ขุดรูปย้อนเวลากลับไปหาสวิสเซอร์แลนด์ดินแดนในฝัน ตอนที่ 1 การเดินทางในสวิสและกรุงเบิร์น (Bern) ภาค 1

สวัสดีค่ะ กระทู้นี้ เราไปขุดรูปทริปที่สวิสเมื่อกลางปี 2014 มาเขียนรีวิวให้ชมบรรยากาศหน้าร้อนที่สวิสกันนะคะ ปกติเราจะมีวันหยุดยาวหน้าร้อนประจวบกับช่วงนี้เป็น low season ของหลายๆประเทศ ราคาตั๋วเครื่องบินจะถูกมาก ที่ไปมาเมื่อปีที่แล้วบินด้วย finn air ในราคาไปกลับ 22000 บาท เป็นที่นั่งชั้นประหยัดของสายการบินที่ค่อนข้างดีเลยค่ะ นอกจากนี้ช่วงเดือน มิถุนายน - กรกฎาคม ยังเป็นช่วง summer sale ของที่นี่ด้วยค่ะ ถ้ามาช่วงนี้ก็จะมีโอกาสช็อปของแบรนด์เล็กแบรนด์ใหญ่ในราคาที่ถูกกว่าบ้านเราค่อนข้างเยอะ แต่ประเด็นนี้ตัดไป เพราะเราไม่ใช่ขาช็อป (กระเป๋าตังค์ไม่มีความพร้อมค่ะ 55+)

ทริปนี้ใช้มือถือ (iphone4) สลับกับ Nikon D60 ก็จะมีรูปที่ชัดบ้างไม่ชัดบ้างตามยถากรรมของเทคโนโลยีในสมัยนั้นกันไปนะคะ

พร้อมแล้วก็ไปกันเลยค่ะ

ตอนเครื่องกำลังเข้าสู่สนามบินซูริค เราก็ตื่นตะลึงกับวิวแรกแล้วค่ะ มโนเองว่าเห็นทุ่งหญ้าด้านล่างเป็นรูปหัวใจด้วย <3


สิ่งแรกที่จะเล่าเอาเป็นเรื่องการเดินทางก่อนเลยนะคะ
หลังจากลงจากเครื่องที่สนามบินซูริค ให้เดินลงไปชั้นใต้ดินแล้วมองหาเคาเตอร์ของ SBB เพื่อซื้อ Swiss Pass สำหรับเดินทางแบบเหมาจ่าย ซึ่งใช้ได้ทั้งขึ้นรถไฟ รถราง รถบัส เรือ เข้าพิพิธภัณธ์บางแห่งฟรี และใช้เป็นส่วนลดในสถานที่ท่องเที่ยวที่สวิสได้ทั่วประเทศ เอาแค่ค่าขึ้นยอดจุงเฟราก็ลดคุ้มแล้วค่ะ บัตร Swiss Pass จะเป็นกระดาษอ่อนๆขนาดยาวพกค่อนข้างยาก ใส่ซองพลาสติกมาให้ ถ้าหายก็นั่งร้องไห้แล้วเดินไปซื้อใหม่ได้อย่างเดียวค่ะ บนบัตรจะพิมพ์ชื่อนามสกุลและเลขพาสปอร์ตตามหน้าพาสปอร์ตเรา (แอบแต่งภาพปิดไว้ค่ะ) และระบุวันเวลาที่เราสามารถใช้ได้ลงบนบัตรมาเลย ระบบขนส่งสาธารณะที่นี่ไม่มีประตูกั้นตรวจบัตรอะไรทั้งนั้นค่ะ ทุกคนเดินขึ้นเดินลงเลย มีข้อความแปะไว้ตามยานพาหนะแค่ว่าถ้าเจ้าหน้าที่ขอตรวจตั๋วแล้วไม่มีจะโดนปรับ 100 CHF ค่ะ เรียกว่าใช้ระบบความซื่อสัตย์ล้วนๆค่ะ ไปอยู่สองอาทิตย์ โดนตรวจครั้งเดียวตอนนั่งรถไฟข้ามเมือง 4 ชั่วโมง นอกนั้น เดินขึ้นเดินลงตามใจชอบเลยค่ะ



