[ปรึกษา] 7 ปีที่คบกันมา กับการรอคอยด้วยความเต็มใจ...จนกลายเป็นฝืนใจรอ

สวัสดีค่ะ ไม่เคยคิดมาก่อนว่าจะมีวันที่เข้ามาตั้งกระทู้ปรึกษาปัญหาชีวิตในนี้
แต่อยากได้รับคำแนะนำที่ดี เลยอยากให้ช่วยแสดงความเห็นค่ะ


เราคบกับสามีมา 2 ปี แต่งงานกันมา 5 ปี = 7 ปี แล้วที่คบกันมา
สามีเราเป็นคนติดเจ้านายค่ะ (เจ้านายผู้ชาย มีเมียมีลูกชาย 3 คนโตจนทำงานแล้ว  อายุเกือบ 60 ปี)
ก่อนแต่งเราไม่เคยคิดแบบนี้มาก่อนเลย เพราะคิดว่าเขารักงานพอๆ กับรักเรา
ตอนเขาย้ายไปทำงานต่างจังหวัดครั้งแรก พูดหวานมากว่าไปแค่ปีเดียวแล้วจะย้ายกลับมา
ตอนนั้นจำได้ดีค่ะ ว่าไปเดือนนึง จะกลับมาบ้าน 2 วัน โทรคุยโทรศัพท์กันทุกคืน วนแบบนี้ไปมาจนครบปี
จนเขาย้ายกลับมาบ้าน อยู่ได้แค่ 3 เดือน แล้วก็ย้ายตามเจ้านายไปอีก ตอนนั้นเราก็เริ่มแปลกๆ แล้วค่ะ

ปีที่ 2 ย้ายไปไม่ไกลมากนะ เราสามารถขับรถไปหาเข้าได้ แต่เส้นทางค่อนข้างลำบากเอาการ จึงไปได้ไม่บ่อย
ปีที่ 2 หลังแต่งงาน ย้ายไปครั้งนี้ ไปแบบ 5 วัน เจอกันเสาร์-อาทิตย์ ครึ่งปีแรกเป็นเช่น ครึ่งปีหลังเป็น 2 สัปดาห์เจอกัน 2 วัน
จนครบปีเต็ม เราก็เริ่มเหงาแล้วค่ะ ประจวบเหมาะที่ท้องพอดี

เข้าสู่ปีที่ 3 ช่วงท้อง 3 เดือนแรก สามีก็ทำงานไปกลับค่ะ อาทิตย์นึงจะมีวันนึงหรือ 2 วันที่ต้องค้างที่ทำงาน
จนเราท้องได้ 4 เดือน เขามาเล่าให้ฟังว่าเจ้านายอยากชวนไปทำงานลงใต้ด้วยกัน
แต่เจ้านายเห็นว่าสามีเราต้องดูแลเมียที่กำลังท้อง เลยให้สามีเราตัดสินใจเองค่ะ
ตอนนั้นเราลุ้นมากว่า เขาจะทิ้งเราให้อยู่คนเดียวอีกแล้วใช่มั้ย แต่งานคือความฝันของเขา เราก็ได้แต่เงียบคิดหนักในใจคนเดียวค่ะ
แล้วในที่สุดเราก็แท้ง เพราะปากมดลูกเปิดก่อนกำหนด หมอบอกว่าถ้ายื้อเด็กเอาไว้ เราจะเสียเลือดจนอาจตายได้ทั้งแม่และลูก
และถึงแม้ว่าคลอดออกมารอดชีวิต แต่เด็กก็จะไม่แข็งแรงสมบูรณ์ค่ะ โอกาสรอดน้อยมาก เด็กจึงหลุดไปค่ะ
ตอนนั้นเราเสียใจมาก ตอนได้ยินเสียงลูกร้องแอะเดียวแล้วก็สิ้นใจหลังจากที่หมอทำคลอดให้ เราร้าวรานใจมาก
เรามีโอกาสได้ดุศพลูกแค่คืนนั้น ตอนเช้าโรงพยาบาลจะนำไปจัดการตามขั้นตอนแล้ว
เราก็อยากให้สามีเห็นหน้าลูกค่ะ แต่เขาก็บอกว่าเดินทางมาไม่ได้ เพราะไม่มีคนเฝ้าบ้าน และรอไปพร้อมๆ กับญาติเราตอนเช้า
พี่สาวกับพี่ชายเราจะขอเกาะรถมาด้วยน่ะค่ะ เขาเลยมาดูหน้าลูกไม่ได้ มีแค่เรากับแม่ที่ได้เห็น
เราเสียใจรุนแรงมาก แต่ก็ผ่านมันมาได้ค่ะ และน้อยใจสามีมาตั้งแต่วันนั้นจนถึงวันนี้

