นักเรียนเชฟ (สวนดุสิต)

ช่วงนี้เปิดเฟสบุค เปิด instagram เจอคนลงรูปอาหารเยอะแยะเต็มไปหมด น่าจะเป็นส่วนหนึ่งให้อาชีพนี้ได้รับความสนใจมากในช่วงนี้ เด็กๆที่กำลังเรียนจบ ม.6 ก็สนใจอยากเข้าเรียนในสายวิชาชีพนี้กันมาก  โรงเรียนการเรือน เทคโนโลยีการประกอบอาหารและบริการ หรือบางคนเรียกเรียนเชฟนั่นเอง 5555

เห็นน้องๆ ถามในหลายกระทู้ว่าอยากเรียน ต้องทำไง เตรียมตัวแบบไหน ?

(ผมไม่รู้ 5555) ตอนผมไปสอบ ผมไม่รู้เลยว่าต้องสอบอะไรบ้าง ไปมั่วๆเพราะเพื่อนชวนไป เพราะเพื่อนเห็นผมเป็นคนชอบทำอาหาร เลยเออๆตามมันไป สุดท้ายสอบติด แล้วคนะที่ตัวเองอุส่าติวมาตั้งแต่ ม.4 ดันสอบไม่ติด ช่วงนั้นอกหักจากคนะนั้นไป ตัดสินใจเด็ดขาดจะไม่ยุ่งเกี่ยวกับสาขานั่นอีกเลย(งอน) หันมาเอาจริงเอาจังด้านทำอาหารเลยแล้วกัน ไหนๆก็ชอบทำ พอทำเป็นอยู่แล้วนิดหน่อย

สอบ ผมสอบรอบสอบตรง มีวิชา วิท อังกฤษ คณิต ไทย สังคม แต่ละอย่างออกไม่ลึกมาก ทำได้บ้างไม่ได้บ้าง สุดท้ายก็สอบผ่านมา แล้วก็ด่านต่อไปสัมภาษณ์ ไม่มีไรมากแต่งตัวเรียบร้อย บุคลิกดี พูดจารู้เรื่องไม่น่าตก 55555

แล้วก็เริ่มเรียนซัมเมอร์ เรียน2วิชาพื้นฐาน อังกฤษ จริยศาสตร์
จากเด็ก ม.6 เวลาสอบไม่เคยอ่านหนังสือ มาเรียนมหาลัย ปรับตัวไม่ทัน มัวแต่สนุกกับการหาเพื่อนใหม่ เหล่สาวๆหน้าใหม่ๆ แปบเดียวสอบไม่อ่านเช่นเคย เกรดออกมา D กับ C+ ยิ้มยย 5555
เหมือนจะเข็ด เริ่มเปิดเรียนปี 1 เต็มตัว วิชาเกียวกับอาหารแทบไม่มี คิดในใจว่า กูลงผิดคณะรึเปล่า??? มีแต่คณิต วิท มนุษ จุลชีว มีวิชาทักษะความชำนาญ วิชาที่เกียวกับอาหาร ให้รู้จักอุปกรณ์หน้าตาแปลกๆ เขียนแบบห้องครัว คำนวนแอร์ในครัว ก็ผ่านๆๆไป จนเทอม2เริ่มมีฝึกงาน ผมไปฝึกครัวการบินไทย ได้แปบเดียว ออกไปไม่ไหวไกลเหนื่อย เพื่อนๆก็ฝึกกันในมหาลัยจนครบชั่วโมง สุดท้ายผมมาฝึกโฮมเบเกอรี่ในมหาลัยกว่าจะครบชั่วโมงก็ปี 3
วิชาเกียวกับอาหารก็มีตั้งแต่ ปี2 - 4 มาให้เรียนเน้นๆ จนขี้เกียจซักชุดเชฟ ทั้ง การตัดหั่นแต่ง อาหารไทย ขนมไทย อาหารยุโรป ขนมหวานยุโรป อาหารเช้ายุโรป อาหารเอเชีย จีนญี่ปุ่นเกาหลี เวียดนามอินเดียมาเล  เบเกอรี่ เพสตรี   วิชาพวกนี้เน้นปฏิบัติแต่ตอนสอบ ผมอยู่แรกๆก็คิดว่ามีแต่ปฏิบัติอย่างเดียว ที่ไหนได้ทั้งปฏิบัติและข้อเขียน ให้มึนไปพักใหญ่
เด็กที่เลือกมาเรียนสายนี้ส่วนใหญ่ไม่รู้ว่า วิชาที่เป็นทฤษฏี ก็มีไม่น้อยเหมือนกัน วิทยาศาสตร์นิดหน่อย แต่สำหรับคนไม่จบสายวิทมาไม่หน่อยเลย มีคำนวนต้นทุน มีคำนวนเปอเซ็น อะไรนิดหน่อย แต่ที่ผมเห็นบางคนเรียนจนจะจบก็ยังคำนวนกันไม่เป็น