ถ้าคนที่ไม่ได้ซื้อ Swiss Pass ตามสถานีหรือป้ายรถบัส ท่าเรือต่างๆ จะมีตู้ขายบัตร สามารถใช้เงินสดหรือบัตรเครดิตซื้อบัตรได้เลย แต่ถ้าใช้บัตรเครดิตนอกห้างจะต้องขอรหัสจากธนาคารไปก่อนด้วยนะคะ (ปกติบ้านเราจะใช้การเซ็นชื่อบนกระดาษ ซึ่งที่นั่นเซ็นได้แค่ร้านหรือห้างค่ะ)



การเดินทางที่สวิสคนที่นี่เค้าใช้แอพชื่อ SBB ค่ะ เราสามารถใส่สถานีต้นทางปลายทางแล้วนั่งเลือกเส้นทางที่จะเดินทางได้เลย ซึ่งแอพจะแสดงตารางเวลาแบบเรียลไทม์ ช่วยให้เราคำนวณได้ว่าจะต้องเดินไปถึงป้ายรถบัสกี่นาที ต้องเปลี่ยนรถไฟที่ชานชาลาไหน และมีระยะระหว่างการจอดรอกี่นาที แบบละเอียดยิบและตรงเวลามาก มาช้านาทีเดียวประตูปิดทันทีค่ะ นานๆทีจะมีเหตุให้รถเสียเวลา ในแอพก็จะเตือนและขึ้นตัวเองว่ารถคันนี้จะไปถึงช้ากี่นาที และคำนวณเวลาที่เหลือในเส้นทางให้ใหม่ด้วย





รถไฟที่นั่นกับ MRT บ้านเราคล้ายกันที่มีการแสดงเวลาที่รถกำลังมา (แต่เค้าไม่มีประตูกั้นอย่างที่บอกนะคะว่าขึ้นไปได้เลย เค้าสุ่มตรวจทีหลัง) แต่รถบัสเป็นสิ่งที่น่าประทับใจมากค่ะ ที่ป้ายรถบัสจะบอกสายรถและเส้นทางที่วิ่ง และแสดงเวลาของรถสายที่กำลังเข้ามาว่ากำลังมาจากสถานีอะไรในกี่นาทีจะถึงตรงตามเวลาที่แสดงในแอพเลยค่ะ



ถ้าอยู่นอกเมืองหน่อยก็จะใช้รถบัส รถไฟธรรมดา แต่ถ้าเข้าเมืองก็จะเจอรถรางสีสดใสตัดกับบรรยากาศย่าน Old city of Bern ทำให้ดูสวยงามไปอีกแบบค่ะ



รถไฟบ้านเค้าสะอาดสะอ้าน เบาะนุ่มนั่งก็สบายนอนก็สบาย แต่ช้าก่อน ขึ้นรถไฟแล้วอย่าเพิ่งรีบหลับนะคะ ไปเข้าห้องน้ำก่อนเลย เพราะที่สวิสไม่มีห้องน้ำสาธารณะค่ะ ห้องน้ำตามสถานีจะบริหารโดยบริษัทเอกชน ค่าเข้าครั้งละ 2 CHF (คร่าวๆก็ครั้งละ 80 บาทนั่นล่ะค่ะ) แต่ห้องน้ำบนรถไฟบริการฟรีสำหรับผู้โดยสารค่ะ สำหรับเราที่มีค่าใช้จ่ายจำกัด ก็ใช้วิธีนี้ล่ะค่ะ 55+



เรื่องเดินทางก็น่าจะมีประมาณนี้ค่ะ ขนส่งสาธารณะพื้นฐาน Swiss Pass ก็จะครอบคลุมหมด แต่ถ้าเป็นขนส่งเฉพาะจุด เช่น รถรางหรือรถไฟขึ้นเขา เราจะได้เป็นส่วนลดมาแทน ประมาณ 40-50% ค่ะ (ราคาเต็มของรถเฉพาะที่พวกนี้หลายพันบาทสำหรับเหมาขึ้นลงค่ะ ได้ส่วนลดก็ช่วยได้เยอะมาก)

