สวัสดีจ้าทุกๆคน วันนี้ป้าแมวจะพาไปซอกแซกเที่ยวตลาดนัดชุมชน คลองผดุงกรุงเกษมที่อยู่ข้างหลังทำเนียบรัฐบาลนี่เอง ส่วนเรื่องของการเดินทางป้าจะเริ่มต้นจากอนุสาวรีย์ นั่งรถเมล์สาย 509 สีส้มไปลงทำเนียบฯ และเดินลัดเลาะเรียบคลองไปยังตลาดคลองผดุงกรุงเกษมต่อ ก็เพราะจะไปหาของขวัญชิ้นพิเศษๆ ให้แม่ในเดือนสิงหาคมนี้เองจ้า แล้วป้าก็ได้ข่าวมานะว่า กระทรวงอุตสาหกรรมได้จัดงาน “ตลาดนัดชุมชน คลองผดุงกรุงเกษม” ขึ้นเพื่อเทิดไท้ แด่สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ครบรอบ 83 พรรษาด้วย และเป็นการเปิดโอกาสลูกๆ ทั้งหลายมีแหล่งช้อปปิ้ง ซื้อของขวัญให้คุณแม่นั่นเอง
พอป้าแมวได้มาถึงจุดหมายปลายทางแล้ว ป้าแมวสัมผัสได้ถึงพลังบางอย่าง... ที่ทำให้ป้าต้องเสียสตางค์ซื้อของชัวร์จ้า และตลอดการเดินทางไปต้องขอบอกเลยว่า อากาศข้างนอกร้อนอบอ้าวเหลือเกิ๊นนนน แสงแดดนี่ส่องป้าเหมือนป้าไปทำอะไรให้พระอาทิตย์โกรธก็ไม่รู้ แต่พอเดินเข้าไปข้างในงานเท่านั้นแหละ ความร้อนที่สะสมอยู่ภายในตัวป้าหดหายไปหมดเลย... “เปรียบเสมือนได้พรมน้ำมนต์อันศักดิ์สิทธิ์” แต่พอมองไกลออกไปมีร้านค้ามาจัดบูทมากกว่า 100 ร้าน และล้วนแล้วทำให้ป้าต้องคันไม้คันมือเดินไปช้อป ชิม ชิล ให้หายอยากกันเลยทีเดียว
แต่ก่อนอื่นต้องบอกก่อนเลยว่า สัปดาห์นี้เป็นครั้งที่ 2 ของการจัดงานแล้ว ซึ่งทุกๆ สัปดาห์จะมีการสลับสับเปลี่ยนร้านค้ามาออกบูท อย่างในสัปดาห์แรกที่ผ่านไปนั้นจะเป็นคอนเซ็ปต์ "แม่ลูกต่างวัยหัวใจอินเทรนด์" เป็นกลุ่มสินค้าประเภท เสื้อผ้า เครื่องประดับ เป็นต้น ส่วนในสัปดาห์นี้คอนเซ็ปต์ "คุณแม่ยุคใหม่ใส่ใจสุขภาพ” จะเป็นกลุ่มสินค้าประเภท เครื่องดื่มสุขภาพ ผลิตภัณฑ์สมุนไพรต่าง ๆ เป็นต้น และสัปดาห์ที่ 3 คอนเซ็ปต์ "บ้านสวยด้วยมือแม่" จะเป็นกลุ่มสินค้าประเภท อุปกรณ์ตกแต่งบ้าน และก็จะมีสัตว์เลี้ยงด้วย เป็นต้น ส่วนเวลาเปิดให้ช้อป ชิม ชิล นั้นตั้งแต่เวลา 10.00-19.00 น.
