Sol Campbell : ปีที่แล้วผมจับคู่กับ Kolo สร้างตำนานไร้พ่าย ปีนี้ผมต้องนั่งดู Cygan กับ Senderos เล่น
Campbell กับ Touré จับคู่กันอย่างลงตัวในปี 2003-04 สร้างตำนานไร้พ่ายทั้งฤดูกาล ยืดเยื้อต่อมาอีกปีเป็น 49 นัด ซึ่ง Campbell มีส่วนร่วมอย่างมาก ตลอด 49 นัดนั้น พวกเขาเสียประตูเพียง 35 ลูก สร้างเกมรับอันแข็งแกร่งแก่ปืนโต แฟนๆชาวลอนดอนเหนือสามารถลืมแผงหลังอังกฤษล้วนยุค George Graham ไปได้เลย
ตั้งแต่วันที่ Campbell ปฏิเสธทั้ง AC Milan ทั้ง Barcelona กัปตัน Spurs ตัดสินใจย้ายมาร่วมทีมคู่ปรับของต้นสังกัดอย่าง Arsenal โดยที่ไม่มีใครคิด ในวันเปิดตัวของ Richard Wright นายด่านดาวรุ่ง อนาคตของทีม กลับมีเรื่องที่น่าตื่นตาที่สุด เมื่อกัปตัน Spurs เดินออกมา เซ็นสัญญา จับมือกับ Dein และ Wenger เปิดตัวกับ Arsenal ในที่สุด
Campbell ผ่านช่วงเวลาที่ดีมากมาย เขาอยู่ในทีมในแมชต์ Title won at Old Trafford ที่ Wiltord ยิงประตูชัยดับผีท้ายฤดูกาล และจับคู่กับ Tony Adams ในนัดชิง FA Cup กับ Chelsea เบียด Martin Keown ไปนั่งสำรอง พาทีมคว้า Double Champions ในปี 2001/02
หนึ่งในความสำเร็จยิ่งใหญ่ตลอดกาลก็คือการจับคู่กับ Kolo Touré และสามารถรักษาสถิติไม่แพ้ใครทั้งฤดูกาล ยืดไปเป็น 49 นัดได้
หลังจบเกมชนะ Leicester 2-1 ตัว Campbell ไม่มีเวลามาฉลองมากนัก เขาต้องไปช่วยอังกฤษตะลุยบอลยูโรที่โปรตุเกสต่อ และก็ต้องกลับมาด้วยสภาพผิดหวังเมื่อทีมชาติของตนโดนเขี่ยตกรอบ และ Sol อาจจะยังไม่ทราบว่าความผิดหวังมันยังไม่จบลง
เริ่มต้นฤดูกาล 2004-05 Sol พลาดเกมแรกของฤดูกาลเพราะเจ็บเข่า ทีมของ Sol ยังต้องมาหยุดสถิติไร้พ่าย 49 นัดไว้กับ Manchester United ด้วยจุดโทษของ van Nistelrooy เมื่อ Rooney เรียกจุดโทษจาก Campbell ก่อนที่ Rooney จะเบิ้ลประตูเป็น 2-0
“เขาพุ่งล้ม” Sol บอก “Rooney พุ่งล้ม ตัวเขารู้ ผมรู้ และเมื่อจบเกมผู้คนที่ดูอยู่บนหน้าจอก็รู้” Sol พูดต่อ “ผมปฏิเสธจะจับมือเขาหลังเกม เขาโกง”
และแล้วตำแหน่งอันแน่นอนในทีมของเขาก็สั่นคลอน Wenger เลือก Kolo Touré กับ Pascal Cygan เป็นตัวจริง หมายความว่า Sol ไม่ใช่ตัวเลือกแรกอีกแล้ว ทั้งๆที่ปีก่อนหน้า เขายังเป็นตัวจริงที่ทีมขาดไม่ได้ เป็นตัวจริงในทีสที่ทั้งปีเสียแค่ 26 ลูก ตอนนี้เขาต้องนั่งตูดแฉะเมื่อโดน Cygan ยึดตำแหน่งไป
“อะไรๆในฟุตบอลมันเปลี่ยนไปเร็วมาก” Sol กล่าว
