โรคหลอดเลือดสมอง: โรคที่แข่งกับเวลา
ที่ผมคิดจะเขียนบทความนี้ เพราะได้เห็นข้อความที่แชร์ในเฟสบุคถึงวิธีการดูแลและรักษาเบื้องต้นผู้ป่วยที่มีการอ้างว่าเป็นความรู้ที่ถ่ายทอดมาจากแพทย์อาวุโสแผนโบราณของไต้หวัน ว่าให้เอาเข็มเจาะที่ปลายนิ้วเอาเลือดออก หรือเจาะที่ติ่งหูในรายที่หน้าเบี้ยว
ตัวผมซึ่งมีความรู้ด้านแผนโบราณไม่มากนักโดยเฉพาะของไต้หวันนี่ไม่รู้เลย ก็คงบอกไม่ได้ว่าการรักษานี้ได้ผลหรือไม่ แต่ถ้าพูดในส่วนของแผนปัจจุบันที่ได้เรียนมานั้น การทำแบบนี้อาจจะส่งผลต่อการรักษาไม่ทันท่วงที และทำให้อาการแย่ลงเพราะเราคงจะเสียเวลากับการเจาะเลือดที่ว่านั้นอยู่พอสมควร
ทำไมเวลาถึงสำคัญมากในโรคนี้ จะขอแยกตอบเป็นสองกรณี
- โรคเส้นเลือดสมองตีบ: เกิดจากการที่เส้นเลือดในสมองถูกอุดกั้นโดยเกล็ดเลือดที่แข็งตัว ซึ่งหากมาในเวลา 3 ถึง 6 ชั่วโมงหลังจากมีอาการอาจจะพิจารณาให้ยาละลายลิ่มเลือดแบบให้ทางหลอดเลือดได้
- โรคเส้นเลือดสมองแตก: เมื่อเส้นเลือดในสมองแตก จะมีเลือดออกมาในสมอง ซึ่งไปกดสมองส่งผลให้การทำงานสมองมีความเสียหายทั้งระยะสั้นและระยะยาว ซึ่งในรายที่สมองถูกมาก ๆ อาจจะหยุดหายใจได้ ซึ่งถ้าได้รับการรักษาที่เร็ว ผลการรักษาก็ย่อมออกมาดีกว่า
คราวนี้เราจะรู้ได้อย่างไรว่า คนไข้มีอาการของโรคหลอดเลือดสมอง? สังเกตง่าย ๆ ครับ จะมีหลักการจำคือ "FAST"
- F: Face คือใบหน้าเบี้ยวไปข้างหนึ่ง
- A: Arm คือมีแขนขาอ่อนแรง
- S: Speech คือมีอาการพูดไม่ชัด
- T: Time อันนี้คือ เน้นให้ความสำคัญว่า โรคนี้ ผลของการรักษาขึ้นอยู่กับเวลา
ประเทศไทยเรา จะมีเบอร์โทรศัพท์บริการทางการแพทย์ฉุกเฉินที่เบอร์ 1669 ถ้ามีอาการที่สงสัยว่าจะเป็นโรคหลอดเลือดสมองให้โทรได้เลยครับ บริการตลอด 24 ชั่วโมง
สุดท้าย อาจจะไม่เกี่ยวกับการแพทย์แต่ผมอยากจะเน้นย้ำว่า ก่อนที่เราจะแชร์อะไร ควรที่จะเช็คข้อมูลให้แน่ใจก่อน เช่น คนที่แชร์เป็นใคร แพทย์อาวุโสท่านนั้นคือใคร ความรู้แผนโบราณนั้นมีอยู่จริงหรือไม่ เพราะว่าโลกเราหมุนไปทุกวัน ความรู้ทุกอย่างก็เปลี่ยนแปลงไปเรื่อย จะเปรียบเทียบง่าย ๆ ก็เช่นคนสมัยก่อนกลัวสุริยุปราคาว่าเป็นยักษ์มาเอาพระอาทิตย์ไป แต่สมัยนี้เราไม่กลัวกันแล้วเพราะอะไรครับ "เพราะเรามีความรู้" ครับ
Facebook page: Dr. Gamabunta
https://www.facebook.com/pages/DrGamabunta/1455340874769253
