"15 ปีกับรักที่ไม่เคยระแวง..เมื่อรู้ความจริงวันนี้ถึงกับจุก จนไม่มีน้ำตา"

กระทู้นี้ เป็นกระทู้แรก จากที่เคยอ่านแต่เรื่องราวของคนอื่นใน Pantip และดูซี่รี่คลับฟรายเดย์ จนอินบ่อน้ำตาแตกมาหลายๆครั้ง แต่ไม่เคยคิดว่าในที่สุด..เหตุการณ์เหล่านี้จะมาเกิดขึ่นกับตัวเราเอง ..

เรื่องราวของเราเป็นเหตุการณ์จริงๆ ที่เกิดขึ้นกับตัวเราเอง เมื่อวันที่ 15 พฤษภาคม 2558 เป็นวันเหตุการณ์ ที่ทำให้เราตัดสินใจเลิกกับอดีตสามี อย่างเด็ด ขาด มาจนทุกวันนี้... ณ ปัจจุบัน 3 เดือนกว่า แล้ว และเราไม่มีความคิดที่จะกลับไปคืนดีด้วยแน่นอน

ขอเล่าเลยแล้วกันนะคะ ........ตัวเรากับอดีตสามี (ต้องใช้คำว่าอดีตสามี เพราะไม่กลับไปเอาเป็นสามีแล้วแน่นอนค่ะ) เรากับอดีตสามีคบกันมา 15 ปี ใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันมา 10 ปี แต่งงาน มา 7 ปี  มีลูกด้วยกัน 1 คน(ลูกอายุ7ปี) สาเหตุที่แต่งเพราะเราท้อง ...

ซึ่งต่อไปนี้เราขอใช้คำเรียกแทนอดีตสามีว่า P  ค่ะ

มองจากภาพลักษณ์ของครอบครัวเราภายนอก ครอบครัวเราดูเหมือนเป็นครอบครัวที่อบอุ่นมาก จนใครหลายๆคนอิจฉา (ดูจากการลงFB สร้างภาพ ว่ารักเรารักลูกของP)เรารักและ เชื่อใจ P มาก เพราะP ไม่เคยมีเรื่องผู้หญิงมาเข้าหูเลย ตลอดเวลาที่อยู่ด้วยกัน โทรศัพท์เค้าเราก็รู้รหัส และสามารถดูและเช็ค ได้ตลอดเวลา แต่เราไว้ใจP มาก เราไม่ค่อยเช็ค หรือนานๆถ้ามีปัญหากันบ้างก็จะเช็คโทรศัพท์ทีนึง

....P เป็นคนมีสังคม มีเพื่อนฝูงเยอะ  รู้จักคนเยอะ เป็นคนรักพวกพ้อง รักเพื่อน ชีวิตประจำวันของP อยู่กับการทำงาน ตกกลางคืนก็ชอบออกงาน ดื่มเหล้า  เที่ยวกลางคืน ปาร์ตี้ บ่อยมาก จนเรียกได้ว่าเกือบทุกคืนเลยก็ว่าได้  แต่เราก็ไม่เคยว่า ไม่เคยบ่น  หาเรื่องทะเลาะ หรือโทรจิกโทรตาม ตอนที่P ออกไปเที่ยวนอกบ้านเลย ด้วยนิสัยส่วนตัวที่เราเป็นคนที่ไม่ชอบจิก ไม่ตาม และไม่อยากมีปัญหาทะเลาะ ประกอบกับความเชื่อใจว่าเค้าไม่นอกใจเราแน่นอน ช่วงแรกที่ยังไม่มีลูก เราก็จะไปไหนมาไหน ตัวติดกับ P ตลอดแต่พอเราแต่งงานมีลูกมาตลอด 7 ปี เราก็ต้องดูลูก ประกอบกับเราทำงานออฟฟิสตอนกลางวันด้วย จึงไม่ค่อยได้ไปไหน หรือออกไปเที่ยวตอนกลางคืนกับ P สักเท่าไร นานๆจะไปด้วยสักครั้ง ตอนมีลูกแล้ว P ไม่ค่อยมีเวลากับชีวิตประจำวันอยู่กับเราและลูกสักเท่าไร

...เราไม่เคยกินข้าวเย็นพร้อมหน้าพร้อมตากัน เราไม่เคยนอนดูละครหลังข่าวพร้อมกัน เราไม่เคยเข้านอนพร้อมกันเลย เรากับลูกจะหลับ ก่อนที่ P จะกลับมาบ้านเสมอ  แต่เราก็ไม่หาเรื่องทะเลาะหรือเรียกร้องสักเท่าไร เพราะคิดให้กำลังใจตัวเองเสมอว่า อย่างน้อย P ก็ทำงานเป็นหัวหน้าครอบครัวที่ดี รับผิดชอบค่าใช้จ่ายในบ้าน ค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับลูกทุกอย่าง และผ่อนรถให้เรา เราจึงปลอบใจตัวเองว่า เค้าคงเหนื่อยกับภาระหน้าที่มามากแล้ว  เราก็ปล่อยให้เค้าไปผ่อนคลายของเค้าเอาที่เค้าสบายใจ ให้เค้ามีความสุขและรับผิดชอบต่อหน้าที่และไม่นอกใจเราก็พอแล้ว