มันถึงเวลาที่จะคุยกับ Wenger ถึงปัญหานี้ ไม่ใช่ว่าเขาจะไปบอก Wenger ว่าเขาจะย้ายทีมแต่จะบอกให้รู้ถึงความรู้สึกของเขาและให้รู้ว่าอะไรกำลังเกิดขึ้น Sol ไม่เคยคิดจะคุยตัวต่อตัวกับ Wenger ด้วยซ้ำ แต่ครั้งนี้มันต่างออกไปมาก
ลองดูคุณภาพของผมสิ มันเป็นไปได้ยังไง ผมถูก Cygan แย่งตำแหน่ง และ Senderos ก็เป็นตัวเลือกก่อนผม คุณต้องอธิบาย คุณต้องสนับสนุนผม
“ทั้งคู่ (Touré กับ Cygan) กำลังเล่นได้ดี” Wenger กล่าว “ผมไม่อยากจะเปลี่ยนมัน”
“แต่ Senderos ไม่ได้เล่นดีเลย” Sol ตอบ “เขาคือนักเตะที่มีดวง ผมดูเขามาตลอด เขาคอยสร้างข้อผิดพลาดบ่อยๆ โชคที่แท้จริงของเขาคือไม่มีซักครั้งที่ความผิดพลาดเหล่านั้นนำไปสู่การเสียประตู แต่มันจะไม่หยุดลงแน่ มันไม่มีเรื่องความรู้สึกส่วนตัวเข้าไปเกี่ยว ผมชอบพวกเขา แต่ผมไม่คิดว่าพวกเขาดีพอกับงานนี้”
Wenger ส่ายหัวด้วยความไม่เห็นด้วย Sol มองผู้จัดการทีมของเขาอย่างจริงจังขึ้น และเอ่ยปากถามให้ Wenger พูดสิ่งที่ Sol คิดว่าเพิ่งได้ยินมาหมาดๆอีกครั้ง
“พวกเขาคืออนาคตของเรา” Wenger กล่าว
Sol ไม่ค่อยจะเห็นด้วย เขาอยากจะเถียงแต่คิดว่ามันคงเสียเวลา การพบกันครั้งนั้นจบลง Wenger ลุกขึ้นและจับมือ Sol เขายืนยันว่า Sol ไม่ใช่แค่ส่วนหนึ่งของทีม แต่เป็นส่วนที่สำคัญ สำคัญมากๆ 
Sol Campbell : ปีที่แล้วผมจับคู่กับ Kolo สร้างตำนานไร้พ่าย ปีนี้ผมต้องนั่งดู Cygan กับ Senderos เล่น
Campbell กับ Touré จับคู่กันอย่างลงตัวในปี 2003-04 สร้างตำนานไร้พ่ายทั้งฤดูกาล ยืดเยื้อต่อมาอีกปีเป็น 49 นัด ซึ่ง Campbell มีส่วนร่วมอย่างมาก ตลอด 49 นัดนั้น พวกเขาเสียประตูเพียง 35 ลูก สร้างเกมรับอันแข็งแกร่งแก่ปืนโต แฟนๆชาวลอนดอนเหนือสามารถลืมแผงหลังอังกฤษล้วนยุค George Graham ไปได้เลย
ตั้งแต่วันที่ Campbell ปฏิเสธทั้ง AC Milan ทั้ง Barcelona กัปตัน Spurs ตัดสินใจย้ายมาร่วมทีมคู่ปรับของต้นสังกัดอย่าง Arsenal โดยที่ไม่มีใครคิด ในวันเปิดตัวของ Richard Wright นายด่านดาวรุ่ง อนาคตของทีม กลับมีเรื่องที่น่าตื่นตาที่สุด เมื่อกัปตัน Spurs เดินออกมา เซ็นสัญญา จับมือกับ Dein และ Wenger เปิดตัวกับ Arsenal ในที่สุด
Campbell ผ่านช่วงเวลาที่ดีมากมาย เขาอยู่ในทีมในแมชต์ Title won at Old Trafford ที่ Wiltord ยิงประตูชัยดับผีท้ายฤดูกาล และจับคู่กับ Tony Adams ในนัดชิง FA Cup กับ Chelsea เบียด Martin Keown ไปนั่งสำรอง พาทีมคว้า Double Champions ในปี 2001/02
หนึ่งในความสำเร็จยิ่งใหญ่ตลอดกาลก็คือการจับคู่กับ Kolo Touré และสามารถรักษาสถิติไม่แพ้ใครทั้งฤดูกาล ยืดไปเป็น 49 นัดได้
