เรื่องราวที่จะนำมาแบ่งปันนี้ เป้นเรื่องน่ารักๆที่อยู่ในความทรงจำของ จขกท.ตลอดมา ซึ่งเมื่อได้ดูหนังเรื่อง สิ่งเล็กๆที่เรียกว่ารัก ยังคิดว่า เฮ่ย เค้าโครงเรื่องมันคล้ายเรื่องราวของเรามาก จนมีเพื่อนๆที่ไปดู ก้แซวๆมาว่า เหมือนชีวิตแกเลย
เหตุการณืและเรื่องราวมันเกิดมาเมื่อ 18 ปีที่แล้ว เริ่มจากที่ ตอนนั้นเรียนอยู่ ม.5 ก็ไม่ได้คิดอะไรมากมายชีวิตเหมือนเด็กวันรุ่นทั่วๆไป เรียน เล่น สนุกสนานตามประสา หน้าตาก็ไม่สวย สิวเต็มหน้า ดำด้วย อ้วนด้วย แต่เราเป็นคนที่ชอบดูฟุตบอลมาก ไม่ได้ว่าปลื้มนักกีฬานะ แต่ชอบดูจริงๆ ก็จะมีบอลประเพณีที่หน่วยงานในอำเภอที่เราอยู่นี่จัดเป็นประจำ และประจวบกับพ่อกับแม่ก็มักทำทีมฟุตบอลของหมู่บ้านส่งแข่งขันอยู่เสมอ เราจึงได้ติดสอยห้อยตามไปดูเขาแข่งอยู่เรื่อยๆ ตั้งแต่เด็กๆ วันหนึ่งขระที่พ่อแม่พี่น้องเรานั่งดูฟุตบอลอยู่ข้างสนาม ในสนามก็เกิดการชกต่อยกัน แม่เราก็ได้ตะโกนต่อว่า นักกีฬาในลักษณะว่ามาเตะบอลไม่ใช่มาต่อยมวย แค่นั้นล่ะ เป็นเรื่อง มีพี่นักฟุตบอลอีกทีม ชี้หน้ามาทางที่พวกเรานั่งอยู่ และตะโกนมาว่า หุบปากซะกองเชียร์และเตะบอลอัดมาทางที่พวกเรานั่งอยู่ ทีนี้ก็เป็นเรื่อง พี่ป้าน้าอารวมถึงเราด้วย ก็ไม่พอใจ ตะโกนด่าว่าพี่นักกีฬาคนนั้นตลอดเกม ทั้งโห่ ทั้งว่า เพราะไม่พอใจพฤติกรรม และเมื่อทีมนี้ไปแข่งที่ไหน ถ้าพวกเราได้ไปดูก็จะโห่เป็นประจำ เหตุการณืนี้ทำให้เราเกลียดพี่นักเตะคนนั้นมาก เห็นหน้านี่จะแบบว่าชักสีหน้าใส่เลย จนกระทั่งวันหนึ่ง แม่เราใช้ให้ไปซื้อน้ำแข็งมาเตรียมให้นักกีฬาที่จะลงเตะ เราก็ขับรถออกมาจากสนามและได้สวนทางกับผู้ชายคนนึงขับซ้อนมากับเพื่อน ตอนนั้นมีความรู้สึกเหมือนตัวเองตกหลุมรัก มันปิ๊ง พอตั้งสติได้ก็หันรถตามเขาไป เพื่อไปดูว่าเขาเป็นใคร แต่ก็เก็บอาการทำเนียนเป็นแซงไปเฉยๆ หัวใจเต้นแรง ตุ๊บตั๊บๆ พอเห้นหน้าชัดๆ เราคุ้นมากเหมือนเคยเห็นผู้ชายคนนี้ที่ไหน และแล้วเมื่อพิจารณาดูดีดี ก็ถึงบางอ้อ เฮ่ย เขาคือพี่นักบอลปากหมานี่ งงสิคะงง ก็ตอนนี้พี่เขาตัดผมเป็นทรงสกินเฮ้ด