ลงอีกครั้งในวันแม่นะคะ

ถึงแม่จะไม่อยู่แล้วแต่หนูจะขอสานฝันของแม่ต่อไป.....คิดถึงแม่นะ
“ คุณกานต์เขาช่างมีรสนิยมในกาตกแต่งบ้านเหลือเกินนะ เธอดูสิญาทุกอย่างมันดูลงตัวสวยงามกลมกลืนไปหมด ดารู้สึกว่าเหมือนเราเข้ามานั่งอยู่ในวังโบราณที่สวยงามจริงๆเลยนะ ”
“ ใช่ ญาก็คิดอย่างนั้น ไม่นึกว่าจะมีคนที่มีรสนิยมในการสร้างบ้านและตกแต่งบ้านได้สวยงามสมบูรณ์แบบอย่างนี้ ”
นางกำนัลนำน้ำชาและขนมออกมารับรองแขก สรีดามองกิริยามารยาทที่อ้อนน้อมนุ่มนวลของหญิงสาวแล้วถึงกับทึ่งทีเดียว
“ วัต นี่เราหลงเข้ามาในวังหลวงหรือเปล่านี่ ”
“ พูดเล่นไปได้ นี่ไงที่เขาเรียกว่างามอย่างคนเหนือ ”
ภควัตบอกยิ้มๆ ตัวเขาเองไม่ได้รู้สึกถึงความผิดปรกติแต่อย่างใดกับสิ่งสวยงามและมารยาทอันนุ่มนวลของคนที่นี่
“ มิน่า เขาถึงว่าเสน่ห์เมืองเหนือคือความงดงามของบ้านเมืองและความอ่อนช้อยของสาวเวียนเหนือ ”
ภควัตยิ้ม เขาดื่มน้ำชาและอดที่จะมองไปยังประตูห้องไม่ได้ เผื่อว่าสตรีผู้งดงามผู้นั้นจะออกมาบ้าง แต่ผู้ที่กลับเข้ามาคือเจ้าหัตถากานต์ พระพักตร์ที่กระจ่างนวลยิ้มละมัยเมื่อมาประทับนั่ง
“ ต้องขอโทษด้วยที่ทิ้งให้นั่งรอ พอดีผมมีธุระนิดหน่อย เชิญสิครับอาหารว่าง จะชวนคุณทั้งสามรับประทานอาหารมื้อค่ำด้วยกันแต่พวกคุณก็รับประทานกันมาแล้ว ”
สรีดาแปลกใจว่าเจ้าหัตถากานต์รู้ได้อย่างไรว่าพวกเธอกินข้าวมื้อเย็นกันมาแล้ว
“ แล้วรถของคุณที่จอดทิ้งเอาไว้จะทำอย่างไรครับ ”
“ ไม่เป็นไรครับ ผมให้คนของผมไปจัดการแล้ว ”
“ ผมคงรบกวนคุณกานต์เพียงเท่านี้ นี่ก็ค่ำแล้วจะพาดากับคุณญาไปพักผ่อนก่อน ”
เจ้าหัตถากานต์เสด็จมาส่งภควัตกับเพื่อนสาวที่หน้าเรือน เมื่อรถของภควัตขับออกไปพ้นรั้วบ้านนักขวราชก็เสด็จเข้ามาในห้องรับแขกพระเจ้าหัตถากานต์เสด็จตามเข้ามาจ้องมองร่างบอบบางที่ยืนนิ่งอย่างสะพระทัย
“ เจ้าไม่กล้าออกมาพบเขาเพราะทนไม่ได้ใช่ไหม ทนไม่ได้ที่จะเห็นความว่างเปล่าในสายตาและในใจของเขาใช่ไหม ”
“ เจ้าพี่ไปพาเขามาก็เพื่อต้องการทรมานจิตใจของหม่อมฉันใช่ไหม มันยังไม่สาแก่ใจของเจ้าพี่ใช่ไหม เอาสิ จะทำอะไรอีกก็ได้ เอาเลย ทำไปเลยถ้าทรงทำไปแล้วทรงมีความสาแก่พระทัยสมแก่พระทัย ”
“ เปล่า พี่ไม่ได้สมใสสาใส แต่พี่จะดูต่างหาก จะดูว่าผู้ที่พ่ายแพ้อย่างย่อยยับไปแล้วมันจะเผยอย้อนกลับมาเอาชนะพี่ได้อีกไหม แต่ถ้ามันคิดจะเอาชนะพี่อีก พี่ก็จะทำลายมัน ทำลายให้ย่อยยับคามือของพี่คงคอยดูไป ”
ตรัสจบก็เสด็จกลับออกไป นักขวราชสั่นสะท้านไปทั้งพระวรกาย หนาวยะเยือกไปทั้งดวงหทัย
พระเจ้าหัตถากานต์เสด็จมายังสนามซ้อมดาบ ทรงฝึกซ้อมกับยอดฝีมือจนสาแก่พระทัยแล้วจึงเสด็จกลับและมาแช่น้ำเล่นอย่างสำราญพระทัยในสระหลวง
สรีดาเอาของฝากเอามาให้กดภควัตออกจากล่องโดยมีวรัญญานั่งมองอยู่ใกล้ๆ