หลังจบเกมชนะ Leicester 2-1 ตัว Campbell ไม่มีเวลามาฉลองมากนัก เขาต้องไปช่วยอังกฤษตะลุยบอลยูโรที่โปรตุเกสต่อ และก็ต้องกลับมาด้วยสภาพผิดหวังเมื่อทีมชาติของตนโดนเขี่ยตกรอบ และ Sol อาจจะยังไม่ทราบว่าความผิดหวังมันยังไม่จบลง
เริ่มต้นฤดูกาล 2004-05 Sol พลาดเกมแรกของฤดูกาลเพราะเจ็บเข่า ทีมของ Sol ยังต้องมาหยุดสถิติไร้พ่าย 49 นัดไว้กับ Manchester United ด้วยจุดโทษของ van Nistelrooy เมื่อ Rooney เรียกจุดโทษจาก Campbell ก่อนที่ Rooney จะเบิ้ลประตูเป็น 2-0
“เขาพุ่งล้ม” Sol บอก “Rooney พุ่งล้ม ตัวเขารู้ ผมรู้ และเมื่อจบเกมผู้คนที่ดูอยู่บนหน้าจอก็รู้” Sol พูดต่อ “ผมปฏิเสธจะจับมือเขาหลังเกม เขาโกง”
และแล้วตำแหน่งอันแน่นอนในทีมของเขาก็สั่นคลอน Wenger เลือก Kolo Touré กับ Pascal Cygan เป็นตัวจริง หมายความว่า Sol ไม่ใช่ตัวเลือกแรกอีกแล้ว ทั้งๆที่ปีก่อนหน้า เขายังเป็นตัวจริงที่ทีมขาดไม่ได้ เป็นตัวจริงในทีสที่ทั้งปีเสียแค่ 26 ลูก ตอนนี้เขาต้องนั่งตูดแฉะเมื่อโดน Cygan ยึดตำแหน่งไป “อะไรๆในฟุตบอลมันเปลี่ยนไปเร็วมาก” Sol กล่าว
มันถึงเวลาที่จะคุยกับ Wenger ถึงปัญหานี้ ไม่ใช่ว่าเขาจะไปบอก Wenger ว่าเขาจะย้ายทีมแต่จะบอกให้รู้ถึงความรู้สึกของเขาและให้รู้ว่าอะไรกำลังเกิดขึ้น Sol ไม่เคยคิดจะคุยตัวต่อตัวกับ Wenger ด้วยซ้ำ แต่ครั้งนี้มันต่างออกไปมาก ลองดูคุณภาพของผมสิ มันเป็นไปได้ยังไง ผมถูก Cygan แย่งตำแหน่ง และ Senderos ก็เป็นตัวเลือกก่อนผม คุณต้องอธิบาย คุณต้องสนับสนุนผม
“ทั้งคู่ (Touré กับ Cygan) กำลังเล่นได้ดี” Wenger กล่าว “ผมไม่อยากจะเปลี่ยนมัน”
“แต่ Senderos ไม่ได้เล่นดีเลย” Sol ตอบ “เขาคือนักเตะที่มีดวง ผมดูเขามาตลอด เขาคอยสร้างข้อผิดพลาดบ่อยๆ โชคที่แท้จริงของเขาคือไม่มีซักครั้งที่ความผิดพลาดเหล่านั้นนำไปสู่การเสียประตู แต่มันจะไม่หยุดลงแน่ มันไม่มีเรื่องความรู้สึกส่วนตัวเข้าไปเกี่ยว ผมชอบพวกเขา แต่ผมไม่คิดว่าพวกเขาดีพอกับงานนี้”
Wenger ส่ายหัวด้วยความไม่เห็นด้วย Sol มองผู้จัดการทีมของเขาอย่างจริงจังขึ้น และเอ่ยปากถามให้ Wenger พูดสิ่งที่ Sol คิดว่าเพิ่งได้ยินมาหมาดๆอีกครั้ง
“พวกเขาคืออนาคตของเรา” Wenger กล่าว
Sol ไม่ค่อยจะเห็นด้วย เขาอยากจะเถียงแต่คิดว่ามันคงเสียเวลา การพบกันครั้งนั้นจบลง Wenger ลุกขึ้นและจับมือ Sol เขายืนยันว่า Sol ไม่ใช่แค่ส่วนหนึ่งของทีม แต่เป็นส่วนที่สำคัญ สำคัญมากๆ