...กรณีจะถอดยศทักษิณ ???..

กระทู้คำถาม
นี่เป็นความคิดเห็นส่วนตัวโดยบริสุทธิ์ใจ ไม่หยาบคาย ก้าวร้าวหรือผิดกฎหมายใดๆ..กรุณาอย่าลบนะครับ !

ผมมีเชื่อว่า ไม่มีใครถอดยศ“พันตำรวจโท”ของคุณทักษิณได้  ด้วยเหตุ(1) ไม่กล้าถอด เพราะระเบียบสำนักงานตำรวจฯยังคลุมเครือ (2)แม้จะคิดว่าสามารถถอดได้  แต่การถอดก็ไม่สำเร็จ เพราะไม่เข้าข่ายความผิด (3)การถอด ต้องประกาศในราชกิจจานุเบกษาจึงมีผลบังคับใช้

“ระเบียบ 7 ข้อ ในการถอดยศข้าราชการตำรวจของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ

เนื้อหาสำคัญมาตรา 11 (4) มาตรา 28 และมาตรา 29 แห่งพระราชบัญญัติตำรวจแห่งชาติ พ.ศ.2547 วางระเบียบไว้ดังต่อไปนี้
ข้อ 1.การเสนอขอถอดยศตำรวจทั้งที่อยู่ในราชการตำรวจและที่พ้นจากราชการตำรวจไปแล้ว ให้กระทำเมื่อมีเหตุใดเหตุหนึ่ง ดังต่อไปนี้
1.ต้องคำพิพากษาของศาลถึงที่สุด ว่าทุจริตต่อหน้าที่ราชการ แม้ศาลจะพิพากษารอการกำหนดโทษหรือกำหนดโทษแต่รอการลงโทษไว้ก็ตาม
2.ต้องคำพิพากษาของศาลถึงที่สุดให้ลงโทษจำคุก หรือโทษที่หนักกว่าจำคุก เว้นแต่ความผิดลหุโทษหรือความผิดที่ได้กระทำโดยประมาท
3.ต้องคำพิพากษาของศาลถึงที่สุดให้เป็นบุคคลล้มละลย เพราะก่อให้เกิดหนี้สินขึ้นโดยทุจริต
4.กระทำผิดทางวินัยอย่างร้ายแรง และมีคำสั่งลงโทษไล่ออกจากราชการ
5.ประพฤติชั่วร้ายแรง สำหรับผู้ที่มิได้อยู่ในราชการหรือหน่วยงานของรัฐ
6.ผู้ต้องหาในคดีอาญาแล้วหลบหนีไป สำหรับผู้ที่มิอยู่ในราชการหรือหน่วยงานรัฐ
7.ถูกสั่งให้ออกจากราชการ เพราะขาดคุณสมบัติมาตั้งแต่ก่อนได้รับการบรรจุเป็นข้าราชการตำรวจ”

การอ้างว่า ได้เคยปฏิบัติต่อตำรวจที่ทำความผิดในกรณีนี้ จำนวนมาก..นี่คือตัวอย่าง

“วันที่ 19 ตุลาคม พ.ศ.2542 ก็มีประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง พระราชทานพระบรมราชานุญาตถอดยศตำรวจ มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ พระราชทานพระบรมราชานุญาตถอดยศร้อยตำรวจเอก วินัย ฟักทอง (นอกราชการ) ออกเสียจากยศตำรวจ ตั้งแต่วันที่ 17 ธันวาคม 2539 ซึ่งเป็นวันที่ถูกไล่ออกจากราชการ เนื่องจากกระทำความผิดอาญาซึ่งศาลพิพากษาถึงที่สุดให้ลงโทษจำคุก และถูกลงทัณฑ์ทางวินัยไล่ออกจากราชการประกาศ ณ วันที่ 19 ตุลาคม พ.ศ.2542  ผู้รับสนองพระบรมราชโองการ  ชวน หลีกภัย นายกรัฐมนตรีในขณะนั้น”

สรุป นายตำรวจคนดังกล่าว กระทำผิดในขณะรับราชการตำรวจปี 39 ถูกให้ออกจากราชการ(ไว้ก่อน) ถูกจับกุมคุมขังส่งฟ้องศาล จนสุดท้ายศาลตัดสินจำคุก จึงมีการขอพระบรมราชานุญาตถอดยศตำรวจ โดยการถอดยศ นับย้อนไปตั้งแต่วันที่ถูกไล่ออก จนถึงวันตัดสิน..ผิดในขณะรับราชการ


หันมาดูทักษิณบ้าง !

