(กระทู้ก่อนหน้า ขุดรูปย้อนเวลากลับไปหาสวิสเซอร์แลนด์ดินแดนในฝัน ตอนที่ 1 การเดินทางในสวิสและกรุงเบิร์น (Bern) ภาค 1
http://pantip.com/topic/34098566 )
อย่างที่บอกไปนะคะว่าเบิร์นเป็นเมืองมรดกโลก จึงมีจุดเยี่ยมชมและสถานทางประวัติศาสตร์เยอะ ตอนที่แล้วพาชมธรรมชาติไปเยอะแล้ว ตอนนี้จะเยี่ยมชมโบถส์ พิพิธภัณฑ์ และสถานฑูตไทยกันค่ะ
เราจะเดินทางจากย่านเมืองเก่าเหมือนเดิมนะคะ น้ำพุกว่าร้อยจุดเท่าเล่าเอาไว้ในตอนที่แล้ว ถ้าลองสังเกตดีๆ จะเห็นว่ารูปปั้นด้านบนของน้ำพุมีความสวยงามแตกต่างกันออกไปค่ะ
ในย่านเมืองเก่ามีโบสถ์เก่าแก่และยังคงความสวยงาม ที่ชื่อว่า Nydegg Church อันที่จริงไม่ใช่โบสถ์ใหญ่ของเบิร์น แต่ว่าอยู่ในระแวกที่เดินเล่นอยู่พอดี เลยเข้าไปแวะชมค่ะ
ด้านในโบถส์ตกแต่งสวยงามมากค่ะ เพื่อนบอกว่าแนวการแต่งโบถส์จะขึ้นอยู่กับว่าเป็นนิกายไหน ต้องอ่านประวัติของโบถส์แต่ละที่ดู จะมีแนวตกแต่งเว่อวังกับเรียบง่ายดูสงบแบบขลังๆค่ะ
เดินถัดมาไม่กี่ซอยก็จะเจอบ้านของไอสไตน์ (Einstein House) ค่ะ บ้านจะอยู่ปนกับร้านรวงในย่านเมืองเก่า ชั้นล่างทำเป็นร้านอาหาร ทางเข้าบ้านต้องขึ้นบันไดเล็กๆข้างร้านไปชั้น 2 ที่นี่ Swiss Pass ได้แค่ส่วนลดค่ะ เสียค่าเข้าไป 5 CHF เข้าไปดูว่าไอสไตน์ตกแต่งบ้านแบบไหน ของใช้ต่างๆของไอสไตน์และภรรยาบางส่วนยังคงจัดแสดงอยู่จริง และบางส่วนเค้าเอามาวางแต่งเพิ่มเติม ส่วนไหนที่เป็นของเดิม เค้าจะทำป้ายเล่าค่ะ เช่น ตู้เสื้อผ้าของภรรยา ก็จะมีรูปและป้ายบรรยายอยู่
ตลอดทริปนี้ส่วนใหญ่เดินทางคนเดียวค่ะ เพื่อนไปทำงานทุกวัน เลยไม่มีคนถ่ายรูปให้ เลยพยายามเซลฟีด้วยกล้องหน้าของไอโฟนด้วยการจับเวลา แล้ววิ่งไปยืนรอ นักท่องเที่ยวคงสงสารค่ะ เดินมาบอกว่า ถ่ายให้ไหม เลยมีโอกาสมีรูปคู่โซฟาลุงไอสไตน์ 1 รูปถ้วน (ตัวจะเริ่มดำขึ้นเรื่อยๆ เพราะหน้าร้อนที่นี่พระอาทิตย์ตกเที่ยงคืนค่ะ)
ขนมอย่างหนึ่งที่หากินได้ในย่านเมืองเก่า และเพื่อนแนะนำให้มาลอง คือ โครนัท ค่ะ เพื่อนบอกว่ามันเป็นญาติกับครัวซองและโดนัท ฐานแป้งเป็นครัวซองแล้วราดครีมรสต่างๆ อย่าถามถึงแคลอรี่นะจุดนี้ ของต้องชิมก็ต้องชิมค่ะ 55+
