
...ปุจฉา-หลวงพ่อครับเมื่อวันแม่ที่ผ่านมา มีคนนำภาพพระหลายท่าน
ก้มกราบแม่มาลงในเฟชบุ๊ก เป็นที่วิจารณ์กันมาก
ว่าสิ่งที่นั้นทำถูกต้องและเหมาะสมหรือไม่
หลวงพ่อช่วยแสดงความคิดเห็นให้สาธุชน ให้หายสงสัยด้วยครับ...
พระไพศาล วิสาโล วิสันชนา - การกราบเท้าพ่อแม่นั้นเป็นทั้งการแสดงความเคารพและความกตัญญูรู้คุณพ่อแม่
เป็นสิ่งที่พึงกระทำ อย่างไรก็ตามวิธีนี้เป็นธรรมเนียมที่เหมาะแก่ฆราวาสเท่านั้น
ไม่เหมาะสำหรับพระ เพราะธรรมเนียมไทย(และชาวพุทธ)แม้ถือว่าพ่อแม่อยู่สูงกว่าลูก
แต่เวลาเดียวกันก็ถือว่า พระอยู่สูงกว่าฆราวาส ดังนั้นจึงมีแต่ฆราวาสเท่านั้นที่ไหว้หรือกราบพระ
อย่าว่าแต่ฆราวาสที่เป็นพ่อแม่เลย ถึงแม้เป็นพระมหากษัตริย์ ก็ต้องเป็นฝ่ายไหว้และกราบพระเท่านั้น
ความข้อนี้รวมถึงฆราวาสที่เป็นพระอริยบุคคล ก็ต้องไหว้หรือกราบพระเช่นกัน
ถึงแม้ฝ่ายหลังจะเป็นแค่ปุถุชนก็ตาม
อันที่จริงเมื่อใครก็ตามบวชพระ เขาไม่ได้เป็นแค่นาย ก. หรือนาย ข. เหมือนครั้งเป็นฆราวาสอีกต่อไป
เขามีสถานะใหม่ ที่สำคัญก็คือเป็นตัวแทนของพระสงฆ์ผู้ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ
หรือเป็นตัวแทนของพระธรรมวินัย ประการหลังต่างหากที่เป็นเหตุผลสำคัญที่ฆราวาสกราบพระ
แม้ว่าพระรูปนั้นเพิ่งบวชได้วันเดียว หรือเคยเป็นลูกของตนมาก่อนก็ตาม
(ตามธรรมเนียมชาวพุทธ ผู้ที่บวชพระถือว่าสละครอบครัว มีสังกัดใหม่คือคณะสงฆ์
จึงทิ้งนามสกุลเดิม และมีฉายาใหม่ที่เป็นภาษาบาลีที่พระอุปัชฌาย์ตั้งให้
และถือว่าพระอุปัชฌายนั้นคือพ่อแม่ในสถานะใหม่) ด้วยเหตุนี้เมื่อฆราวาสกราบพระที่เคยเป็นลูกของตน
เขาไม่ได้คิดว่ากราบลูก แต่กำลังกราบพระสงฆ์ผู้ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบซึ่งพระรูปนั้นเป็นตัวแทน
พูดอีกอย่างคือ กราบผ้าเหลือง หากใครเข้าใจว่าพ่อแม่กำลังกราบลูก นั่นเป็นความเข้าใจที่ผิด
พูดอย่างนี้ไม่ได้หมายความว่าเมื่อบวชพระแล้วจะตัดความสัมพันธ์กับพ่อแม่
การแสดงความเคารพและกตัญญูต่อพ่อแม่ก็ยังควรกระทำ
แต่ไม่จำเป็น(หรือไม่ควร)ที่จะแสดงออกด้วยการกราบเท้าท่าน
ยังมีวิธีอื่นที่ดีกว่า ส่งผลยั่งยืนกว่า ไม่ใช่แสดงออกแค่รูปแบบหรือสัญลักษณ์เท่านั้น
เช่น การน้อมนำท่านให้รู้จักธรรมะ ดังพระพุทธองค์ได้ตรัสว่า
แม้ลูกจะแบกพ่อและแม่บนไหล่ทั้ง ๒ ข้างจนท่านมีอายุถึง ๑๐๐ ปี
ขณะเดียวกันก็ดูแลท่านด้วยการนวด บีบ อาบน้ำทุกวัน รวมทั้ง ให้พ่อแม่ถ่ายอุจาระปัสสาวะบนบ่า
ก็ยังไม่นับว่าได้สนองบุญคุณของท่านได้บริบูรณ์ แต่หากทำให้ท่านตั้งอยู่ในคุณความดี คือ
มีศรัทธา ศีล จาคะ ปัญญา เป็นต้น จึงได้ชื่อว่าสนองคุณท่านเต็มที่
ใช่แต่เท่านั้นยังมีวิธีอื่นที่ดีรองลงมา เช่น ดูแลท่านยามเจ็บป่วย
หรือนำอาหารบิณฑบาตมาเลี้ยงดูท่านหากท่านยากจน
วิธีเหล่านี้ไม่ได้เหมาะแก่พระเท่านั้น ฆราวาสก็ควรนำไปปฏิบัติด้วย
ไม่ใช่ไปเยี่ยมท่านหรือกราบเท้าท่านเฉพาะวันแม่เท่านั้น
...ที่มา
https://www.facebook.com/warapolchilchil?fref=nf
...พระกราบแม่เหมาะสมหรือไม่? ...พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล ... /// ถ้าฉันรวยจะสวยหั้ยดูเด้อ...!!!