“เกิดเมื่อ 26 กรกฎาคม พ.ศ. 2492 ที่อำเภอสันกำแพง จังหวัดเชียงใหม่ เป็นบุตรของนายบุญเลิศ ชินวัตร (นามสกุลเดิม คูซุ่นเส็ง) มีพี่น้อง 3 คน สมรสกับนางพจมาน ชินวัตร(นามสกุลเดิม ดามาพงศ์) มีบุตร 3 คน เรียนจบชั้นมัธยมปลายจากโรงเรียนมงฟอร์ดวิทยาลัยจังหวัดเชียงใหม่ แล้วเรียนต่อโรงเรียนเตรียมทหาร นักเรียนเตรียมรุ่นที่ 10 โรงเรียนนายร้อยตำรวจสามพราน รุ่นที่ 26
  
พ.ศ.2516 ได้ติดยศนายร้อยตำรวจตรี หลังจากเรียนจบ เริ่มต้นชีวิตตำรวจด้วยการเข้าไปประจำกองกำกับการสนับสนุนทางอากาศ ตำรวจตระเวนชายแดน ที่ค่ายนเรศวร แล้วเรียนต่อปริญญาโท Criminal Justice จาก Eastern Kentucky University สหรัฐอเมริกา

พ.ศ. 2518 หลังจากเรียนจบปริญญาโท M.S. Criminal Justice ที่มหาวิทยาลัยอีสเทิร์น เคนตั๊กกี้ สหรัฐอเมริกาก็กลับมาเป็นอาจารย์ที่โรงเรียนนายร้อยตำรวจสามพราน ได้เลื่อนยศเป็นร้อยตำรวจเอก มีภาระหลักช่วยราชการสำนักนายกรัฐมนตรี (ช่วง ม.ร.ว.เสนีย์ ปราโมช เป็นนายกรัฐมนตรี)

พ.ศ. 2519 ไปเรียนต่อปริญญาเอก Criminal Justice ที่มหาวิทยาลัยแซมฮุสตันสเตท Sam Houston State University รัฐเทกซัส สหรัฐอเมริกา เรียนจบปริญญาเอก เมื่อ

พ.ศ.2522 กลับมาเมืองไทย ได้รับตำแหน่งหัวหน้าแผนก 6 (แผนกแผน) กองวิจัยและวางแผนกรมตำรวจ เป็นอาจารย์ในคณะสังคมศาสตร์บัณฑิตวิทยาลัย มหาวิทยาลัยมหิดล โรงเรียนสารวัตรและผู้กำกับกองโรงเรียน หลักสูตรฝ่ายอำนวยการตำรวจ
พ.ศ.2523 ได้รับการย้ายไปช่วยราชการเป็นรองผู้อำนวยการศูนย์ประมวลข่าวสาร
พ.ศ. 2524 เป็นผู้กำกับศูนย์ประมวลข่าวสาร ยศพันตำรวจตรี จน
พ.ศ. 2527 ได้เลื่อนยศเป็นพันตำรวจโท
พ.ศ. 2529 ได้รับการย้ายไปเป็นอาจารย์โรงเรียนนายร้อยตำรวจ และ
พ.ศ.2530 ลาออกจากการเป็นตำรวจในขณะที่ดำรงตำแหน่งรองผู้กำกับการนโยบายและแผนงานกองบังคับการอำนวยการ กองบัญชาการตำรวจนครบาล “

ทักษิณลาออกจากการเป็นตำรวจด้วยความสมัครใจ เมื่อปี 2530 การลาออกของทักษิณเป็นการพ้นสภาพจากการเป็นตำรวจโดยสิ้นเชิง ไม่ได้เงินเดือน ไม่มีเบี้ยหวัดบำนาญ หรือสิทธิพิเศษในฐานะตำรวจอีกแต่อย่างใด  ถือเป็น “อดีตข้าราชการตำรวจ” มีสถานะเทียบเท่ากับชาวบ้านธรรมดาๆ หรือ “คนเคยเป็นตำรวจ”..แค่นั้น