จุดต่อไปที่เราจะไปเราจะข้ามแม่น้ำอาเร่ไปพิพิธภัณฑ์ประวัติศาสตร์ของเบิร์น (Bernisches Historisches Museum) กับพิพิธภัณฑ์ลุงไอสไตน์ (the Einstein Museum) ค่ะ ต่างจากที่บ้านลุงที่ตรงนั้นจะเล่าประวัติและตัวอย่างผลงานของลุงค่ะ
พอเราเดินข้ามแม่น้ำมา เราจะเจอรูปปั้นขนาดใหญ่ตั้งอยู่หน้าพิพิธภัณฑ์ประวัติศาสตร์
เดินอ้อมรูปปั้นมาด้านหลังจะเจอทางเข้าพิพิธภัณฑ์ค่ะ วันที่ไปมีกิจกรรมให้เด็กๆทำความรู้จักกับอาวุธแบบโบราณโดยสาธิตและให้ทดลองใช้ในการตัดไม้ที่ด้านหน้าพิพิธภัณฑ์ค่ะ
ตัวพิพิธภัณฑ์เองก็มีความสวยงามตามแบบสถาปัตยกรรมทางฝั่งยุโรป พิพิธภัณฑ์ประวัติศาสตร์และพิพิธภัณฑ์ไอสไตน์อยู่ภายในอาคารเดียวกันค่ะ แต่จะแบ่งสัดส่วนและแยกจำหน่ายบัตรกัน แต่ที่นี่ Swiss Pass เข้าฟรีนะคะ (ราคาน่าจะ 15 CHF นะคะถ้าจำไม่ผิด)
เดินเข้ามาห้องจะจะเป็นประวัติศาสตร์โลกทั่วๆไป จะเจอโลงศพมัมมี่ ห้องอาวุธโบราณจากทั่วโลก ที่สะดุดตาคืออาวุธชิ้นนี้ หาคำอธิบายไม่เจอ แต่ลายหล่อเหล็กบนด้ามมีดมีช้างด้วยค่ะ แอบอยากรู้ว่าเป็นของแถบบ้านเราหรือเปล่า แต่ความรู้ด้านนี้เป็นศูนย์เลยถ่ายรูปเก็บมาเฉยๆ รูปด้านในพิพิธภัณฑ์จะใช้ไอโฟนถ่ายทั้งหมดนะคะ เพราะว่ากล้องที่เอาไปสู้ที่มืดแสงน้อยไม่ไหวค่ะ เก่ามากแล้ว
เดินถัดมาจะเจอห้องที่เล่าเรื่องราวของเมืองเบิร์น
อย่างอันนี้ก็เป็นเรื่องเล่าพี่หมีที่เคยพูดถึงเอาไว้ในตอนที่แล้วค่ะ
โมเดลจำลองส่วนกรุงเก่า (City of Bern) ค่ะ
นอกจากนั้นก็มีพวกรูปปั้นกับเรื่องราวทางศาสนา พอครบรอบแล้วก็จะวนมาเจอทางออกที่เชื่อมไปยังพิพิธภันฑ์ไอสไตน์ต่อค่ะ
อย่างที่บอกไปว่าบ้านและของใช้ส่วนตัวจะจัดแสดงที่บ้านไอสไนต์ในย่านเมืองเก่า ในส่วนพิพิธภัณฑ์จะเป็นการเล่าเรื่องราวและผลงานค่ะ โดยใช้การแสดงด้วยรูปภาพ เครื่องฉาย หรือวิดิโอไล่ตามกำแพงไปเรียงลำดับช่วงชีวิตที่มีเหตุการณ์สำคัญเกิดขึ้นกับไอสไตน์ตั้งแต่เด็กจนย้ายถิ่นฐานมาเรียนหนังสือที่สวิส แล้วมาแต่งงานตั้งรกรากอยู่ที่เบิร์นกับภรรยา ในส่วนนี้จึงไม่ค่อยได้ถ่ายรูป เป็นการเดินอ่านเดินดูซะมากกว่าค่ะ
อีกที่หนึ่งที่เราควรจะรู้ในการไปกรุงเบิร์น คือ ที่นี่มีสถานฑูตไทยประจำกรุงเบิร์นตั้งอยู่ กรณีที่เราทำพาสปอร์ตสูญหายต้องมาติดต่อที่นี่ค่ะ ปีที่ไปเป็นปีที่เค้าเพิ่มบริการการทำบัตรประชาชนสำหรับคนไทยในสวิสให้ด้วย ถ้าใครบัตรหมดอายุช่วงนั้น เพื่อนบอกว่าก็สามารถขอต่ออายุได้ บัตรก็จะหน้าตาเหมือนที่ทำที่ไทยแต่จะมีคำว่า ณ กรุงเบิร์นอยู่บนบัตร เห็นคนเดียว เกร๋อยู่ในใจนะคะ 55+
