.... สวัสดีครับทุกคน ก่อนอื่นต้องบอกก่อนว่า เราแค่อยากมาเเชร์สิ่งที่เรากำลังเจออยุ่ตอนนี้ และต้องการคำแนะนำว่าเราควรทำยังไงดี เข้าเรื่องเลยนะ คือ พ่อกับแม่เรามีเราตอนอายุ16-17 ด้วยอายุที่น้อย วุฒิภาะยังมีไม่มาก เลยเเยกทางกัน หลังจากนั้นเรามาอยุ่กับตายาย เเม่มีแฟนใหม่ มีลูกใหม่ เช่นเดียวกับพ่อที่มีแฟนและลูกใหม่เหมือนกัน เราอยู่กับตาและยายที่ต่างจังหวัด ซึ่งเราเป็นหลานคนโตของทั้งตายายและปู่ย่า เราอยู่กับตายายได้สัก2-3ปี น้าก็คือน้องของแม่ก็เอาลุกมาฝากให้ตาเเละยายเลี้ยง เป็นการเพิ่มภาระให้ตากับยายไปอีก เนื่องจากฐานะทางบ้านตายายตอนนั้น ค่อนข้างที่จะลำบากมาก ตากับยายทำงานรับจ้างก่อสร้าง รายได้สมัยนั้นก็เดือนละไม่กี่บาท ยิ่งมีหลานมาเพิ่มยิ่งต้องประหยัด หลังจากนั้นไม่กี่ปี เราโตพอที่จะทำอะไรได้ก็ประมาณป.1มั้ง จำได้เลยว่า เป็นอะไรที่หนักนะสำหรับเด็กป.1 ที่ต้องทำงานบ้าน รร เลิกก็ต้องรีบกลับบ้านมาเคลียร์งานบ้านทุกอย่าง ตากับยายกลับจากทำงานมาก็มาทำกับข้าวซึ่งก็มีเราเนี่ยแหละเป็นลุกมือ ไม่เคยได้มีเาลาว่างไปเล่นสนุกๆแบบเด็กๆเลย และถามว่าพ่อติดต่อมาบ้างไหม บอกเลยว่าไม่! มีเเค่ย่า ที่ยังส่งเงินมาบ้าง เเละก็มารับเราไปอยู่ด้วยช่วงปิดเทอม ชีวิตตอนนั้นก้เหมือนจะดีนะ แต่ก็ต้องมาปะทะกับแม่เลี้ยงของพ่อราอีก คือ ปิดเทอมย่าก็มารับไปเที่ยวที่ไหนสักที่เนี่ยแหละ ย่าก็ซื้อหุ่นยนต์ให้เราตัวนึง เราก็เดินมาเล่นหลังบ้านด้วยความดีใจ เเต่ทันใดนั้น หุ่นยนต์ก็ถูกกระชากไปจากมือเรา พร้อมทั้งมือของหญิงสาวที่เป็นแม่เลี้ยงก็บรรจงหยิกที่เเขนเรา และพูดว่า "ของทุกชิ้น ลุกกุต้องได้" แล้วก็เดินไปเลย คือ เราก็น้ำตาไหลอะ เเต่ไม่บอกใคร ย่าถามว่าหุ่นยนต์ไปไหน เราบอกว่าทำหาย คือ ตั้งแต่ครั้งนั้นมา ฝังใจมาก แบบเหมือนเเค้นอ้ะ 555555+ (แต่พอโตมาก็คิดว่าแม่เลี้ยงคงดูละครเยอะไป) รร เปิดเทอม ก็กลับมาอยู่กับตายาย เเต่อยุ่กับตายายนี่ไม่ใช่ว่าจะไม่มีเรื่องนะ ก็มี คือ อย่างที่บอก เราเป็นหลานคนโต ต้องทำได้ทุกอย่าง #เหรอ? ลูกของน้าไม่เคยแตะต้องงานเ-ี้ย อะไรเลย มีแต่เราทำเองทุกอย่าง ทั้งงานบ้านสารพัด เวลาไปซื้อของ ยายก็ใช้แต่เรา เอฟวี่ติงทุกสิ่งอย่างก็เราหมด คือ ตอนนั้นน้อยใจมาก คิดแต่ว่าทำไมต้องใช้เราตลอดเลยวะ เหตุผลข้อเดียวคือเราเป็นพี่คนโตเหรอ #ไม่ใช่ล้ะ พอจบป.6 คือ เราบอกยายว่าเราจะมาต่อมัธยมที่บ้านย่า ซึ่งยายไม่ให้ไป ทะเอละกับยายหนัก แม่ก็มาบอกว่าเรียนที่นี่ให้จบม.3ก่อนค่อยไป ความคิดตอนนั้นคือ เราอยากไปจากที่นี่สักที เราเบื่อที่จะต้องทำทุกอย่างเองคนเดียว ไปอยุ่กับย่าดีกว่า ไม่ต้องทำอะไร เพราะบ้านย่าค่อนข้างมีฐานะ แต่ก็ยอมทนอยู่