ตลอดเวลาที่ผ่านมาเราพยายามโฟกัสความสนใจไปที่ลูกและงาน แม้ว่าเราจะรู้สึกเหงาและโดดเดี่ยวมากแค่ไหน เราก็ไม่กล้าเรียกร้องจากP เราจะใช้วิธีการเอาธรรมะเข้าข่มใจตัวเอง ไม่เอาจิตไปคิดมากให้ฟุ้งซ่านให้ทุกข์และคิดอยู่เสมอว่า ถึงแม้ว่าP จะเป็นแบบนี้แต่เขาก็ไม่เคย นอกใจนอกกาย หรือนอกลู่นอกทาง  ประกอบกับP เป็นคนนิสัยโมโหร้าย และไม่ชอบให้ใครจู้จี้ จุกจิกมาก เราจึงได้แต่ทำใจจนเคยชินและยอมรับในนิสัย และพฤติกรรมแบบนี้ของเค้ามาตลอดเวลา 10 ปี ที่อยู่ด้วยกัน แต่เราก็มีข้อตกลงที่เราจะคอยพูดย้ำอยู่เสมอว่า

"เราปล่อยเราให้อิสระคุณ แต่ถ้าจับได้เมื่อไรว่าคุณนอกใจเรา คำขาดของเราคือ คำเดียวคือ "เลิก"

...ในชีวิตประจำวันของเราในแต่ละวัน  เราเป็นสาวออฟฟิสเข้างาน 8 โมง เลิก 5 โมง เรากับP ไม่เคยโทรหากัน ไม่เคยไลน์หากัน จะโทรหรือไลน์ หาก็เฉพาะตอนที่มีธุระจริงๆเท่านั้น ทุกวันที่เรากลับบ้านไป ก็ไม่ค่อยได้เจอหน้าP เลย เพราะเค้าจะมีเรื่องให้ออกนอกบ้านแทบทุกวัน เรากับ P ไม่เคยได้กินข้าวเย็น ด้วยกันพร้อมหน้าพร้อมตา ไม่เคยเข้านอนพร้อมกัน ทุกวันเราหลับแล้ว เค้าก็กลับบ้านนอนตี 1 ตี 2 บ้าง ตี 5 บ้าง ไม่กลับบ้าง แต่เราไม่ก็เคยว่าเค้าเลย วันที่ไม่กลับเค้าจะบอกเราบอกว่าเมา นอนค้างบ้านเพื่อนบ้าง บ้านพี่ๆบ้างกลับไม่ไหว ไม่อยากขับรถอันตราย เราก็เป็นห่วงเค้ากลัวเมาแล้วขับกลับแล้วเกิดอุบัติเหตุด้วย ก็เลยไม่ได้ว่าหรือมีปัญหาอะไร ในวันที่เค้าไม่กลับบ้านบ่อยๆ เราไม่อยากมีการทะเลาะเกิดขึ้นให้เสียสุขภาพจิต เราพยายามข่มจิดใจตัวเองไม่ให้ไปยึดติดกับพฤติกรรมของเค้ามาก  แค่คิดว่าถึงเค้าจะเป็นแบบนี้เค้ารักเรา รักลูก และไม่นอกใจก็พอแล้ว

.......จนช่วงระยะหลังๆมา  Pเริ่มมีพฤติกรรมที่แย่กว่าเดิม จนเริ่มสังเกตได้ชัด ว่าต้องมีอะไรบางอย่าง ที่ไม่ปกติปิดบังเราอยู่ และประกอบกับเซ้นส์ผู้หญิงของเรา ทำงานแรงมาก (เหมือนกระทู้นึง ที่เพื่อนๆชาว Pantip เคยบอกกว่า "เซนส์ของผู้หญิงแรงและถูกเสมอ") เรารู้สึกได้ว่า P กำลังนอกใจแต่เราก็ไม่อยากมีปัญหาทะเลาะเพราะเรารู้จัก นิสัยเค้าดีว่า ถ้าไม่มีหลักฐานที่แบบคาหนังคาเขา และเราพูดอะไรไปก็จะกลายเป็นเรางี่เง่า แล้วเค้าจะโมโห หาเรื่องทะเลาะรุนแรงและกลายเป็นเราผิดแทน เราจึงได้เก็บเรื่องราวที่สงสัยต่างๆไว้ในใจ และคอยสังเกตุพฤติกรรมของ P มาตลอดมา

...พักหลัง P มีพฤติกรรมที่ ผิดสังเกตมาก เช่น มีการใช้เสียงเพลงรอสายที่มีความหมายสื่อถึงการมีความรักฉันชู้สาว(ที่ ไม่ เกี่ยวกับเรา)พักหลัง P ชอบปฏิเสธไม่ให้เราไปไหนมาไหนด้วยทั้งที่ก่อนหน้านี้ เราจะไปด้วยก็ไปได้เสมอ และPชอบหาเรื่องทะเลาะกับเราแบบไม่มีเหตุผลบ่อยๆ ซึ่งเวลาทะเลาะกันทีเค้าก็จะไม่กลับบ้านตลอด  บางทีก็ไม่กลับสองสามวัน พักหลังมานี้เวลาทะเลาะกันเค้าไม่เคยง้อ ไม่สนใจที่จะอธิบายหรือแก้ตัว ในสิ่งที่เค้าทำเลยพฤติกรรมที่เปลี่ยนไปของเค้านี้ทำให้เราชักเริ่มมั่นใจว่าเค้าต้องมีอะไรที่ไม่ดีปิดบังเราอยู่ แน่นอน..... ....  (เดี๋ยวมาต่อค่ะ)
คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 5
มันก็ปกติของผู้ชายที่มีพฤติกรรมแบบนี้นะ พวกเที่ยวกลางคืนบ่อยไรแบบนี้ มีเมียน้อยก็ไม่เห็นจะแปลกตรงไหน
สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 53
หลังจากที่รู้ความร้ายกาจของ P เราก็ยิ่งดีใจ โอโห สวรรค์เข้าข้างเรา ครั้งนี้แหละ มันเป็นเรื่องที่สมเหตุสมผลแล้ว ที่เราจะหลุดออกมาได้อย่างไม่มีข้อแม้ ทั้งแม่เรา และคนรอบตัว จากที่เคยเชียร์ให้เรากลับไปคืนดีกับ P เพราะสงสารลูก เมื่อได้รับรู้เรื่องราวเหล่านี้แล้ว ทีนี้ก็ไม่มีใครกล้าพูดให้เรากลับไปคืนดีกับ P อีกเลย....

