ขออนุญาติเล่าเรื่องราวของคนๆหนึ่งไว้ที่นี่ เพื่อ
- เก็บเรื่องราว
- แชร์ชีวิต
____________________________________________________________________________________
เนี้ยกเกิดมาในขณะที่ครอบครัวกำลังลำบาก
เกิดมาก็ถูกส่งให้ไปอยู่กับอาม่า
อาม่าเลี้ยงเด็กคนนั้นด้วยความรัก อบอุ่นและเอาใจใส่
ทุกวันจะถาม 'อาเนี้ยก เจี่ยมิไก๊' (จะกินอะไร) พอใส่บารตก็ปรามไม่ให้โดนจีวร
สอนให้คิด พูด ทำดี
พอโตขึ้นเข้าวัยเรียนได้ไม่เท่าไหร่ก็ถูกส่งให้กลับมาอยู่กับแม่เพราะแม่มีน้องอีก 3 คน
ชีวิตเหมือนตกเหวทันที จนเด็กหญิงต้องถามอาม่าว่า 'คนๆนั้นเป็นแม่หนูจริงๆหรอ?...'
ตั้งแต่เช้าตรู่ เด็กน้อย ถูกสะกิดด้วยเท้าของ 'แม่' เพื่อไปซื้อวัตถุดิบก๋วยเตี๋ยวที่ตลาด
นั่งรถเมล์พร้อมกับถังหิ้ว2ใบ บางวันรถเมล์ก็แกล้งจอดเลยป้าย เธอก็ต้องเดินไกลเข้าไปอีก
และขึ้นรถเมล์ขากลับด้วยการหิ้วถังหนักๆ2ใบเพื่อกลับบ้าน
กลับมาก็ต้องนั่งขูดปลาเพื่อทำลูกชิ้น พอทำเสร็จก็ต้องรีบอาบน้ำเพื่อไปโรงเรียน
เธอไปโรงเรียนสายทุกวัน โดนไปยืนหน้าเสาธง ตามตัวมีแต่กลิ่นคาวปลาเพราะไม่มีเวลาให้ขัดตัวมากนัก
เพื่อนๆต่างเรียก 'อีเจ๊กเหม็นคาว' 'อี๋ อีเจ๊กเหม็นคาวมาแล้ว'
กลับถึงบ้านแม่ก็แต่งตัวสวยออกไปข้างนอก ทิ้งงานที่ร้านให้เธอ ล้างหม้อก๋วยเตี๋ยว ชาม ตะเกียบ
ต้องดูแลน้องๆอีก3คน คนนี้หิวข้าว คนนู้นหิวนม คนนั้นร้องไห้ เธอต้องเอาเศษก๋วยเตี๋ยวในตู้มาลวกกินประทังชีวิตกัน4คนพี่น้อง แม้แต่ไข่ก็ยังต้องไปขอยืมจากข้างบ้านเพราะไม่มีอะไรกินเลย
กว่าจะได้ทำการบ้าน ก็เป็นเวลาที่เด็กคนอื่นเข้านอนมานานแล้ว
วันหนึ่ง เธอยกชามที่ซ้อนกันสูงกว่าหัว วิ่งเพื่อไปเก็บ แต่พลาดลื่นน้ำก๋วยเตี๋ยว ทำให้ล้มและชามหล่นแตก
สิ่งที่แม่ของเธอทำคือ ด่าด้วยคำหยาบคาย และหยิบตะเกียบมัดใหญ่มาตีเธอไม่ยั้งจนพ่อต้องรีบมาห้ามและด่าแม่ไป