จุดห่อของขวัญฟรี
มองนาฬิกา 11.30 น. ก็ได้เวลาอันสมควรแล้วที่ป้าจะเดินช้อป ชิม ชิล และลิ้มรสกับบรรยากาศที่ป้าจะพาชมในวันนี้กันจ๊ะ ขอเริ่ม ณ บัดนาว
โอ๊ะ โอววว ! บรรยากาศโดยรวมในงานก็ไม่ได้ถือว่าร้อนนะ เพราะมีสายลมที่แผ่วเบาพัดปะทะตัวป้าทำความเย็นให้ตลอดเวลา แต่พอเดินไปไม่เท่าไร สายตาอันเฉียบคมของป้าก็โฟกัสไปที่อะไรบางอย่างที่เป็นศิลปะอันสวยงามมากๆ นั่นก็คือศูนย์ศิลปาชีพบางไทร เป็นแหล่งการเรียนรู้วัฒนธรรมไทย ที่ได้ก่อตั้งมานานถึง 31 ปี และเหมือนเขาปลูกฝังสืบทอดมารุ่นสู่รุ่น และในสัปดาห์นี้ก็เป็นศิลปะภาพวาดเขียนจิตรกรรมไทย โดยมาวาดให้เห็นกันแบบสดๆ จนแม่ลูกที่ผ่านไปผ่านมาต้องเหลียวหลัง เหลียวข้างหันมาดู ซึ่งป้าแมวเองก็เป็นเช่นนั้นเหมือนกัน และก็ต้องร้องอุทานในใจว่า “อู้ว...ขนาดป้า...ที่คิดว่าศิลป์แล้วเขายังศิลป์กว่าอีก” แหม๋!อาร์ตตัวแม่อย่างป้ายังแอบชื่นชมเลย ว่าไปเดียวจะหาว่าโม้ป้าถ่ายภาพมายืนยันเลยจ้า
ภาพ 1 ภาพ ใช้เวลาวาดและลงสี 2 สัปดาห์ จนกลายมาเป็นศิลปะที่สมบูรณ์ในที่สุด
เดินถัดมาอีกหนึ่งก้าว ก็เจอสาว ยิ้มหวานนั่งร้อยพวงมาลัย ที่ป้าเห็นแล้วก็ต้องลองเอามือหยิบดู (อ้าวมันไม่ใช่มะลิจริงนิหน่า) คำตอบที่ได้มาคือ เป็นดอกมะลิประดิษฐ์จากกระดาษทิชชู ทุกอย่างล้วนทำเองหมด “แม่คู๊ณณณณชั่งประณีตเหลือเกิน” ราคาก็ไม่แพงอีกนะ 150-250 บาทคร้า ถ้าถือว่าเป็นงานทำมือเรียกว่าคุ้มนะ แล้วลูกๆคนไหนเดินผ่านอย่าลืมซื้อไปให้คุณแม่กันนะจ๊ะ
ยังไม่หมดนะจ๊ะคุณผู้ชม! เพราะภายในบูทศูนย์ศิลปาชีพบางไทรยังมีงานฝีมือศิลปะมากมาย ไม่ว่าจะเป็น เครื่องเคลือบปั้นดินเผา ประติมากรรม ประดิษฐ์หัวโขน แกะสลักไม้ ดอกไม้ประดิษฐ์ เป็นต้น
ต่อมาไม่ไกลจากบูทแรกเท่าไหร่ เจ๊อะพอดี “สมาคมเสริมสวย ที่มีลูกค้ามาทำผมตลอดเวลา...ทั้งบริการตัดผม เสริมสวย เสริมหล่อกันเยอะแยะมากมาย และสัปดาห์นี้ก็เช่นเคยสลับฟันปลาเอาสถาบันเรืองฤทธิ์ Academy ซึ่งเป็นสถาบันสอนอาชีพที่ใหญ่ระดับหนึ่งของประเทศไทย โดยก่อตั้งมานานกว่า 30 ปี ขนกองทัพช่างฝีมือมากหน้าหลายตามาบริการปรับแต่งทรงผมให้ผู้ที่มาเที่ยวงานแบบฟรีๆ และฝีมือก็ใช่ย่อยนะ จนป้าเนี่ยอยากจะใช้บริการเลย แต่ติดอยู่ที่ว่า ป้าอยาก ช้อปอ่ะดิ ก็เลยต้องก้มหน้าเดินต่อไป
[img]http://f.ptcdn.info/511/034/000/1439725782-j10-o.jpg[/img
ลีลาเป็นเริด ฝีมือยอดเยี่ยม ป้ายกนิ้วให้เลยคะ