เราได้ตั้งจิตอโหสิกรรมให้แก่ P , นาง T, และนางB ไม่คิดแค้นพยาบาทไม่คิดเอาเรื่อง และเราไม่คิดจะกลับไปคืนดีกับ P ในฐานะสามีภรรยาอีกแน่นอนตลอดชีวิต แต่เราติดต่อกับ P เฉพาะเรื่องลูกเท่านั้น

หลังจากวันนั้นเราลองไล่ดูเหตการณ์ มันทำให้เราเชื่อว่า การที่เราหมั่นสวดมนต์ ปฏิบัติธรรม และแผ่เมตตา มันช่วยให้เราหูตาสว่าง และทำให้เหตุการณ์ทุกอย่าง มันจบลงด้วยตัวของมันเอง โดยที่เราไม่ต้องลงไปทำอะไรใครเลย เราไม่คิดตามผู้หญิงทุกคนของ P เลย (เราภาวนาขอให้ P ได้เจอคนที่ใช่และสามารถ เอาP ไปให้อยู่หมัด อย่าให้ไอ P มันมาตามรังควาน เราอีกเลย เรากลัว และขยะแขยง 555 )

ตอนนี้ "กรรม" เป็นผู้จัดการทุกอย่าง, Pส่งไลน์ผ่านพี่ที่รู้จักฝากส่งต่อมาให้เราอ่านว่า"เค้ายอมทุกอย่างแล้ว ขอแค่ให้เรากลับไป Pจะไม่กินเหล้า จะไม่สูบบุหรี่ จะไม่เกเร จะไม่นักเลง จะรักและดูแลเรากับลูกไปตลอด ขอให้เป็นชาติหน้าที่เราต้องเลิกกัน ชาตินี้เค้าขอเอาเรากลับไปใช้กรรมกับเค้าก่อนได้ไหม Pทรมานเหลือเกิน Pไม่ได้รักใครเลยนอกจากเรา แล้วPจะทนอยู่ได้ยังไงโดยที่ไม่มีเรา Pสำนึกผิดทุกอย่างแล้ว ขอแค่เรากลับไป เราจะให้เค้าทำอะไร เค้าจะทำหมด" หึหึ!! นี่คงดูหนังดราม่ามากไป (เราคิดในใจ 55 ) เราไม่ใจอ่อนค่ะ

ไม่จบแค่นั้น P ตามไปหาแม่เราที่บ้าน ไปกราบขอขมาและสารภาพทุกอย่างให้แม่เราฟัง และขอร้องให้แม่เราช่วยพูดให้เราใจอ่อน , Pบอกว่าจะเลิกยุ่งกับผู้หญิงทุกคน, Pบอกกับแม่เราว่าได้เอาดวงเรา ชื่อ-นามสุกล วันเดือนปีเกิด และเสื้อผ้าเราไปทำพิธีผูกดวงกับร่างทรงเพื่อทำให้เราใจอ่อนกลับไปคืนดีด้วย แต่เราเชื่อว่าไม่มีอะไรทำให้เราใจอ่อนได้ เราเชื่อว่าเราเป็นคนดี สิ่งศักดิ์สิทธิ์จะช่วยเราให้พ้นจากสิ่งไม่ดี , P บอกกับแม่เราว่า ร่างทรงบอกมาว่าเราเป็นผู้หญิงที่ดี ถ้าปล่อยให้เราหลุดจากP ไปได้ครั้งนี้ เรากำลังจะได้เจอคนที่ดี (เราคิด สาธุ^^)  ว่าแล้วไง ถึงว่า Pมันรีบมาอ้อนวอนขอให้แม่เราช่วยเลย หึ หึ!!!

....ซึ่งวันก่อนที่ P จะมาเล่าให้แม่เราฟัง เราก็ได้บังเอิญมีพี่ที่ทำงานชวนไปดูดวงกับหมอดูที่เป็นร่างทรงเช่นกัน  (เรื่องต่อไปนี้อาจดูงมงาย แต่เราเชื่อ และคิดอยู่เสมอว่าเราจะเชื่ออย่างมีสติ)

หมอดูร่างทรงคนนี้เค้าทักออกมาเองโดยที่เราไม่ได้ถาม  เค้าพูดมาว่า "ไอP มันไม่ยอมเลิกหรอก เพราะเราเคยไปให้คำมั่นสัญญากับมันไว้ใช่ไหม? ว่าจะรักและดูแลมันไปตลอดชีวิต" (เราตกใจขนลุกมาก คือเราเคยพูดประโยคนี้กับP จริงๆเมื่อตอนรักกันใหม่ๆเป็นวันรุ่นคบกันใหม่ๆอายุ 14 ค่ะ)  เราน้ำตาคลอเบ้า บอกกับร่างทรงว่า หนูไม่เอาแล้วจริงๆค่ะ ผู้ชายคนนี้!! ถ้าหนูกลับไป อนาคตหนูจะเป็นยังไงคะ? ร่างทรงก็บอกว่า หนูกลับไปหนูก็ทุกข์เหมือนเดิมลูก มีแต่ความทุกข์ไปตลอดชีวิตนั่นแหละ ไอP มันก็จะมีอีกเรื่อยๆนั่นแหละ แต่...มันเอาหนูเป็นที่ 1 นะลูก ไม่มีใครแทนที่หนูได้ ถามว่า "หนูจะเอาไหมลูก" เราตอบกลับไปทันทีว่า "ไม่เอาแล้วค่ะ" หนูไม่อยากทุกข์ กลับไปหนูก็ไม่มีความสุข (เรื่องนี้อิงตามหลักความจริงมันก็จริงเพราะสันดารคน มันเปลี่ยนกันได้ไม่นานหรอก เราเชื่อ!!) เราถามร่างทรงว่า ควรแก้ยังไงคะ ร่างทรงก็ให้เราไปทำพิธี ถอนคำสัญญา สาบาน โดยการไปถวายสังฆทานที่วัด และกรวดน้ำตั้งจิตอธิษฐานว่า "ที่ลูกเคยสัญญาสาบานว่าจะรักและดูแลผู้ชายชื่อนี้ นามสกุลนี้ตลอดไป วันนี้ลูกขอถอนคำสัญญาสาบาน และขอให้ลูกขาดจากผู้ชายคนนี้อย่างถาวรได้ในครั้งนี้ ชาตินี้ เวลานี้ด้วยเถิด"ร่างทรงบอกกับเราว่า P เค้าคือ คู่เวรคู่กรรม เราต้องแผ่เมตตาให้เค้าบ่อยๆนะ
อาจารย์มีอะไรจะบอกหนูว่า "หนูกำลังจะเจอคนที่ดีเข้ามาในชีวิตนะลูก คนที่กำลังจะเข้ามานี้ เป็นคนดี และหนูต้องจริงใจกับเค้า รักเค้าด้วยใจจริงนะลูก เราก็ยิ้มและรับฟัง แต่ทั้งนี้ สิ่งที่หมอดูร่างทรงพูดมา เราก็จะใช้สติเราในการพิจารณาคนเช่นกัน
เราไม่ได้เชื่ออย่างงมงาย หากเราเจอคนไม่ดี เราก็ขอเลือกที่จะอยู่เป็นโสดไปจนแก่ ดีกว่า "การเลือกคู่ผิด ทุกข์ไปตลอดชีวิต"  
.....หลังจากกลับจากดูดวง วันรุ่งขึ้นเรารีบไปถวายสังฆทานและทำพิธี "ถอนคำสัญญาสาบาน" แบบที่หมอดูบอกทันที!!

เมื่อเวลาผ่านไป 2 เดือนกว่าเราจึงปลอดบล๊อคไลน์ P และบอกเค้าว่า ไว้คุยกันเรื่องลูกเท่านั้น ห้ามพิมพ์อะไรที่ไม่เกี่ยวกับลูกมา ไม่งั้นเราจะบล๊อคทันที P ก็เหมือนมีสติบ้าง ไม่มีบ้าง เราเตือนว่าจะบล๊อค เค้าก็รีบขอโทษและหยุดพิมพ์ทันที แต่ล่าสุดก็มีเผลอพิมพ์ไลน์มาว่า เค้าทรมานมาก เราจะให้เค้ากราบเช้ากราบเย็น เค้าขอให้เราลาออกจากงานไปอยู่บ้านเฉยๆ จะให้เงินเราเดือนละ 30,000 บาท ให้เราเป็นคนเก็บเงินทุกบาททุกสตางค์" แหม ตอนอ่านนี่เกือบเคลิ้มตามเลยค่ะ ดีนะดึงสติกลับมาทัน 555...แต่เราไม่ใจอ่อนค่ะ!!

....เรายังคงทำหน้าที่แม่ เราโทรหาลูกทุกวันที่เบอร์ลูกเอง และคุยไลน์กับ P เรื่องการบ้านลูก เราสอนการบ้านลูกผ่านทางโทรศัพท์บ้าง ผ่านทางไลน์บ้าง และสั่ง P ว่าถ้าสงสัยตรงไหน หรือมีอะไรเกี่ยวกับลูกให้ถามมาทางไลน์ได้ตลอดเวลา
เรากลับไปหาลูกในวันหยุด (แต่ก็ไม่บ่อยนัก) โดยการให้พี่ที่รู้จักไปรับลูกออกมาให้ และเราหวังว่าสักวัน เมื่อ P หมดความคิดที่จะเอาเรากลับไปอยู่ในสถานะ สามีภรรยาแล้ว เราจะสามารถเป็นเพื่อนกับ P ได้ สามารถไปกินข้าวพร้อมกันกับลูกได้ ซึ่งเราเข้าใจว่ามันต้องใช้เวลาในการลบภาพความรู้สึกว่าเค้าเป็นเจ้าของเราออกไปจากหัว และให้P ทำใจยอมรับกับผลของ"กรรม"ที่เค้าเป็นคนทำมันเองกับมือ