และเพราะพ่อเธอไปมีอีกครอบครัวหนึ่ง การได้รับการปกป้องจากพ่อก็มีน้อย
ในวันหยุดพ่อก็จะพาเธอไปนอนบ้านญาติจนครบทุกคน ได้เล่นสนุกมีความสุข ระหว่างขับรถ พ่อจะสอนให้เรื่องราวต่างๆให้ฟัง เธอใช้ชีวิตวัยเด็กแบบเด็กผู้ชาย แสบๆแมนๆ ปีนต้นไม้ ปีนรั้วบ้านคนอื่นไปขโมยผลไม้กิน บ้านที่อยู่เป็นบ้านไม้ร่มรื่นแถวซอยอารีย์ ทุกวันพ่อก็จะเปิดเพลงสากลเก่าๆให้ฟัง
เวลาผ่านไปเนี้ยกได้เติบโตมา เป็นหญิงสาววัยรุ่นที่ห้าว และมีเล่เลี่ยมพอตัว เพราะต้องอยู่ในสภาพแวดล้อมในกรุงเทพที่มีแต่ยาเสพติด อันธพาล
ไปโรงเรียนก็คบเพื่อนไม่เอาไหน เรียนบ้าง โดดบ้าง อัพยามั่วสุม อยู่ในแก๊งเด็กผู้ชาย ชิงสร้อยคนแก่ วิ่งหนีตำรวจทั้งชุดนักเรียน
เนี้ยกเป็นเด็กรักเรียน แม้สมองจะไม่ดีนักแต่เธอก็พยายามเข้าใจ แต่เธอเป็นเด็กที่ไม่เคยได้เข้าค่ายเลย เพราะแม่ไม่เคยให้ไป เพื่อนๆไปเข้าค่ายสนุก แต่เธอกลับต้องอยู่บ้านล้างชามก๋วยเตี๋ยว
ด้วยเพราะขาดความอบอุ่นและถูกใช้งานโดยทรมาน เธอหนีออกจากบ้าน แต่แม่ตามเธอโดยวิ่งตามและตะโกน 'ช่วยด้วยๆ โจรมันขโมยของฉัน!'
เธอก็ต้องกลับมาบ้าน และถูกทรมานต่อไป
พอโตหน่อยก็ได้ทำงานพิเศษมากมาย เป็นพนักงานขายของที่บ้านหม้อ เคาน์เตอร์แท็กซี่ที่โรงแรม
เป็นพนักงานประจำรถทัวร์ หลังจากรถเข้าอู่ จะมีของเหลือที่ผู้โดยสารไม่กิน เธอก็จะเอากลับมาให้น้องๆอีก3คนที่บ้านได้กิน บางวัน ต้องทะเลาะ เกือบโดนผู้ชายต่อยเพราะต้องแย่งของเหลือกลับไปให้น้องๆ
ต่อมาพ่อได้ทำงานเป็นเซลล์ที่บริษัทเครื่องใช้ไฟฟ้าแห่งหนึ่ง ถึงแม้พ่อเรียนน้อย จบแค่ป.4 แต่ด้วยความมานะอดทนและรักความก้าวหน้า ทำให้ขวนขวายจนสามารถพูดได้ถึง5ภาษา มีความสามารถ สร้างยอดขายให้บริษัทอย่างมากมาย จนได้เป็นผู้จัดการระดับภาคกลาง ได้ไปต่างประเทศบ่อยๆเพื่อดูงานและนำมาพัฒนางาน
ในวันหนึ่ง ขณะที่ลูกๆทั้ง4ดูการ์ตูนโดเรม่อนอยู่ พ่อก็มาดูด้วย ดูไปไม่เสียเปล่า พ่อนั่งวาดรูปโดเรม่อนขึ้นมา และให้แม่นำไปเย็บเป็นตุ๊กตา