อุ๊ย!สะดุด “คริคริ แอคติ้งเล็กน้อยเรียกน้ำจิ้ม” ตอนนี้ป้าก็มาอยู่หน้าบูทผลิตภัณฑ์ผสมผสานภูมิปัญญาไทย (Panaran Herb) ที่เป็นการรวมกลุ่มชาวบ้านผลิตสินค้าจากผักผลไม้ขึ้น เช่น เอาแตงกวา ทำเป็นครีมบำรุงผิวให้ชุ่มชื่น หรือเอามังคุดมาเป็นแชมพู จนยอดขายถล่มทลาย ในราคา 280 บาท ใช้ดีจนลูกค้ารู้ว่ามีการจัดขายที่ไหน ถึงขั้นต้องไปซื้อที่นั่น แต่ผลผลิตทุกอย่างทำเองหมดคะ ปลูกพืชเอง ผลิตเอง ขายเองอีกด้วย กำไรๆ
แชมพูมังคุด
MADA คืออะไร? ป้าก็เลยต้องแวะเผือกสักหน่อย เพราะสินค้าดูมีเสน่ห์ ดีไซด์สีสันสวยงาม จนต้องถาม “แม่ค้าคจ๊ะมันคืออะไรจ๊ะ” แม่ค้ายิ้มตอบทันควัน “เป็นสบู่ที่ทำจากใบฝรั่งไม่มีสารฟอกขาว ธรรมชาติ100% แล้วก็มีสบู่ขมิ้นที่นอกจากจะทำให้ผิวขาวแล้วยังช่วยสมานแผลได้อีกด้วย รวมทั้งมีสบู่ชาโคล ที่ช่วยทำความสะอาดผิวได้อย่างล้ำลึก และสบู่นมแพะคะ” และป้าก็ต้องอึ้งอีกครั้ง เพราะทุกอย่างเขาผลิตเอง คิดค้นเอง เป็นธุรกิจครอบครัวที่ดูแสนจะอบอุ่นเหลือเกิน จนทำให้ป้าอยากจะเป็นส่วนหนึ่งของครอบครัวแล้วละสิ
ก่อนจะดราม่าไปกว่านี้ป้าแมวเดินออกมาอีก 5 ก้าว เอ๊ะ! เขามุงดูอะไรกันง่ะ? ชะเง้อคอดู อ่าว!ก็ยาสีฟันธรรมดาๆนิ แต่ทำไมไม่เคยเห็นตามท้องตลาด? ป้าตกข่าวไปหรือป่าว? คำถามมากมายอยู่ในใจ ก็เลยเอ่ยขึ้นมาว่า “ยาสีฟันนี้พิเศษยังไงคะ ถึงทำให้คนมาซื้อแยะขนาดนี้” แม่ค้าตอบมาว่า “เป็นยาสีฟันผลิตเองคะ ทำจากสารสกัดสมุนไพรไทย ไม่มีแป้ง ไม่มีน้ำตาล เวลาแปรงฟันเสร็จจะได้รับรู้ถึงความสดชื่นทันที” อ๋ออย่างนี้นี่เอง ป้าก็เลยลงชื่อขอมาทดลองใช้ฟรีซ่ะเลย อิอิ ซึ่งลองแล้ว ของเขาดีจริงดังคำโฆษณาอีกจ้า!
หลังจากที่ผ่านมาหลายบูทล่ะ มาแวะร้านขนมกันดีกว่า กับร้าน นงลักษณ์ ขนมไทย ซึ่งเป็นธุรกิจส่วนตัว ที่ลูกเจ้าของร้านออกมาต้อนรับป้าแล้วบอกคอนเซ็ปจนป้าต้องพิสูจน์ความจริงละทีนี้ “เล็กๆ อร่อยพอดีคำ” อันแน่...เป็นคำพูดที่ท้าให้ลองชิมยิ่งนัก ก็เลยจัดสักหน่อย อื้มมมหวาน อร่อยจริงๆนะ รสชาติโดยรวมนี่ไม่หวานโดด มันๆลิ้นนิดๆ ใครที่มาเที่ยวต้องแวะนะจ๊ะ (ป้าบอกมา)
“กุ้งเหยียด” เป็นกุ้งที่มีลักษณะตัวตรง สีส้มน่ากินเชียวล่ะ ส่วนรสชาติ หวาน+เค็มนิดๆ เพราะเขาทำจากกุ้งผสมน้ำตาลเล็กน้อยและใส่เกลืออีกหน่อย กำลังกลมกล่อมเหมาะสำหรับทานเล่นมาก ป้าก็เลยหิ้วกลับบ้านกล่องหนึ่ง แล้วถ้าอยากกินอีก ป้าก็จะไปสั่งที่ FB:baansakhla เพราะเขาการันตีคุณภาพจากการคว้ารางวัลระดับจังหวัดสุมทปราการเลยทีเดียว แถมยังเก็บกุ้งเหยียดในอุณหภูมิปกติได้ถึง 7 วัน แต่ถ้าแช่ห้องเย็นอยู่ได้เป็นเดือน
