อ่อ ก็ยังคงยืม id ของน้องสาวเหมือนเคยนะฮะ 555 แล้วก็จากครั้งที่แล้วมีคนถามมาว่าใช้กล้องอะไร ก็ใช้ กล้อง fuji XA-1 เลนส์ kit กับมือหมุน 50 1.4  อ่อ เรื่องกล้องนี่เราไม่ค่อยรู้เรื่องเท่าไหร่นะฮะ มือใหม่เช่นเคย ใช้แต่โหมด M อย่างเดียว อย่างอื่นปรับไม่เป็น ศัพท์ทางกล้องอาจใช้ผิดบ้างก็ขออภัยด้วยนะฮะ แนะนำได้ แหะๆๆ

ส่วนครั้งนี้จริงๆก็วางแผนนานแล้ว ว่ามีปิดยาว ดูจากตารางเรียนช่วงนี้ก็ไม่น่ามีอะไรหนักๆ แต่ก็ไม่รู้ว่าจะไปไหนครับ รู้แค่ว่าเชียงใหม่ 555 แต่ที่ไหนดีล่ะ นี่ฤดูฝนซะด้วย ซึ่งตอนแรกว่าจะไป แม่กำปองครับ แต่ว่ากลัวขับรถไม่ไหว เลยดูในเน็ตว่าเค้าไปสโลวไลฟ์ที่ไหนกันมั่ง ม่อนแจ่มก็เลยเป็นช้อยนึงของเรา แต่ว่า......​ ชื่อนี้รู้สึกว่าได้ยินจนคุ้นหูแล้ว กลัวว่าคนจะเยอะ เดี๋ยวไม่ได้พักผ่อน อิอิ เลยพิมพ์คำว่า “ม่อน” เฉยๆ ลงในกูเกิล ก็มาเต็มเลยครับ



ต้องเติมอย่างอื่นซะหน่อย เลยพิมพ์ “ม่อน ที่พัก” คราวนี้ค่อยยังดีหน่อย 555 ก็มีที่พักให้เลือกเยอะแยะเลยฮะ ดูๆไป ก็ไปป๊ะกับที่นึงที่น่าสนใจงับ



ที่ว่าน่าสนใจก็ตรงที่ ไม่ให้นำรถเข้าไปจอดที่ที่พักครับ เพราะอยากให้นักท่องเที่ยวได้สัมผัสกับธรรมชาติจริง ๆแต่คือไม่ใช่เดินหรือไต่เขาไปนะฮะ เป็นลมมมม คือเค้าจะมีสถานีม่อนม้ง อารมณ์ว่าเป็นที่จอดรถและก็มีคนดูแลอยู่ แล้วก็จะมีรถของโฮมสเตย์มารับเราไปที่พักอีกทีนึง จริงๆก็ไม่ได้ลำบากอะไรนะฮะ จะขอให้เค้าไปรับไปส่งก็ไปได้ทันที แล้วถ้ารถไปเองก็น่าหวาดเสียวอยู่เพราะต้องขับไปตามสันเขา ลงหุบเขา อะไรประมาณนั้น ตามลิงค์นี้นะฮะ http://www.hmonghomestay.com (ไม่ได้ค่าโฆษณาใดๆ)

อ่อ แต่ถ้าเป็นคุณผู้หญิงไปคนเดียวก็ต้องคิดหนักๆหน่อยนะฮะ เป็นห่วง อิอิ

ลืมบอกไปว่า ก็ยัง Fuji XA-1 เหมือนเดิม แต่มี Gopro silver บ้างนะฮะ ยืมเค้ามา อยากลองดู อิอิ รูป(ตัวเอง)ก็เยอะมากเช่นเคย บอกไว้ก่อนสำหรับคนที่ยังไม่เคยอ่านของเรา ก็ขอโทษด้วยน้า เหมือนเดิมคุมทงคุมโทนไม่มี๊ แต่งไม่เก่งเหมือนเดิม 555555 ถ้าอ่านไปเปิดแอร์ ใส่เสื้อหนาวไปอาจเพิ่มรสชาติเล็กน้อยนะครับ

ก็มาเริ่มกันเยยงับ day1 ก็ตื่นแต่เช้าเลย ตั้งแต่ 7 โมง ออกจากโรงแรมก็เกือบ 9 โมง แล้วก็หาข้าวเช้ากินครับ ไม่พ้นโจ้ก ง่ายสุด 55 จากนั้นก็เดินทางเลยครับ ไปสายแม่ริม วันนั้นฟ้าฝนก็ครึ้มจ๋าอย่างเคย ใจก็หวั่นนิดๆเพราะขับขึ้นดอยครั้งแรก(จริงๆคือไม่มีไรเลย ทางปกติดีมากฮะ)  คือเส้นสายแม่ริมนี่ ตามความรู้สึกของเราคิดว่ามันเป็นเส้นทางการรวมโชว์ของสัตว์ต่างๆ มีทั้ง คุ้มเสือ ฟาร์มงู ศูนย์ฝึกลิง ปางช้าง สวนสัตว์แมลง โอ้วบร๊ะเจ้า ไม่รู้จะแวะอะไรเลยเยอะไปหมด