เราเชื่อว่า เหตุการณ์ทุกอย่างที่เกิดขึ้น มันเป็นธรรมดาของมนุษย์ ถ้าเรามองว่ามันเป็นธรรมชาติ ทุกสิ่งทุกอย่างมันเกิดขึ้นจาก"กรรม" วันนี้เราหมดเวรหมดกรรมกับผู้ชายคนนี้ได้ในเวลานี้ ถือว่าเป็นเรื่องที่ดีค่ะ

เราไม่รู้หรอกว่าเหตุการณ์ครั้งนี้ P จะรู้สึกสำนึกผิดแค่ไหน เพราะต่อให้สำนึกผิดมากแค่ไหนมันก็ย้อนเวลากลับคืนมาไม่ได้ "เราไม่ความรู้สึกรักP หลงเหลืออยู่ในใจแล้ว"

และตอนนี้ "กรรม"ก็ได้ลงโทษนาง T แฟนของพี่ชายเพื่อนรักเรา เพราะเราได้รับรู้มาว่า เค้าไม่เอานางแล้ว ค่าใช้จ่ายที่เคยได้รับการส่งเสียเดือนละหลายๆหมื่น นางก็ต้องอด บ้านที่กำลังผ่อนก็ไม่มีเงินส่งต่อ นางT ได้มาง้อพี่ชายเพื่อนเรา เค้าบอกว่า นางT  ร้องไห้โหยหวนเหมือน " ปอ รอ เอ ตอ" มาขอส่วนบุญ และยังคงไม่ยอมรับในสิ่งที่เกิดขึ้น และสรรหาคำมาแก้ตัวต่อไป ทั้งหน้าด้านส่งข้อความมาขอเงิน เมื่อพี่เค้าไม่ให้ก็ส่งข้อความมาด่าพี่ชายเพื่อนเราว่าไม่รักษาสัญญา ด่าหยาบคายมาก เราได้แต่รับฟังและถอนหายใจ นี่แหละ มนุษย์แบบนี้ก็มีอยู่บนโลกด้วย เค้าไม่เอาเรื่องเราก็ดีแค่ไหนแล้ว ทั้งหญิงร้ายชายเลว ยังจะกล้าตามมาของเงินเค้าใช้อีก!!! เห้อ ได้ยินแล้ว อายแทนค่ะ ไม่รู้ว่าหน้านางT ฉาบด้วยอะไร ถ้ามีคนแชร์เรื่องนี้ไปถึงคุณ ก็ขอให้รู้ว่า "เราอโหสิกรรมให้นะคะ และสุดท้ายนี้ ขอกล่าวว่า" สมน้ำหน้าค่ะ" พี่เค้าหมดเวรหมดกรรมแล้วกับผู้หญิงเลวๆอย่างคุณ!!!

ส่วน P ก็คงไม่กล้ารับช่วงส่งเสียเลี้ยงดูนาง T ต่อจากพี่เค้าหรอก เพราะนางT คนนี้ใช้เงินเยอะเหลือเกิน คงเลี้ยงต่อไม่ไหว ประมาณว่า" ให้กินเล่นๆกูก็ชอบ แต่ถ้าจะให้เอาจริง กูรับผิดชอบไม่ไหว"

และ "กรรม"ก็คงได้ลงโทษนาง B  ที่มีลูกกับ P ...เพราะดูได้จากที่นางโพสสเตตัสลง Facebook ในแง่ลบเสมอๆ เช่น "รักแทบตาย สุดท้ายก็เป็นได้เแค่ ...คนขั้นเวลา"....... แป่วววว !!!
เราคิดสงสารก็แต่เด็กตาดำๆที่เกิดมากับนาง เราส่งไลน์ไปบอกกับP ว่าให้เอาลูกที่เกิดกับนาง B มาเจอพ่อเค้าเหอะ ให้ทุกคนได้รับรู้ไปเลย สามารถออกสู่โลกโซเชี่ยลไปได้เลย ว่าพ่อตัวจริงของเด็กคนนี้คือ P ไม่ต้องคอยสร้างภาพอีกต่อไปแล้ว เพราะเราก็สงสารเด็ก ไม่อยากให้เด็กคนนี้มีปมด้อย มีพ่อแต่เปิดเผยให้ใครรู้ไม่ได้ ว่าใครเป็นพ่อ (ใจก็คิดว่าอย่างน้อยลูกเราโตมาก็ยังมีพี่น้อง และถ้าเค้าถูกเลี้ยงดูดีๆด้วยกันแล้วตั้งแต่เล็กๆ พอโตมาเค้าก็คงจะรักและช่วยเหลือกัน และอย่างน้อยลูกเราก็ยังมีพี่น้องไม่โดดเดี่ยวมากนัก)

ตอนนี้เราเพิ่งอายุ 28  เราถือว่าเราโชคดี ที่เหตุนี้มันเกิดขึ้นกับเราเร็ว, เราเชื่อว่า ถ้าเรา คิดดี และทำทุกอย่างด้วยเจตนาที่ดี ชีวิตเราก็จะดีแน่นอน!!

