เหนือมนตรา ตอนที่ 6

กระทู้สนทนา
ลงอีกครั้งในวันแม่นะคะ อมยิ้ม14 ถึงแม่จะไม่อยู่แล้วแต่หนูจะขอสานฝันของแม่ต่อไป.....คิดถึงแม่นะอมยิ้ม08



“ คุณกานต์เขาช่างมีรสนิยมในกาตกแต่งบ้านเหลือเกินนะ  เธอดูสิญาทุกอย่างมันดูลงตัวสวยงามกลมกลืนไปหมด  ดารู้สึกว่าเหมือนเราเข้ามานั่งอยู่ในวังโบราณที่สวยงามจริงๆเลยนะ  ”
“ ใช่  ญาก็คิดอย่างนั้น  ไม่นึกว่าจะมีคนที่มีรสนิยมในการสร้างบ้านและตกแต่งบ้านได้สวยงามสมบูรณ์แบบอย่างนี้  ”

นางกำนัลนำน้ำชาและขนมออกมารับรองแขก  สรีดามองกิริยามารยาทที่อ้อนน้อมนุ่มนวลของหญิงสาวแล้วถึงกับทึ่งทีเดียว

“ วัต  นี่เราหลงเข้ามาในวังหลวงหรือเปล่านี่  ”
“ พูดเล่นไปได้  นี่ไงที่เขาเรียกว่างามอย่างคนเหนือ  ”

ภควัตบอกยิ้มๆ  ตัวเขาเองไม่ได้รู้สึกถึงความผิดปรกติแต่อย่างใดกับสิ่งสวยงามและมารยาทอันนุ่มนวลของคนที่นี่  

“ มิน่า  เขาถึงว่าเสน่ห์เมืองเหนือคือความงดงามของบ้านเมืองและความอ่อนช้อยของสาวเวียนเหนือ  ”

ภควัตยิ้ม  เขาดื่มน้ำชาและอดที่จะมองไปยังประตูห้องไม่ได้  เผื่อว่าสตรีผู้งดงามผู้นั้นจะออกมาบ้าง  แต่ผู้ที่กลับเข้ามาคือเจ้าหัตถากานต์  พระพักตร์ที่กระจ่างนวลยิ้มละมัยเมื่อมาประทับนั่ง

“ ต้องขอโทษด้วยที่ทิ้งให้นั่งรอ  พอดีผมมีธุระนิดหน่อย  เชิญสิครับอาหารว่าง  จะชวนคุณทั้งสามรับประทานอาหารมื้อค่ำด้วยกันแต่พวกคุณก็รับประทานกันมาแล้ว  ”

สรีดาแปลกใจว่าเจ้าหัตถากานต์รู้ได้อย่างไรว่าพวกเธอกินข้าวมื้อเย็นกันมาแล้ว  

“ แล้วรถของคุณที่จอดทิ้งเอาไว้จะทำอย่างไรครับ  ”
“  ไม่เป็นไรครับ  ผมให้คนของผมไปจัดการแล้ว  ”
“  ผมคงรบกวนคุณกานต์เพียงเท่านี้  นี่ก็ค่ำแล้วจะพาดากับคุณญาไปพักผ่อนก่อน  ”

เจ้าหัตถากานต์เสด็จมาส่งภควัตกับเพื่อนสาวที่หน้าเรือน  เมื่อรถของภควัตขับออกไปพ้นรั้วบ้านนักขวราชก็เสด็จเข้ามาในห้องรับแขกพระเจ้าหัตถากานต์เสด็จตามเข้ามาจ้องมองร่างบอบบางที่ยืนนิ่งอย่างสะพระทัย

“ เจ้าไม่กล้าออกมาพบเขาเพราะทนไม่ได้ใช่ไหม  ทนไม่ได้ที่จะเห็นความว่างเปล่าในสายตาและในใจของเขาใช่ไหม  ”
“ เจ้าพี่ไปพาเขามาก็เพื่อต้องการทรมานจิตใจของหม่อมฉันใช่ไหม  มันยังไม่สาแก่ใจของเจ้าพี่ใช่ไหม  เอาสิ  จะทำอะไรอีกก็ได้  เอาเลย  ทำไปเลยถ้าทรงทำไปแล้วทรงมีความสาแก่พระทัยสมแก่พระทัย  ”
“ เปล่า  พี่ไม่ได้สมใสสาใส  แต่พี่จะดูต่างหาก  จะดูว่าผู้ที่พ่ายแพ้อย่างย่อยยับไปแล้วมันจะเผยอย้อนกลับมาเอาชนะพี่ได้อีกไหม  แต่ถ้ามันคิดจะเอาชนะพี่อีก  พี่ก็จะทำลายมัน  ทำลายให้ย่อยยับคามือของพี่คงคอยดูไป  ”