แต่เราก็ยังไม่แวะ อิอิ อยากชมธรรมชาติก่อน ก็เลยผ่านไปก่อน แต่ก็ไม่ได้รีบมาก เป็นคนขับรถได้หนอนมาก 555 ไปเรื่อยๆ จนเห็นป้ายสวนพฤษศาสตร์ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์  เลยขอตบไฟซ้ายเข้าไปดูดอกไม้ซักหน่อย แต่.....​ยังไม่ทันจะได้ถ่ายรูปอะไรมาก ฝนก็เริ่มเทนิดๆ เลยคิดว่าคงต้องไปต่อซะแล้ว เลยไปต่อครับ



จนมาถึงสถานีม่อนม้งครับ ตอนนั้นมาถึงประมาณ 11 โมงนิดๆ แจ้งเจ้าหน้าที่ว่าเราได้จองไว้ แต่ว่าเมื่อคืนแขกเต็มครับ แล้วจริงๆ Check in ควรจะเข้าตอนบ่าย 2 แต่เค้าก็บอกว่าซักเที่ยงๆ ก็น่าจะได้ละ พอดีเค้าต้องทยอยพาแขกออกจากที่พักครับ เราเลยถ่ายรูปเล่นแถวนั้น แล้วไปหาข้าวกิน เพราะที่สถานีไม่มีข้าวกิน
เริ่มหนาวเกินต้องใส่เสื้อทับอีกชั้นงับ



ก็ขับรถย้อนมาเรื่อยๆ เจอป้ายม่อนตะวัน ก็ลองเลี้ยวขึ้นเนินไป มีที่พักแล้วก็ร้านอาหาร เราก็กินแถวนั้นแหละฮะ หิวมาก อาหารก็ใช้ได้ครับ กินผัดผัก ต้มยำปลากระป๋อง 555  อื่นๆ อีกนิดหน่อย อ่อแต่ที่นั่งจะชื้นๆเปียกๆ แฉะก้นซักหน่อยนะครับ เพราะหมอกหนามาก มีเวลาก็ถ่ายรูปเล็กน้อย ก่อนกลับไปสถานี



พอกลับมาสถานีรถมารับก็มาพอดีครับ เลยมุ่งหน้าไปที่พักเลย อิอิ ลืมบอกว่าที่ที่พักจะมีให้เช่าชุดปิ้งย่างให้เช่า 80 บาทมั้งครับ แต่เราไม่ได้เตรียมไรไปเลย ก็เลยไม่ได้เช่าฮะ มาถึงที่พักก็ประมาณบ่ายสอง

ชีวิต slow ก็เริ่มขึ้น ณ ม่อนม้งโฮมสเตย์

ซึ่งที่นี่จะมีห้องหลายแบบครับ แบ่งหลักๆก็คือมี 2 ราคา คือคืนละ 900 บาท กับคืนละ 1200 บาท โดยที่คืนละ 900 บาทจะเป็นห้องธรรมดาครับ ห้องแฝด เป็นบ้านติดดินหน้าบ้านจะหันไปทางสวนส้ม ไร่ข้าวโพด ไม่มีอาหารเช้า

ส่วนอีกราคาเค้าเรียกว่าห้องรังนกครับ เป็นเรือนไม้ยกสูง มีระเบียงส่วนตัว บ้านจะหันไปทางหุบเขาครับ อีกแบบนึงจะเป็นบ้านต้นไม้ ก็ตามชื่อเลยครับ แต่ไม่ได้ปีนขึ้นครับ อารมณ์ว่าจะเป็นต้นไม้ต้นนึง มีอยู่ 2 ห้อง ห้องละ 1200 บาท แต่จะอยู่ห้องเดียวก็ได้ครับ ห้องจะกว้างกว่ารังนกพอควร แต่ต้องเดินลงเนินไกลกว่าหน่อยเท่านั้นเอง ซึ่งราคา 1200 ก็จะมีอาหารเช้า กาน้ำร้อนด้วยงับ




ตัวอย่างห้องรังนกครับ


มีหลายสไตล์ให้เลือกครับ อิอิ

สภาพภายในห้องครับ ตัวอย่างบ้านต้นไม้ หมอนไม่เก่า ผ้าห่มไม่เก่านะครับ

เดี๋ยวมาต่อน้าาา