เป็นตุ๊กตาโดเรม่อนที่เหมือนมาก พ่อจึงเริ่มหาช่องทาง เปิดเป็นโรงงานตุ๊กตาและเย็บตุ๊กตาแบบใหม่ๆออกขาย โดยมีเนี้ยก ที่ตอนนี้โตเป็นสาวแล้วไปเปิดตลาดที่สัมเพ็ง และได้ส่งของให้ที่นั่นมาตลอด
จนถึงช่วงกิจการรุ่งเรือง ได้ไปออกงานส่งออกที่เมืองทองธานี ทำยอดขายหลายแสนบาท ได้รางวัลตุ๊กตาหน้าเหมือน โดยมีเนี้ยกเป็นเซลล์ขาย
โดยพ่อสอนว่า 'เงินน่ะ ลอยอยู่เต็มไปหมด เราต้องใช้ความสามารถ ทำให้เงินนั้นมาอยู่ในกระเป๋าเรา'
ต่อมาโรงงานของที่บ้านก็เป็นไปด้วยดี ตอนนั้นแม่มีปัญหากับพ่อ พ่อไม่ให้เข้าบ้าน แม่มาขอร้องให้เนี้ยกช่วยพูดจนเข้าบ้านได้สำเร็จโดยบอกว่าจะมาช่วยทำอาหารให้คนงาน ส่วนน้องชายได้เข้ามาช่วยกิจการ โดยให้เงินพ่อวันละ500 โดยบอกว่าจะบริหารให้เอง พ่อก็ชอบใจ ลูกชายช่วยกิจการ ก็ใช้เวลาไปกับการดูงานต่างๆเพื่อพัฒนาโรงงาน
วันหนึ่งเมื่อพ่อกลับมาที่โรงงาน ลูกชายก็ยึดเก้าอี้และบอกว่า 'ที่นี่ไม่มีที่ให้พ่อแล้ว' .....
.....
.....
เนี้ยกซึ่งไม่รู้เรื่องอะไรเพราะไปต่างจังหวัด พ่อเรียกให้มานั่งกินเหล้าเป็นเพื่อน พอเมาได้ที่จึงระบายทุกอย่างออกมา พ่อไม่ว่าลูก แต่ด่าแม่ของเธอต่างๆนาๆ เพราะแม่เสี้ยม ลูกถึงเป็นอย่างนี้ โมโหจนทนไม่ไหวรีบไปหยีบมีดจะเอาไปแทงแม่ เนี้ยกต้องรีบรั้งไว้และให้สติ จนสุดท้ายพ่อยอมและไปอยู่กับอีกครอบครัว ด้วยความที่พ่อเครียดหนักและคิดมาก ดื่มเหล้าไปเยอะมาก ทำให้เส้นเลือดในสมองแตกและเป็นอัมพฤกษ์ในที่สุด
ในอีกฝั่ง เมื่อยึดโรงงานมาได้ก็ออกรถหรู ใช้ชีวิตดี แต่โรงงานก็ต้องมาถึงจุดต่ำสุดจนต้องปิดกิจการ แต่ก่อนหน้านั้นก็โกงแชร์หลายล้านเพื่อมาเปิดกิจการใหม่ พวกนั้นต้องต่อสู้กันอีกรอบ อาจเพราะ แม้แต่พ่อตัวเองยังโกงได้ ก็โกงคนอื่นได้ จนสุดท้ายพวกเขาก็มีกิจการที่มั่นคง มีหน้ามีตาในสังคม โดยเหยียบคนอื่นขึ้นมา....