ปิดท้ายกรุงเบิร์นด้วยร้านช็อคโกแลตเก่าแก่ของเบิร์น มีสาขาอยู่ที่สถานีรถไฟ และสาขาใกล้ๆกับสถานฑูตด้วยค่ะ ช็อคโกแลตที่นี่เป็นช็อคโกแลตสด หลายรสชาด ทำเป็นชิ้นเล็กๆพอดีคำ ขอชิมได้นะคะ แต่พนักงานเค้าพูดเยอรมัน คุยไม่รู้เรื่องก็ชี้ๆเอาค่ะ ได้ช็อคโกแลตสดมา 100 กรัม หลังจากชิมมั่วไปหลายแบบ
ตอนหน้าจะพาไปซูริคเมืองเศรษฐกิจ กับลูเซิร์นตามรอยหนังอย่าลืมฉันเล็กน้อยค่ะ
-------------------------------------------------------------------------------
ขุดรูปย้อนเวลากลับไปหาสวิสเซอร์แลนด์ดินแดนในฝัน
ตอนที่ 1 การเดินทางในสวิสและกรุงเบิร์น (Bern) ภาค 1
http://pantip.com/topic/34098566
ตอนที่ 2 กรุงเบิร์น (Bern) ภาค 2
http://pantip.com/topic/34099910
ตอนที่ 3 Zurich Lucerne และรถไฟชันที่สุดในโลกที่ Pilatus
http://pantip.com/topic/34102779
--------------------------------------------------------------------------------
ขุดรูปย้อนเวลากลับไปหาสวิสเซอร์แลนด์ดินแดนในฝัน ตอนที่ 2 กรุงเบิร์น (Bern) ภาค 2
http://pantip.com/topic/34098566 )
อย่างที่บอกไปนะคะว่าเบิร์นเป็นเมืองมรดกโลก จึงมีจุดเยี่ยมชมและสถานทางประวัติศาสตร์เยอะ ตอนที่แล้วพาชมธรรมชาติไปเยอะแล้ว ตอนนี้จะเยี่ยมชมโบถส์ พิพิธภัณฑ์ และสถานฑูตไทยกันค่ะ
เราจะเดินทางจากย่านเมืองเก่าเหมือนเดิมนะคะ น้ำพุกว่าร้อยจุดเท่าเล่าเอาไว้ในตอนที่แล้ว ถ้าลองสังเกตดีๆ จะเห็นว่ารูปปั้นด้านบนของน้ำพุมีความสวยงามแตกต่างกันออกไปค่ะ
ในย่านเมืองเก่ามีโบสถ์เก่าแก่และยังคงความสวยงาม ที่ชื่อว่า Nydegg Church อันที่จริงไม่ใช่โบสถ์ใหญ่ของเบิร์น แต่ว่าอยู่ในระแวกที่เดินเล่นอยู่พอดี เลยเข้าไปแวะชมค่ะ
ด้านในโบถส์ตกแต่งสวยงามมากค่ะ เพื่อนบอกว่าแนวการแต่งโบถส์จะขึ้นอยู่กับว่าเป็นนิกายไหน ต้องอ่านประวัติของโบถส์แต่ละที่ดู จะมีแนวตกแต่งเว่อวังกับเรียบง่ายดูสงบแบบขลังๆค่ะ