มาเริ่มทัวร์กันเลยนะคะ

เมืองแรกที่ไปคือเมืองหลวงของสวิส กรุงเบิร์น (Bern) ค่ะ เมืองหลวงที่นี่ บรรยากาศเหมือนอยู่ต่างจังหวัดบ้านเรามากกว่าจะเป็นเมืองหลวง เพราะเงียบ สงบ คนไม่พลุกพล่าน แต่มีสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน การคมนาคมทั่วถึง แต่รถโล่งสามารถชิวออกไปปั่นจักรยานได้สบายๆค่ะ จุดแรกที่เราจะเจอที่กรุงเบิร์นคือย่านเมืองเก่า (Old city of Bern) เพราะเป็นจุดเชื่อมต่อสถานีรถไฟจากเมืองอื่น เพื่อมาเปลี่ยนรถบัสหรือรถรางค่ะ ระหว่างที่เดินชมเมืองก็คอยฟังเสียงแล้วหลบรถรางที่ผ่านมากลางเมือง แต่ไม่อันตรายค่ะ เพราะรถวิ่งช้า และเค้าจะส่งสัญญาณให้เรารู้ตัวก่อนถ้าเห็นว่าเราขวางทางที่รถกำลังจะผ่าน



สิ่งหนึ่งที่เป็นจุดเด่นของย่านเมืองเก่า นอกจากจะมีบรรยากาศบ้านเมืองแบบยุโรปโบราณแล้ว นั่นก็คือน้ำพุกว่าร้อยจุดรอบๆย้านเมืองเก่าที่ออกแบบสวยงาม และที่เราชอบมากคือ น้ำพุดื่มได้ค่ะ ใส สะอาด และเย็นมากเหมือนแช่ตู้เย็น แม้ว่าอุณหภูมิข้างนอกจะร้อนกว่า 30 องศา ไม่ใช่แค่ที่เบิร์นที่เดียวนะคะ แต่ในแทบทุกที่ของสวิสที่เจอน้ำพุแบบนี้ (เพื่อนที่นั่นบอกว่าดื่มได้ค่ะ ถ้าเพื่อนหลอกก็เชื่อไปแล้วเต็มๆ อร่อยดี) นอกจากเพื่อนบอกแล้ว บางจุดจะมีรูปแก้วน้ำเป็นสัญลักษณ์ค่ะ





แลนด์มาร์คอย่างหนึ่งของใจกลางย่านเมืองเก่าคือหอนาฬิกา (Zytglogge Clock Tower) ค่ะ จำเวลาที่แน่นอนไม่ได้ว่ามีตอนไหนบ้าง แต่จำได้ว่าตอนหกโมงเย็นนาฬิกาจะตีและมีรูปปั้นสัตว์ออกมา นึกภาพนาฬิกานกคุกคูนะคะ แต่อันนี้ออกมาหมุนสวยๆค่ะ ไม่ได้เด้งออกมาเป็นนกคุกคูแบบนั้น (รูปนี้ทำกล้องชื้น เลยโฟกัสไม่ได้ ดูแบบเบลอๆแล้วจินตนาการตามนะคะ)



ถัดจากหอนาฬิกาไม่ไกลจะเดินไปเจออาคารรัฐสภา (Federal Building) ค่ะ ถ้ายืนรอจังหวะดีๆ ลานกว้างหน้าอาคารจะมีน้ำพุพุ่งขึ้นมาทั้งหน้าลาน เด็กๆกับวัยรุ่นก็จะวิ่งเข้าไปเล่นค่ะ ในรูปคือน้ำลงไปแล้วเลยถอยออกมาถ่ายรูป จะเห็นรอยน้ำที่พื้นและเด็กยังรอเล่นอยู่เลยค่ะ



ตึกข้างๆ Federal Building อ่านชื่อไม่ออก แต่เป็นอาคารหนึ่งที่สวยงามเลยเก็บภาพมาด้วย