____________________________________________________________________________________
ถ้ามีโอกาส จะขอพิมเรื่องราวเต็มๆจนถึงปัจจุบันของเนี้ยก
คุณผ่านเรื่องราวมาเยอะมากและเหนื่อยมาก การที่คุณมีชีวิตอย่างทุกวันนี้ได้ก็เพียงพอแล้ว ขอโทษที่เคยรู้สึกว่าทำไมหนูไม่มีชีวิตที่ดีกว่านี้ แต่มองย้อนกลับไป คุณเป็นคนที่เก่งมากที่ผ่านอะไรยากๆมา ขอบคุณจริงๆที่ทำให้หนูเกิดมาโดยไม่รู้สึกว่าขาดอะไรเลย ขอบคุณจริงๆ
Supernaeak Story
- เก็บเรื่องราว
- แชร์ชีวิต
____________________________________________________________________________________
เนี้ยกเกิดมาในขณะที่ครอบครัวกำลังลำบาก
เกิดมาก็ถูกส่งให้ไปอยู่กับอาม่า
อาม่าเลี้ยงเด็กคนนั้นด้วยความรัก อบอุ่นและเอาใจใส่
ทุกวันจะถาม 'อาเนี้ยก เจี่ยมิไก๊' (จะกินอะไร) พอใส่บารตก็ปรามไม่ให้โดนจีวร
สอนให้คิด พูด ทำดี
พอโตขึ้นเข้าวัยเรียนได้ไม่เท่าไหร่ก็ถูกส่งให้กลับมาอยู่กับแม่เพราะแม่มีน้องอีก 3 คน
ชีวิตเหมือนตกเหวทันที จนเด็กหญิงต้องถามอาม่าว่า 'คนๆนั้นเป็นแม่หนูจริงๆหรอ?...'
ตั้งแต่เช้าตรู่ เด็กน้อย ถูกสะกิดด้วยเท้าของ 'แม่' เพื่อไปซื้อวัตถุดิบก๋วยเตี๋ยวที่ตลาด
นั่งรถเมล์พร้อมกับถังหิ้ว2ใบ บางวันรถเมล์ก็แกล้งจอดเลยป้าย เธอก็ต้องเดินไกลเข้าไปอีก
และขึ้นรถเมล์ขากลับด้วยการหิ้วถังหนักๆ2ใบเพื่อกลับบ้าน
กลับมาก็ต้องนั่งขูดปลาเพื่อทำลูกชิ้น พอทำเสร็จก็ต้องรีบอาบน้ำเพื่อไปโรงเรียน
เธอไปโรงเรียนสายทุกวัน โดนไปยืนหน้าเสาธง ตามตัวมีแต่กลิ่นคาวปลาเพราะไม่มีเวลาให้ขัดตัวมากนัก
เพื่อนๆต่างเรียก 'อีเจ๊กเหม็นคาว' 'อี๋ อีเจ๊กเหม็นคาวมาแล้ว'
กลับถึงบ้านแม่ก็แต่งตัวสวยออกไปข้างนอก ทิ้งงานที่ร้านให้เธอ ล้างหม้อก๋วยเตี๋ยว ชาม ตะเกียบ
ต้องดูแลน้องๆอีก3คน คนนี้หิวข้าว คนนู้นหิวนม คนนั้นร้องไห้ เธอต้องเอาเศษก๋วยเตี๋ยวในตู้มาลวกกินประทังชีวิตกัน4คนพี่น้อง แม้แต่ไข่ก็ยังต้องไปขอยืมจากข้างบ้านเพราะไม่มีอะไรกินเลย
กว่าจะได้ทำการบ้าน ก็เป็นเวลาที่เด็กคนอื่นเข้านอนมานานแล้ว
วันหนึ่ง เธอยกชามที่ซ้อนกันสูงกว่าหัว วิ่งเพื่อไปเก็บ แต่พลาดลื่นน้ำก๋วยเตี๋ยว ทำให้ล้มและชามหล่นแตก