โรคหลอดเลือดสมอง: โรคที่แข่งกับเวลา
ที่ผมคิดจะเขียนบทความนี้ เพราะได้เห็นข้อความที่แชร์ในเฟสบุคถึงวิธีการดูแลและรักษาเบื้องต้นผู้ป่วยที่มีการอ้างว่าเป็นความรู้ที่ถ่ายทอดมาจากแพทย์อาวุโสแผนโบราณของไต้หวัน ว่าให้เอาเข็มเจาะที่ปลายนิ้วเอาเลือดออก หรือเจาะที่ติ่งหูในรายที่หน้าเบี้ยว
ตัวผมซึ่งมีความรู้ด้านแผนโบราณไม่มากนักโดยเฉพาะของไต้หวันนี่ไม่รู้เลย ก็คงบอกไม่ได้ว่าการรักษานี้ได้ผลหรือไม่ แต่ถ้าพูดในส่วนของแผนปัจจุบันที่ได้เรียนมานั้น การทำแบบนี้อาจจะส่งผลต่อการรักษาไม่ทันท่วงที และทำให้อาการแย่ลงเพราะเราคงจะเสียเวลากับการเจาะเลือดที่ว่านั้นอยู่พอสมควร
ทำไมเวลาถึงสำคัญมากในโรคนี้ จะขอแยกตอบเป็นสองกรณี
- โรคเส้นเลือดสมองตีบ: เกิดจากการที่เส้นเลือดในสมองถูกอุดกั้นโดยเกล็ดเลือดที่แข็งตัว ซึ่งหากมาในเวลา 3 ถึง 6 ชั่วโมงหลังจากมีอาการอาจจะพิจารณาให้ยาละลายลิ่มเลือดแบบให้ทางหลอดเลือดได้
- โรคเส้นเลือดสมองแตก: เมื่อเส้นเลือดในสมองแตก จะมีเลือดออกมาในสมอง ซึ่งไปกดสมองส่งผลให้การทำงานสมองมีความเสียหายทั้งระยะสั้นและระยะยาว ซึ่งในรายที่สมองถูกมาก ๆ อาจจะหยุดหายใจได้ ซึ่งถ้าได้รับการรักษาที่เร็ว ผลการรักษาก็ย่อมออกมาดีกว่า
คราวนี้เราจะรู้ได้อย่างไรว่า คนไข้มีอาการของโรคหลอดเลือดสมอง? สังเกตง่าย ๆ ครับ จะมีหลักการจำคือ "FAST"
- F: Face คือใบหน้าเบี้ยวไปข้างหนึ่ง
- A: Arm คือมีแขนขาอ่อนแรง
- S: Speech คือมีอาการพูดไม่ชัด
- T: Time อันนี้คือ เน้นให้ความสำคัญว่า โรคนี้ ผลของการรักษาขึ้นอยู่กับเวลา
ประเทศไทยเรา จะมีเบอร์โทรศัพท์บริการทางการแพทย์ฉุกเฉินที่เบอร์ 1669 ถ้ามีอาการที่สงสัยว่าจะเป็นโรคหลอดเลือดสมองให้โทรได้เลยครับ บริการตลอด 24 ชั่วโมง
สุดท้าย อาจจะไม่เกี่ยวกับการแพทย์แต่ผมอยากจะเน้นย้ำว่า ก่อนที่เราจะแชร์อะไร ควรที่จะเช็คข้อมูลให้แน่ใจก่อน เช่น คนที่แชร์เป็นใคร แพทย์อาวุโสท่านนั้นคือใคร ความรู้แผนโบราณนั้นมีอยู่จริงหรือไม่ เพราะว่าโลกเราหมุนไปทุกวัน ความรู้ทุกอย่างก็เปลี่ยนแปลงไปเรื่อย จะเปรียบเทียบง่าย ๆ ก็เช่นคนสมัยก่อนกลัวสุริยุปราคาว่าเป็นยักษ์มาเอาพระอาทิตย์ไป แต่สมัยนี้เราไม่กลัวกันแล้วเพราะอะไรครับ "เพราะเรามีความรู้" ครับ
Facebook page: Dr. Gamabunta
https://www.facebook.com/pages/DrGamabunta/1455340874769253