สายการบินต่างๆ ทำไมถึงเอาเปรียบประชาชน และลูกค้าขนาดนี้ ใครทำงานสายการบินตอบทีนะ

ว่าด้วยเรื่องการขึ้นเครื่องบินครับ ขอถามเป็นข้อๆเลยนะ
1. ทำไมการจองตั๋วในอินเตอร์เนต หรือแอพพิเคชั่น กับจองตั๋วที่เคาท์เตอร์สนามบิน ถึงราคาไม่เท่ากัน ทั้งที่นั่งเครื่องลำเดียวกัน เวลาเดียวกัน ไฟท์เดียวกัน และทำไมซื้อตั๋วที่สนามบิน หรือเคาท์เตอร์ ถึงแพงกว่าในอินเตอร์เนตถึง 2-4 เท่า ทั้งๆที่จองล่วงหน้าเหมือนกัน มีเพียงการเดินทางด้วยเครื่องบินเพียงอย่างเดียว ที่ซื้อตั๋วที่บ้าน ถูกกว่า เสียค่าน้ำมัน เสียเวลามาซื้อด้วยตัวเอง ช่วยตอบทีครับเพราะอะไร ทำไมจึงต้องถูกกว่า
2. ทำไมการคืนเงินค่าโดยสาร ถึงทำได้ยากเย็นเหลือเกิน และทำไมถึงคืนเพียง 10% ของค่าโดยสาร ทั้งๆที่ยกเลิกล่วงหน้า 15 วัน แถมบางสายการบินกลับบอกว่า ต้องรอให้ไฟลท์นี้ผ่านไปก่อนแล้วจึงจะทำเรื่องคืนเงินได้ อันนี้ สายการบิน สิงโตแดง บอกมา (แต่เพื่อนที่ต่างจังหวัด คืนเงินก่อนที่จะบินได้ แต่ก็ได้ 10% ของราคาโดยสารเท่านั้น เพราะบริษัทยกเลิกการสัมนา) ช่วยตอบทีครับมันยังไงกันแน่ เพราะลูกค้าแบบผมไม่ได้รับการบริการ หรือรับสินค้าใดๆเลยจากบริษสายการบิน แต่กลับต้องเสียเงิน 90% ของราคาตั๋ว เพื่ออะไรครับตอบที เอาเปรียบเกินไปมั้ยครับ
3. ทำไมไม่ปรับค่าโดยสารให้เท่าเทียมกันในระดับต่างๆ ไม่ใช่จองล่วงหน้าสามเดือน 400 ซื้อวันนี้เดินทางทันที 3500 นี่มันอะไร ทำไมไม่ราคาเดียว เฉลี่ยกันไป ในเส้นทางบิน เช่น เส้นทางบิน ภูเก็ต-ดอนเมือง 1400 บาท โลวคอส เท่ากันหมดไปเลย ถ้าระดับเครื่องดีดี ระดับกลางๆ ก็แพงขึ้นมา 2500  อะไรประมาณนี้ แต่นี้ต้องนั่งเฝ้าคอมกันทั้งวันทั้งคืน เพื่อจองตั๋ว สายการบินต้องการอะไรครับ อยากให้ประชาชนมีความพยายามมากขึ้นเหรอครับ คิดว่าจุดมุ่งหมายคือ การบริการลูกค้าเสียอีก ช่วยตอบผมทีนะครับ
4. เป็นเรื่องของ ของเหลวที่ห้ามนำขึ้นเครื่อง ถ้าน้ำมัน วัตถุไวไฟ วัตถุประกอบระเบิดอย่างก๊าซ อันนี้เห็นสมควรนะ แต่นี่น้ำเปล่ายังห้าม แต่บนเครื่องมีขาย ขายแม้กระทั่งก๊าซอัดลม ในน้ำอัดลม หรือแอลกอฮอล ที่จุดไฟติด ก็มีขายบนเครื่อง แต่น้ำเปล่ากลับห้าม ผมงงเจงๆนะครับ ตอบผมทีละกัน ว่าพวกคุณกำลังทำอะไรกันอยู่ จะบริการ หรือจะเน้น ไล่ลูกค้าครับ แต่ที่คนเขาขึ้นเครื่องกันเยอะ เพราะมันเป็นทุกสายการบิน เป็นเหมือนกันหมด จึงต้องจำใจขึ้น ทั้งๆที่ทุกๆคนเขาก็อยากให้ปรับเปลี่ยนแหละครับ เชื่อเถอะ จะมีสักกี่คนที่บอกว่าแบบนี้ดีอยู่แล้ว