....พอขึ้นม.1 เหมือนรู้ว่าตัวเองเริ่มไม่ใช่ล้ะ คือ ไม่ใช่ผู้ชายอะ พูดง่ายๆก้อคือตุ้ดนั่นแหละ เราก้อไม่ได้ปกปิดตัวเองนะ ทุกคนที่บ้านตายายรู้ เเม่รู้ ยกเว้นทางบ้านพ่อ ซึ่งพ่อเป็นคนที่เกลียดเพศที่สามอย่างตุ๊ด เกย์มาก ถึงโคตรมากที่สุด ไม่รุ้ว่าจะเกลียดอะไรนักหนา แต่ทางบ้านย่าไม่มีใครรู้ เรามาเที่ยวปิดเทอมก้แอ้บแมน 55555555 แต่เอาจริงๆเราไม่ได้ออกขนาดนั้นนะ แค่มีจริตนิดๆ ทำอะไรแบบที่เด็กผู้ชายไม่ทำกัน เล่นบอลไม่เป็น ประมาณนั้น>,< ....ตอนม.ต้นนี่โดนล้ออย่างหนักว่า อีตุ้ด อีกะเทย ถามว่าโกรธไหม โคตรโกรธเลย แต่ก็ทำอะไรไม่ได้ ยอมอดทน รับฟังเพราะมันคือความจริง ม.ต้นเป็นอะไรที่เราคิดว่าเป็นช่วงที่หนักมากๆเลยนะ คนที่เป็นเพศที่สามที่โดนรังเกียจจะรู้ว่าต้องใช้ความอดทนแค่ไหน อึดมากบอกเลย อีกอย่างโตขึ้นงานบ้านหรือสิ่งที่ต้องทำ

เยอะมากกว่าเดิม เเต่สิ่งที่เหมือนเดิม คือ กุก้อต้องทำคนเดียว ลูกของน้า

ไม่เคยทำ-่าอะไรเลย เหนือยชิบ ตั้งแต่ป.1ยันม.3 ชีวิตวัยเด็ก วัยรุ่นที่ควรจะเป็นไม่มีเลย เพื่อนไปเที่ยวงานวันเด็ก เราต้องนั่งเฝ้าบ้านในขณะที่ลูกของน้าไปเล่น ลั้ลลาเฮฮาได้ตลอด น้อยใจมาก จนกลายเป็นเด้กเก็บกดเลย (ลูกของน้าอายุห่างกับเรา3ปี) เรากลับมาคิดนะว่า ตอนเราป.6 เราทำได้ทุกอย่างสารพัดที่ยายจะสั่งให้ทำ ตอนนั้นลูกน้าป.6 ทำ-วยอะไรไม่เป็นเลย เกิดการเปรียบเทียบ เเละเป้นสาเหตุที่ทะเลาะกับยายเเบบหนักมาก ถึงขนาดที่ว่าจะให้ยายไป รร เพื่อไปทำเรื่องขอย้ายให้เราไปเรียนกับย่าเลย เเต่ก้เหมือนเดิมแม่มากล่อมเราอีกว่าอีกนิดเดียวจะจบม.3ละ ทนๆไปเหอะ ตอนนั้นเเม่อยุ่กับเเฟนใหม่ มีลุก 2 คน ทำงานอยุ่ใน กทม แม่เข้าใจเรา คอยรับฟัง แต่ก็ทำอะไรไม่ได้
.... และเเล้ววันที่เรารอคอยก็มาถึง เราเรียนจบม.3 วันที่จะได้ไปจากที่นี่จิงๆสักที วันที่ไปจะอยู่กรุงเทพฯ ใช้ชีวิตสบายๆ ตอนนั้นคิดแบบนี้จิงๆ น้าที่เป็นน้องสาวแม่อีกคนก็เตือนว่ามันไม่ได้ง่ายและสบายอย่างที่เราฝันหรอกนะ ก่อนรถออก เป็นครั้งแรกที่เราได้หอมยาย ได้กอดตา ได้บอกรัก คือแบบอารมณ์ตอนนั้น น้ำตาไหล คือ เราไม่เคยได้รับความรู้สึกแบบนี้มาก่อน ไม่เคยเลย น้ำตาไหลแบบหยุดไม่ได้ แต่เมื่อเราตัดสินใจแล้วว่าเราต้องมา จะเปลี่ยนใจอะไรไม่ได้ ต่อจากนี้ไม่ว่าทางที่เราเลือกนี้จะต้องเจอกับอะไร ก็โทษใครไม่ได้ เราเป็นคนตัดสินใจเอง....