ระหว่างเรียนใครอยากแข่งอยากโชว์ฝีมือ เชิญเลย สามารถขอคำปรึกษาจากอาจารย์ได้หลายๆคน บางคนได้ทุนก็สบายไป บางคนออกเงินเองก็ดีไปอีกแบบไม่กดดันมั้ง (ผมไม่เคยแข่ง 5555)  

สุดท้าย วิจัย หนังสือที่เราผลิตมา1เล่ม ให้อาจารย์เซ็นรับรองให้ได้ น่าสนุก น่าตื่นเต้น
เริ่มคิดหัวข้อตั้งแต่ปี3เทอม2 เปิดปี4มาเริ่มทำ แรกๆเพื่อนก็ร่าเริงกันปกติ พอจะสอบเท่านั้นแหละ หน้าตาอดหลับอดนอน ทักไลน์หากันทุกวัน เพื่อนที่ไม่เคยสนิท แต่ได้อาจารย์ที่ปรึกษาคนเดียวกัน ก็ต้องมาปรึกษากันทำยังไงให้ถูกใจอาจารย์แต่ละท่าน
ช่วงทำวิจัยอดนนอนบ่อยมาก  3วันสุดท้ายก่อนสอบ ได้นอนวันละ2ชม ช่วงเพื่อนคู่วิจัยพักกินข้าว เพราะผมไม่ได้อยู่หอ ทำงานหอเพื่อนขับรถกลับช่วงจะเช้า เปลี่ยนชุดมาเรียน กลับบ้านขับรถมาหอเพื่อนทำงาน ใกล้เช้าก็กลับบ้าน ซ้ำๆจนวันไปสอบ เมาตัวหนังสือ พูดผิดพูดถูก
สุดท้ายก็ผ่านมาได้ แล้วก็แก้เล่มต่อ กว่าจะได้ลายเซ็นอาจารย์ทั้ง3ท่าน แทบบ้า 55555
ผมสังเกตุหลายๆคน เจอปัญหาเดียวกัน ใช้ภาษาไม่ถูก พิมภาษาพูดลงในเล่มวิจัย คิดคำพูดให้ดูเป็นทางการไม่ออก จัดหน้ากระดาษ ใช้คำสั่ง ในโปรแกรมWordที่เป็นโปรแกรมพื้นฐานไม่ค่อยเป็น ซึ่งผมก็เป็นหนึ่งในนั้น    

สุดท้ายฝึกงานปี4เทอม2 แยกย้าย รอวันเรียนจบจะกลับมาพบกันอีกที


ค่าเทอม20250 ตอนนี้ออกจากราชภัฏแล้ว ไม่รู้ว่าค่าเทอมจะขึ้นอีกไหม
ระหว่างเรียน มีเวลาว่างเยอะ ก็หางานทำฝึกประสบการณ์ไปในตัวตามร้านอาหาร ตามโรงแรม ได้เงินด้วย

ผิดพลาดตรงไหนขออภัย เพิ่งซื้อคีย์บอร์ดมาใหม่ ลองเทสดู 5555

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่