รีวิวการทำ Foot ID เพื่อเลือกรองเท้าที่เหมาะกับเรา ร้าน Asics เมกาบางนา
โดย @zmaster123
ที่มา
แม้ช่วงนี้แม้เทรนการปั่นจักรยานจะมาแรง แต่การออกกำลังการสุดฮิตที่ยังไม่มีวันเสื่อมคลาย ก็คือการวิ่งครับ
แต่นักวิ่งทุกคนก็มักมีปัญหาในเรื่องการเลือกรองเท้าที่เหมาะสมกับตัวเราเอง ทำไมไซส์พอดีแต่ยังไม่สบายเท้า
ปัญหาที่ค้างคามานานนี้กำลังจะถูกคลี่คลาย เมื่อมีเทคโนโลยีใหม่ๆในการแก้ปัญหา จาก Asics นั้นคือ Foot ID ครับ
Foot ID คืออะไร
Foot ID คือ วิธีการวิเคราะห์ทางชีวกลศาสตร์เพื่อรองเท้าที่เหมาะสมและสามารถปรับปรุงวิ่งของเรา
โดย Asics มุ่งเน้นประโยชน์ 4 อย่างแก่ผู้ที่มาวิเคราะห์
1. หารองเท้าที่เหมาะสมกับเรา
2. ค้นหาสไตล์การวิ่งของเรา
3. สอนวิธีการป้องกันการบาดเจ็บ
4. ให้คำแนะนำในการวิ่ง
ซึ่ง Foot ID จาก Asics นั้นเขาจะวิเคราะห์ให้
>>> ฟรี <<<< นะครับ
ขั้นตอนการทำ Foot ID
1. ลงทะเบียน
2. เตรียมเท้าสำหรับการวิเคราะห์
3. วิเคราะห์ด้วยการสแกนเท้าแบบ 3 มิติ
4. เตรียมตัวสำหรับการวิเคราะห์ท่าเดิน
5. วิเคราะห์ท่าวิ่ง
6. ผลการวิเคราะห์
ขั้นตอนที่ 1 : การลงทะเบียน
พนักงานจะให้แบบฟอร์มสำหรับการกรองรายละเอียดเกี่ยวกับตัวผู้ทดสอบ
จะเป็นข้อมูลทั่วไปๆ เช่น ชื่อ ที่อยู่ เบอร์ติดต่อ ฯ และข้อมูลด้านการออกกำลังกาย ว่าปกติวิ่งกี่กิโล ระยะเวลาเท่าไหร่
ขั้นตอนที่ 2 : เตรียมเท้าสำหรับการวิเคราะห์
ขั้นตอนนี้พนักงานจำทำการติดสติ๊กเกอร์บริเวณเท้าเพื่อเตรียมสำหรับการสแกนเท้า
การติดสติ๊กเกอร์นั้นไม่ใช่แค่ติดมั่วๆนะครับ เพราะพนักงานจะทำการ
กำหนดบริเวณการติดสติ๊กเกอร์ทั้งหมด 3 จุดตามสรีระเท้าของแต่ละคน
ได้แก่ ข้อกระดูกนิ้วโป้ง ข้อกระดูกนิ้วก้อย และตาตุ่มด้านในเท้า
ขั้นตอนที่ 3 : วิเคราะห์ด้วยการสแกนเท้าแบบ 3 มิติ
ในขั้นตอนนี้จะให้เรานั้นนำเท้าแต่ละข้างไปสแกนลงในเครื่องสแกน 3 มิติ เพื่อวิเคราะห์รูปแบบของเท้า
ในการสแกนนั้น เริ่มที่ให้นำเท้าข้างหนึ่งไปยืนด้านข้างเครื่อง
จากนั้นให้นำเท่าที่ต้องการจะสแกนวางลงไปในเครื่องสแกน 3 มิติ
โดยพนักงานจะต้องทำการเช็ดบริเวณกระจกด้านล่างให้ใส
และยังให้ผู้ทดสอบทำการเช็ดเท้าให้สะอาดทุกด้านๆ เพื่อให้ผลที่ได้นั้นออกมาชัดเจน
เมื่อเริ่มการสแกน พนักงานจะปิดฝาด้านบนเครื่องสแกนที่มีลักษณะเป็นโฟมสีดำทืบ
ก่อนจะนำผ้าสีดำมาทำการพันรอบขา เพื่อกันแสงที่จะเข้าไปยังเครื่องสแกน
ซึ่งหากมีแสงแม้แต่เพียงเล็กน้อยลอกเข้าไป จะทำให้ภาพที่สแกนนั้นผิดพลาดได้