“ มีแต่ของกินทั้งนั้นเลย ดูสิ มีทั้งลูกหยีกวน สะตอดอง น้ำพริกเผา ปลาอินทรีในน้ำมัน แหมสงสัยอาเนียมกลัวว่าวัตจะอดถึงขนของกินฝากมาซะขนาดนี้ ”
“ คุณวัตเขาโชคดีนะที่อารักและห่วงใยเขาขนาดนี้ ”
“ ใช่ อาเนียมน่ะรักวัตมาก ทั้งรักทั้งห่วงเลย เลี้ยงกันมาตั้งแต่เด็ก ๆ ”
“ แต่คุณวัตเธอก็น่ารักนะ สุภาพเรียบร้อยแบบนี้สมัยนี้หายาก มีแต่ประเภทขี้โม้ขี้คุย เจ้าชู้ล่ออกแล่กไม่น่าไว้ใจ ”
“ นี่ขนาดเธอเพิ่งรู้จักกับวัตเธอก็เอ่ยชมเขาแล้วนะ แบบนี้แอบคิดอะไรพิเศษหรือเปล่า ”
“ เธอนี่ ญาก็พูดไปตามที่สายตาเห็นจ่ะ เราน่ะถึงจะไม่อายุมากจนรู้ทันโลกจนถ่องแท้ก็จริงแต่ก็พบเห็นอะไรมาไม่ใช่น้อย นิสัยคนเป็นแบบไหนจะดูไม่ออกเชียวหรือ ”
“ จ่ะ คนสายตากว้างไกล มันก็จริงหรอกนะที่เธอว่าวัตเขาดี เพราะตั้งแต่ดาคบกับวัตมา วัตไม่เคยทำอะไรหรือปฏิบัติตัวไม่ดีเลย นิสัยเขาจะเป็นคนใจเย็น สุภาพ มองโลกในแง่ดี และจริงใจกับทุกคนเสมอ ”
“ เธอทำไมไม่เป็นแฟนกับเขาล่ะดา คนดีๆเธอไม่น่ามองข้ามนะ ”
“ เราคงรักกันอย่างแฟนไม่ได้หรอก ”
“ เพราะอะไร หรือเธอไม่ชอบคนดี ”
“ ไม่ใช่อย่างนั้น แต่เพราะใจมันรักกันอย่างเพื่อน รักอย่างนั้นมันไม่ได้ จริงๆแล้วผู้ใหญ่ก็พยายามสนับสนุนพวกเราเหมือนกันนะ แต่เราคุยกันแล้วว่ามันไม่ได้ ของแบบนี้มันบังคับจิตใจกันไม่ได้ ”
“ คงจะจริง เรื่องของความรักมันไม่ใช่แค่ความชอบหรือความเหมาะสมกันอย่างเดียว องค์ประกอบมันละเอียดอ่อน ”
“ เธอล่ะญาเมื่อไหร่จะมีแฟนกับเขาเสียที ”
“ ญายังหาคนที่ถูกใจไม่ได้ ที่มีเข้ามามันก็รับไม่ได้ทั้งหมด ก็เลยยังหาไม่ได้สักที ”
วรัญญาพูด แต่ใจของเธอนึกไปถึงใบหน้าคมสันของเจ้าหัตถากานต์ที่เธอเพิ่งพบเขาเมื่อวานนี้ ”
“ ญา ”
“ หืมม์ ”
“ เธอว่าคุณหัตถากานต์เป็นยังไง ”
“ อะไร ทำไมมาถามญาแบบนี้ ญาก็เพิ่งรู้จักกับเขาพร้อมกับดานั่นแหละ ”
“ แล้วญารู้สึกอย่างไรบ้างล่ะกับเพื่อนคนใหม่ที่เราเพิ่งรู้จัก ”
“ แล้วดาล่ะรู้สึกอย่างไรบ้าง ”
“ ดาบอกตรงๆเลยนะว่าดาประทับใจเขามาก เขาดูดี ดีจนดาว่าเขาต้องไม่เหมือนใคร ”
“ ดาคิดอย่างนั้นหรือ ”
“ แล้วญาล่ะรู้สึกเหมือนดาไหม ”
“ ญาก็ไม่ปฏิเสธนะว่าคุณกานต์ดูดี แต่เขายังใหม่กับพวกเรามากคงต้องใช้เวลาให้นานกว่านี้จึงจะบอกได้เต็มปากว่าขาจะดีแค่ไหน ”
“ พูดยังกับจะได้อยู่ศึกษาใจคอเขานานๆได้อย่างนั้นแหละ ”
“ ไม่ใช่อย่างนั้น แต่คนเราเมื่อได้รู้จักกันแล้วโอกาสที่จะได้พบปะพูดคุยกับเขาก็ต้องมีอีก ใช่ไหม ”
“ จ่ะ ถ้าถูกใจเขาเป็นพิเศษจะหาทางศึกษาใจคอเขาพอสมควร ”
“ พูดอะไรน่าเกลียดใครไปถูกใจเขาเล่า ”
“ แน้ แล้วทำไมต้องหน้าแดงด้วย นั่นแน่แสดงว่าเพื่อนเราชักจะติดใจหนุ่มเมืองเหนือเขาแล้วสิเนี่ย ”
“ บ้า ญาอย่าพูดอะไรน่าเกลียดแบบนี้ออกไปนะ ใครเขาได้ยินจะเข้าใจผิดไปใหญ่ ”
“ แน่ะๆ ”
วรัญญายิ้มอายจนสรีดาล้อเพื่อนไม่หยุดปาก