จากที่เคยไว้แบบรกรุงรัง ทีนี้ความรู้สึกมันก็ตีกัน บอกไม่ถูกว่าจะเป้นยังไง เพราะเขาเป็นคนที่เราเคยเกลียดมาตลอด แล้วตอนนี้ชั้นจะมาตกหลุมรักเขาเหรอ แต่ทำไงได้มันตกหลุมรักไปแล้ว ทีนี้ก็ได้แต่แอบๆมองเขา จากที่เคยเกลียดเคยโห่ ก็เฉยๆไป ก้มั่นใจตัวเองว่าแอบชอบเขาจริงๆ ทีนี้พฤติกรรมแอบก้มาเป็นระยะๆ พี่เขาอยู่แถวไหนเราก็ทำเป้นผ่านๆไป แต่ก็ทำหน้าปกติ ทั้งๆที่ตื่นเต้นมาก เป็นแบบนี้เรื่อยมา จนกระทั่งเพื่อนสาวสังเกตอาการและพฤติกรรมแอบของเรา ก้เกิดความสงสัยและถามเรา ทีนี้ก็รู้กันในกลุ่ม มีแซวๆกัน มีเรื่องมาเล่าให้กันฟังอยู่ตลอด และแล้วเหมือนฟ้าเป็นใจ ตอนนั้นเรียน ม.6 เราไปติวที่ขอนแก่น แล้วกลับมาเรียนในเทอม 2 ซึ่งมาเรียนช้ากว่าเพื่อนๆ อยู่สัปดาห์นึงได้ เพื่อนสาวแจ้งข่าวว่ามีอะไรเซอไพรส์ ที่โรงเรียน เราก็ได้แต่งงว่าเซอไพรส์อะไร จนเที่ยง ก้ไปกินข้าวกันที่โรงอาหาร แต่วันนี้แปลกกว่าทุกวัน เพราะเพื่อนมันพาเราไปนั่งที่ใหม่ที่ไม่ใช่ที่ประจำ แล้วมันก็ใกล้กับบริเวณที่เขากำลังก่อสร้างอาคารเรียนใหม่ด้วย ขณะที่กำลังกินกันอยู่นั้น สายตาเราก็เหลือบไปเห็นผู้ชายที่กำลังชี้ไม้ชี้มืออยู่ตรงที่ก่อสร้างอาคารเรียน รูปร่างคุ้นๆ เขาใส่เสื้อลายสก็อตสีแดง กางเกงยีนส์ รองเท้าผ้าใบ เราก็ว่าดูเท่ห์ดีนะ สักพักพอเขาหันมา แค่นั้นล่ะ น้ำซุปก๋วยเตี๋ยวแทบพุ่งใส่หน้าเพื่อน พี่นักบอลปากหมานี่ มาทำอะไรที่นี่ คิดในใจ เพื่อนสาวรีบแจ้งว่า นี่ล่ะเซอไพรส์ พี่เขามาฝึกงานที่นี่ สองเดือนจ้า ข่าวดีสิทีนี้ พฤติกรรมแอบมองก้ยิ่งเพิ่มพูน ไม่ว่าจะเป็นตามอาคารเรียน ตามหน้าต่าง ช่องลม เขาไม่ได้รู้อะไรกับเราเล้ย พอเขาเหมือนหันมามอง เราก็หลบ เป็นแบบนี้จนพี่เขาเหมือนจะรู้ว่ามีคนแอบมองเขาอยู่ (อันนี้มารู้ทีหลัง) วันหนึ่งเราก็แอบมองเขาที่ช่องลมโรงยิมในชั่วโมงเรียนพลศึกษา พี่เขารู้ตัวและชะเง้อหา เราหลบแต่ดันว่าไปชนเพื่อนสาวที่สวยที่สุดของเราโผล่หน้าไปพอดี (ตอนนั้นพี่นักบอลปากหมาคิดว่าจะเป็นคนนี้ที่แอบมองเขาอยู่) ก็เห็นแต่พี่เขายิ้มๆ จนกระทั่งรุ่นน้องที่เป็นแฟนเพื่อนสาวคนสวยของเราซึ่งดันไปสนิทกะพี่นักบอลปากหมา คาบข่าวไปบอกพี่เขาว่าเราแอบชอบพี่เขาอยู่ แล้วคำตอบที่พี่เขาพูดมาคือ ยายอ้วนดำนั่นเหรอ คิดว่าเป็นน้องอีกคนซะอีก พอเรารู้ว่าพี่เขาคิดแบบนั้น ก็เหมือนคนอกหัก พฤติกรรมแอบมองก้มลายไป ไม่สนุกอีกแล้ว ไม่อยากให้เขารู้เลย แต่ทำไงได้เมื่อรู้ไปแล้วก็ต้องยอมรับ จากนั้นก็ไม่เคยแอบมองพี่เขาอีกเลย เวลาเจอกันที่สนามก็พยายามหลบ และไม่ผ่านไปทางที่มีพี่เขาอยู่ และก้เริ่มเปลี่ยนตัวเอง จากที่เคยกินเก่ง จากที่ไม่เคยทาครีมอะไรเลย ก้เปลี่ยน ไม่กินแป้ง น้ำตาล วันๆกินตำลาว กินเกาเหลา ขัดผิว ทาครีม ออกไปไหนมาไหนใส่เสื้อแขนยาว ใส่หมวก กางร่ม ประจวบกับไปติวที่ขอนแก่นช่วงเดือนเมษา ก็ทำแบบนี้ตลอด จนช่วงสงกรานต์ สถาบันติวปิดเรียน เราและเพื่อนๆก็กลับบ้าน ตอนนั้นรู้แล้วว่าตัวเองเปลี่ยนไป ผอมลง ขาวขึ้น หน้าที่เคยเป็นสิวก็เริ่มเรียบเนียน พ่อแม่พี่น้องก้ตกใจว่าเราเปลี่ยนไปเยอะมาก สวยขึ้นเยอะว่างั้น เรานี่ก็ดีใจที่ทำได้ ตอนเช้าก็รับแต่งตัวไปดูบอลประเพณีที่โรงเรียนใกล้บ้าน เอาเป็นว่าใครเห็นก็ทักว่าสวยขึ้นมากเลยนะเนี่ย ไปทำอะไรมา เราก็ได้แต่อายๆ บางคนมองแล้วมองอีก ตอนนั้นโฆษกประกาศทีมที่จะลงแข่งต่อไป เป็นทีมที่พี่เขาเล่นเราได้ยินก้ทำหน้าไม่ถูก ว่าจะกลับบ้านไปเลย เพราะอาย แต่เพื่อนๆก็ให้อยู่ดูต่อ เรานี่ทำหน้าไม่ถูกเลย พอเห้นพี่เขาลงสนามนี่ยิ่งแล้วใหญ่ คือครั้งนี้ไม่เหมือนทุกครั้ง เพราะเมื่อก่อนเราแอบมองแอบดูเขาได้ เพราะเขาไม่รู้อะไร แต่ตอนนี้สถานะเปลี่ยนเขารู้ว่าเราคิดยังไง แล้วเราจะอยู่ดูยังไงได้ มันอายมาก ก็พยายามเลี่ยงๆไม่มอง ในขณะที่นักกีฬาจะวอร์มร่างกายด้วยการเตะบอลให้กันไปมาไปมา ลูกบอลมันกระเด็นมาทางที่เรานั่งพอดี พี่เขาก็วิ่งมาเก็บ ซึ่งบอลมันอยู่ตรงหน้าเราพอดี พี่เขาเงยหน้าขึ้นมา ตอนนั้นสายตาเราก็มองไปที่เขา เขาก้มองเราพอดี หัวใจเต้นตุ๊บตั๊บๆ รู้สึกเลยว่าพี่เขามองเราแบบตกใจ เพื่อนๆเราก้แซวเสียงดัง เราอายมาก แต่ก็นั่งดูจนจบเกม พอกลับมาบ้าน ก็เกิดอาการเหงาๆ แปลกๆ เศร้าๆ บอกไม่ถูก น้องชายก็มาบอกว่ามีคนมาขอเบอร์บ้าน(สมัยนั้นมีเบอร์บ้านก็หรูแล้ว) น้องชายบอกว่าน่าจะขอเบอรืเพื่อจีบเราแน่ เราก็เฮ่ยถามไปว่าเป็นใคร น้องบอกว่าไม่รู้ เห็นให้เด็กมาถามและน้องชายเราก็ให้ไปด้วย ในชีวิตที่ไม่มีใครเคยมาจีบก้งงสิคะ แต่ก็ไม่ได้คิดอะไรมากเพราะตอนนั้นเราเองก้ไม่ได้ชอบใครนอกจากพี่คนนี้ หัวค่ำเสียงโทรศัพท์ก้ดังขึ้น แม่ไปรับ ได้ยินแต่เสียงแม่บ่นว่าไม่พูด อีกสิบนาทีต่อมาเราไปรับ พอเราฮัลโหล เสียงปลายสายนั้นทำให้เราหัวใจพองโตมาก ตอนนั้นสับสนในความรู้สึก ตื่นเต้น บอกไม่ถูก เพราะเป็นเสียงของพี่เขา เขาถามคำ เราตอบคำ เพราะไม่รู้จะพูดอะไร มันพูดไม่ออก พอวางสายไป เรานี่กรี๊ดคนเดียว เหมือนคนบ้าเลย หลังจากวันนั้นพี่เขาก็โทรมาเรื่อยๆ ทุกๆวัน สม่ำเสมอ ที่สำคัญเราได้เสื้อแข่งเขาด้วย ยังเปียกๆอยู่เลย 555 ไม่ต้องบอกว่าจะมีความสุขมากแค่ไหน โลกสดใสเป็นสีชมพู ได้คุยกันทุกๆวันมันก็มีความสุขมากพอแล้ว จนผ่านมาถึงวันนี้ ผ่านไป 18 ปี ใครจะไปคิดว่าเราจะได้ใช้ชีวิตครอบครัวร่วมกัน รักแรกและแรกรักของเรา มันเหมือนผ่านมาไม่นานนี้เอง คิดถึงทีไรเราก้มีความสุขทุกที
แอบรักรุ่นพี่
เหตุการณืและเรื่องราวมันเกิดมาเมื่อ 18 ปีที่แล้ว เริ่มจากที่ ตอนนั้นเรียนอยู่ ม.5 ก็ไม่ได้คิดอะไรมากมายชีวิตเหมือนเด็กวันรุ่นทั่วๆไป เรียน เล่น สนุกสนานตามประสา หน้าตาก็ไม่สวย สิวเต็มหน้า ดำด้วย อ้วนด้วย แต่เราเป็นคนที่ชอบดูฟุตบอลมาก ไม่ได้ว่าปลื้มนักกีฬานะ แต่ชอบดูจริงๆ ก็จะมีบอลประเพณีที่หน่วยงานในอำเภอที่เราอยู่นี่จัดเป็นประจำ และประจวบกับพ่อกับแม่ก็มักทำทีมฟุตบอลของหมู่บ้านส่งแข่งขันอยู่เสมอ เราจึงได้ติดสอยห้อยตามไปดูเขาแข่งอยู่เรื่อยๆ ตั้งแต่เด็กๆ วันหนึ่งขระที่พ่อแม่พี่น้องเรานั่งดูฟุตบอลอยู่ข้างสนาม ในสนามก็เกิดการชกต่อยกัน แม่เราก็ได้ตะโกนต่อว่า นักกีฬาในลักษณะว่ามาเตะบอลไม่ใช่มาต่อยมวย แค่นั้นล่ะ เป็นเรื่อง มีพี่นักฟุตบอลอีกทีม ชี้หน้ามาทางที่พวกเรานั่งอยู่ และตะโกนมาว่า หุบปากซะกองเชียร์และเตะบอลอัดมาทางที่พวกเรานั่งอยู่ ทีนี้ก็เป็นเรื่อง พี่ป้าน้าอารวมถึงเราด้วย ก็ไม่พอใจ ตะโกนด่าว่าพี่นักกีฬาคนนั้นตลอดเกม ทั้งโห่ ทั้งว่า เพราะไม่พอใจพฤติกรรม และเมื่อทีมนี้ไปแข่งที่ไหน ถ้าพวกเราได้ไปดูก็จะโห่เป็นประจำ เหตุการณืนี้ทำให้เราเกลียดพี่นักเตะคนนั้นมาก เห็นหน้านี่จะแบบว่าชักสีหน้าใส่เลย จนกระทั่งวันหนึ่ง แม่เราใช้ให้ไปซื้อน้ำแข็งมาเตรียมให้นักกีฬาที่จะลงเตะ เราก็ขับรถออกมาจากสนามและได้สวนทางกับผู้ชายคนนึงขับซ้อนมากับเพื่อน ตอนนั้นมีความรู้สึกเหมือนตัวเองตกหลุมรัก มันปิ๊ง พอตั้งสติได้ก็หันรถตามเขาไป เพื่อไปดูว่าเขาเป็นใคร แต่ก็เก็บอาการทำเนียนเป็นแซงไปเฉยๆ หัวใจเต้นแรง ตุ๊บตั๊บๆ พอเห้นหน้าชัดๆ เราคุ้นมากเหมือนเคยเห็นผู้ชายคนนี้ที่ไหน และแล้วเมื่อพิจารณาดูดีดี ก็ถึงบางอ้อ เฮ่ย เขาคือพี่นักบอลปากหมานี่ งงสิคะงง ก็ตอนนี้พี่เขาตัดผมเป็นทรงสกินเฮ้ด จากที่เคยไว้แบบรกรุงรัง ทีนี้ความรู้สึกมันก็ตีกัน บอกไม่ถูกว่าจะเป้นยังไง เพราะเขาเป็นคนที่เราเคยเกลียดมาตลอด แล้วตอนนี้ชั้นจะมาตกหลุมรักเขาเหรอ แต่ทำไงได้มันตกหลุมรักไปแล้ว ทีนี้ก็ได้แต่แอบๆมองเขา จากที่เคยเกลียดเคยโห่ ก็เฉยๆไป ก้มั่นใจตัวเองว่าแอบชอบเขาจริงๆ ทีนี้พฤติกรรมแอบก้มาเป็นระยะๆ พี่เขาอยู่แถวไหนเราก็ทำเป้นผ่านๆไป แต่ก็ทำหน้าปกติ ทั้งๆที่ตื่นเต้นมาก เป็นแบบนี้เรื่อยมา จนกระทั่งเพื่อนสาวสังเกตอาการและพฤติกรรมแอบของเรา ก้เกิดความสงสัยและถามเรา ทีนี้ก็รู้กันในกลุ่ม มีแซวๆกัน มีเรื่องมาเล่าให้กันฟังอยู่ตลอด และแล้วเหมือนฟ้าเป็นใจ ตอนนั้นเรียน ม.6 เราไปติวที่ขอนแก่น แล้วกลับมาเรียนในเทอม 2 ซึ่งมาเรียนช้ากว่าเพื่อนๆ อยู่สัปดาห์นึงได้ เพื่อนสาวแจ้งข่าวว่ามีอะไรเซอไพรส์ ที่โรงเรียน เราก็ได้แต่งงว่าเซอไพรส์อะไร จนเที่ยง ก้ไปกินข้าวกันที่โรงอาหาร แต่วันนี้แปลกกว่าทุกวัน เพราะเพื่อนมันพาเราไปนั่งที่ใหม่ที่ไม่ใช่ที่ประจำ แล้วมันก็ใกล้กับบริเวณที่เขากำลังก่อสร้างอาคารเรียนใหม่ด้วย ขณะที่กำลังกินกันอยู่นั้น สายตาเราก็เหลือบไปเห็นผู้ชายที่กำลังชี้ไม้ชี้มืออยู่ตรงที่ก่อสร้างอาคารเรียน