สิ่งที่แม่ของเธอทำคือ ด่าด้วยคำหยาบคาย และหยิบตะเกียบมัดใหญ่มาตีเธอไม่ยั้งจนพ่อต้องรีบมาห้ามและด่าแม่ไป
และเพราะพ่อเธอไปมีอีกครอบครัวหนึ่ง การได้รับการปกป้องจากพ่อก็มีน้อย
ในวันหยุดพ่อก็จะพาเธอไปนอนบ้านญาติจนครบทุกคน ได้เล่นสนุกมีความสุข ระหว่างขับรถ พ่อจะสอนให้เรื่องราวต่างๆให้ฟัง เธอใช้ชีวิตวัยเด็กแบบเด็กผู้ชาย แสบๆแมนๆ ปีนต้นไม้ ปีนรั้วบ้านคนอื่นไปขโมยผลไม้กิน บ้านที่อยู่เป็นบ้านไม้ร่มรื่นแถวซอยอารีย์ ทุกวันพ่อก็จะเปิดเพลงสากลเก่าๆให้ฟัง
เวลาผ่านไปเนี้ยกได้เติบโตมา เป็นหญิงสาววัยรุ่นที่ห้าว และมีเล่เลี่ยมพอตัว เพราะต้องอยู่ในสภาพแวดล้อมในกรุงเทพที่มีแต่ยาเสพติด อันธพาล
ไปโรงเรียนก็คบเพื่อนไม่เอาไหน เรียนบ้าง โดดบ้าง อัพยามั่วสุม อยู่ในแก๊งเด็กผู้ชาย ชิงสร้อยคนแก่ วิ่งหนีตำรวจทั้งชุดนักเรียน
เนี้ยกเป็นเด็กรักเรียน แม้สมองจะไม่ดีนักแต่เธอก็พยายามเข้าใจ แต่เธอเป็นเด็กที่ไม่เคยได้เข้าค่ายเลย เพราะแม่ไม่เคยให้ไป เพื่อนๆไปเข้าค่ายสนุก แต่เธอกลับต้องอยู่บ้านล้างชามก๋วยเตี๋ยว
ด้วยเพราะขาดความอบอุ่นและถูกใช้งานโดยทรมาน เธอหนีออกจากบ้าน แต่แม่ตามเธอโดยวิ่งตามและตะโกน 'ช่วยด้วยๆ โจรมันขโมยของฉัน!'
เธอก็ต้องกลับมาบ้าน และถูกทรมานต่อไป
พอโตหน่อยก็ได้ทำงานพิเศษมากมาย เป็นพนักงานขายของที่บ้านหม้อ เคาน์เตอร์แท็กซี่ที่โรงแรม
เป็นพนักงานประจำรถทัวร์ หลังจากรถเข้าอู่ จะมีของเหลือที่ผู้โดยสารไม่กิน เธอก็จะเอากลับมาให้น้องๆอีก3คนที่บ้านได้กิน บางวัน ต้องทะเลาะ เกือบโดนผู้ชายต่อยเพราะต้องแย่งของเหลือกลับไปให้น้องๆ
ต่อมาพ่อได้ทำงานเป็นเซลล์ที่บริษัทเครื่องใช้ไฟฟ้าแห่งหนึ่ง ถึงแม้พ่อเรียนน้อย จบแค่ป.4 แต่ด้วยความมานะอดทนและรักความก้าวหน้า ทำให้ขวนขวายจนสามารถพูดได้ถึง5ภาษา มีความสามารถ สร้างยอดขายให้บริษัทอย่างมากมาย จนได้เป็นผู้จัดการระดับภาคกลาง ได้ไปต่างประเทศบ่อยๆเพื่อดูงานและนำมาพัฒนางาน
ในวันหนึ่ง ขณะที่ลูกๆทั้ง4ดูการ์ตูนโดเรม่อนอยู่ พ่อก็มาดูด้วย ดูไปไม่เสียเปล่า พ่อนั่งวาดรูปโดเรม่อนขึ้นมา และให้แม่นำไปเย็บเป็นตุ๊กตา
เป็นตุ๊กตาโดเรม่อนที่เหมือนมาก พ่อจึงเริ่มหาช่องทาง เปิดเป็นโรงงานตุ๊กตาและเย็บตุ๊กตาแบบใหม่ๆออกขาย โดยมีเนี้ยก ที่ตอนนี้โตเป็นสาวแล้วไปเปิดตลาดที่สัมเพ็ง และได้ส่งของให้ที่นั่นมาตลอด