การอ้างว่า ทักษิณมีความผิดซึ่งตรงกับระเบียบของสำนักงานตำรวจ ข้อ 2 กับข้อ 6  เป็นเหตุให้ถอดยศได้นั้น เป็นคนละเรื่องกับกรณีถอดยศ ร.ต.อ. วินัย ฟักทอง เป็นการอ้างโดยไม่พิจารณาเนื้อหา ข้อเท็จจริงระหว่างการ “ถูกไล่ออก”จากข้าราชการตำรวจ กับ การ “ลาออก”ราชการตำรวจ



ความหมายตามพจนานุกรมไทย ไล่ออก กับ ลาออก

ไล่ออก
ก. คัดชื่อออกจากทะเบียน เช่น ไล่ออกจากโรงเรียน, ให้ออกจาก ราชการหรือวงการเพราะกระทำความผิดอย่างร้ายแรง เช่น ไล่ ออกจากราชการ ไล่ออกจากงาน. (กฎ) น. โทษทางวินัยสถานหนัก ที่สุดที่ใช้ลงแก่ข้าราชการ ผู้กระทําผิดวินัยอย่างร้ายแรงโดยสั่งให้ ออกจากราชการและไม่มีสิทธิได้รับบําเหน็จบํานาญ

ลาออก
ก. ขออนุญาตให้พ้นจากสภาพที่ดำรงอยู่ เช่น ลาออกจาก การเป็นกรรมการ นักเรียนลาออกจากโรงเรียน.
    
ยิ่งมาบอกว่าทักษิณเป็น “ตำรวจ” ใส่ยศในวงเล็บให้ว่า “นอกราชการ” เพื่อให้มีความน่าเชื่อถือว่ายังเป็นตำรวจมียศอยู่ หรือถึงลาออกก็ยังเป็นตำรวจนอกราชการอย่างนี้ เพื่อหาทางถอดยศให้ได้นั้น เป็นข้ออ้างที่ไม่มีเหตุผล

นี่คือความหนักใจของคนที่เป็นตำรวจมาทั้งชีวิต ต่อกรณีนี้

พล.ต.ท.ประวุฒิ กล่าวว่า ตนไม่ขอออกความคิดเห็น กรณีที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ออกมาระบุว่าให้ถอดยศเสียโดยเร็ว ส่วนกรณีที่ ตร.เคยดำเนินการถอดยศตำรวจในอดีตกว่า 600 รายนั้น ส่วนใหญ่ เป็นกรณีทีทำผิดอาญาขณะอยู่ในราชการตำรวจ แล้วถูกให้ออกจากราชการก่อนถูกถอดยศ แต่ต้องตรวจสอบอีกครั้งว่ามีกรณีคล้าย พ.ต.ท.ทักษิณ ที่ว่ากระทำความผิดแล้วถูกตัดสินว่ามีความผิด หลังจากลาออกไปแล้วหรือไม่ แต่เท่าที่ทราบไม่มี ซึ่งต้องตรวจสอบอีกครั้งและกรณีนี้น่าจะเป็นคนแรก
http://www.manager.co.th/Crime/ViewNews.aspx?NewsID=9580000091247

แล้วปัญหาอีกอย่างก็คือ สมมติว่า ถอดยศทักษิณได้จริงตามที่อ้าง  ถามว่า จะถอดยศทักษิณ จะนับย้อนไปตั้งแต่เมื่อไหร่ครับ  เริ่มตั้งแต่จบนายร้อยสามพรานรับราชการเป็น “ร้อยตำรวจตรี”เลยหรือเปล่า หรือว่านับแค่ยศ “พันตำรวจโท”ยศสุดท้ายเท่านั้น

ทักษิณลาออกจากตำรวจมา 28 ปีแล้วครับ  ที่เรียกๆกันว่า “พันตำรวจโททักษิณ”นั้น เป็นคำเรียกติดปากกันตามนิสัยคนไทย ก็เหมือนอาชีพอื่นๆที่ลาออกไปแล้ว คนก็เรียกติดปากในตำแหน่งเดิมอยู่นั่นแหละ  จนตายกันไปข้างหนึ่ง

ผมว่าจบเรื่องนี้เถอะครับ ยิ่งเข้าข่ายความเชื่อของผมข้อที่(3)ด้วย ผมว่าเหนื่อยนะครับ !!!
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่