ตรัสจบก็เสด็จกลับออกไป  นักขวราชสั่นสะท้านไปทั้งพระวรกาย  หนาวยะเยือกไปทั้งดวงหทัย
พระเจ้าหัตถากานต์เสด็จมายังสนามซ้อมดาบ  ทรงฝึกซ้อมกับยอดฝีมือจนสาแก่พระทัยแล้วจึงเสด็จกลับและมาแช่น้ำเล่นอย่างสำราญพระทัยในสระหลวง
สรีดาเอาของฝากเอามาให้กดภควัตออกจากล่องโดยมีวรัญญานั่งมองอยู่ใกล้ๆ

“ มีแต่ของกินทั้งนั้นเลย  ดูสิ  มีทั้งลูกหยีกวน  สะตอดอง  น้ำพริกเผา  ปลาอินทรีในน้ำมัน  แหมสงสัยอาเนียมกลัวว่าวัตจะอดถึงขนของกินฝากมาซะขนาดนี้  ”
“  คุณวัตเขาโชคดีนะที่อารักและห่วงใยเขาขนาดนี้  ”
“  ใช่ อาเนียมน่ะรักวัตมาก  ทั้งรักทั้งห่วงเลย  เลี้ยงกันมาตั้งแต่เด็ก ๆ ”
“ แต่คุณวัตเธอก็น่ารักนะ  สุภาพเรียบร้อยแบบนี้สมัยนี้หายาก  มีแต่ประเภทขี้โม้ขี้คุย  เจ้าชู้ล่ออกแล่กไม่น่าไว้ใจ  ”
“  นี่ขนาดเธอเพิ่งรู้จักกับวัตเธอก็เอ่ยชมเขาแล้วนะ  แบบนี้แอบคิดอะไรพิเศษหรือเปล่า  ”
“  เธอนี่  ญาก็พูดไปตามที่สายตาเห็นจ่ะ  เราน่ะถึงจะไม่อายุมากจนรู้ทันโลกจนถ่องแท้ก็จริงแต่ก็พบเห็นอะไรมาไม่ใช่น้อย  นิสัยคนเป็นแบบไหนจะดูไม่ออกเชียวหรือ  ”
“ จ่ะ  คนสายตากว้างไกล  มันก็จริงหรอกนะที่เธอว่าวัตเขาดี  เพราะตั้งแต่ดาคบกับวัตมา  วัตไม่เคยทำอะไรหรือปฏิบัติตัวไม่ดีเลย  นิสัยเขาจะเป็นคนใจเย็น  สุภาพ  มองโลกในแง่ดี  และจริงใจกับทุกคนเสมอ  ”
“ เธอทำไมไม่เป็นแฟนกับเขาล่ะดา  คนดีๆเธอไม่น่ามองข้ามนะ  ”
“ เราคงรักกันอย่างแฟนไม่ได้หรอก  ”
“  เพราะอะไร  หรือเธอไม่ชอบคนดี  ”
“  ไม่ใช่อย่างนั้น  แต่เพราะใจมันรักกันอย่างเพื่อน  รักอย่างนั้นมันไม่ได้  จริงๆแล้วผู้ใหญ่ก็พยายามสนับสนุนพวกเราเหมือนกันนะ  แต่เราคุยกันแล้วว่ามันไม่ได้  ของแบบนี้มันบังคับจิตใจกันไม่ได้  ”
“ คงจะจริง  เรื่องของความรักมันไม่ใช่แค่ความชอบหรือความเหมาะสมกันอย่างเดียว  องค์ประกอบมันละเอียดอ่อน  ”
“ เธอล่ะญาเมื่อไหร่จะมีแฟนกับเขาเสียที  ”
“ ญายังหาคนที่ถูกใจไม่ได้  ที่มีเข้ามามันก็รับไม่ได้ทั้งหมด  ก็เลยยังหาไม่ได้สักที  ”