เดินเลยจากอาคารรัฐสภาไปจะเจอทางข้ามแม่น้ำอาเร่ค่ะ แม่น้ำนี้เป็นหัวใจของกรุงเบิร์น ช่วงฤดูร้อนคนที่นี่เค้าจะใส่ชุดว่ายน้ำไปรวมตัวกันที่ค่ายทางต้นน้ำ เพื่อลงน้ำแล้วให้กระแสน้ำที่ไหลเชี่ยวพัดมาจนมาถึงใกล้ย่านเมืองเก่าก็จะขึ้นฝั่งกันค่ะ เพื่อนบอกว่ามันเป็นช่วงเดียวที่อุณหภูมิน้ำมันเย็นสบายลงเล่นได้ เพราะหน้าอื่นมันมีตั้งแต่เย็นมากไปจนถึงแข็งค่ะ 55+ (ได้ลงไปแช่แต่ไม่มีที่ฝากกระเป๋าเลยไม่ได้ไหลไปกับเค้าด้วย แอบเสียใจเบาๆ)



พิสูจน์ความใสของแม่น้ำอาเร่ค่ะ แต่ถึงจะใสขนาดนี้ก็ดื่มไม่ได้นะคะ ที่ค่ายเค้ามีบริการน้ำประปาดื่มได้ให้ค่ะ



ลงเองไม่ได้เลยตัดสินใจเดินเลียบแม่น้ำตามฝรั่งสองคนนี้ไปค่ะ จะเห็นว่ามันไกลแบบมองไม่เห็นปลายทางน้ำเลยนะคะ (แต่ไม่ลึกนะ แค่ประมาณมิดหน้าอก เราสูง 168 ซม. ในภาพเค้านอนให้น้ำมันพัดไป น่าเล่นมากกกกก)



เดินตามไปถึงจุดที่น้ำเริ่มนิ่งเข้าใกล้ย่านกรุงเก่า เค้าก็ขึ้นกันไประหว่างทางเกือบหมดแล้ว



ตรงย่านเมืองเก่าจะมีที่กั้นน้ำ น้ำบริเวณนี้จะแรง ลงไปเล่นไม่ได้ แต่วิวสวยเหมาะกับการถ่ายรูปมาก



สิ่งหนึ่งที่จะเห็นระหว่างเดินอยู่ในใจกลางเมืองเบิร์นคือธงของสัตว์สัญลักษณ์เมือง นั่นคือ หมีสีน้ำตาล ซึ่งเค้าก็จะมีประวัติเล่าขานกันว่าหมีสำน้ำตาลมีความสำคัญกับเบิร์นยังไง สามารถแอบฟังได้จากไกด์ที่เดินนำทัวร์รอบหอนาฬิกา เพราะใต้หอนาฬิกามีรูปประวัติพี่หมีอยู่



ซึ่งเจ้าหน้าที่ของเมืองก็ให้ความสำคัญกับหมีสีน้ำตาลที่เป็นสัญลักษณ์เป็นอย่างดี และใช้ภาษีประชาชนทำบ่อหมีและเลี้ยงดูไว้ริมแม่น้ำอาเร่นี่แหละ แต่มีกรงกั้นเป็นทางยาว ชาวเมืองก็จะมายืนดูตอนกลางวัน แต่น้องหมีจะออกมาหรือไม่อันนี้ขึ้นอยู่กับโชคชะตาของแต่ละคน แต่เรากับหมีคงทำบุญด้วยกันมาแต่ชาติปางก่อน เพราะเราเจอหมีวิ่งเล่นครบ 3 ตัวที่เค้าเลี้ยงเอาไว้เลย แต่เอามือถือถ่ายไว้ได้ตัวเดียว ส่วนอีกสองตัวไปยืนสองขาเอามือตีกันเหมือนเด็กเล่นต่อสู้อยู่ไกลๆ ชาวเมืองก็มายืนดูกันใหญ่ เพื่อนบอกว่าบางคนอยู่มาตั้งนานก็เพิ่งเคยเห็นพี่หมีนะ เพราะเค้าเลี้ยงแบบธรรมชาติ มีถ้ำนอน มีต้นไม้ปกคลุม ไม่ได้เลี้ยงเพื่อโชว์ตัวแบบตามสวนสัตว์

แก้ไขข้อความเมื่อ

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่