ถ้า "ชะตาฟ้าลิขิต" ให้เรามาเจอกับใครสักคนในช่วงเวลานี้ ก็ขอให้เราได้พบเจอกับคนที่ดี

ถ้า "ชะตาฟ้าลิขิต" ให้เราต้องอยู่คนเดียว เราก็โอเค เพราะเราเชื่อว่า "การมีคู่ที่ไม่ดี เราขอไม่มีดีกว่า... การอยู่คนเดียว เป็นลาภอันประเสริฐสุดแล้ว 555


.....มี วลี ที่ดีมาก วลีนึง ที่เราเพิ่งได้อ่านและชอบมาก จึงอยากแชร์ต่ออีกครั้ง เป็นการส่งท้ายนะคะ

ยิ้ม
" คนเราเจอกัน มันไม่ใช่เรื่องบังเอิญ เมื่อมีวาสนาไม่ต้องเรียกร้องถึงเวลาก็มาเจอกัน

เมื่อสิ้นวาสนา ก็ต้องจากกัน รั้งยังไงก็ไม่อยู่ "

ในตอนที่คุณยังไม่จากกันนี้ คุณได้ทำดีต่อคนรักของคุณหรือยัง

เพราะถึงเวลาต้องจากกัน ไม่ว่าคุณจะมีเงิน หรืออำนาจล้นฟ้า ก็เรียกมันกลับคืนมาไม่ได้!

ทำดีต่อกันไว้ดีกว่า เพราะไม่มีใครรู้ว่า .........เราจะต้องจากกันเมื่อไหร่"

-----------------------   ขอบคุณสำหรับทุกคอมเม้นให้กำลังใจ และทุกคนที่ติดตามอ่านเรื่องราวจนจบ ค่ะ
(แต่......ถ้าสมมุติว่าโชคชะตาเล่นตลกกับเราจริงๆ อีกสักปีสองปี เราคงได้มาเล่าต่อในนี้นะคะ  สำหรับวันนี้ สวัสดีค่ะ ^^ )เพี้ยนแว๊น  

-----แก้ไขคำผิดค่ะ
ความคิดเห็นที่ 158
อ่านแล้วรู้สึกจขกท.เป็นคนไม่ค่อยรับผิดชอบ แล้วยังชอบพูดเอาดีเข้าตัวยังไงก็ไม่รู้
เล่าๆไปก็บอกว่าตัวเองเป็นคนสู้  ชอบทำบุญ มีอะไรก็ใช้ธรรมะข่ม บอกว่ามีคนชมว่าเป็นคนใจเย็น

แต่มีแฟน ก็แต่งงานกันเพราะท้อง ดูแล้วไม่ได้แต่งเพราะรัก แทบไม่เคยคุยไลน์ คุยโทรศัพท์กับสามี ไม่เคยกินข้าวพร้อมกัน
ไม่เคยนอนพร้อมลูก ปล่อยสามีไปเที่ยวกลางคืนได้เกือบทุกคืน แต่ก็ไม่ว่า ไม่มีปากเสียง แต่พอเค้ามีกิ๊ก มีลูกกับกิ๊กเท่านั้นแหละทำเป็นวีนแตก
ผู้ชายเที่ยวกลางคืน มันก็น่าจะทำใจไว้แล้วว่าเป็นคนที่ชอบมีไปทั่ว แล้วจขกท.ก็ทนอยู่กับเค้ามา 7 ปีแบบไม่บ่นสักคำ
คิดแค่ว่า อย่างน้อยก็ยังหาเงินมาให้ตูใช้

แบบนี้เคยคิดมั้ยว่าลูกตัวเองจะรู้สึกยังไง อยู่บ้านนานๆทีจะเห็นหน้าพ่อสักที สภาพครอบครัวเป็นยังไงก็ไม่รู้
แต่อย่างน้อยตอนนั้นก็มีแม่คอยเลี้ยงอยู่ แต่ตอนนี้ล่ะ? จู่ๆสามีมีชู้ ถือโอกาสชิ่งหนีจากลูกมาเฉยเลย
คิดถึงสภาพจิตใจลูกบ้างมั้ยที่ 7 ปีที่โตมา มีแม่อยู่ตลอด พ่ออยู่ๆหายๆ
มาตอนนี้ ลูกไม่งงหรอครับ แม่ก็หายไปอีกคน เหลือแต่ในไลน์ กับที่นานๆมาเจอกันที

ไม่รู้สิ อ่านแล้วเหมือนคุณขี้เกียจอยู่กับสามี ขี้เกียจเลี้ยงลูก แล้วหาข้ออ้างเหมาะๆที่จะชิ่งหนียังไงก็ไม่รู้
ถ้าคนที่รับเรื่องเมียน้อยไม่ได้ มันควรจะรับไม่ได้ตั้งแต่สามีไปเที่ยวกลางคืนแทบทุกวันแล้วครับ
ความคิดเห็นที่ 14
เรานั่งอยู่ในห้องน้ำนั้นจนเป็นลม สักพักก็มีเสียงพี่ๆของ P มาเคาะประตูห้องน้ำ เราจะเป็นลม และเราไม่อยากเจอใครทั้งนั้น เราจึงไม่ตอบ ไม่ออกไป จนพี่ๆP ต้องตามแม่บ้านมาไขประตูห้องน้ำ เอาเราออกไปนั่งข้างนอก P ก็โทรมาถามพี่ๆเค้าว่าเราเป็นไงบ้าง พอเราหายเป็นลม เราจึงได้บอกพี่ๆP ไปอีกครั้ง ให้บอกP ว่าให้โอกาสตรงนี้ตอนนี้เท่านั้น ให้เรียกผู้หญิงคนนั้นมาเคลีย หากไม่เรายืนยันคำเดียวว่าเราเลิก และP จะไม่ได้เห็นหน้าเราอีกตลอดชีวิต Pบอกกับพี่ๆเค้ามาว่า โทรตามมาเคลียไม่ได้ เพราะผู้หญิงคนนั้นมีผัวเลี้ยงอยู่ มันไปหาผัวมันแล้ว โทรตามไม่ได้