“แม่กานดา อาหารเพื่อสุขภาพ” ที่เน้นอาหารเจ และน้ำพริก ที่มีความหลากหลายของสินค้าจนคว้ากลุ่มลูกค้าได้ทุกประเภท โดยเฉพาะสินค้าที่เป็นน้ำพริก ที่แม่ๆ ทั้งหลายชอบเอามาจิ้มกับผัก เช่น น้ำพริกเผา น้ำพริกปลาบ่น น้ำพริกนรก น้ำพริกงาดำ น้ำพริกตาแดง น้ำพริกแมงดา น้ำพริกนรกแมงดา น้ำพริกเผาเผ็ด น้ำพริกกะปิสำเร็จรูป และน้ำพริกมะขาม กว่า 10 ชนิด เห็นแล้วน้ำลายสอแทนคุณแม่เลย แหละแล้วมือป้าก็ทำงานโดยอัตโนมัติหยิบน้ำพริกไปให้พ่อค้าใส่ถุง แล้วจ่ายตังค์
เอ๊ะนั้นอาราย ห่ะนั้นอารายยย ทำไมคนต่อแถวยาวขนาดน้านนนนนน ป้าก็เลยต้องเดินไปดู และก็ถึงบางอ้อ เขาต่อแถวซื้อข้าวไข่เจียว! ที่มีเครื่องให้เลือกมากมาย แถมราคาเป็นกันเอง ชุดละ 25 บาท (ใส่เครื่องเพียง 2 อย่าง) และไฮไลท์จ้า ข้างๆบูทมีแผงไข่กองเป็นแถวๆ ให้เต็มไปหมด ทีแรกก็นึกว่าเป็นของร้านข้าวไข่เจียว แต่ที่ไหนได้เอามาขายในราคาถูกๆนั่นเอง ก็เลยต้องเอ่ยปากถามเขาว่า “พี่จ๊ะทำไมมีไข่แยะจัง” คำตอบที่ผู้ชายขายไข่ตอบคือ “อ่อเป็นไข่ที่เราจะเอามาจำหน่ายในราคาถูก เป็นไข่ไก่เบอร์ 3 ซึ่งจะจำหน่ายเป็นรอบๆ
โดยรอบที่ 1 ขายตอนเวลา 12.30 น.
รอบที่ 2 ขายตอนเวลา 14.00 น.
รอบที่ 3 ขายตอนเวลา 16.00 น.
และรอบที่ 4 ขายตอนเวลา 18.00 น. ซึ่งมีจำนวนจำกัด ขายรอบละ 50 แผงเท่านั้น แล้วต้องซื้อคนละแผงเท่านั้นด้วย เพื่อให้ทุกๆคนมีไข่กลับบ้านไปคนละแผงนั้นเอง” ก็นะ ราคามันถูกกว่าท้องตลาดทั่วไป ใครๆก็หมายจองทั้งนั้น แล้วใครที่สนใจก็มาซื้อไข่กลับบ้านได้นร้า... มีขายทุกวันตามเวลาข้างต้นจ้า...
“Sale” เป็นคำที่โดนใจป้าเป็นอย่างมาก จนป้ารีบหันไปมองคอเคล็ดเลย เพราะมันคือน้ำจิ้มสุกี้ ซอสพริกหวาน น้ำพริกตาแดง ซอสหอย น้ำจิ้มไก่ และซอสหอยนางรม ฯลฯ ที่มีราคาถูกสุดๆ ลดเพื่องานนี้โดยเฉพาะ และก็เอาใจแม่บ้านอย่างป้าโดยเฉพาะเหมือนกัน
ไข่เจียวครบเครื่อง เรื่องรสโดนใจ แผงไข่ไก่ รอขายลดราคา
พาเที่ยวมาพอหอมปากหอมคอ เวลาป้าก็เริ่มหมดสนุกแล้วสิ เพราะป้าต้องรีบกลับบ้านไปซักผ้าแล้วละ กลัวฟ้าฝนจะตกลงมา ก็เลยขอทิ้งท้ายเชิญชวนไว้ว่า “งานตลาดนัดชุมชน คลองผดุงกรุงเกษม” ในครั้งนี้มีสินค้ามากมายจริงๆ ที่เป็นสินค้าฝีมือคนไทยเต็ม 100% เพราะป้าท้าพิสูจน์มาแล้ว และก็รอให้ทุกคนมาท้าพิสูจน์เหมือนป้าเช่นเดียวกันไม่ว่าจะเป็นคุณแม่ก็ดี คุณลูกก็ดี หรือคุณพ่อก็ดี และให้ดียิ่งไปกว่านี้มาเป็นครอบครัวเลยคะ รับรองได้ของติดไม้ติดมือกลับบ้านแน่นอน และอย่าพลาดโอกาสดีๆที่ทางกระทรวงอุตสาหกรรมมอบให้คุณนะจ๊ะ สวัสดีจ้า...