เพราะฉะนั้น แนะนำให้อย่าขยับเท้าเมื่อเริ่มทำการสแกนนะครับ
ขั้นตอนที่ 4 : เตรียมตัวสำหรับการวิเคราะห์ท่าเดิน
เมื่อผ่านขั้นตอนที่ 3 มาแล้ว พนักงานจะได้ขนาดเท้าอย่างละเอียดและเที่ยงตรงมากที่สุด
แล้วจะเลือกรองเท้าที่เหมาะสมที่สุดสำหรับขั้นตอนวิเคราะห์ท่าวิ่ง
แน่นอนว่าจะมีถุงเท้ามาให้ผู้ทดสอบใส่ก่อนจะใส่รอเท้าอีกที
เมื่อพร้อมแล้วก็ไปยังขั้นตอนต่อไปได้
ขั้นตอนที่ 5 : วิเคราะห์ท่าวิ่ง
เมื่อได้รองเท้าที่เหมาะสมมาแล้ว ต่อไปพนักงานจะเรานั้นไปวิ่งบนลู่
โดยบริเวณด้านหลังลู่วิ่งนั้นจะมีการตั้งกล้องความเร็วสูง
เพื่อบันทึกภาพเคลื่อนไหวของการวิ่งของเราครับ
การเริ่มวิ่งนั้น ทีมงานจะทำการตั้งความเร็วให้เหมาะสมกับเรา
โดยเรานั้นต้องวิ่งให้ไม่เกินที่จับข้างลู่วิ่ง
ที่ทำอย่างนั้น เพื่อให้กล้องนั้นสามารถจับการวิ่งของเราได้ชัดเจน
เราก็วิ่งๆ ไปซัก 5 นาทีก็เสร็จสิ้นขั้นตอนนี้
ขั้นตอนที่ 6 : ผลการวิเคราะห์
หลังจากนั้นพนักงานก็จะนำข้อมูลทั้งหมดนำไปประมวลผลด้วยระบบ Foot ID
ซึ่งผลการวิเคราะห์การวิ่งของเรานั้น จะได้ออกมาเป็นชีทแสดงการวิ่งของเรา
โดยมีการแยกออกเป็นข้อมูลตัวอักษร ใน 3 หัวข้อ
Personal Data
ข้อมูลส่วนบุคคล เช่น ชื่อ-นามสกุล, เพศ, รองเท้าไซส์ที่เราใช้
Static Data
ในส่วนนี้จะเป็นข้อมูลตั้งต้น ทั้ง ความยาวเท้า, ตำแหน่งตาตุ่ม, ส่วนโค้งของเท้า
Dynamic Data
ข้อมูลการวิ่งของเรานั้นจะแสดงมาส่วนนี้ เช่น ความเร็วลู่วิ่ง, ความถี่ในการก้าว, ความยาวในการก้าววิ่ง, ความสูงในการก้าววิ่ง
ส่วนข้อมูลรูปภาพ
Static Data
งานนี้ละเอียดกว่าเดิม เพราะมีทั้งภาพและค่าเฉลี่ยของคนทั่วไปมาให้เปรียบเทียบ
Dynamic Data
ข้อมูลการวิ่งมีภาพ พร้อมบอกได้เลยว่าเราเวลาวิ่งลงเท้าตำแหน่งไหน, การบิดของฝาเท้าเราเป็นอย่างไร
สรุป
หลังจากการใช้เวลาเกือบครึ่งชั่วโมง ก็พบว่า
การทำ Foot ID ทำให้เราเข้าใจการวิ่งของเรามากขึ้น
ทั้งเรื่องที่เคยสงสัยในการเลือกรองเท้าว่าไซส์ก็ถูกทำไมใส่ไม่เสียที
ทั้งได้คำแนะนำในการวิ่ง อยากให้ลองไปวิเคราะห์กันดูนะครับ
สามารถไปได้ที่ เมกา บางนา ชั้น 2 บริเวณโซนกลาง
แนะนำเล็กน้อยว่าไปแต่เช้าจะดีมากนะครับ
คิวไม่ยาว เดินเที่ยวต่อได้เลยครับ
ขอจบการรีวิวการทำ Foot ID จาก Asics ไว้ตรงนี้ครับ
สามารถติดตามรีวิวอื่นๆได้ที่
ฺBlog :
http://zmaster123.exteen.com
Twitter :
https://twitter.com/zmaster123
Instagram :
https://instagram.com/zmaster123
ขอบพระคุณที่ติดตามอ่านกันครับ
^_^