จนเข้าปีที่ 4 เรากลับไปทำงาน สามีก็ย้ายตามเจ้านายไปอีก แต่ครั้งนี้ไปแบบไม่ปรึกษาเราก่อนเลย
มารู้อีกทีตอนเขาเก็บกระเป๋าเตรียมเดินทางภายใน 7 วันนั้นค่ะ เราก็เสียใจมาก ยังเจ็บเรื่องลูกอยู่
อยากให้เขาอยู่เป็นเพื่อนต่ออีกหน่อย ขอร้องเท่าไรเขาก็ไม่เปลี่ยนใจค่ะ
เราก็ไม่เข้าใจเขาสักเท่าไร ทั้งที่เจ้านายเขาไม่ได้บังคับ แค่ถามชวน แต่ทำไมเขาถึงตกลงไป
เขาก็อ้างเรื่องอนาคตที่ดีขึ้น เราจำได้ดีว่าเขาพูดแบบนี้ตั้งแต่ปีแรก แต่ปัจจุบัน บ้านสักหลัง รถสักคนก็ยังไม่มีอะไรเป็นชิ้นเป็นอันเลยค่ะ
ตำแหน่งงานของเขาก็อยู่ระดับเดิม ไม่ได้เลื่อนขั้นอะไร เขาก็บอกว่าไปครั้งนี้เจ้านายจะช่วยทำให้ฐานะการงานเขาดีขึ้น
เราจึงจำยอมค่ะ เขารักงานของเขา มันคือฝันของเขา เราจึงปล่อยเขาไปอีก
ครั้งนี้ไปแบบ 1 เดือน กลับมา 7 วัน บางเดือนกลับมาแค่ 3-5 วัน แล้วแต่ตารางงานที่ไม่เคยแน่นอนของเขา
วนไปมาแบบนี้จนเข้าปีที่ 5