[SR] รีวิวตลาดอินเทรนด์ คลองผดุงกรุงเกษม
พอป้าแมวได้มาถึงจุดหมายปลายทางแล้ว ป้าแมวสัมผัสได้ถึงพลังบางอย่าง... ที่ทำให้ป้าต้องเสียสตางค์ซื้อของชัวร์จ้า และตลอดการเดินทางไปต้องขอบอกเลยว่า อากาศข้างนอกร้อนอบอ้าวเหลือเกิ๊นนนน แสงแดดนี่ส่องป้าเหมือนป้าไปทำอะไรให้พระอาทิตย์โกรธก็ไม่รู้ แต่พอเดินเข้าไปข้างในงานเท่านั้นแหละ ความร้อนที่สะสมอยู่ภายในตัวป้าหดหายไปหมดเลย... “เปรียบเสมือนได้พรมน้ำมนต์อันศักดิ์สิทธิ์” แต่พอมองไกลออกไปมีร้านค้ามาจัดบูทมากกว่า 100 ร้าน และล้วนแล้วทำให้ป้าต้องคันไม้คันมือเดินไปช้อป ชิม ชิล ให้หายอยากกันเลยทีเดียว
แต่ก่อนอื่นต้องบอกก่อนเลยว่า สัปดาห์นี้เป็นครั้งที่ 2 ของการจัดงานแล้ว ซึ่งทุกๆ สัปดาห์จะมีการสลับสับเปลี่ยนร้านค้ามาออกบูท อย่างในสัปดาห์แรกที่ผ่านไปนั้นจะเป็นคอนเซ็ปต์ "แม่ลูกต่างวัยหัวใจอินเทรนด์" เป็นกลุ่มสินค้าประเภท เสื้อผ้า เครื่องประดับ เป็นต้น ส่วนในสัปดาห์นี้คอนเซ็ปต์ "คุณแม่ยุคใหม่ใส่ใจสุขภาพ” จะเป็นกลุ่มสินค้าประเภท เครื่องดื่มสุขภาพ ผลิตภัณฑ์สมุนไพรต่าง ๆ เป็นต้น และสัปดาห์ที่ 3 คอนเซ็ปต์ "บ้านสวยด้วยมือแม่" จะเป็นกลุ่มสินค้าประเภท อุปกรณ์ตกแต่งบ้าน และก็จะมีสัตว์เลี้ยงด้วย เป็นต้น ส่วนเวลาเปิดให้ช้อป ชิม ชิล นั้นตั้งแต่เวลา 10.00-19.00 น.
จุดห่อของขวัญฟรี
มองนาฬิกา 11.30 น. ก็ได้เวลาอันสมควรแล้วที่ป้าจะเดินช้อป ชิม ชิล และลิ้มรสกับบรรยากาศที่ป้าจะพาชมในวันนี้กันจ๊ะ ขอเริ่ม ณ บัดนาว
โอ๊ะ โอววว ! บรรยากาศโดยรวมในงานก็ไม่ได้ถือว่าร้อนนะ เพราะมีสายลมที่แผ่วเบาพัดปะทะตัวป้าทำความเย็นให้ตลอดเวลา แต่พอเดินไปไม่เท่าไร สายตาอันเฉียบคมของป้าก็โฟกัสไปที่อะไรบางอย่างที่เป็นศิลปะอันสวยงามมากๆ นั่นก็คือศูนย์ศิลปาชีพบางไทร เป็นแหล่งการเรียนรู้วัฒนธรรมไทย ที่ได้ก่อตั้งมานานถึง 31 ปี และเหมือนเขาปลูกฝังสืบทอดมารุ่นสู่รุ่น และในสัปดาห์นี้ก็เป็นศิลปะภาพวาดเขียนจิตรกรรมไทย โดยมาวาดให้เห็นกันแบบสดๆ จนแม่ลูกที่ผ่านไปผ่านมาต้องเหลียวหลัง เหลียวข้างหันมาดู ซึ่งป้าแมวเองก็เป็นเช่นนั้นเหมือนกัน และก็ต้องร้องอุทานในใจว่า “อู้ว...ขนาดป้า...ที่คิดว่าศิลป์แล้วเขายังศิลป์กว่าอีก” แหม๋!อาร์ตตัวแม่อย่างป้ายังแอบชื่นชมเลย ว่าไปเดียวจะหาว่าโม้ป้าถ่ายภาพมายืนยันเลยจ้า