.... ไว้มาเขียนต่อนะ อยากรู้ว่ามีใครอยากอ่านบ้าง อาจจะยาวหรือบางทีก็อ่านไม่ค่อยรู้เรื่องบ้าง ก็ขอโทษด้วยนะครับ ขอบคุณที่เข้ามาอ่านนะครับ ....
ประสบการณ์ชีวิตของเด็กน้อย
....พอขึ้นม.1 เหมือนรู้ว่าตัวเองเริ่มไม่ใช่ล้ะ คือ ไม่ใช่ผู้ชายอะ พูดง่ายๆก้อคือตุ้ดนั่นแหละ เราก้อไม่ได้ปกปิดตัวเองนะ ทุกคนที่บ้านตายายรู้ เเม่รู้ ยกเว้นทางบ้านพ่อ ซึ่งพ่อเป็นคนที่เกลียดเพศที่สามอย่างตุ๊ด เกย์มาก ถึงโคตรมากที่สุด ไม่รุ้ว่าจะเกลียดอะไรนักหนา แต่ทางบ้านย่าไม่มีใครรู้ เรามาเที่ยวปิดเทอมก้แอ้บแมน 55555555 แต่เอาจริงๆเราไม่ได้ออกขนาดนั้นนะ แค่มีจริตนิดๆ ทำอะไรแบบที่เด็กผู้ชายไม่ทำกัน เล่นบอลไม่เป็น ประมาณนั้น>,< ....ตอนม.ต้นนี่โดนล้ออย่างหนักว่า อีตุ้ด อีกะเทย ถามว่าโกรธไหม โคตรโกรธเลย แต่ก็ทำอะไรไม่ได้ ยอมอดทน รับฟังเพราะมันคือความจริง ม.ต้นเป็นอะไรที่เราคิดว่าเป็นช่วงที่หนักมากๆเลยนะ คนที่เป็นเพศที่สามที่โดนรังเกียจจะรู้ว่าต้องใช้ความอดทนแค่ไหน อึดมากบอกเลย อีกอย่างโตขึ้นงานบ้านหรือสิ่งที่ต้องทำ
.... และเเล้ววันที่เรารอคอยก็มาถึง เราเรียนจบม.3 วันที่จะได้ไปจากที่นี่จิงๆสักที วันที่ไปจะอยู่กรุงเทพฯ ใช้ชีวิตสบายๆ ตอนนั้นคิดแบบนี้จิงๆ น้าที่เป็นน้องสาวแม่อีกคนก็เตือนว่ามันไม่ได้ง่ายและสบายอย่างที่เราฝันหรอกนะ ก่อนรถออก เป็นครั้งแรกที่เราได้หอมยาย ได้กอดตา ได้บอกรัก คือแบบอารมณ์ตอนนั้น น้ำตาไหล คือ เราไม่เคยได้รับความรู้สึกแบบนี้มาก่อน ไม่เคยเลย น้ำตาไหลแบบหยุดไม่ได้ แต่เมื่อเราตัดสินใจแล้วว่าเราต้องมา จะเปลี่ยนใจอะไรไม่ได้ ต่อจากนี้ไม่ว่าทางที่เราเลือกนี้จะต้องเจอกับอะไร ก็โทษใครไม่ได้ เราเป็นคนตัดสินใจเอง....
.... ไว้มาเขียนต่อนะ อยากรู้ว่ามีใครอยากอ่านบ้าง อาจจะยาวหรือบางทีก็อ่านไม่ค่อยรู้เรื่องบ้าง ก็ขอโทษด้วยนะครับ ขอบคุณที่เข้ามาอ่านนะครับ ....