“ พอเถอะ นี่ญาจะถามอะไรดา ”
“ ถามอะไรเอ่ย ”
“ ดาสังเกตุแหวนที่คุณกานต์สวมนิ้วเขาไหม ”
“ ไม่ ใครจะไปมัวสังเกตรายละเอียดอะไรกับเขานัก แค่นั่งมองการแต่งบ้านที่สวยวิจิตรก็ตื่นตาเพลินแล้วเขาตกแต่งบ้านได้เลิศหรูอลังการจริงๆ ทุกอย่างสวยประณีตวิจิตรไปหมด ”
“ ใช่อันนั้นญาก็ว่าจริง แต่ญาสะดุดาแหวนที่เขาสวยอยู่ น้ำงามเหลือเกินไม่แน่ใจว่าใช่เพชรไหมเพราะสีเวลาล่อกับเสียงไฟมันมีประกายหลายสีออกมา ”
“ เธอคลุกคลีอยู่กับเพชรพลอยมากี่สิบปี ดูไม่ออกหรือไงว่าเป็นเพชรหรือพลอย ”
“ พลอยไม่น่าจะใช่ เพราะน้ำที่งดงามแบบนั้น แต่เพชรจะเป็นอะไร ทำไมประกายแห่งแสงถึงได้วาววับงดงามสวยงามขนาดนั้น ญาก็ไม่กล้าจ้องมองของเขานานๆมันจะน่าเกลียดประเดี๋ยวจะหาว่าเราลุ่มล่ามไม่มีมารยาทคอยแต่จะมองสำรวจเฟอนิเจอร์ประดับตัวของเขา ”
“ เอาอย่างนี้สิ ถ้าคราวหน้ามีโอกาสได้พบกับเขาก็ลองขอเขาดู จะได้หายสงสัยว่ามันคือเพชรชนิดไหน
๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐
เสียงพิณดังแว่วหวานด้วยทำนองเพลงที่ไพเราะจับใจ พระเจ้าหัตถากานต์ยั้งพระบาทหยุดฟังความไพเราะแห่งเสียงพิณนั้นและตัดสินพระทัยเสด็จพระดำเนินไปยังห้องที่มาของเสียงพิณ นักขวราชทรงดีดพิณอย่างตั้งพระทัย นางกำนัลเห็นองค์เหนือหัวเข้ามาจึงก้มกราบถวายบังคมพระเจ้าหัตถากานต์ยกพระหัตถ์ห้ามไม่ให้พวกนางทูลองค์นักขวราชที่กำลังดีดพิณว่าพระองค์เสด็จเข้ามา จนกระทั่งเสียงเพลงจบลง
“ เสียงพิณของเจ้า ไม่ว่าเวลาจะผ่านไปนานสักเพียงไรแต่ความไพเราะก็ไม่เคยลดน้อยลงเลยนะ ”
“ ถวายบังคมเพคะ ”
“ พี่อยากฟังเจ้าดีดพิณอีกสักเพลงจะได้ไหม ”
“ ถ้าเป็นความประสงค์ของพระองค์ หม่อมฉันหรือจะกล้าขัด ”
น้ำเสียงที่ตรัสนั้นเย็นชาจนพระเจ้าหัตถากานต์ผุดลุกขึ้นยืนอย่างไม่พอพระทัยทันที
“ ถ้าเจ้าดีดพิณเพราะจำใจแล้วล่ะก็ ไม่ต้อง พี่ไม่ต้องการฝืนใจเจ้า ”
นักขวราชเชิดพระพักตร์ ตรัสเหมือนจะยั่วอารมณ์ของท้าวเธอ
“ ก็ดีเพคะ ความจริงเจ้าพี่ไม่ใส่พระทัยกับความละเอียดอ่อนของเสียงดนตรีอยู่แล้ว เพราะมันไม่สร้างความสะพระทัยให้ได้แต่อย่างไรเลยใช่ไหมเพคะ ”
“ นักขวราช นี่เจ้าพาลอะไรกันแน่ หรือว่าฟุ้งซ่านทรมานใจอย่างหนักจนต้องหาทางหาเรื่องระบายอารมณ์เลยใช่ไหม ”
“ เจ้าพี่ตรัสอะไร ใครหาเรื่องใครกันแน่ ผู้ที่หาเรื่องน่าจะเป็นเจ้าพี่เอง ผู้ที่ร้อนรนก็น่าจะเป็นองค์เองนั่นแหละ ”
“ ทำไมพี่จะต้องร้อนรน ทำไมพี่ต้องหาเรื่องพี่แค่เป็นผู้ดูต่างหาก ”
“ ไม่จริง เจ้าพี่พยายามดิ้นรน ก็เพราะเจ้าพี่ร้อนรุ่มหวาดกลัว กลัวว่าวันที่ตัวเองจะพ่ายแพ้จะมาถึง กลัวว่าเขาจะมาทวงความยุติธรรมคืน ”
“ นักขวราชเจ้าพูดอะไร พี่หรือกลัวใคร นาคราชอย่างพี่ในโลกและในใต้หล้าพี่จะต้องเกรงกลัวใครอีก ”
“ จริงหรือเพคะที่ทรงตรัสว่าไม่กลัว ”