ก้มกราบแม่มาลงในเฟชบุ๊ก เป็นที่วิจารณ์กันมาก
ว่าสิ่งที่นั้นทำถูกต้องและเหมาะสมหรือไม่
หลวงพ่อช่วยแสดงความคิดเห็นให้สาธุชน ให้หายสงสัยด้วยครับ...
พระไพศาล วิสาโล วิสันชนา - การกราบเท้าพ่อแม่นั้นเป็นทั้งการแสดงความเคารพและความกตัญญูรู้คุณพ่อแม่
เป็นสิ่งที่พึงกระทำ อย่างไรก็ตามวิธีนี้เป็นธรรมเนียมที่เหมาะแก่ฆราวาสเท่านั้น
ไม่เหมาะสำหรับพระ เพราะธรรมเนียมไทย(และชาวพุทธ)แม้ถือว่าพ่อแม่อยู่สูงกว่าลูก
แต่เวลาเดียวกันก็ถือว่า พระอยู่สูงกว่าฆราวาส ดังนั้นจึงมีแต่ฆราวาสเท่านั้นที่ไหว้หรือกราบพระ
อย่าว่าแต่ฆราวาสที่เป็นพ่อแม่เลย ถึงแม้เป็นพระมหากษัตริย์ ก็ต้องเป็นฝ่ายไหว้และกราบพระเท่านั้น
ความข้อนี้รวมถึงฆราวาสที่เป็นพระอริยบุคคล ก็ต้องไหว้หรือกราบพระเช่นกัน
ถึงแม้ฝ่ายหลังจะเป็นแค่ปุถุชนก็ตาม
อันที่จริงเมื่อใครก็ตามบวชพระ เขาไม่ได้เป็นแค่นาย ก. หรือนาย ข. เหมือนครั้งเป็นฆราวาสอีกต่อไป
เขามีสถานะใหม่ ที่สำคัญก็คือเป็นตัวแทนของพระสงฆ์ผู้ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ
หรือเป็นตัวแทนของพระธรรมวินัย ประการหลังต่างหากที่เป็นเหตุผลสำคัญที่ฆราวาสกราบพระ
แม้ว่าพระรูปนั้นเพิ่งบวชได้วันเดียว หรือเคยเป็นลูกของตนมาก่อนก็ตาม
(ตามธรรมเนียมชาวพุทธ ผู้ที่บวชพระถือว่าสละครอบครัว มีสังกัดใหม่คือคณะสงฆ์
จึงทิ้งนามสกุลเดิม และมีฉายาใหม่ที่เป็นภาษาบาลีที่พระอุปัชฌาย์ตั้งให้
และถือว่าพระอุปัชฌายนั้นคือพ่อแม่ในสถานะใหม่) ด้วยเหตุนี้เมื่อฆราวาสกราบพระที่เคยเป็นลูกของตน
เขาไม่ได้คิดว่ากราบลูก แต่กำลังกราบพระสงฆ์ผู้ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบซึ่งพระรูปนั้นเป็นตัวแทน
พูดอีกอย่างคือ กราบผ้าเหลือง หากใครเข้าใจว่าพ่อแม่กำลังกราบลูก นั่นเป็นความเข้าใจที่ผิด
พูดอย่างนี้ไม่ได้หมายความว่าเมื่อบวชพระแล้วจะตัดความสัมพันธ์กับพ่อแม่
การแสดงความเคารพและกตัญญูต่อพ่อแม่ก็ยังควรกระทำ
แต่ไม่จำเป็น(หรือไม่ควร)ที่จะแสดงออกด้วยการกราบเท้าท่าน
ยังมีวิธีอื่นที่ดีกว่า ส่งผลยั่งยืนกว่า ไม่ใช่แสดงออกแค่รูปแบบหรือสัญลักษณ์เท่านั้น
เช่น การน้อมนำท่านให้รู้จักธรรมะ ดังพระพุทธองค์ได้ตรัสว่า
แม้ลูกจะแบกพ่อและแม่บนไหล่ทั้ง ๒ ข้างจนท่านมีอายุถึง ๑๐๐ ปี
ขณะเดียวกันก็ดูแลท่านด้วยการนวด บีบ อาบน้ำทุกวัน รวมทั้ง ให้พ่อแม่ถ่ายอุจาระปัสสาวะบนบ่า
ก็ยังไม่นับว่าได้สนองบุญคุณของท่านได้บริบูรณ์ แต่หากทำให้ท่านตั้งอยู่ในคุณความดี คือ
มีศรัทธา ศีล จาคะ ปัญญา เป็นต้น จึงได้ชื่อว่าสนองคุณท่านเต็มที่
ใช่แต่เท่านั้นยังมีวิธีอื่นที่ดีรองลงมา เช่น ดูแลท่านยามเจ็บป่วย
หรือนำอาหารบิณฑบาตมาเลี้ยงดูท่านหากท่านยากจน
วิธีเหล่านี้ไม่ได้เหมาะแก่พระเท่านั้น ฆราวาสก็ควรนำไปปฏิบัติด้วย
ไม่ใช่ไปเยี่ยมท่านหรือกราบเท้าท่านเฉพาะวันแม่เท่านั้น
...ที่มา https://www.facebook.com/warapolchilchil?fref=nf