกกกกกก ต้องพยายามใช้จินตนาการเหมือนกำลังแต่งนิทานอยู่ค่ะ 55
อันสุดท้าย Word Comprehension ก็คือต้องดูรูปประโยคแล้วใส่คำให้ถูกค่ะ ก็จะเป็น Noun,Verb,Adjective,Adverbซึ่งเป็นเนื้อเรื่องยาวเรื่องเดียว อันนี้อาศัยความน่าจะเป็นล้วนๆค่ะ 55

เสร็จแล้วก็รอประกาศผลเช่นเดิม ผู้สมัครที่เข้ารอบทั้งหมดถ้าจำไม่ผิด น่าจะประมาณ24คนค่ะ สัมภาษณ์ทั้งหมด4วัน วันละประมาณ6คน นับถือกรรมการมากๆค่ะ ดูเหนื่อยกันมากๆ เหมือนวันนี้จะไม่ได้ทานข้าวกันเลยด้วย กรรมการก็จะให้เลือกวันและเวลาที่สะดวกเอง แล้วก็จะมีเอกสารให้กรอกนิดหน่อยด้วย เช่นมีแผลเป็นหรือรอยสักตรงไหนมั้ย พูดภาษาอะไรได้บ้าง แล้วก็จะมีใบWork Experience s ให้กลับมากรอกที่บ้านค่ะ กรรมการบอกชัดเจนว่าห้ามมีช่องว่างระหว่างแต่ละงานห้ามเกิน6เดือน เพราะฉะนั้นถ้ามันมีช่วงที่เกิน6เดือน เราก็ใส่กิจกรรมอะไรที่ทำระหว่างนั้นไปก็ได้ค่ะ


(มีต่อด้านล่างค่ะ)
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่