นักขวราชพระสรวลแล้วจ้องมององค์หัตถากานต์ด้วยสายพระเนตรที่เยาะหยันและชิงชัง
“ นักขวราชเจ้าพูดออกมาเดี๋ยวนี้นะว่าพี่กลัวผู้ใด ”
ทรงถลันเข้าจับไหล่บอบบางพระน้องน้อยบีบอย่างแรงอย่างลืมพระองค์
“ โอ๊ย ปล่อยหม่อมฉันนะเพคะ ”
“ เจ็บหรือ เจ้าช่างปากดีนัก ”
“ เจ้าพี่ โอ้ย ปล่อยหม่อมฉันนะ เจ็บ ”
นักขวราชร้องและดิ้นรนที่ถูกขยุ้มไหล่บีบอย่างแรง บรรดานางกำนัลถึงกับตื่นตะลึงที่เห็นองค์หัตถากานต์ทำร้ายพระเทวีแต่ก็ไม่มี่ใครกล้าเข้าช่วยได้แต่นั่งมองอย่างตื่นตะลึงหวาดกลัว
“ เจ็บ เจ็บแต่พูดจาหาเรื่อง ได้เลยเมื่อเจ้าอยากจะมีเรื่องกับพี่นัก นี่ไงสิ่งที่เจ้าจะต้องได้รับจากพี่ ”
เหล่านางกำนัลถึงกับก้มหน้างุดเมื่อพระเจ้าหัตถากานต์ปล้ำจูบพระเทวีต่อหน้าต่อตาพวกนาง นักขวราชทั้งเจ็บทั้งแค้นทั้งอายที่ถูกเจ้าพี่กระทำย่ำยีพระนางต่อหน้านางกำนัลของพระนางจึงทรงกันแสงลั่นจนท้าวเธอที่จูบพระนางอยู่ชะงักได้พระสติและปล่อยน้องออกจากวงแขน
“ นักขวราช พี่ พี่ขอโทษ ”
นักขวราชฟุบพระพักตร์ลงกับตั่งทรงกันแสงอย่างหนักอย่างสุดแสนเจ็บพระทัยที่ถูกเจ้าหัตถากานต์กระทำย่ำยีต่อพระนาง องค์หัตถากานต์รู้สึกเสียพระทัยที่ทำเช่นนั้นต่อพระน้องจึงเสด็จกลับออกไปอย่างไม่ยอมตรัสอะไรอีกเลย
๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐
หมอกยามเช้าโรยตัวปกคลุมไปทั่วบริเวณดูขาวโพลน วรัญญาตื่นแต่เช้าตรู่ออกมาเดินชมความขาวทึบของหมอกอย่างสบายใจ เธอเดินฝ่าดงหมอกมาเรื่อยๆจนออกมาห่างจากบ้านพักรับรองโดยไม่รู้ตัว เมื่อแสงอาทิตย์เริ่มทอแสงอ่อนไอหมอกก็เริ่มจางลง มองกลับไปอีกทีก็รู้ตัวว่าออกมาเสียไกลจึงจะเดินกลับที่พัก ออฟโรดคันงามขับผ่านมาและเหยียบเบรคเมื่อถึงที่หญิงสาวเดินอยู่ กระจกรถเลื่อนลงมาจนมองเห็นผู้ที่ขับ
“ อรุณสวัสดิ์ครับคุณวรัญญา ”
พระเจ้าหัตถากานต์ทักหญิงสาวที่ยืนมองเขาอย่างคาดไม่ถึงว่าจะได้พบกับพระองค์ในเวลาเช้าเช่นนี้
“ อรุณสวัสดิ์เช่นกันค่ะ ”
“ ออกมาเดินเล่นหรือครับ ”
“ ค่ะ คุณกานต์ล่ะคะไปไหนมา ”
“ กำลังจะกลับบ้านครับ ขึ้นรถสิครับผมจะไปส่งที่นี่กำเรือนพักของคุณไกลเหมือนกันนะ ”
“ ขอบคุณค่ะ ”
วรัญญาขึ้นรถอย่างไม่รีรอลังเล รถเคลื่อนตัวไปอย่างช้าๆวรัญญาอดสูดลมหายใจเอากลินหอมที่อยู่ภายในรถเข้าปอดอย่างชื่นใจไม่ได้เพราะกลิ่นหอมช่างชื่นใจเหลือเกิน
“ จะรังเกียจไหมครับถ้าผมจะเชิญคุณวรัญญาไปดื่มกาแฟที่บ้านของผม ”
“ คือ ฉันออกมาโดยไม่ได้บอกใคร ประเดี๋ยวพวกเขาจะตกใจที่ฉันหายตัวไป ”
“ ไม่เป็นไร ผมจะให้เด็กไปบอกคุณภควัตว่าคุณไปดื่มกาแฟที่บ้านของผม พวกเขาจะได้ไม่ต้องเป็นห่วง ”
“ ถ้าอย่างนั้นก็ได้ค่ะ ”
พระเจ้าหัตถากานต์ยิ้มละไม วรัญญาต้องหลบสายพระเนตรคู่งามอย่างเขินเพราะสายพระเนตรที่ทรงมองเธอนั้นช่างวาววับให้ต้องขัดเขินเสียเหลือเกิน
...พิมพ์พิลาสฒ์...
