🛩🛩🛩
คงน่าจะไม่ต้องเกริ่นนำอะไรมากมายกับหนังแฟรนส์ไชส์ที่มีความยาวเกือบจะครบ 30 ปีแล้ว สำหรับ Mission: Impossible กับบทพ่อหนุ่มสายลับไม่มีวันแก่ เอ้ยไม่มีวันตายอย่าง Ethan Hunt ซึ่งหนังมันมีความขี้โม้เหลือเชื่อในการทำภารกิจทุกภาค แต่ก็สะกดคนดูให้ลุ้นเอาใจช่วยพระเอกของเราได้ทุกภาค แม้จะรู้ว่าสุดท้ายแล้วพระเอกก็คือพระเอกนั่นแหละ ภาคนี้ก็เช่นเดียวกัน
🛩🛩🛩
เป็นการต่อยอดจาก Dead Reckoning โดย Ethan Hunt และทีม IMF พยายามหยุดยั้ง AI อัจฉริยะที่ชื่อ "The Entity" ก่อนที่มันจะเข้าควบคุมหัวรบนิวเคลียร์ทั่วโลก และยังต้องเผชิญหน้ากับศัตรูเก่าอย่าง Gabriel อีกด้วย
🛩🛩🛩
หนังมันคือภาคต่ออย่างชัดเจนแน่นอน ไม่ต้องเกริ่นอะไรกันแล้ว เปิดมาเนื้อเรื่องก็สานต่อจากภาค Dead Reckoning กันเลย ด้วยภารกิจที่ยังคงค้างอยู่ในภาคที่แล้ว กับศัตรูคนเดิมที่ยังวนเวียนปั่นหัวพระเอกของเราและผองเพื่อนได้อย่างน่าโดนจัดการให้รู้แล้วรู้รอด ทั้งๆ ที่เจ้า Gabriel ตัวร้ายก็ไม่ได้มีพิษสงอะไรมากมายด้วยซ้ำ
🛩🛩🛩
สิงที่ผมชอบของหนังในภาคนี้คือการโยงเอาเรื่องราวบางอย่างจากภาคก่อนๆ มาผูกโยงกันกับภารกิจสำคัญในภาคนี้ ทั้งๆ ที่เราไม่คิดว่ามันจะผูกกันได้ด้วยซ้ำ แต่หนังก็เอามาเรียงต่อยอดกันไปได้ ซึ่งไม่รู้ว่ามันมีการคิดกันไว้ก่อนแล้วหรือเปล่า แต่กลับกลายเป็ฯว่ามันถูกเอามาเป็นเรื่องราวหลักของภาคนั้ไปได้อย่างยอดเยี่ยม รวมไปถึงของบางอย่างที่พระเอกเราทำหายไปในภาคแรก ที่ทำให้ตัวละครอีกตัวที่จะมาเป็นคีย์หลักในภาคนี้กลับมาได้อีก เจ๋งป่ะล่ะ
🛩🛩🛩
ส่วนเอกลักษณ์ของหนังที่เป็นเหมือนจุดขายหลักของทุกภาคไปแล้ว นั่นคือความขี้โม้ และเก่งระดับปรมาจารย์ของพระเอก Ethan Hunt ที่หนังมักจะเอาตรงนี้มาทำให้คนดูอึ้ง ทึ่ง และรู้สึกว่าหนังมันโม้มาก แต่ก็ลุ้นมากเช่นกัน ยังมีอยู่เต็มที่ หนังมันสามารถทำให้คนดูลุ้นภารกิจไปด้วยแล้วอุทานไปด้วยว่า โม้ Ship ไปด้วยได้ตลอดทั้งเรื่อง บวกกับฉากแอ็คชั่นที่ไม่มีใครคิดว่าจะสามารถทำได้ ก็ออกมาเสิร์ฟอย่างไม่ยั้ง ไม่ได้ด้อยไปกว่าภาคก่อนๆ เลย
🛩🛩🛩
ถือว่าเป็นการปิดจบภารกิจที่ยอดเยี่ยม ถึงแม้หนังจะยาวไปหน่อย เพราะมันมีบทพูดและฉากหลายๆ ฉากที่พระเอกต้องไปต้องทำเยอะมาก ทำให้หนังมันยาวเกือบสามชั่วโมงเลยทีเดียว และหนังก็ยังยาวถึงเกือบ 30 มาแล้วจนดาราที่เล่นภาคก่อนบางคนก็จากพวกเราไปแล้ว แต่หนังก็ยังคงมีเสน่ห์และพาให้เราดูและลุ้นไปได้ตลอดภารกิจ แต่ก็น่าเสียดายที่ตัวละครหลายๆ คนในเรื่องก็ต้องจากเราไปเช่นเดียวกัน
ชอบอ่านรีวิวหนัง แวะมาพูดคุยกันได้นะครับ >>>
https://www.facebook.com/DooNangGunMai
[CR] [#Review] Mission: Imppossible The Final Reckoning - ภาคจบภารกิจ รู้ทั้งรู้ว่าหนังมันขี้โม้ แต่โอ้โห...ลุ้นทุกฉาก
🛩🛩🛩
คงน่าจะไม่ต้องเกริ่นนำอะไรมากมายกับหนังแฟรนส์ไชส์ที่มีความยาวเกือบจะครบ 30 ปีแล้ว สำหรับ Mission: Impossible กับบทพ่อหนุ่มสายลับไม่มีวันแก่ เอ้ยไม่มีวันตายอย่าง Ethan Hunt ซึ่งหนังมันมีความขี้โม้เหลือเชื่อในการทำภารกิจทุกภาค แต่ก็สะกดคนดูให้ลุ้นเอาใจช่วยพระเอกของเราได้ทุกภาค แม้จะรู้ว่าสุดท้ายแล้วพระเอกก็คือพระเอกนั่นแหละ ภาคนี้ก็เช่นเดียวกัน
🛩🛩🛩
เป็นการต่อยอดจาก Dead Reckoning โดย Ethan Hunt และทีม IMF พยายามหยุดยั้ง AI อัจฉริยะที่ชื่อ "The Entity" ก่อนที่มันจะเข้าควบคุมหัวรบนิวเคลียร์ทั่วโลก และยังต้องเผชิญหน้ากับศัตรูเก่าอย่าง Gabriel อีกด้วย
🛩🛩🛩
หนังมันคือภาคต่ออย่างชัดเจนแน่นอน ไม่ต้องเกริ่นอะไรกันแล้ว เปิดมาเนื้อเรื่องก็สานต่อจากภาค Dead Reckoning กันเลย ด้วยภารกิจที่ยังคงค้างอยู่ในภาคที่แล้ว กับศัตรูคนเดิมที่ยังวนเวียนปั่นหัวพระเอกของเราและผองเพื่อนได้อย่างน่าโดนจัดการให้รู้แล้วรู้รอด ทั้งๆ ที่เจ้า Gabriel ตัวร้ายก็ไม่ได้มีพิษสงอะไรมากมายด้วยซ้ำ
🛩🛩🛩
สิงที่ผมชอบของหนังในภาคนี้คือการโยงเอาเรื่องราวบางอย่างจากภาคก่อนๆ มาผูกโยงกันกับภารกิจสำคัญในภาคนี้ ทั้งๆ ที่เราไม่คิดว่ามันจะผูกกันได้ด้วยซ้ำ แต่หนังก็เอามาเรียงต่อยอดกันไปได้ ซึ่งไม่รู้ว่ามันมีการคิดกันไว้ก่อนแล้วหรือเปล่า แต่กลับกลายเป็ฯว่ามันถูกเอามาเป็นเรื่องราวหลักของภาคนั้ไปได้อย่างยอดเยี่ยม รวมไปถึงของบางอย่างที่พระเอกเราทำหายไปในภาคแรก ที่ทำให้ตัวละครอีกตัวที่จะมาเป็นคีย์หลักในภาคนี้กลับมาได้อีก เจ๋งป่ะล่ะ
🛩🛩🛩
ส่วนเอกลักษณ์ของหนังที่เป็นเหมือนจุดขายหลักของทุกภาคไปแล้ว นั่นคือความขี้โม้ และเก่งระดับปรมาจารย์ของพระเอก Ethan Hunt ที่หนังมักจะเอาตรงนี้มาทำให้คนดูอึ้ง ทึ่ง และรู้สึกว่าหนังมันโม้มาก แต่ก็ลุ้นมากเช่นกัน ยังมีอยู่เต็มที่ หนังมันสามารถทำให้คนดูลุ้นภารกิจไปด้วยแล้วอุทานไปด้วยว่า โม้ Ship ไปด้วยได้ตลอดทั้งเรื่อง บวกกับฉากแอ็คชั่นที่ไม่มีใครคิดว่าจะสามารถทำได้ ก็ออกมาเสิร์ฟอย่างไม่ยั้ง ไม่ได้ด้อยไปกว่าภาคก่อนๆ เลย
🛩🛩🛩
ถือว่าเป็นการปิดจบภารกิจที่ยอดเยี่ยม ถึงแม้หนังจะยาวไปหน่อย เพราะมันมีบทพูดและฉากหลายๆ ฉากที่พระเอกต้องไปต้องทำเยอะมาก ทำให้หนังมันยาวเกือบสามชั่วโมงเลยทีเดียว และหนังก็ยังยาวถึงเกือบ 30 มาแล้วจนดาราที่เล่นภาคก่อนบางคนก็จากพวกเราไปแล้ว แต่หนังก็ยังคงมีเสน่ห์และพาให้เราดูและลุ้นไปได้ตลอดภารกิจ แต่ก็น่าเสียดายที่ตัวละครหลายๆ คนในเรื่องก็ต้องจากเราไปเช่นเดียวกัน
ชอบอ่านรีวิวหนัง แวะมาพูดคุยกันได้นะครับ >>> https://www.facebook.com/DooNangGunMai
CR - Consumer Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ CR โดยที่เจ้าของกระทู้