....เราจึงตัดสินใจ โอเค วันนี้เราเลิกขาดกับผู้ชายคนนี้แล้ว 100% ขอบคุณสิ่งศักสิทธิ์มากๆค่ะ ที่ช่วยลูกให้ตาสว่าง

หลังจากเหตุการณวันนั้นเราไม่กลับเข้าบ้านP อีกเลย ออกมาตัวเปล่าเสื้อผ้าชุดเดียวที่ใส่ เราปิดเฟสบุ๊ค ปิดมือถือ  เราได้ส่งเรื่องลาออกจากงานที่ทำงานเก่า และย้ายมาอยู่กับเพื่อนที่ ตจว. และได้งานใหม่ในเวลาไม่กี่สัปดาห์ ....ช่วงสองสามวันแรกเราช็อคไม่พูดไม่เล่าให้ใครฟัง เพราะเราไม่พร้อมจะเล่า และเราไม่อยากเสียน้ำตากับเรื่องนี้ หลังจากเหตุการวันนั้นมาเราไม่ร้องไห้เลย มันจุกจนมันไม่มีน้ำตาไหลออกมาเลยสักหยด!!!

พอ 3 วันผ่านไปเราคิดว่าเราโอเคพร้อมที่จะเล่าแล้ว เราก็ได้เล่าให้เพื่อนๆ และพี่ที่รู้จักฟัง ประกอบกับเราและทุกคนอยากรู้ว่าผู้หญิงคนนั้น เป็นใคร เค้าคงรู้จักเราดีถึงได้วิ่งเร็วขนาดนั้น เราจะยอมให้มันรู้จักเราฝ่ายเดียวไม่ได้ อย่างน้อยได้รู้ว่ามันเป็นใครชื่ออะไร ก็ยังดี เราจึงได้คำแนะนำจากพี่ๆว่า ลองไปขอดูกล้องวงจรปิดไหม ขอร้องให้เค้าเห็นใจ ลองดูเผื่อเค้าจะช่วย วันรุ่งขึ้นก็ได้เขาไปขอดูกล้องวงจรปิด แต่ก็ตามที่คิด พนักงานบอกว่า เป็นนโยบายของทางอพาร์ทเม้นท์ ที่ไม่อนุญาติให้คนนอกดูกล้องวงจรปิด เพราะไม่มีคดีความอะไรที่ร้ายแรงถึงแม้ว่าไปแจ้งความ แต่มันไม่ใช่คดีอะไรที่ร้ายแรงทางอพาร์ทเม้นท์ก็ไม่อนุญาตให้ดูอยู่แล้วค่ะ ทางอพาร์ทเม้นท์นี้เป็นแบบรายเดือนเท่านั้นไม่มีแบบรายวัน ถึงจะให้ดูกล้องวงจรปิดได้ (ครั้งแรกเราคิดว่าที่นี่มีเปิดแบบเช่ารายวันด้วย) พอได้รู้ว่ามีแต่รายเดือนแบบนี้ ไม่ยากเลยที่เราจะสืบต่อว่าผู้หญิงเจ้าของห้องนี้เป็นใคร เราได้ใช้ความน่าสงสารของเมียหลวง เล่าเคล้าน้ำตาให้แม่บ้านนิรนามคนนึงที่อพาร์ทเม้นท์นี้ฟัง เค้าจึงแอบบอกชื่อ ของผู้หญิงคนนั้นมา  ...เราได้ชื่อนามสกุล เราได้ให้เพื่อนที่รู้จักที่มีความสามารถขั้นสูง สืบหามาว่า ผญ.คนนี้คือใคร ภายในวันเดียว เราได้ทั้งชื่อ ที่อยู่ ได้ Facebook ผู้หญิงคนนี้มา ....นาทีแรกที่เราเห็นเฟสบุ๊ค เราเห็นรูปนาง เรามั่นใจทันที เราจำแววตาของนางตอนนั้นที่หันมาสบตากับเรา 3 วินาทีได้ ประกอบกับนางคนนี้ หล่อนโง่มากค่ะ!!! นางได้โพสสเตตัส ลงวันที่ 19 พค2558 ว่า ....