ภาพ 1 ภาพ ใช้เวลาวาดและลงสี 2 สัปดาห์ จนกลายมาเป็นศิลปะที่สมบูรณ์ในที่สุด
เดินถัดมาอีกหนึ่งก้าว ก็เจอสาว ยิ้มหวานนั่งร้อยพวงมาลัย ที่ป้าเห็นแล้วก็ต้องลองเอามือหยิบดู (อ้าวมันไม่ใช่มะลิจริงนิหน่า) คำตอบที่ได้มาคือ เป็นดอกมะลิประดิษฐ์จากกระดาษทิชชู ทุกอย่างล้วนทำเองหมด “แม่คู๊ณณณณชั่งประณีตเหลือเกิน” ราคาก็ไม่แพงอีกนะ 150-250 บาทคร้า ถ้าถือว่าเป็นงานทำมือเรียกว่าคุ้มนะ แล้วลูกๆคนไหนเดินผ่านอย่าลืมซื้อไปให้คุณแม่กันนะจ๊ะ
ยังไม่หมดนะจ๊ะคุณผู้ชม! เพราะภายในบูทศูนย์ศิลปาชีพบางไทรยังมีงานฝีมือศิลปะมากมาย ไม่ว่าจะเป็น เครื่องเคลือบปั้นดินเผา ประติมากรรม ประดิษฐ์หัวโขน แกะสลักไม้ ดอกไม้ประดิษฐ์ เป็นต้น
ต่อมาไม่ไกลจากบูทแรกเท่าไหร่ เจ๊อะพอดี “สมาคมเสริมสวย ที่มีลูกค้ามาทำผมตลอดเวลา...ทั้งบริการตัดผม เสริมสวย เสริมหล่อกันเยอะแยะมากมาย และสัปดาห์นี้ก็เช่นเคยสลับฟันปลาเอาสถาบันเรืองฤทธิ์ Academy ซึ่งเป็นสถาบันสอนอาชีพที่ใหญ่ระดับหนึ่งของประเทศไทย โดยก่อตั้งมานานกว่า 30 ปี ขนกองทัพช่างฝีมือมากหน้าหลายตามาบริการปรับแต่งทรงผมให้ผู้ที่มาเที่ยวงานแบบฟรีๆ และฝีมือก็ใช่ย่อยนะ จนป้าเนี่ยอยากจะใช้บริการเลย แต่ติดอยู่ที่ว่า ป้าอยาก ช้อปอ่ะดิ ก็เลยต้องก้มหน้าเดินต่อไป
[img]http://f.ptcdn.info/511/034/000/1439725782-j10-o.jpg[/img
ลีลาเป็นเริด ฝีมือยอดเยี่ยม ป้ายกนิ้วให้เลยคะ
อุ๊ย!สะดุด “คริคริ แอคติ้งเล็กน้อยเรียกน้ำจิ้ม” ตอนนี้ป้าก็มาอยู่หน้าบูทผลิตภัณฑ์ผสมผสานภูมิปัญญาไทย (Panaran Herb) ที่เป็นการรวมกลุ่มชาวบ้านผลิตสินค้าจากผักผลไม้ขึ้น เช่น เอาแตงกวา ทำเป็นครีมบำรุงผิวให้ชุ่มชื่น หรือเอามังคุดมาเป็นแชมพู จนยอดขายถล่มทลาย ในราคา 280 บาท ใช้ดีจนลูกค้ารู้ว่ามีการจัดขายที่ไหน ถึงขั้นต้องไปซื้อที่นั่น แต่ผลผลิตทุกอย่างทำเองหมดคะ ปลูกพืชเอง ผลิตเอง ขายเองอีกด้วย กำไรๆ
แชมพูมังคุด
MADA คืออะไร? ป้าก็เลยต้องแวะเผือกสักหน่อย เพราะสินค้าดูมีเสน่ห์ ดีไซด์สีสันสวยงาม จนต้องถาม “แม่ค้าคจ๊ะมันคืออะไรจ๊ะ” แม่ค้ายิ้มตอบทันควัน “เป็นสบู่ที่ทำจากใบฝรั่งไม่มีสารฟอกขาว ธรรมชาติ100% แล้วก็มีสบู่ขมิ้นที่นอกจากจะทำให้ผิวขาวแล้วยังช่วยสมานแผลได้อีกด้วย รวมทั้งมีสบู่ชาโคล ที่ช่วยทำความสะอาดผิวได้อย่างล้ำลึก และสบู่นมแพะคะ” และป้าก็ต้องอึ้งอีกครั้ง เพราะทุกอย่างเขาผลิตเอง คิดค้นเอง เป็นธุรกิจครอบครัวที่ดูแสนจะอบอุ่นเหลือเกิน จนทำให้ป้าอยากจะเป็นส่วนหนึ่งของครอบครัวแล้วละสิ
ก่อนจะดราม่าไปกว่านี้ป้าแมวเดินออกมาอีก 5 ก้าว เอ๊ะ! เขามุงดูอะไรกันง่ะ? ชะเง้อคอดู อ่าว!ก็ยาสีฟันธรรมดาๆนิ แต่ทำไมไม่เคยเห็นตามท้องตลาด? ป้าตกข่าวไปหรือป่าว? คำถามมากมายอยู่ในใจ ก็เลยเอ่ยขึ้นมาว่า “ยาสีฟันนี้พิเศษยังไงคะ ถึงทำให้คนมาซื้อแยะขนาดนี้” แม่ค้าตอบมาว่า “เป็นยาสีฟันผลิตเองคะ ทำจากสารสกัดสมุนไพรไทย ไม่มีแป้ง ไม่มีน้ำตาล เวลาแปรงฟันเสร็จจะได้รับรู้ถึงความสดชื่นทันที” อ๋ออย่างนี้นี่เอง ป้าก็เลยลงชื่อขอมาทดลองใช้ฟรีซ่ะเลย อิอิ ซึ่งลองแล้ว ของเขาดีจริงดังคำโฆษณาอีกจ้า!
หลังจากที่ผ่านมาหลายบูทล่ะ มาแวะร้านขนมกันดีกว่า กับร้าน นงลักษณ์ ขนมไทย ซึ่งเป็นธุรกิจส่วนตัว ที่ลูกเจ้าของร้านออกมาต้อนรับป้าแล้วบอกคอนเซ็ปจนป้าต้องพิสูจน์ความจริงละทีนี้ “เล็กๆ อร่อยพอดีคำ” อันแน่...เป็นคำพูดที่ท้าให้ลองชิมยิ่งนัก ก็เลยจัดสักหน่อย อื้มมมหวาน อร่อยจริงๆนะ รสชาติโดยรวมนี่ไม่หวานโดด มันๆลิ้นนิดๆ ใครที่มาเที่ยวต้องแวะนะจ๊ะ (ป้าบอกมา)
“กุ้งเหยียด” เป็นกุ้งที่มีลักษณะตัวตรง สีส้มน่ากินเชียวล่ะ ส่วนรสชาติ หวาน+เค็มนิดๆ เพราะเขาทำจากกุ้งผสมน้ำตาลเล็กน้อยและใส่เกลืออีกหน่อย กำลังกลมกล่อมเหมาะสำหรับทานเล่นมาก ป้าก็เลยหิ้วกลับบ้านกล่องหนึ่ง แล้วถ้าอยากกินอีก ป้าก็จะไปสั่งที่ FB:baansakhla เพราะเขาการันตีคุณภาพจากการคว้ารางวัลระดับจังหวัดสุมทปราการเลยทีเดียว แถมยังเก็บกุ้งเหยียดในอุณหภูมิปกติได้ถึง 7 วัน แต่ถ้าแช่ห้องเย็นอยู่ได้เป็นเดือน
“แม่กานดา อาหารเพื่อสุขภาพ” ที่เน้นอาหารเจ และน้ำพริก ที่มีความหลากหลายของสินค้าจนคว้ากลุ่มลูกค้าได้ทุกประเภท โดยเฉพาะสินค้าที่เป็นน้ำพริก ที่แม่ๆ ทั้งหลายชอบเอามาจิ้มกับผัก เช่น น้ำพริกเผา น้ำพริกปลาบ่น น้ำพริกนรก น้ำพริกงาดำ น้ำพริกตาแดง น้ำพริกแมงดา น้ำพริกนรกแมงดา น้ำพริกเผาเผ็ด น้ำพริกกะปิสำเร็จรูป และน้ำพริกมะขาม กว่า 10 ชนิด เห็นแล้วน้ำลายสอแทนคุณแม่เลย แหละแล้วมือป้าก็ทำงานโดยอัตโนมัติหยิบน้ำพริกไปให้พ่อค้าใส่ถุง แล้วจ่ายตังค์