วรัญญาพูด  แต่ใจของเธอนึกไปถึงใบหน้าคมสันของเจ้าหัตถากานต์ที่เธอเพิ่งพบเขาเมื่อวานนี้  ”

“ ญา  ”
“ หืมม์  ”
“ เธอว่าคุณหัตถากานต์เป็นยังไง  ”
“ อะไร  ทำไมมาถามญาแบบนี้  ญาก็เพิ่งรู้จักกับเขาพร้อมกับดานั่นแหละ  ”
“ แล้วญารู้สึกอย่างไรบ้างล่ะกับเพื่อนคนใหม่ที่เราเพิ่งรู้จัก  ”
“ แล้วดาล่ะรู้สึกอย่างไรบ้าง  ”
“ ดาบอกตรงๆเลยนะว่าดาประทับใจเขามาก  เขาดูดี  ดีจนดาว่าเขาต้องไม่เหมือนใคร  ”
“ ดาคิดอย่างนั้นหรือ  ”
“ แล้วญาล่ะรู้สึกเหมือนดาไหม  ”
“ ญาก็ไม่ปฏิเสธนะว่าคุณกานต์ดูดี  แต่เขายังใหม่กับพวกเรามากคงต้องใช้เวลาให้นานกว่านี้จึงจะบอกได้เต็มปากว่าขาจะดีแค่ไหน  ”
“ พูดยังกับจะได้อยู่ศึกษาใจคอเขานานๆได้อย่างนั้นแหละ  ”
“ ไม่ใช่อย่างนั้น  แต่คนเราเมื่อได้รู้จักกันแล้วโอกาสที่จะได้พบปะพูดคุยกับเขาก็ต้องมีอีก  ใช่ไหม  ”
“ จ่ะ  ถ้าถูกใจเขาเป็นพิเศษจะหาทางศึกษาใจคอเขาพอสมควร  ”
“ พูดอะไรน่าเกลียดใครไปถูกใจเขาเล่า  ”
“ แน้   แล้วทำไมต้องหน้าแดงด้วย  นั่นแน่แสดงว่าเพื่อนเราชักจะติดใจหนุ่มเมืองเหนือเขาแล้วสิเนี่ย  ”
“ บ้า  ญาอย่าพูดอะไรน่าเกลียดแบบนี้ออกไปนะ  ใครเขาได้ยินจะเข้าใจผิดไปใหญ่  ”
“ แน่ะๆ  ”

วรัญญายิ้มอายจนสรีดาล้อเพื่อนไม่หยุดปาก

“ พอเถอะ  นี่ญาจะถามอะไรดา  ”
“ ถามอะไรเอ่ย  ”
“ ดาสังเกตุแหวนที่คุณกานต์สวมนิ้วเขาไหม  ”
“ ไม่  ใครจะไปมัวสังเกตรายละเอียดอะไรกับเขานัก  แค่นั่งมองการแต่งบ้านที่สวยวิจิตรก็ตื่นตาเพลินแล้วเขาตกแต่งบ้านได้เลิศหรูอลังการจริงๆ  ทุกอย่างสวยประณีตวิจิตรไปหมด  ”
“ ใช่อันนั้นญาก็ว่าจริง แต่ญาสะดุดาแหวนที่เขาสวยอยู่  น้ำงามเหลือเกินไม่แน่ใจว่าใช่เพชรไหมเพราะสีเวลาล่อกับเสียงไฟมันมีประกายหลายสีออกมา  ”
“ เธอคลุกคลีอยู่กับเพชรพลอยมากี่สิบปี  ดูไม่ออกหรือไงว่าเป็นเพชรหรือพลอย  ”
“ พลอยไม่น่าจะใช่  เพราะน้ำที่งดงามแบบนั้น  แต่เพชรจะเป็นอะไร  ทำไมประกายแห่งแสงถึงได้วาววับงดงามสวยงามขนาดนั้น  ญาก็ไม่กล้าจ้องมองของเขานานๆมันจะน่าเกลียดประเดี๋ยวจะหาว่าเราลุ่มล่ามไม่มีมารยาทคอยแต่จะมองสำรวจเฟอนิเจอร์ประดับตัวของเขา  ”
“ เอาอย่างนี้สิ  ถ้าคราวหน้ามีโอกาสได้พบกับเขาก็ลองขอเขาดู  จะได้หายสงสัยว่ามันคือเพชรชนิดไหน

๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐

เสียงพิณดังแว่วหวานด้วยทำนองเพลงที่ไพเราะจับใจ  พระเจ้าหัตถากานต์ยั้งพระบาทหยุดฟังความไพเราะแห่งเสียงพิณนั้นและตัดสินพระทัยเสด็จพระดำเนินไปยังห้องที่มาของเสียงพิณ  นักขวราชทรงดีดพิณอย่างตั้งพระทัย  นางกำนัลเห็นองค์เหนือหัวเข้ามาจึงก้มกราบถวายบังคมพระเจ้าหัตถากานต์ยกพระหัตถ์ห้ามไม่ให้พวกนางทูลองค์นักขวราชที่กำลังดีดพิณว่าพระองค์เสด็จเข้ามา  จนกระทั่งเสียงเพลงจบลง

“ เสียงพิณของเจ้า  ไม่ว่าเวลาจะผ่านไปนานสักเพียงไรแต่ความไพเราะก็ไม่เคยลดน้อยลงเลยนะ  ”
“ ถวายบังคมเพคะ  ”
“ พี่อยากฟังเจ้าดีดพิณอีกสักเพลงจะได้ไหม  ”
“ ถ้าเป็นความประสงค์ของพระองค์  หม่อมฉันหรือจะกล้าขัด  ”

น้ำเสียงที่ตรัสนั้นเย็นชาจนพระเจ้าหัตถากานต์ผุดลุกขึ้นยืนอย่างไม่พอพระทัยทันที

“ ถ้าเจ้าดีดพิณเพราะจำใจแล้วล่ะก็  ไม่ต้อง  พี่ไม่ต้องการฝืนใจเจ้า  ”

นักขวราชเชิดพระพักตร์  ตรัสเหมือนจะยั่วอารมณ์ของท้าวเธอ

“ ก็ดีเพคะ  ความจริงเจ้าพี่ไม่ใส่พระทัยกับความละเอียดอ่อนของเสียงดนตรีอยู่แล้ว  เพราะมันไม่สร้างความสะพระทัยให้ได้แต่อย่างไรเลยใช่ไหมเพคะ  ”
“ นักขวราช  นี่เจ้าพาลอะไรกันแน่  หรือว่าฟุ้งซ่านทรมานใจอย่างหนักจนต้องหาทางหาเรื่องระบายอารมณ์เลยใช่ไหม ”
“ เจ้าพี่ตรัสอะไร ใครหาเรื่องใครกันแน่ ผู้ที่หาเรื่องน่าจะเป็นเจ้าพี่เอง ผู้ที่ร้อนรนก็น่าจะเป็นองค์เองนั่นแหละ ”
“ ทำไมพี่จะต้องร้อนรน ทำไมพี่ต้องหาเรื่องพี่แค่เป็นผู้ดูต่างหาก ”
“ ไม่จริง เจ้าพี่พยายามดิ้นรน ก็เพราะเจ้าพี่ร้อนรุ่มหวาดกลัว กลัวว่าวันที่ตัวเองจะพ่ายแพ้จะมาถึง กลัวว่าเขาจะมาทวงความยุติธรรมคืน ”
“ นักขวราชเจ้าพูดอะไร พี่หรือกลัวใคร นาคราชอย่างพี่ในโลกและในใต้หล้าพี่จะต้องเกรงกลัวใครอีก ”
“ จริงหรือเพคะที่ทรงตรัสว่าไม่กลัว ”

นักขวราชพระสรวลแล้วจ้องมององค์หัตถากานต์ด้วยสายพระเนตรที่เยาะหยันและชิงชัง

“ นักขวราชเจ้าพูดออกมาเดี๋ยวนี้นะว่าพี่กลัวผู้ใด ”

ทรงถลันเข้าจับไหล่บอบบางพระน้องน้อยบีบอย่างแรงอย่างลืมพระองค์

“ โอ๊ย  ปล่อยหม่อมฉันนะเพคะ ”
“ เจ็บหรือ เจ้าช่างปากดีนัก ”
“ เจ้าพี่  โอ้ย  ปล่อยหม่อมฉันนะ  เจ็บ ”

นักขวราชร้องและดิ้นรนที่ถูกขยุ้มไหล่บีบอย่างแรง บรรดานางกำนัลถึงกับตื่นตะลึงที่เห็นองค์หัตถากานต์ทำร้ายพระเทวีแต่ก็ไม่มี่ใครกล้าเข้าช่วยได้แต่นั่งมองอย่างตื่นตะลึงหวาดกลัว