จนถึงช่วงกิจการรุ่งเรือง ได้ไปออกงานส่งออกที่เมืองทองธานี ทำยอดขายหลายแสนบาท ได้รางวัลตุ๊กตาหน้าเหมือน โดยมีเนี้ยกเป็นเซลล์ขาย
โดยพ่อสอนว่า 'เงินน่ะ ลอยอยู่เต็มไปหมด เราต้องใช้ความสามารถ ทำให้เงินนั้นมาอยู่ในกระเป๋าเรา'
ต่อมาโรงงานของที่บ้านก็เป็นไปด้วยดี ตอนนั้นแม่มีปัญหากับพ่อ พ่อไม่ให้เข้าบ้าน แม่มาขอร้องให้เนี้ยกช่วยพูดจนเข้าบ้านได้สำเร็จโดยบอกว่าจะมาช่วยทำอาหารให้คนงาน ส่วนน้องชายได้เข้ามาช่วยกิจการ โดยให้เงินพ่อวันละ500 โดยบอกว่าจะบริหารให้เอง พ่อก็ชอบใจ ลูกชายช่วยกิจการ ก็ใช้เวลาไปกับการดูงานต่างๆเพื่อพัฒนาโรงงาน
วันหนึ่งเมื่อพ่อกลับมาที่โรงงาน ลูกชายก็ยึดเก้าอี้และบอกว่า 'ที่นี่ไม่มีที่ให้พ่อแล้ว' .....
.....
.....
เนี้ยกซึ่งไม่รู้เรื่องอะไรเพราะไปต่างจังหวัด พ่อเรียกให้มานั่งกินเหล้าเป็นเพื่อน พอเมาได้ที่จึงระบายทุกอย่างออกมา พ่อไม่ว่าลูก แต่ด่าแม่ของเธอต่างๆนาๆ เพราะแม่เสี้ยม ลูกถึงเป็นอย่างนี้ โมโหจนทนไม่ไหวรีบไปหยีบมีดจะเอาไปแทงแม่ เนี้ยกต้องรีบรั้งไว้และให้สติ จนสุดท้ายพ่อยอมและไปอยู่กับอีกครอบครัว ด้วยความที่พ่อเครียดหนักและคิดมาก ดื่มเหล้าไปเยอะมาก ทำให้เส้นเลือดในสมองแตกและเป็นอัมพฤกษ์ในที่สุด
ในอีกฝั่ง เมื่อยึดโรงงานมาได้ก็ออกรถหรู ใช้ชีวิตดี แต่โรงงานก็ต้องมาถึงจุดต่ำสุดจนต้องปิดกิจการ แต่ก่อนหน้านั้นก็โกงแชร์หลายล้านเพื่อมาเปิดกิจการใหม่ พวกนั้นต้องต่อสู้กันอีกรอบ อาจเพราะ แม้แต่พ่อตัวเองยังโกงได้ ก็โกงคนอื่นได้ จนสุดท้ายพวกเขาก็มีกิจการที่มั่นคง มีหน้ามีตาในสังคม โดยเหยียบคนอื่นขึ้นมา....
____________________________________________________________________________________
ถ้ามีโอกาส จะขอพิมเรื่องราวเต็มๆจนถึงปัจจุบันของเนี้ยก
คุณผ่านเรื่องราวมาเยอะมากและเหนื่อยมาก การที่คุณมีชีวิตอย่างทุกวันนี้ได้ก็เพียงพอแล้ว ขอโทษที่เคยรู้สึกว่าทำไมหนูไม่มีชีวิตที่ดีกว่านี้ แต่มองย้อนกลับไป คุณเป็นคนที่เก่งมากที่ผ่านอะไรยากๆมา ขอบคุณจริงๆที่ทำให้หนูเกิดมาโดยไม่รู้สึกว่าขาดอะไรเลย ขอบคุณจริงๆ