[CR] รีวิวการทำ Foot ID เพื่อเลือกรองเท้าที่เหมาะกับเรา ร้าน Asics เมกาบางนา
โดย @zmaster123
ที่มา
แม้ช่วงนี้แม้เทรนการปั่นจักรยานจะมาแรง แต่การออกกำลังการสุดฮิตที่ยังไม่มีวันเสื่อมคลาย ก็คือการวิ่งครับ
แต่นักวิ่งทุกคนก็มักมีปัญหาในเรื่องการเลือกรองเท้าที่เหมาะสมกับตัวเราเอง ทำไมไซส์พอดีแต่ยังไม่สบายเท้า
ปัญหาที่ค้างคามานานนี้กำลังจะถูกคลี่คลาย เมื่อมีเทคโนโลยีใหม่ๆในการแก้ปัญหา จาก Asics นั้นคือ Foot ID ครับ
Foot ID คืออะไร
Foot ID คือ วิธีการวิเคราะห์ทางชีวกลศาสตร์เพื่อรองเท้าที่เหมาะสมและสามารถปรับปรุงวิ่งของเรา
โดย Asics มุ่งเน้นประโยชน์ 4 อย่างแก่ผู้ที่มาวิเคราะห์
1. หารองเท้าที่เหมาะสมกับเรา
2. ค้นหาสไตล์การวิ่งของเรา
3. สอนวิธีการป้องกันการบาดเจ็บ
4. ให้คำแนะนำในการวิ่ง
ซึ่ง Foot ID จาก Asics นั้นเขาจะวิเคราะห์ให้ >>> ฟรี <<<< นะครับ
ขั้นตอนการทำ Foot ID
1. ลงทะเบียน
2. เตรียมเท้าสำหรับการวิเคราะห์
3. วิเคราะห์ด้วยการสแกนเท้าแบบ 3 มิติ
4. เตรียมตัวสำหรับการวิเคราะห์ท่าเดิน
5. วิเคราะห์ท่าวิ่ง
6. ผลการวิเคราะห์
ขั้นตอนที่ 1 : การลงทะเบียน
พนักงานจะให้แบบฟอร์มสำหรับการกรองรายละเอียดเกี่ยวกับตัวผู้ทดสอบ
จะเป็นข้อมูลทั่วไปๆ เช่น ชื่อ ที่อยู่ เบอร์ติดต่อ ฯ และข้อมูลด้านการออกกำลังกาย ว่าปกติวิ่งกี่กิโล ระยะเวลาเท่าไหร่
ขั้นตอนที่ 2 : เตรียมเท้าสำหรับการวิเคราะห์
ขั้นตอนนี้พนักงานจำทำการติดสติ๊กเกอร์บริเวณเท้าเพื่อเตรียมสำหรับการสแกนเท้า
การติดสติ๊กเกอร์นั้นไม่ใช่แค่ติดมั่วๆนะครับ เพราะพนักงานจะทำการ
กำหนดบริเวณการติดสติ๊กเกอร์ทั้งหมด 3 จุดตามสรีระเท้าของแต่ละคน
ได้แก่ ข้อกระดูกนิ้วโป้ง ข้อกระดูกนิ้วก้อย และตาตุ่มด้านในเท้า
ขั้นตอนที่ 3 : วิเคราะห์ด้วยการสแกนเท้าแบบ 3 มิติ
ในขั้นตอนนี้จะให้เรานั้นนำเท้าแต่ละข้างไปสแกนลงในเครื่องสแกน 3 มิติ เพื่อวิเคราะห์รูปแบบของเท้า
ในการสแกนนั้น เริ่มที่ให้นำเท้าข้างหนึ่งไปยืนด้านข้างเครื่อง
จากนั้นให้นำเท่าที่ต้องการจะสแกนวางลงไปในเครื่องสแกน 3 มิติ
โดยพนักงานจะต้องทำการเช็ดบริเวณกระจกด้านล่างให้ใส
และยังให้ผู้ทดสอบทำการเช็ดเท้าให้สะอาดทุกด้านๆ เพื่อให้ผลที่ได้นั้นออกมาชัดเจน
เมื่อเริ่มการสแกน พนักงานจะปิดฝาด้านบนเครื่องสแกนที่มีลักษณะเป็นโฟมสีดำทืบ
ก่อนจะนำผ้าสีดำมาทำการพันรอบขา เพื่อกันแสงที่จะเข้าไปยังเครื่องสแกน
ซึ่งหากมีแสงแม้แต่เพียงเล็กน้อยลอกเข้าไป จะทำให้ภาพที่สแกนนั้นผิดพลาดได้