เหนือมนตรา ตอนที่ 6
“ คุณกานต์เขาช่างมีรสนิยมในกาตกแต่งบ้านเหลือเกินนะ เธอดูสิญาทุกอย่างมันดูลงตัวสวยงามกลมกลืนไปหมด ดารู้สึกว่าเหมือนเราเข้ามานั่งอยู่ในวังโบราณที่สวยงามจริงๆเลยนะ ”
“ ใช่ ญาก็คิดอย่างนั้น ไม่นึกว่าจะมีคนที่มีรสนิยมในการสร้างบ้านและตกแต่งบ้านได้สวยงามสมบูรณ์แบบอย่างนี้ ”
นางกำนัลนำน้ำชาและขนมออกมารับรองแขก สรีดามองกิริยามารยาทที่อ้อนน้อมนุ่มนวลของหญิงสาวแล้วถึงกับทึ่งทีเดียว
“ วัต นี่เราหลงเข้ามาในวังหลวงหรือเปล่านี่ ”
“ พูดเล่นไปได้ นี่ไงที่เขาเรียกว่างามอย่างคนเหนือ ”
ภควัตบอกยิ้มๆ ตัวเขาเองไม่ได้รู้สึกถึงความผิดปรกติแต่อย่างใดกับสิ่งสวยงามและมารยาทอันนุ่มนวลของคนที่นี่
“ มิน่า เขาถึงว่าเสน่ห์เมืองเหนือคือความงดงามของบ้านเมืองและความอ่อนช้อยของสาวเวียนเหนือ ”
ภควัตยิ้ม เขาดื่มน้ำชาและอดที่จะมองไปยังประตูห้องไม่ได้ เผื่อว่าสตรีผู้งดงามผู้นั้นจะออกมาบ้าง แต่ผู้ที่กลับเข้ามาคือเจ้าหัตถากานต์ พระพักตร์ที่กระจ่างนวลยิ้มละมัยเมื่อมาประทับนั่ง
“ ต้องขอโทษด้วยที่ทิ้งให้นั่งรอ พอดีผมมีธุระนิดหน่อย เชิญสิครับอาหารว่าง จะชวนคุณทั้งสามรับประทานอาหารมื้อค่ำด้วยกันแต่พวกคุณก็รับประทานกันมาแล้ว ”
สรีดาแปลกใจว่าเจ้าหัตถากานต์รู้ได้อย่างไรว่าพวกเธอกินข้าวมื้อเย็นกันมาแล้ว
“ แล้วรถของคุณที่จอดทิ้งเอาไว้จะทำอย่างไรครับ ”
“ ไม่เป็นไรครับ ผมให้คนของผมไปจัดการแล้ว ”
“ ผมคงรบกวนคุณกานต์เพียงเท่านี้ นี่ก็ค่ำแล้วจะพาดากับคุณญาไปพักผ่อนก่อน ”
เจ้าหัตถากานต์เสด็จมาส่งภควัตกับเพื่อนสาวที่หน้าเรือน เมื่อรถของภควัตขับออกไปพ้นรั้วบ้านนักขวราชก็เสด็จเข้ามาในห้องรับแขกพระเจ้าหัตถากานต์เสด็จตามเข้ามาจ้องมองร่างบอบบางที่ยืนนิ่งอย่างสะพระทัย
“ เจ้าไม่กล้าออกมาพบเขาเพราะทนไม่ได้ใช่ไหม ทนไม่ได้ที่จะเห็นความว่างเปล่าในสายตาและในใจของเขาใช่ไหม ”
“ เจ้าพี่ไปพาเขามาก็เพื่อต้องการทรมานจิตใจของหม่อมฉันใช่ไหม มันยังไม่สาแก่ใจของเจ้าพี่ใช่ไหม เอาสิ จะทำอะไรอีกก็ได้ เอาเลย ทำไปเลยถ้าทรงทำไปแล้วทรงมีความสาแก่พระทัยสมแก่พระทัย ”
“ เปล่า พี่ไม่ได้สมใสสาใส แต่พี่จะดูต่างหาก จะดูว่าผู้ที่พ่ายแพ้อย่างย่อยยับไปแล้วมันจะเผยอย้อนกลับมาเอาชนะพี่ได้อีกไหม แต่ถ้ามันคิดจะเอาชนะพี่อีก พี่ก็จะทำลายมัน ทำลายให้ย่อยยับคามือของพี่คงคอยดูไป ”
ตรัสจบก็เสด็จกลับออกไป นักขวราชสั่นสะท้านไปทั้งพระวรกาย หนาวยะเยือกไปทั้งดวงหทัย
พระเจ้าหัตถากานต์เสด็จมายังสนามซ้อมดาบ ทรงฝึกซ้อมกับยอดฝีมือจนสาแก่พระทัยแล้วจึงเสด็จกลับและมาแช่น้ำเล่นอย่างสำราญพระทัยในสระหลวง
สรีดาเอาของฝากเอามาให้กดภควัตออกจากล่องโดยมีวรัญญานั่งมองอยู่ใกล้ๆ
“ มีแต่ของกินทั้งนั้นเลย ดูสิ มีทั้งลูกหยีกวน สะตอดอง น้ำพริกเผา ปลาอินทรีในน้ำมัน แหมสงสัยอาเนียมกลัวว่าวัตจะอดถึงขนของกินฝากมาซะขนาดนี้ ”