เดินถัดมาไม่กี่ซอยก็จะเจอบ้านของไอสไตน์ (Einstein House) ค่ะ บ้านจะอยู่ปนกับร้านรวงในย่านเมืองเก่า ชั้นล่างทำเป็นร้านอาหาร ทางเข้าบ้านต้องขึ้นบันไดเล็กๆข้างร้านไปชั้น 2 ที่นี่ Swiss Pass ได้แค่ส่วนลดค่ะ เสียค่าเข้าไป 5 CHF เข้าไปดูว่าไอสไตน์ตกแต่งบ้านแบบไหน ของใช้ต่างๆของไอสไตน์และภรรยาบางส่วนยังคงจัดแสดงอยู่จริง และบางส่วนเค้าเอามาวางแต่งเพิ่มเติม ส่วนไหนที่เป็นของเดิม เค้าจะทำป้ายเล่าค่ะ เช่น ตู้เสื้อผ้าของภรรยา ก็จะมีรูปและป้ายบรรยายอยู่
ตลอดทริปนี้ส่วนใหญ่เดินทางคนเดียวค่ะ เพื่อนไปทำงานทุกวัน เลยไม่มีคนถ่ายรูปให้ เลยพยายามเซลฟีด้วยกล้องหน้าของไอโฟนด้วยการจับเวลา แล้ววิ่งไปยืนรอ นักท่องเที่ยวคงสงสารค่ะ เดินมาบอกว่า ถ่ายให้ไหม เลยมีโอกาสมีรูปคู่โซฟาลุงไอสไตน์ 1 รูปถ้วน (ตัวจะเริ่มดำขึ้นเรื่อยๆ เพราะหน้าร้อนที่นี่พระอาทิตย์ตกเที่ยงคืนค่ะ)
ขนมอย่างหนึ่งที่หากินได้ในย่านเมืองเก่า และเพื่อนแนะนำให้มาลอง คือ โครนัท ค่ะ เพื่อนบอกว่ามันเป็นญาติกับครัวซองและโดนัท ฐานแป้งเป็นครัวซองแล้วราดครีมรสต่างๆ อย่าถามถึงแคลอรี่นะจุดนี้ ของต้องชิมก็ต้องชิมค่ะ 55+
จุดต่อไปที่เราจะไปเราจะข้ามแม่น้ำอาเร่ไปพิพิธภัณฑ์ประวัติศาสตร์ของเบิร์น (Bernisches Historisches Museum) กับพิพิธภัณฑ์ลุงไอสไตน์ (the Einstein Museum) ค่ะ ต่างจากที่บ้านลุงที่ตรงนั้นจะเล่าประวัติและตัวอย่างผลงานของลุงค่ะ
พอเราเดินข้ามแม่น้ำมา เราจะเจอรูปปั้นขนาดใหญ่ตั้งอยู่หน้าพิพิธภัณฑ์ประวัติศาสตร์
เดินอ้อมรูปปั้นมาด้านหลังจะเจอทางเข้าพิพิธภัณฑ์ค่ะ วันที่ไปมีกิจกรรมให้เด็กๆทำความรู้จักกับอาวุธแบบโบราณโดยสาธิตและให้ทดลองใช้ในการตัดไม้ที่ด้านหน้าพิพิธภัณฑ์ค่ะ
ตัวพิพิธภัณฑ์เองก็มีความสวยงามตามแบบสถาปัตยกรรมทางฝั่งยุโรป พิพิธภัณฑ์ประวัติศาสตร์และพิพิธภัณฑ์ไอสไตน์อยู่ภายในอาคารเดียวกันค่ะ แต่จะแบ่งสัดส่วนและแยกจำหน่ายบัตรกัน แต่ที่นี่ Swiss Pass เข้าฟรีนะคะ (ราคาน่าจะ 15 CHF นะคะถ้าจำไม่ผิด)
เดินเข้ามาห้องจะจะเป็นประวัติศาสตร์โลกทั่วๆไป จะเจอโลงศพมัมมี่ ห้องอาวุธโบราณจากทั่วโลก ที่สะดุดตาคืออาวุธชิ้นนี้ หาคำอธิบายไม่เจอ แต่ลายหล่อเหล็กบนด้ามมีดมีช้างด้วยค่ะ แอบอยากรู้ว่าเป็นของแถบบ้านเราหรือเปล่า แต่ความรู้ด้านนี้เป็นศูนย์เลยถ่ายรูปเก็บมาเฉยๆ รูปด้านในพิพิธภัณฑ์จะใช้ไอโฟนถ่ายทั้งหมดนะคะ เพราะว่ากล้องที่เอาไปสู้ที่มืดแสงน้อยไม่ไหวค่ะ เก่ามากแล้ว