ปีที่ 5 เราเริ่มเบื่อจากที่เขาโทรมาคุยทุกคืน ก็ไม่โทรมา เมื่อตอนแต่งงาน 2 ปีแรกเราโทรจิกกว่านี้อีกค่ะ นี่ปีที่ 5 เราปรับตัวลดการโทรคุยกันไปเยอะมาก
จากที่โทรคุยกันอย่างต่ำ ครึ่งชั่วโมง/วัน ก็ลดเหลือ ไม่เกิน 10 นาที/วัน
เขานอนเร็วขึ้น เราเลยนอนเร็วตาม และเวลาโทรไปจะได้ยินคำตอบเดิมๆ ที่ฟังมา 3-4 ปีถี่ๆ ว่าไม่ว่างค่ะ
แต่เราไม่ดื้อค่ะ ได้ยินว่าไม่ว่างปุ๊บก็วางเลย รอเขาโทรมาเอง แรกๆ โทรมาเองจริง
แต่กลางปีที่ผ่านมา รอให้เขาโทรมาหาเองก็ไม่โทรมาค่ะ พอโทรไปถามเขาจะบอกว่าเหนื่อยจนหลับ หรือไม่ก็ลืม
เราเลยแกล้งลืมแบบเขาบ้าง ไม่โทรไปหาเขา 2 อาทิตย์เลย
2 วันแรกที่ทำแบบนี้ เขาโทรมา แต่เราตั้งใจไม่รับ เขาก็ไม่โทรมาอีกเลยจริงๆ
พอครบ 2 อาทิตย์เราเลยโทรไปชวนทะเลาะ ถามกับเขาตรงๆ ว่า สรุปนี่เราเลิกกันแล้วใช่ไหม
เพราะดูเหมือนเขาไม่คิดถึงเราเลย หลังๆ มานี่เราเป็นฝ่ายโทรไปก่อนตลอด
เราพยายามปรับตัวเข้าหาเขามาเรื่อยๆ แต่อะไรที่เรารับไม่ไหวจริงๆ เราก็ขอให้เขาปรับมาหาเราบ้าง
เขาก็จะพูดถึงเรื่องงาน งาน งาน และเขาหาว่าเรามีปัญหากับงานของเขา ทั้งที่เราพูดตรงๆ ถึงเรื่องเวลาที่อยากได้กลับมาแบบเดิม
คือตอนนี้ติดต่อกันน้อยมากแถมไม่ได้เจอหน้ากันอีก เราไม่กล้ามีลูกกับเขาอีกเพราะแบบนี้แหละ กลัวความไม่แน่นอนในชีวิตเขา
ถามอะไรเขาไป ตอบไม่ตรงคำถามสักครั้ง และเขาจะบ่ายเบี่ยงไปเรื่อย
ซึ่งเวลาเราผิดใจกับใคร เราจะรีบปรับความเข้าใจทันที เราไม่ชอบคิดมากนานๆ แต่เขาจะไม่ค่อยพูดค่อยตอบ
จะเอ่ยปากพูดก็ต่อเมื่อเราพูดถึงเจ้านายของเขา หรืองานของเขาที่มันไม่แน่นอนกับชีวิต ซึ่งจะใส่อารมณ์รุนแรงกับเรามาก

เราลองถอยออกมา 1 ก้าว และเริ่มสังเกตว่า ตั้งแต่เราป่วยเป็นโรคซึมเศร้ามา กินยามาเกือบ 10 ปี
สิ่งเดียวที่ทำให้เราเครียดจนเสียการงานมากที่สุดคือเขาคนเดียวเลย
2-3 ปี หลังที่แต่งงานกันมา จากที่เคยพูดจาให้กำลังใจให้เราสู้กับชีวิต ก็จะพูดจาเสียดสีบั่นทอนเราตามอารมณ์ของเขา
2 เดือนที่แล้วที่กลับบ้านมา จะเจ้าอารมณ์และชอบทำตาขวาง เราไม่ได้ทำไรผิดเลย ทำตัวปกติ
จนคลายสงสัยได้ว่าเขาเครียดที่เจ้านายหูเบาไม่เชื่อเขาเรื่องที่เขาโดนใส่ร้ายในที่ทำงาน เลยพาลมาหงุดหงิดที่บ้าน

อาทิตย์ก่อนเราจึงมานั่งคิดว่าจะทำไงดีไม่ให้ตัวเองกลับไปซึมอีก เราเป็นไบโพลาด้วยค่ะ ถ้าเจออะไรกระทบจิตใจมากๆ บางทีสมองก็กลับขั้วเลย
จากที่ลั้นลามีความสุขตั้งใจทำงาน ทุกอย่างจะแย่ไปหมด เราไปอยากกลับไปเป็นแบบนั้นอีก เพราะทำงานไม่ได้เลย
จึงพยายามคุยกับเขาดีๆ ในเมื่อเขาไม่อยากคุยเรื่องที่ทะเลาะจะแยกทางกับเรา เราก็ไม่พูดค่ะ
เราเป็นคนโกรธง่ายหายเร็วค่ะ 2-3 วันก็ลืม ถ้าไม่ใช่เรื่องใหญ่ แต่นี่ดันมีปัญหาทะเลาะกันทุกครั้ง
บางทีเราถามอะไรตรงๆ ก็จะบ่ายเบี่ยงเช่นเดิมและจับเรื่องงานมาพูดแก้ ทั้งที่สิ่งที่ถามไม่เกี่ยวกับงานของเขาเลย
จนเราคิดได้ว่า ไม่เขาก็เราที่เปลี่ยนไปไม่ใช่คนเดิมแล้วจริงๆ