“ คุณวัตเขาโชคดีนะที่อารักและห่วงใยเขาขนาดนี้ ”
“ ใช่ อาเนียมน่ะรักวัตมาก ทั้งรักทั้งห่วงเลย เลี้ยงกันมาตั้งแต่เด็ก ๆ ”
“ แต่คุณวัตเธอก็น่ารักนะ สุภาพเรียบร้อยแบบนี้สมัยนี้หายาก มีแต่ประเภทขี้โม้ขี้คุย เจ้าชู้ล่ออกแล่กไม่น่าไว้ใจ ”
“ นี่ขนาดเธอเพิ่งรู้จักกับวัตเธอก็เอ่ยชมเขาแล้วนะ แบบนี้แอบคิดอะไรพิเศษหรือเปล่า ”
“ เธอนี่ ญาก็พูดไปตามที่สายตาเห็นจ่ะ เราน่ะถึงจะไม่อายุมากจนรู้ทันโลกจนถ่องแท้ก็จริงแต่ก็พบเห็นอะไรมาไม่ใช่น้อย นิสัยคนเป็นแบบไหนจะดูไม่ออกเชียวหรือ ”
“ จ่ะ คนสายตากว้างไกล มันก็จริงหรอกนะที่เธอว่าวัตเขาดี เพราะตั้งแต่ดาคบกับวัตมา วัตไม่เคยทำอะไรหรือปฏิบัติตัวไม่ดีเลย นิสัยเขาจะเป็นคนใจเย็น สุภาพ มองโลกในแง่ดี และจริงใจกับทุกคนเสมอ ”
“ เธอทำไมไม่เป็นแฟนกับเขาล่ะดา คนดีๆเธอไม่น่ามองข้ามนะ ”
“ เราคงรักกันอย่างแฟนไม่ได้หรอก ”
“ เพราะอะไร หรือเธอไม่ชอบคนดี ”
“ ไม่ใช่อย่างนั้น แต่เพราะใจมันรักกันอย่างเพื่อน รักอย่างนั้นมันไม่ได้ จริงๆแล้วผู้ใหญ่ก็พยายามสนับสนุนพวกเราเหมือนกันนะ แต่เราคุยกันแล้วว่ามันไม่ได้ ของแบบนี้มันบังคับจิตใจกันไม่ได้ ”
“ คงจะจริง เรื่องของความรักมันไม่ใช่แค่ความชอบหรือความเหมาะสมกันอย่างเดียว องค์ประกอบมันละเอียดอ่อน ”
“ เธอล่ะญาเมื่อไหร่จะมีแฟนกับเขาเสียที ”
“ ญายังหาคนที่ถูกใจไม่ได้ ที่มีเข้ามามันก็รับไม่ได้ทั้งหมด ก็เลยยังหาไม่ได้สักที ”
วรัญญาพูด แต่ใจของเธอนึกไปถึงใบหน้าคมสันของเจ้าหัตถากานต์ที่เธอเพิ่งพบเขาเมื่อวานนี้ ”
“ ญา ”
“ หืมม์ ”
“ เธอว่าคุณหัตถากานต์เป็นยังไง ”
“ อะไร ทำไมมาถามญาแบบนี้ ญาก็เพิ่งรู้จักกับเขาพร้อมกับดานั่นแหละ ”
“ แล้วญารู้สึกอย่างไรบ้างล่ะกับเพื่อนคนใหม่ที่เราเพิ่งรู้จัก ”
“ แล้วดาล่ะรู้สึกอย่างไรบ้าง ”
“ ดาบอกตรงๆเลยนะว่าดาประทับใจเขามาก เขาดูดี ดีจนดาว่าเขาต้องไม่เหมือนใคร ”
“ ดาคิดอย่างนั้นหรือ ”
“ แล้วญาล่ะรู้สึกเหมือนดาไหม ”
“ ญาก็ไม่ปฏิเสธนะว่าคุณกานต์ดูดี แต่เขายังใหม่กับพวกเรามากคงต้องใช้เวลาให้นานกว่านี้จึงจะบอกได้เต็มปากว่าขาจะดีแค่ไหน ”
“ พูดยังกับจะได้อยู่ศึกษาใจคอเขานานๆได้อย่างนั้นแหละ ”
“ ไม่ใช่อย่างนั้น แต่คนเราเมื่อได้รู้จักกันแล้วโอกาสที่จะได้พบปะพูดคุยกับเขาก็ต้องมีอีก ใช่ไหม ”
“ จ่ะ ถ้าถูกใจเขาเป็นพิเศษจะหาทางศึกษาใจคอเขาพอสมควร ”
“ พูดอะไรน่าเกลียดใครไปถูกใจเขาเล่า ”
“ แน้ แล้วทำไมต้องหน้าแดงด้วย นั่นแน่แสดงว่าเพื่อนเราชักจะติดใจหนุ่มเมืองเหนือเขาแล้วสิเนี่ย ”
“ บ้า ญาอย่าพูดอะไรน่าเกลียดแบบนี้ออกไปนะ ใครเขาได้ยินจะเข้าใจผิดไปใหญ่ ”
“ แน่ะๆ ”
วรัญญายิ้มอายจนสรีดาล้อเพื่อนไม่หยุดปาก
“ พอเถอะ นี่ญาจะถามอะไรดา ”