เดินถัดมาจะเจอห้องที่เล่าเรื่องราวของเมืองเบิร์น
อย่างอันนี้ก็เป็นเรื่องเล่าพี่หมีที่เคยพูดถึงเอาไว้ในตอนที่แล้วค่ะ
โมเดลจำลองส่วนกรุงเก่า (City of Bern) ค่ะ
นอกจากนั้นก็มีพวกรูปปั้นกับเรื่องราวทางศาสนา พอครบรอบแล้วก็จะวนมาเจอทางออกที่เชื่อมไปยังพิพิธภันฑ์ไอสไตน์ต่อค่ะ
อย่างที่บอกไปว่าบ้านและของใช้ส่วนตัวจะจัดแสดงที่บ้านไอสไนต์ในย่านเมืองเก่า ในส่วนพิพิธภัณฑ์จะเป็นการเล่าเรื่องราวและผลงานค่ะ โดยใช้การแสดงด้วยรูปภาพ เครื่องฉาย หรือวิดิโอไล่ตามกำแพงไปเรียงลำดับช่วงชีวิตที่มีเหตุการณ์สำคัญเกิดขึ้นกับไอสไตน์ตั้งแต่เด็กจนย้ายถิ่นฐานมาเรียนหนังสือที่สวิส แล้วมาแต่งงานตั้งรกรากอยู่ที่เบิร์นกับภรรยา ในส่วนนี้จึงไม่ค่อยได้ถ่ายรูป เป็นการเดินอ่านเดินดูซะมากกว่าค่ะ
อีกที่หนึ่งที่เราควรจะรู้ในการไปกรุงเบิร์น คือ ที่นี่มีสถานฑูตไทยประจำกรุงเบิร์นตั้งอยู่ กรณีที่เราทำพาสปอร์ตสูญหายต้องมาติดต่อที่นี่ค่ะ ปีที่ไปเป็นปีที่เค้าเพิ่มบริการการทำบัตรประชาชนสำหรับคนไทยในสวิสให้ด้วย ถ้าใครบัตรหมดอายุช่วงนั้น เพื่อนบอกว่าก็สามารถขอต่ออายุได้ บัตรก็จะหน้าตาเหมือนที่ทำที่ไทยแต่จะมีคำว่า ณ กรุงเบิร์นอยู่บนบัตร เห็นคนเดียว เกร๋อยู่ในใจนะคะ 55+
ปิดท้ายกรุงเบิร์นด้วยร้านช็อคโกแลตเก่าแก่ของเบิร์น มีสาขาอยู่ที่สถานีรถไฟ และสาขาใกล้ๆกับสถานฑูตด้วยค่ะ ช็อคโกแลตที่นี่เป็นช็อคโกแลตสด หลายรสชาด ทำเป็นชิ้นเล็กๆพอดีคำ ขอชิมได้นะคะ แต่พนักงานเค้าพูดเยอรมัน คุยไม่รู้เรื่องก็ชี้ๆเอาค่ะ ได้ช็อคโกแลตสดมา 100 กรัม หลังจากชิมมั่วไปหลายแบบ
ตอนหน้าจะพาไปซูริคเมืองเศรษฐกิจ กับลูเซิร์นตามรอยหนังอย่าลืมฉันเล็กน้อยค่ะ
-------------------------------------------------------------------------------
ขุดรูปย้อนเวลากลับไปหาสวิสเซอร์แลนด์ดินแดนในฝัน
ตอนที่ 1 การเดินทางในสวิสและกรุงเบิร์น (Bern) ภาค 1 http://pantip.com/topic/34098566
ตอนที่ 2 กรุงเบิร์น (Bern) ภาค 2 http://pantip.com/topic/34099910
ตอนที่ 3 Zurich Lucerne และรถไฟชันที่สุดในโลกที่ Pilatus http://pantip.com/topic/34102779
--------------------------------------------------------------------------------