ดูได้จากงานบ้านที่ปกติกลับมาบ้านจะช่วยกันทำบ้าง ปีนี้เราทำคนเดียวหมด
เราสายตาสั้น และไฟในห้องที่ใช้ทำงานเริ่มไม่ค่อยดี แสงเริ่มอ่อน เราเลยขอให้เขาเปลี่ยนหลอดไฟให้
เมื่อก่อนจะเปลี่ยนให้เลยถ้ากลับมา ตอนนี้บอกว่าจะทำให้แต่ก็รอมา 3 เดือนแล้วยังคงสลัวเช่นเดิม
เดิมทีน้อยใจอยู่แล้วแต่ไม่เก็บมาคิดมาก พออะไรมันไม่เหมือนเดิมก็เริ่มเสียใจมากมาย

เขาบอกว่าเขาไม่เจ้าชู้ เขาไม่นอกใจ เขาไม่เที่ยว เขาก็แค่ไปชงเหล้าให้เจ้านายเป็นบางวันเลยทำให้คืนนั้นๆ ไม่ได้โทรมาหาเรา
เขาบอกว่าที่กลับบ้านช้าลงๆ เพราะเพื่อนร่วมงานไม่ค่อยช่วยกันทำงาน เขาไม่ใช่คนขี้ฟ้อง เดี๋ยวสักวันเจ้านายเขาก็รู้เองว่าใครผิดใครถูก

ทะเลาะกัน เขาจะพูดแค่ว่าถ้าเราไม่ได้ไปทำงานแบบเขา ก็ไม่มีวันเข้าใจ
แต่เราเชื่อว่างานทุกงานมีขอบเขต ปีนี้เป็นปีแรกที่งานของเขาเริ่มไม่เป็นเวลา ทำทั้งวันทั้งคืนไม่เคยหยุด
เขาไม่อ่านหนังสือ ไม่ฝึกซ้อมร่างกายจึงสอบบรรจุข้าราชการไม่ผ่านสักด้าน เขาบอกว่าเดี๋ยวเจ้านายจะใช้เส้นช่วยเขา
จากที่เคยต่อต้านคนคดโกง ทำไมถึงกลายมาเป็นโกงซะเอง เรายิ่งรับไม่ได้มากขึ้นกับความมักง่ายแบบนี้
เขาสํญญาอย่างนั้นอย่างนี้ แต่ทำไม่ค่อยได้อยู่แล้วจนกลายเป็นไม่เคยทำได้

ด้านดีของเขาคือไม่นอกใจ และนิสัยติดดิน รับในสิ่งที่เราเป็นได้ นี่คือสิ่งที่ทำให้เรารักเขา
ญาติเราไม่ชอบเขาสักเท่าไรนัก เพราะดูออกว่าเขาชอบใช้ชีวิตติดนิสัยคนโสด
เมื่อก่อนไม่คิด แต่ตอนนี้เริ่มคิดตามแล้ว เขามีปัญหาไม่เคยปรึกษาเราเลย เราก็ไม่ว่า
แต่ตอนที่พี่สามีเสียชีวิต เขาให้เราอยู่บ้านและไม่ยอมให้เราไปอยู่เป็นเพื่อนที่วัด เขาไม่โทรมาเลย 7 วัน หลังงานศพอีก 7 วันก็อยู่บ้านแม่ของเขา
ซึ่งอยู่กันคนละจังหวัด และเราจำทางไปไม่ได้ ก้ได้แต่กังวลใจ จำได้ดีตอนเขาร้องไห้ไม่ยอมให้เรากอดปลอบหรืออะไร เดินหนีไปดื้อๆ
เราเสียใจมากที่เขาไม่ให้เรายุ่ง และไม่อยากคิดน้อยใจแบบนี้ให้งี่เง่าจึงอดทนต่อไป