“ ถามอะไรเอ่ย ”
“ ดาสังเกตุแหวนที่คุณกานต์สวมนิ้วเขาไหม ”
“ ไม่ ใครจะไปมัวสังเกตรายละเอียดอะไรกับเขานัก แค่นั่งมองการแต่งบ้านที่สวยวิจิตรก็ตื่นตาเพลินแล้วเขาตกแต่งบ้านได้เลิศหรูอลังการจริงๆ ทุกอย่างสวยประณีตวิจิตรไปหมด ”
“ ใช่อันนั้นญาก็ว่าจริง แต่ญาสะดุดาแหวนที่เขาสวยอยู่ น้ำงามเหลือเกินไม่แน่ใจว่าใช่เพชรไหมเพราะสีเวลาล่อกับเสียงไฟมันมีประกายหลายสีออกมา ”
“ เธอคลุกคลีอยู่กับเพชรพลอยมากี่สิบปี ดูไม่ออกหรือไงว่าเป็นเพชรหรือพลอย ”
“ พลอยไม่น่าจะใช่ เพราะน้ำที่งดงามแบบนั้น แต่เพชรจะเป็นอะไร ทำไมประกายแห่งแสงถึงได้วาววับงดงามสวยงามขนาดนั้น ญาก็ไม่กล้าจ้องมองของเขานานๆมันจะน่าเกลียดประเดี๋ยวจะหาว่าเราลุ่มล่ามไม่มีมารยาทคอยแต่จะมองสำรวจเฟอนิเจอร์ประดับตัวของเขา ”
“ เอาอย่างนี้สิ ถ้าคราวหน้ามีโอกาสได้พบกับเขาก็ลองขอเขาดู จะได้หายสงสัยว่ามันคือเพชรชนิดไหน
๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐
เสียงพิณดังแว่วหวานด้วยทำนองเพลงที่ไพเราะจับใจ พระเจ้าหัตถากานต์ยั้งพระบาทหยุดฟังความไพเราะแห่งเสียงพิณนั้นและตัดสินพระทัยเสด็จพระดำเนินไปยังห้องที่มาของเสียงพิณ นักขวราชทรงดีดพิณอย่างตั้งพระทัย นางกำนัลเห็นองค์เหนือหัวเข้ามาจึงก้มกราบถวายบังคมพระเจ้าหัตถากานต์ยกพระหัตถ์ห้ามไม่ให้พวกนางทูลองค์นักขวราชที่กำลังดีดพิณว่าพระองค์เสด็จเข้ามา จนกระทั่งเสียงเพลงจบลง
“ เสียงพิณของเจ้า ไม่ว่าเวลาจะผ่านไปนานสักเพียงไรแต่ความไพเราะก็ไม่เคยลดน้อยลงเลยนะ ”
“ ถวายบังคมเพคะ ”
“ พี่อยากฟังเจ้าดีดพิณอีกสักเพลงจะได้ไหม ”
“ ถ้าเป็นความประสงค์ของพระองค์ หม่อมฉันหรือจะกล้าขัด ”
น้ำเสียงที่ตรัสนั้นเย็นชาจนพระเจ้าหัตถากานต์ผุดลุกขึ้นยืนอย่างไม่พอพระทัยทันที
“ ถ้าเจ้าดีดพิณเพราะจำใจแล้วล่ะก็ ไม่ต้อง พี่ไม่ต้องการฝืนใจเจ้า ”
นักขวราชเชิดพระพักตร์ ตรัสเหมือนจะยั่วอารมณ์ของท้าวเธอ
“ ก็ดีเพคะ ความจริงเจ้าพี่ไม่ใส่พระทัยกับความละเอียดอ่อนของเสียงดนตรีอยู่แล้ว เพราะมันไม่สร้างความสะพระทัยให้ได้แต่อย่างไรเลยใช่ไหมเพคะ ”
“ นักขวราช นี่เจ้าพาลอะไรกันแน่ หรือว่าฟุ้งซ่านทรมานใจอย่างหนักจนต้องหาทางหาเรื่องระบายอารมณ์เลยใช่ไหม ”
“ เจ้าพี่ตรัสอะไร ใครหาเรื่องใครกันแน่ ผู้ที่หาเรื่องน่าจะเป็นเจ้าพี่เอง ผู้ที่ร้อนรนก็น่าจะเป็นองค์เองนั่นแหละ ”
“ ทำไมพี่จะต้องร้อนรน ทำไมพี่ต้องหาเรื่องพี่แค่เป็นผู้ดูต่างหาก ”
“ ไม่จริง เจ้าพี่พยายามดิ้นรน ก็เพราะเจ้าพี่ร้อนรุ่มหวาดกลัว กลัวว่าวันที่ตัวเองจะพ่ายแพ้จะมาถึง กลัวว่าเขาจะมาทวงความยุติธรรมคืน ”
“ นักขวราชเจ้าพูดอะไร พี่หรือกลัวใคร นาคราชอย่างพี่ในโลกและในใต้หล้าพี่จะต้องเกรงกลัวใครอีก ”
“ จริงหรือเพคะที่ทรงตรัสว่าไม่กลัว ”