"ไม่อยากจะทำให้ใครเสียใจ ไม่อยากจะทำให้ใครแยกทาง ทั้งที่คนที่ควรคู่เธอและเคียงข้าง มันไม่ใช่คนอย่างฉัน" ประกอบกับโพสเพลง "ทั้งที่ผิดก็ยังรักของ วง AB Normal.  ..โอโหเรามั่นใจใช่นางคนนี้แน่นอน 100% ค่ะ

สิ่งที่เราคาใจอยากรู้ว่านางคนนี้คือใคร เราก็ได้รู้แล้ว เราไม่คิดที่จะตาม โทรไปด่าหรือทำอะไรผู้หญิงคนนี้เลย แค่อยากรู้เท่านั้น และก็ได้รู้แล้ว ว่านางเป็นใคร เพราะเราไม่คิดที่จะเอาสามีคืน (ยกให้เลยค่ะ) เชิญเอาไปรับกรรมต่อนะคะ

...........แต่เรื่องราวมันไม่จบลงแค่นั้น .... ติดตามต่อค่ะ
ความคิดเห็นที่ 157
เรื่องการ "ถอนคำสัญญา คำสาบาน"   

มีคนสอบถามมาทางหลังไมล์ค่อนข้างเยอะ เราจึงขอเอามาแชร์นะคะ เผื่อเป็นประโยชน์กับเพื่อนๆ คนที่ยังไม่หลุดพ้นจากคนไม่ดีนะคะ จะได้หลุดออกมาแบบเราได้สักทีค่ะ

เราไปทำคนเดียวค่ะ  เตรียมของไปถวายสังฆทานเสร็จแล้ว  และจุดธูปกล่าวต่อหน้าพระพุทธรูปนะคะ   

เตรียมสังฆทาน ปกติค่ะ สามารถจัดเองก็ได้ค่ะ ไม่ต้องซื้อแบบกระป๋อง (เราซื้อที่7-11 เลยค่ะ อะไรที่พระใช้ได้ เช่น ยาสีฟัน แปรงสีฟัน สบู่ แฟ๊บ นมแพ็ค กาแฟ น้ำผลไม้ มีดโกน ฯลฯ)
(ธูป 5 คู่ , เทียนขาวเล็ก 5 คู่ , ดอกไม้  5 คู่ , เงินบาท 5 เหรียญ กล่าวต่อหน้าพระประธานที่ศักดิ์สิทธิ์)            
                อิมัง  มิฉา  อธิษฐานัง  ปันจะทะธาราปิ
                ทุติยัมปิ  อิมัง  มิจฉา  อธิษฐานัง  ปันจุทัดธาราปิ
                ตะติยัมปิ อิมัง  มิจฉา  อธิษฐานัง ปัจจุทัดธาราปิ

ข้าพเจ้าขอถอนคำอธิษฐาน คำสาบาน คำสัญญา คำบนบานที่ข้าพเจ้าได้ตั้งไว้กับ ....ชื่อนามสกุลแฟนเรา ...ขึ้นพร้อมแล้วด้วยกิเลส  ด้วยตัณหา  ด้วยอุปทาน  ด้วยโทสะ  ด้วยโมหะ  ด้วยมานะ  ด้วยมิจฉาทิฐิ  เป็นไปเพื่อความพยาบาทเบียดเบียน  สร้างเวรสร้างกรรม  ไม่ประกอบด้วยธรรม  ไม่ประกอบด้วยวินัย  ไม่ประกอบด้วยกุศล  ไม่ประกอบด้วยปัญญา  ไม่ประกอบด้วยบารมี  ที่ข้าพเจ้าได้อธิษฐานไว้  สาปแช่งไว้  บนบานไว้  สัญญาไว้ ในอดีตชาติก็ดี ปัจจุบันชาติก็ดี

ลูกน้อมขออำนาจพระบารมีขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า พระรัตตรัย  และเทพพรมหมทั้ง 16 ชั้นฟ้า 15 ชั้นดิน แม่พระธรณี ได้โปรดเป็นสักขีพยาน  ในการที่ลูกขอถอนคำอธิษฐานเหล่านั้น  ถอนคำแช่ง  คำสาบ  คำบนบาน  คำสัญญา ร้อยหน พันหน  ณ กาล บัดนี้เทอญ

(...  ตั้งจิต ...) นะถอน  โมถอน  พุทธถอน  ทาถอน  ยะถอน  นะคลอน  โมคลอน  พุทธคลอน  ทาคลอน  ยะคลอน ถอนด้วย นะโมพุทธทายะ นะมามิหัง

และ ณ กาลบัดนี้ ข้าพเจ้า....ชื่อ - นามสกุลเรา..  ขอถือ เพลา นี้ขออโหสิกรรม ต่อเจ้ากรรมนายเวร  ที่ข้าพเจ้าได้เคยล่วงเกิน  นับแต่อดีตชาติ  ทุกภพทุกชาติ  จวบจนถึงปัจจุบันชาติ ที่เคยได้ล่วงเกิน เบียดเบียนท่าน ด้วยกาย  ด้วยวาจา  ด้วยใจ  ทำให้ท่านเจ้ากรรมนายเวรทุกท่านเป็นทุกข์ จะระลึกได้ หรือ ระลึกไม่ได้ก็ตามที  บัดนี้ ข้าพเจ้าได้สำนึกผิดแล้ว

ขอท่านเจ้ากรรมนายเวรทุกท่าน โปรดเมตตา อโหสิกรรมต่อกัน  นับแต่บัดนี้เป็นต้นไป  ข้าพเจ้าจะสร้างบุญกุศล  หมั่นบำเพ็ญบารมี  อุทิศต่อเจ้ากรรมนายเวรทุกท่าน ขอทุกท่าน จงน้อมรับอนุโมทนา สาธุการ และ  อโหสิกรรม ให้ข้าพเจ้าด้วย เทอญ สาธุ สาธุ สาธุ


-------------ขอแก้ไขข้อความ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่