รูปร่างคุ้นๆ เขาใส่เสื้อลายสก็อตสีแดง กางเกงยีนส์ รองเท้าผ้าใบ เราก็ว่าดูเท่ห์ดีนะ สักพักพอเขาหันมา แค่นั้นล่ะ น้ำซุปก๋วยเตี๋ยวแทบพุ่งใส่หน้าเพื่อน พี่นักบอลปากหมานี่ มาทำอะไรที่นี่ คิดในใจ เพื่อนสาวรีบแจ้งว่า นี่ล่ะเซอไพรส์ พี่เขามาฝึกงานที่นี่ สองเดือนจ้า ข่าวดีสิทีนี้ พฤติกรรมแอบมองก้ยิ่งเพิ่มพูน ไม่ว่าจะเป็นตามอาคารเรียน ตามหน้าต่าง ช่องลม เขาไม่ได้รู้อะไรกับเราเล้ย พอเขาเหมือนหันมามอง เราก็หลบ เป็นแบบนี้จนพี่เขาเหมือนจะรู้ว่ามีคนแอบมองเขาอยู่ (อันนี้มารู้ทีหลัง) วันหนึ่งเราก็แอบมองเขาที่ช่องลมโรงยิมในชั่วโมงเรียนพลศึกษา พี่เขารู้ตัวและชะเง้อหา เราหลบแต่ดันว่าไปชนเพื่อนสาวที่สวยที่สุดของเราโผล่หน้าไปพอดี (ตอนนั้นพี่นักบอลปากหมาคิดว่าจะเป็นคนนี้ที่แอบมองเขาอยู่) ก็เห็นแต่พี่เขายิ้มๆ จนกระทั่งรุ่นน้องที่เป็นแฟนเพื่อนสาวคนสวยของเราซึ่งดันไปสนิทกะพี่นักบอลปากหมา คาบข่าวไปบอกพี่เขาว่าเราแอบชอบพี่เขาอยู่ แล้วคำตอบที่พี่เขาพูดมาคือ ยายอ้วนดำนั่นเหรอ คิดว่าเป็นน้องอีกคนซะอีก พอเรารู้ว่าพี่เขาคิดแบบนั้น ก็เหมือนคนอกหัก พฤติกรรมแอบมองก้มลายไป ไม่สนุกอีกแล้ว ไม่อยากให้เขารู้เลย แต่ทำไงได้เมื่อรู้ไปแล้วก็ต้องยอมรับ จากนั้นก็ไม่เคยแอบมองพี่เขาอีกเลย เวลาเจอกันที่สนามก็พยายามหลบ และไม่ผ่านไปทางที่มีพี่เขาอยู่ และก้เริ่มเปลี่ยนตัวเอง จากที่เคยกินเก่ง จากที่ไม่เคยทาครีมอะไรเลย ก้เปลี่ยน ไม่กินแป้ง น้ำตาล วันๆกินตำลาว กินเกาเหลา ขัดผิว ทาครีม ออกไปไหนมาไหนใส่เสื้อแขนยาว ใส่หมวก กางร่ม ประจวบกับไปติวที่ขอนแก่นช่วงเดือนเมษา ก็ทำแบบนี้ตลอด จนช่วงสงกรานต์ สถาบันติวปิดเรียน เราและเพื่อนๆก็กลับบ้าน ตอนนั้นรู้แล้วว่าตัวเองเปลี่ยนไป ผอมลง ขาวขึ้น หน้าที่เคยเป็นสิวก็เริ่มเรียบเนียน พ่อแม่พี่น้องก้ตกใจว่าเราเปลี่ยนไปเยอะมาก สวยขึ้นเยอะว่างั้น เรานี่ก็ดีใจที่ทำได้ ตอนเช้าก็รับแต่งตัวไปดูบอลประเพณีที่โรงเรียนใกล้บ้าน เอาเป็นว่าใครเห็นก็ทักว่าสวยขึ้นมากเลยนะเนี่ย ไปทำอะไรมา เราก็ได้แต่อายๆ บางคนมองแล้วมองอีก ตอนนั้นโฆษกประกาศทีมที่จะลงแข่งต่อไป เป็นทีมที่พี่เขาเล่นเราได้ยินก้ทำหน้าไม่ถูก ว่าจะกลับบ้านไปเลย เพราะอาย แต่เพื่อนๆก็ให้อยู่ดูต่อ เรานี่ทำหน้าไม่ถูกเลย พอเห้นพี่เขาลงสนามนี่ยิ่งแล้วใหญ่ คือครั้งนี้ไม่เหมือนทุกครั้ง เพราะเมื่อก่อนเราแอบมองแอบดูเขาได้ เพราะเขาไม่รู้อะไร แต่ตอนนี้สถานะเปลี่ยนเขารู้ว่าเราคิดยังไง แล้วเราจะอยู่ดูยังไงได้ มันอายมาก ก็พยายามเลี่ยงๆไม่มอง ในขณะที่นักกีฬาจะวอร์มร่างกายด้วยการเตะบอลให้กันไปมาไปมา ลูกบอลมันกระเด็นมาทางที่เรานั่งพอดี พี่เขาก็วิ่งมาเก็บ ซึ่งบอลมันอยู่ตรงหน้าเราพอดี พี่เขาเงยหน้าขึ้นมา ตอนนั้นสายตาเราก็มองไปที่เขา เขาก้มองเราพอดี หัวใจเต้นตุ๊บตั๊บๆ รู้สึกเลยว่าพี่เขามองเราแบบตกใจ เพื่อนๆเราก้แซวเสียงดัง เราอายมาก แต่ก็นั่งดูจนจบเกม พอกลับมาบ้าน ก็เกิดอาการเหงาๆ แปลกๆ เศร้าๆ บอกไม่ถูก น้องชายก็มาบอกว่ามีคนมาขอเบอร์บ้าน(สมัยนั้นมีเบอร์บ้านก็หรูแล้ว) น้องชายบอกว่าน่าจะขอเบอรืเพื่อจีบเราแน่ เราก็เฮ่ยถามไปว่าเป็นใคร น้องบอกว่าไม่รู้ เห็นให้เด็กมาถามและน้องชายเราก็ให้ไปด้วย ในชีวิตที่ไม่มีใครเคยมาจีบก้งงสิคะ แต่ก็ไม่ได้คิดอะไรมากเพราะตอนนั้นเราเองก้ไม่ได้ชอบใครนอกจากพี่คนนี้ หัวค่ำเสียงโทรศัพท์ก้ดังขึ้น แม่ไปรับ ได้ยินแต่เสียงแม่บ่นว่าไม่พูด อีกสิบนาทีต่อมาเราไปรับ พอเราฮัลโหล เสียงปลายสายนั้นทำให้เราหัวใจพองโตมาก ตอนนั้นสับสนในความรู้สึก ตื่นเต้น บอกไม่ถูก เพราะเป็นเสียงของพี่เขา เขาถามคำ เราตอบคำ เพราะไม่รู้จะพูดอะไร มันพูดไม่ออก พอวางสายไป เรานี่กรี๊ดคนเดียว เหมือนคนบ้าเลย หลังจากวันนั้นพี่เขาก็โทรมาเรื่อยๆ ทุกๆวัน สม่ำเสมอ ที่สำคัญเราได้เสื้อแข่งเขาด้วย ยังเปียกๆอยู่เลย 555 ไม่ต้องบอกว่าจะมีความสุขมากแค่ไหน โลกสดใสเป็นสีชมพู ได้คุยกันทุกๆวันมันก็มีความสุขมากพอแล้ว จนผ่านมาถึงวันนี้ ผ่านไป 18 ปี ใครจะไปคิดว่าเราจะได้ใช้ชีวิตครอบครัวร่วมกัน รักแรกและแรกรักของเรา มันเหมือนผ่านมาไม่นานนี้เอง คิดถึงทีไรเราก้มีความสุขทุกที