“ เจ็บ  เจ็บแต่พูดจาหาเรื่อง ได้เลยเมื่อเจ้าอยากจะมีเรื่องกับพี่นัก นี่ไงสิ่งที่เจ้าจะต้องได้รับจากพี่ ”

เหล่านางกำนัลถึงกับก้มหน้างุดเมื่อพระเจ้าหัตถากานต์ปล้ำจูบพระเทวีต่อหน้าต่อตาพวกนาง นักขวราชทั้งเจ็บทั้งแค้นทั้งอายที่ถูกเจ้าพี่กระทำย่ำยีพระนางต่อหน้านางกำนัลของพระนางจึงทรงกันแสงลั่นจนท้าวเธอที่จูบพระนางอยู่ชะงักได้พระสติและปล่อยน้องออกจากวงแขน

“ นักขวราช  พี่  พี่ขอโทษ ”


นักขวราชฟุบพระพักตร์ลงกับตั่งทรงกันแสงอย่างหนักอย่างสุดแสนเจ็บพระทัยที่ถูกเจ้าหัตถากานต์กระทำย่ำยีต่อพระนาง องค์หัตถากานต์รู้สึกเสียพระทัยที่ทำเช่นนั้นต่อพระน้องจึงเสด็จกลับออกไปอย่างไม่ยอมตรัสอะไรอีกเลย


๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐


หมอกยามเช้าโรยตัวปกคลุมไปทั่วบริเวณดูขาวโพลน วรัญญาตื่นแต่เช้าตรู่ออกมาเดินชมความขาวทึบของหมอกอย่างสบายใจ เธอเดินฝ่าดงหมอกมาเรื่อยๆจนออกมาห่างจากบ้านพักรับรองโดยไม่รู้ตัว เมื่อแสงอาทิตย์เริ่มทอแสงอ่อนไอหมอกก็เริ่มจางลง มองกลับไปอีกทีก็รู้ตัวว่าออกมาเสียไกลจึงจะเดินกลับที่พัก ออฟโรดคันงามขับผ่านมาและเหยียบเบรคเมื่อถึงที่หญิงสาวเดินอยู่ กระจกรถเลื่อนลงมาจนมองเห็นผู้ที่ขับ

“ อรุณสวัสดิ์ครับคุณวรัญญา ”

พระเจ้าหัตถากานต์ทักหญิงสาวที่ยืนมองเขาอย่างคาดไม่ถึงว่าจะได้พบกับพระองค์ในเวลาเช้าเช่นนี้

“ อรุณสวัสดิ์เช่นกันค่ะ ”
“ ออกมาเดินเล่นหรือครับ ”
“ ค่ะ  คุณกานต์ล่ะคะไปไหนมา ”
“ กำลังจะกลับบ้านครับ ขึ้นรถสิครับผมจะไปส่งที่นี่กำเรือนพักของคุณไกลเหมือนกันนะ ”
“ ขอบคุณค่ะ ”

วรัญญาขึ้นรถอย่างไม่รีรอลังเล รถเคลื่อนตัวไปอย่างช้าๆวรัญญาอดสูดลมหายใจเอากลินหอมที่อยู่ภายในรถเข้าปอดอย่างชื่นใจไม่ได้เพราะกลิ่นหอมช่างชื่นใจเหลือเกิน

“ จะรังเกียจไหมครับถ้าผมจะเชิญคุณวรัญญาไปดื่มกาแฟที่บ้านของผม ”
“ คือ  ฉันออกมาโดยไม่ได้บอกใคร ประเดี๋ยวพวกเขาจะตกใจที่ฉันหายตัวไป ”
“ ไม่เป็นไร ผมจะให้เด็กไปบอกคุณภควัตว่าคุณไปดื่มกาแฟที่บ้านของผม พวกเขาจะได้ไม่ต้องเป็นห่วง ”
“ ถ้าอย่างนั้นก็ได้ค่ะ ”

พระเจ้าหัตถากานต์ยิ้มละไม วรัญญาต้องหลบสายพระเนตรคู่งามอย่างเขินเพราะสายพระเนตรที่ทรงมองเธอนั้นช่างวาววับให้ต้องขัดเขินเสียเหลือเกิน







...พิมพ์พิลาสฒ์...
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่