เพราะฉะนั้น แนะนำให้อย่าขยับเท้าเมื่อเริ่มทำการสแกนนะครับ
ขั้นตอนที่ 4 : เตรียมตัวสำหรับการวิเคราะห์ท่าเดิน
เมื่อผ่านขั้นตอนที่ 3 มาแล้ว พนักงานจะได้ขนาดเท้าอย่างละเอียดและเที่ยงตรงมากที่สุด
แล้วจะเลือกรองเท้าที่เหมาะสมที่สุดสำหรับขั้นตอนวิเคราะห์ท่าวิ่ง
แน่นอนว่าจะมีถุงเท้ามาให้ผู้ทดสอบใส่ก่อนจะใส่รอเท้าอีกที
เมื่อพร้อมแล้วก็ไปยังขั้นตอนต่อไปได้
ขั้นตอนที่ 5 : วิเคราะห์ท่าวิ่ง
เมื่อได้รองเท้าที่เหมาะสมมาแล้ว ต่อไปพนักงานจะเรานั้นไปวิ่งบนลู่
โดยบริเวณด้านหลังลู่วิ่งนั้นจะมีการตั้งกล้องความเร็วสูง
เพื่อบันทึกภาพเคลื่อนไหวของการวิ่งของเราครับ
การเริ่มวิ่งนั้น ทีมงานจะทำการตั้งความเร็วให้เหมาะสมกับเรา
โดยเรานั้นต้องวิ่งให้ไม่เกินที่จับข้างลู่วิ่ง
ที่ทำอย่างนั้น เพื่อให้กล้องนั้นสามารถจับการวิ่งของเราได้ชัดเจน
เราก็วิ่งๆ ไปซัก 5 นาทีก็เสร็จสิ้นขั้นตอนนี้
ขั้นตอนที่ 6 : ผลการวิเคราะห์
หลังจากนั้นพนักงานก็จะนำข้อมูลทั้งหมดนำไปประมวลผลด้วยระบบ Foot ID
ซึ่งผลการวิเคราะห์การวิ่งของเรานั้น จะได้ออกมาเป็นชีทแสดงการวิ่งของเรา
โดยมีการแยกออกเป็นข้อมูลตัวอักษร ใน 3 หัวข้อ
Personal Data
ข้อมูลส่วนบุคคล เช่น ชื่อ-นามสกุล, เพศ, รองเท้าไซส์ที่เราใช้
Static Data
ในส่วนนี้จะเป็นข้อมูลตั้งต้น ทั้ง ความยาวเท้า, ตำแหน่งตาตุ่ม, ส่วนโค้งของเท้า
Dynamic Data
ข้อมูลการวิ่งของเรานั้นจะแสดงมาส่วนนี้ เช่น ความเร็วลู่วิ่ง, ความถี่ในการก้าว, ความยาวในการก้าววิ่ง, ความสูงในการก้าววิ่ง
ส่วนข้อมูลรูปภาพ
Static Data
งานนี้ละเอียดกว่าเดิม เพราะมีทั้งภาพและค่าเฉลี่ยของคนทั่วไปมาให้เปรียบเทียบ
Dynamic Data
ข้อมูลการวิ่งมีภาพ พร้อมบอกได้เลยว่าเราเวลาวิ่งลงเท้าตำแหน่งไหน, การบิดของฝาเท้าเราเป็นอย่างไร
สรุป
หลังจากการใช้เวลาเกือบครึ่งชั่วโมง ก็พบว่า
การทำ Foot ID ทำให้เราเข้าใจการวิ่งของเรามากขึ้น
ทั้งเรื่องที่เคยสงสัยในการเลือกรองเท้าว่าไซส์ก็ถูกทำไมใส่ไม่เสียที
ทั้งได้คำแนะนำในการวิ่ง อยากให้ลองไปวิเคราะห์กันดูนะครับ
สามารถไปได้ที่ เมกา บางนา ชั้น 2 บริเวณโซนกลาง
แนะนำเล็กน้อยว่าไปแต่เช้าจะดีมากนะครับ
คิวไม่ยาว เดินเที่ยวต่อได้เลยครับ
ขอจบการรีวิวการทำ Foot ID จาก Asics ไว้ตรงนี้ครับ
สามารถติดตามรีวิวอื่นๆได้ที่
ฺBlog : http://zmaster123.exteen.com
Twitter : https://twitter.com/zmaster123
Instagram : https://instagram.com/zmaster123
ขอบพระคุณที่ติดตามอ่านกันครับ
^_^
ดูแผนที่ขนาดใหญ่ขึ้น