นักขวราชพระสรวลแล้วจ้องมององค์หัตถากานต์ด้วยสายพระเนตรที่เยาะหยันและชิงชัง
“ นักขวราชเจ้าพูดออกมาเดี๋ยวนี้นะว่าพี่กลัวผู้ใด ”
ทรงถลันเข้าจับไหล่บอบบางพระน้องน้อยบีบอย่างแรงอย่างลืมพระองค์
“ โอ๊ย ปล่อยหม่อมฉันนะเพคะ ”
“ เจ็บหรือ เจ้าช่างปากดีนัก ”
“ เจ้าพี่ โอ้ย ปล่อยหม่อมฉันนะ เจ็บ ”
นักขวราชร้องและดิ้นรนที่ถูกขยุ้มไหล่บีบอย่างแรง บรรดานางกำนัลถึงกับตื่นตะลึงที่เห็นองค์หัตถากานต์ทำร้ายพระเทวีแต่ก็ไม่มี่ใครกล้าเข้าช่วยได้แต่นั่งมองอย่างตื่นตะลึงหวาดกลัว
“ เจ็บ เจ็บแต่พูดจาหาเรื่อง ได้เลยเมื่อเจ้าอยากจะมีเรื่องกับพี่นัก นี่ไงสิ่งที่เจ้าจะต้องได้รับจากพี่ ”
เหล่านางกำนัลถึงกับก้มหน้างุดเมื่อพระเจ้าหัตถากานต์ปล้ำจูบพระเทวีต่อหน้าต่อตาพวกนาง นักขวราชทั้งเจ็บทั้งแค้นทั้งอายที่ถูกเจ้าพี่กระทำย่ำยีพระนางต่อหน้านางกำนัลของพระนางจึงทรงกันแสงลั่นจนท้าวเธอที่จูบพระนางอยู่ชะงักได้พระสติและปล่อยน้องออกจากวงแขน
“ นักขวราช พี่ พี่ขอโทษ ”
นักขวราชฟุบพระพักตร์ลงกับตั่งทรงกันแสงอย่างหนักอย่างสุดแสนเจ็บพระทัยที่ถูกเจ้าหัตถากานต์กระทำย่ำยีต่อพระนาง องค์หัตถากานต์รู้สึกเสียพระทัยที่ทำเช่นนั้นต่อพระน้องจึงเสด็จกลับออกไปอย่างไม่ยอมตรัสอะไรอีกเลย
๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐
หมอกยามเช้าโรยตัวปกคลุมไปทั่วบริเวณดูขาวโพลน วรัญญาตื่นแต่เช้าตรู่ออกมาเดินชมความขาวทึบของหมอกอย่างสบายใจ เธอเดินฝ่าดงหมอกมาเรื่อยๆจนออกมาห่างจากบ้านพักรับรองโดยไม่รู้ตัว เมื่อแสงอาทิตย์เริ่มทอแสงอ่อนไอหมอกก็เริ่มจางลง มองกลับไปอีกทีก็รู้ตัวว่าออกมาเสียไกลจึงจะเดินกลับที่พัก ออฟโรดคันงามขับผ่านมาและเหยียบเบรคเมื่อถึงที่หญิงสาวเดินอยู่ กระจกรถเลื่อนลงมาจนมองเห็นผู้ที่ขับ
“ อรุณสวัสดิ์ครับคุณวรัญญา ”
พระเจ้าหัตถากานต์ทักหญิงสาวที่ยืนมองเขาอย่างคาดไม่ถึงว่าจะได้พบกับพระองค์ในเวลาเช้าเช่นนี้
“ อรุณสวัสดิ์เช่นกันค่ะ ”
“ ออกมาเดินเล่นหรือครับ ”
“ ค่ะ คุณกานต์ล่ะคะไปไหนมา ”
“ กำลังจะกลับบ้านครับ ขึ้นรถสิครับผมจะไปส่งที่นี่กำเรือนพักของคุณไกลเหมือนกันนะ ”
“ ขอบคุณค่ะ ”
วรัญญาขึ้นรถอย่างไม่รีรอลังเล รถเคลื่อนตัวไปอย่างช้าๆวรัญญาอดสูดลมหายใจเอากลินหอมที่อยู่ภายในรถเข้าปอดอย่างชื่นใจไม่ได้เพราะกลิ่นหอมช่างชื่นใจเหลือเกิน
“ จะรังเกียจไหมครับถ้าผมจะเชิญคุณวรัญญาไปดื่มกาแฟที่บ้านของผม ”
“ คือ ฉันออกมาโดยไม่ได้บอกใคร ประเดี๋ยวพวกเขาจะตกใจที่ฉันหายตัวไป ”
“ ไม่เป็นไร ผมจะให้เด็กไปบอกคุณภควัตว่าคุณไปดื่มกาแฟที่บ้านของผม พวกเขาจะได้ไม่ต้องเป็นห่วง ”
“ ถ้าอย่างนั้นก็ได้ค่ะ ”
พระเจ้าหัตถากานต์ยิ้มละไม วรัญญาต้องหลบสายพระเนตรคู่งามอย่างเขินเพราะสายพระเนตรที่ทรงมองเธอนั้นช่างวาววับให้ต้องขัดเขินเสียเหลือเกิน