เอ๊ะนั้นอาราย ห่ะนั้นอารายยย ทำไมคนต่อแถวยาวขนาดน้านนนนนน ป้าก็เลยต้องเดินไปดู และก็ถึงบางอ้อ เขาต่อแถวซื้อข้าวไข่เจียว! ที่มีเครื่องให้เลือกมากมาย แถมราคาเป็นกันเอง ชุดละ 25 บาท (ใส่เครื่องเพียง 2 อย่าง) และไฮไลท์จ้า ข้างๆบูทมีแผงไข่กองเป็นแถวๆ ให้เต็มไปหมด ทีแรกก็นึกว่าเป็นของร้านข้าวไข่เจียว แต่ที่ไหนได้เอามาขายในราคาถูกๆนั่นเอง ก็เลยต้องเอ่ยปากถามเขาว่า “พี่จ๊ะทำไมมีไข่แยะจัง” คำตอบที่ผู้ชายขายไข่ตอบคือ “อ่อเป็นไข่ที่เราจะเอามาจำหน่ายในราคาถูก เป็นไข่ไก่เบอร์ 3 ซึ่งจะจำหน่ายเป็นรอบๆ
โดยรอบที่ 1 ขายตอนเวลา 12.30 น.
รอบที่ 2 ขายตอนเวลา 14.00 น.
รอบที่ 3 ขายตอนเวลา 16.00 น.
และรอบที่ 4 ขายตอนเวลา 18.00 น. ซึ่งมีจำนวนจำกัด ขายรอบละ 50 แผงเท่านั้น แล้วต้องซื้อคนละแผงเท่านั้นด้วย เพื่อให้ทุกๆคนมีไข่กลับบ้านไปคนละแผงนั้นเอง” ก็นะ ราคามันถูกกว่าท้องตลาดทั่วไป ใครๆก็หมายจองทั้งนั้น แล้วใครที่สนใจก็มาซื้อไข่กลับบ้านได้นร้า... มีขายทุกวันตามเวลาข้างต้นจ้า...
“Sale” เป็นคำที่โดนใจป้าเป็นอย่างมาก จนป้ารีบหันไปมองคอเคล็ดเลย เพราะมันคือน้ำจิ้มสุกี้ ซอสพริกหวาน น้ำพริกตาแดง ซอสหอย น้ำจิ้มไก่ และซอสหอยนางรม ฯลฯ ที่มีราคาถูกสุดๆ ลดเพื่องานนี้โดยเฉพาะ และก็เอาใจแม่บ้านอย่างป้าโดยเฉพาะเหมือนกัน
ไข่เจียวครบเครื่อง เรื่องรสโดนใจ แผงไข่ไก่ รอขายลดราคา
พาเที่ยวมาพอหอมปากหอมคอ เวลาป้าก็เริ่มหมดสนุกแล้วสิ เพราะป้าต้องรีบกลับบ้านไปซักผ้าแล้วละ กลัวฟ้าฝนจะตกลงมา ก็เลยขอทิ้งท้ายเชิญชวนไว้ว่า “งานตลาดนัดชุมชน คลองผดุงกรุงเกษม” ในครั้งนี้มีสินค้ามากมายจริงๆ ที่เป็นสินค้าฝีมือคนไทยเต็ม 100% เพราะป้าท้าพิสูจน์มาแล้ว และก็รอให้ทุกคนมาท้าพิสูจน์เหมือนป้าเช่นเดียวกันไม่ว่าจะเป็นคุณแม่ก็ดี คุณลูกก็ดี หรือคุณพ่อก็ดี และให้ดียิ่งไปกว่านี้มาเป็นครอบครัวเลยคะ รับรองได้ของติดไม้ติดมือกลับบ้านแน่นอน และอย่าพลาดโอกาสดีๆที่ทางกระทรวงอุตสาหกรรมมอบให้คุณนะจ๊ะ สวัสดีจ้า...
ดูแผนที่ขนาดใหญ่ขึ้น