Mission: Impossible - Rogue Nation คือภาคที่ 5 ของหนังขบวนการสายลับของพระเอก ทอม ครูซ ที่ภาค 5 นี้ แทบจะไม่เหลืออะไรเกี่ยวกับหนังสายลับที่มีการทำงานเป็นทีมแล้ว เหลือแต่พระเอก ทอม ครูซ ที่วิ่งไล่ล่า หรือไม่ก็วิ่งหนีผู้ร้ายทั้งเรื่อง จนมันดูเหมือนหนัง วิ่งสู้ฟัด ของ เฉินหลง ซะมากกว่า
ฉากแอคชั่น แม้จะดูจัดเต็ม ใหญ่โต แต่ก็ดูไม่ค่อยตื่นเต้นหรือมีอะไรให้ลุ้นเท่าไร แถมยังดูออกมาโดดๆ ไม่กลมกลืนกับเนื้อเรื่อง และจุดผิดพลาดที่ทำให้หนังใหญ่ระดับนี้ดูลดเกรดลงอย่างไม่น่าเชื่อคือ การมีผู้ร้ายที่ดูงี่เง่า ไม่สมกับหนังแอคชั่นสายลับระดับนี้ที่ต้องมีการประชันสมองกันด้วย
ตัวหนังยังมีความยืดยาวที่เกินความจำเป็น ด้วยบทพูดซ้ำๆซากๆ และฉากแอคชั่นที่ลากยาวเกินความจำเป็น มุกตลกในหนัง ก็ขำบ้างไม่ขำบ้าง เอ่อ แล้วไม่รู้ว่ามีใครรู้สึกเหมือนผมมั้ย ผมไม่แน่ใจว่าหนังเรื่องนี้ มี stylist หรือเป่า เพราะทั้งเสื้อผ้า หน้าผม พระเอก รวมถึงนักแสดงคนอื่นๆ มันดูเชยๆ แปลกๆ
ข้อดีอย่างเดียวของหนังเรื่องนี้ก็คงอยู่ที่แบรนด์ Mission: Impossible ดนตรี theme ที่แค่ได้ยินก็รู้สึกตื่นเต้นแล้ว ฉากแอคชั่นต่างๆที่หนังใส่ให้มา ถ้าดูแบบไม่คิดอะไรมาก คิดว่านี่เป็นหนังแอคชั่นเรื่องหนึ่ง ที่ไม่ใช่หนัง Mission: Impossible ก็พอดูแก้เซ็งได้อยู่
2 ดาวครึ่ง
สารวัตรโรงหนังไปดูมาแล้ว "Mission: Impossible - Rogue Nation" นี่มันวิ่งสู้ฟัด ชัดๆ
ฉากแอคชั่น แม้จะดูจัดเต็ม ใหญ่โต แต่ก็ดูไม่ค่อยตื่นเต้นหรือมีอะไรให้ลุ้นเท่าไร แถมยังดูออกมาโดดๆ ไม่กลมกลืนกับเนื้อเรื่อง และจุดผิดพลาดที่ทำให้หนังใหญ่ระดับนี้ดูลดเกรดลงอย่างไม่น่าเชื่อคือ การมีผู้ร้ายที่ดูงี่เง่า ไม่สมกับหนังแอคชั่นสายลับระดับนี้ที่ต้องมีการประชันสมองกันด้วย
ตัวหนังยังมีความยืดยาวที่เกินความจำเป็น ด้วยบทพูดซ้ำๆซากๆ และฉากแอคชั่นที่ลากยาวเกินความจำเป็น มุกตลกในหนัง ก็ขำบ้างไม่ขำบ้าง เอ่อ แล้วไม่รู้ว่ามีใครรู้สึกเหมือนผมมั้ย ผมไม่แน่ใจว่าหนังเรื่องนี้ มี stylist หรือเป่า เพราะทั้งเสื้อผ้า หน้าผม พระเอก รวมถึงนักแสดงคนอื่นๆ มันดูเชยๆ แปลกๆ
ข้อดีอย่างเดียวของหนังเรื่องนี้ก็คงอยู่ที่แบรนด์ Mission: Impossible ดนตรี theme ที่แค่ได้ยินก็รู้สึกตื่นเต้นแล้ว ฉากแอคชั่นต่างๆที่หนังใส่ให้มา ถ้าดูแบบไม่คิดอะไรมาก คิดว่านี่เป็นหนังแอคชั่นเรื่องหนึ่ง ที่ไม่ใช่หนัง Mission: Impossible ก็พอดูแก้เซ็งได้อยู่
2 ดาวครึ่ง