คิดไปคิดมาทั้งหมด เราเองคนเดียวที่มีความสุขเวลาอยู่กับเขา แต่เวลานี้เขาเริ่มไม่มีความสุขกับเรา เคยหอมแก้มกอดลาก่อนจากไปทำงาน
ปีนี้ไ่ม่มีแล้ว
เราร้องไห้บ่อยเกินไปแล้ว บางทีก็คิดนะว่าตัวเองแย่ที่ไม่อดทนและขี้น้อยใจมากเกินไปอีกแล้ว
แต่พอไม่ได้คุยกัน 2 ทิตย์ที่ผ่านมานั้น เรารู้สึกเลยว่าเราเริ่มรำคาญตัวเองที่คุยกับเขาทีไรก็หงุดหงิดน้อยใจ พาลทะเลาะ
จนในที่สุดก็เข้าใจตัวเองว่า เราเองก็มาถึงทางตันเช่นกัน เราเองที่ไม่สามารถทนกับการอยู่แบบนี้ต่อไปได้อีก
แต่ก็ไม่ได้ปล่อยให้ท้อง เพราะเราคิดว่าถ้าเขาพร้อมเขาคงบอกเราเอง และเราไม่คิดจะเอาลูกมาเป็นเครื่องมือผูกมัดเขาให้อยู่กับเรา

จึงได้ถามเขาไปตรงๆ ว่า ถ้าเจ้านายเขาย้ายไปอีก จะตามไปอีกไหม
เขาเลี่ยงที่จะตอบตรงๆ เอาแต่พูดว่าไม่รู้อนาคต
พอไล่เลียงไปมา ในที่สุดเขาก็หลุดพูดมาว่า "เพื่อนร่วมงานเขาอยู่แบบนี้มา 10-20 ปีไม่ค่อยกลับบ้าน ลูกเมียที่บ้านเขายังไม่มีปัญหาอะไรเลย"
เราจึงเข้าใจว่า เขาต้องการให้เราอยู่กับเขาแบบนี้ต่อไปเรื่อยๆ จนกว่าร่างกายเขาจะไม่ไหวแล้วคงกลับมาให้เราดูแลเอง
เราเสียใจมากที่เพิ่งมารู้เอาป่านนี้หรือแกล้งหลอกตัวเองมาตลอดก็ไม่รู้ว่าความฝันที่แท้จริงของเขาคือการได้ใช้ชีวิตท่องโลกไปตามใจตัวเอง

เขาได้ทำงานที่รัก มีความสุข เราก็ดีใจ
เงินมากเงินน้อยเราไม่สน เพราะอยู่กันแบบพอมีพอกิน
แต่เขาตัดสินใจจะตามเจ้านายไปทั้งชีวิต ละเลยครอบครัว เราทนไม่ได้
ก็เลยยอมรับกับเขาไปตรงๆ ค่ะ ว่าเราไม่ใช่ผู้หญิงแบบในฝันที่เขาต้องการ เราอดทนไม่ได้มากกว่านี้ค่ะ มันไม่ใช่ตัวเรา
ก็ขอโทษเขาไป ที่เรารักตัวเองและไม่อยากทำร้ายจิตใจตัวเองแบบนี้อีกแล้ว
สุดท้ายเลยขอแยกทางมาค่ะ ก็ขอให้เขาอย่าเพิ่งกลับมาเอาของที่บ้าน  รอเราทำใจได้แล้วค่อยมาเอาค่ะ

ช่วงเวลานี้เราอยากคิดทบทวนค่ะ เขาคงไม่รั้งเราหรอกค่ะ ที่ยังอยู่ก็เพราะผูกพันธ์
แต่ถ้าเขากลับมาขอคืนดี เราไม่ต้องการกลับไปรอแบบนั้นอีกแล้วค่ะ มันไม่ใช่ตัวเราเลย ไม่ใช่สิ่งที่เราต้องการที่จะอยู่กับมันไปตลอดชีวิต
อยากตัดใจค่ะ แต่อีกใจหนึ่งก็ยังแอบคิดว่าเขาจะเปลี่ยนใจคิดใหม่ไหม คิดว่ายาก
ไม่อยากมองมุมเดียวค่ะ ถ้าใครเข้าใจความคิดเขามากกว่าเราก็ช่วยแนะนำทีค่ะ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่