เรื่องเกิดเมื่อวันพฤหัสบดี ที่ผ่านมาครับ (6 สิงหา)
ผมก็ขับมอไซค์ไปทำงานแต่เช้า ซึ่งผมกำลังจะไปรับแฟนก่อนแล้วก็วนกลับมาออฟฟิศ
ถึงที่เกิดเหตุประมาณ 6.10-6.30น. บริเวณหน้าสนามกีฬา(รามคำแหง) ผมก็ขับมาเร็วประมาณ 60-70ไม่เกินนี้แน่ๆ
ซึ่งผมก็ขับอยู่คันหน้าสุดในเลนขวา(อันนี้ตามกม.ปัจจุบันผมผิดผมยอมรับ) แล้วทีนี้มีรปภ.หรือยามปั่นจักรยาน(น่าจะออกมาจากซอยด้านซ้าย)
ตัดหน้ารถเมล์ รถตู้ในเลนซ้าย รถแท็กซี่ในเลนกลางออกมาอย่างกระชั้นชิดเพื่อจะข้ามไปฝั่งสนามกีฬา
ทีนี้ในระยะไม่เกิน 3-5เมตรที่ตัดออกมาผมก็เบรครถจนสุดทั้งๆที่ผมก็ตรงมาตลอดทางไม่ได้แซงหรือแทรกมาแต่อย่างใด(ล้อล็อคทั้งหน้าและหลังสไลด์ล้มทันที) เกิดการเฉี่ยวชนกับยามที่ปั่นจักรยานที่ว่าขึ้น
ยามได้รับบาดเจ็บบริเวณศอกขวา จักรยานเสียหาย ส่วนผมสะโพกกระแทก เข่าทั้งสองข้างบาดเจ็บและรถสไลด์ไปอยู่หน้าแท็กซี่เลนกลาง
หลังจากเกิดเหตุผมก็ไปสน.หัวหมากใกล้ๆ พร้อมกับคู่กรณี ซึ่งคู่กรณีพาหัวหน้ามาด้วย
ผมก็เรียกค่าเสียหายเฉพาะค่าซ่อมรถเพราะรถผมเพิ่งจะผ่อนไปงวดแรก (รถเสียหายไม่มากแต่เป็นบริเวณกว้างในแฟริ่งซ้ายแทบทั้งหมดจากการสไลด์ ก้านคลัช ฯลฯ)
แต่คู่กรณีอ้างว่าไม่มีเงินชดใช้ค่าเสียหาย อีกทั้งยังอ้างตนและรถของตน(จักรยาน)ก็เสียหายเช่นกัน
ระหว่างที่ตกลงไกล่เกลี่ยกัน ผมก็บอกว่าให้ชดใช้ค่าซ่อมรถ จากการคาดคะเนก็น่าจะมี 2000-5000บาท ก็เรียกไป5000 แล้วก็ต่อรองกันไปมาจนเหลือ2000บาท แต่สุดท้ายคู่กรณีก็ไปคุยกับหัวหน้าของตนแล้วก็มาบอกว่าไม่ยินยอมชดใช้ค่าเสียหายให้ลงบันทึกประจำวันไว้
ทีนี้ก็เกิดว่า ให้ผมยินยอมปรับหรือไม่ หากไม่ยินยอมต้องเก็บรถทั้งสองฝ่ายไว้ตรวจสอบ ดังนั้นผมก็ทำได้แต่เพียงให้เค้าชดใช้ค่าเสียหายแต่กลับไม่ยินยอม จึงจำใจให้ปรับคดีอาญาจึงสิ้นสุด แล้วผมก็ไปฟ้องแพ่งเอาทีหลัง
หลังจากนั้นผมจึงไปรพ. ตรวจร่างกายและนำรถเข้าตรวจสอบ มีค่าเสียหายประมาณ 2พันกว่าบาท ค่ารักษาพยาบาลอีกเกือบๆ3พันบาท
ผมจึงแจ้งกับทางคู่กรณีว่า มีค่าใช้จ่ายเท่านี้ๆขอให้รับผิดชอบ แต่กลับได้รับคำตอบมาประมาณว่า ไม่มีตัง ไม่จ่าย อยากได้ไปฟ้องเอา
จึงสิ้นสุดการสนทนา และได้ติดต่อไปอีกครั้งเพื่อเจรจาให้รับผิดชอบเพียงส่วนหนึ่ง แต่ก็ไม่ได้รับคำตอบ
ล่าสุด วันนี้ 8 สิงหาคม ผมได้ติดต่อไปทางคู่กรณีอีกครั้งว่าให้ชดใช้ค่าเสียหายกับตัวรถของผม แต่ได้รับคำตอบที่แข็งกว่าเดิมว่า ไม่มีตัง ไม่จ่าย
กรณีแบบนี้ผมควรทำยังไงดีครับ แล้วผมควรเสียเวลาไปฟ้องร้องอีกหรือไม่ครับ (แต่ผมก็ทำใจไปส่วนหนึ่งถือว่าฟาดเคราะห์ไปแล้วครับ)
รถผมไม่ได้เป็นอะไรมาก แต่รถยังใหม่มากจริงๆมันก็เป็นผลทางจิดใจต่อผมน่ะครับ แล้วผมก็ขับมาปกติไม่ได้แซงหรือแทรกมาแต่อย่างใด ทำไมต้องมาเจ็บตัวเจ็บใจกับอะไรแบบนี้
เรียกค่าเสียหายก็ไม่ยอมจ่าย คือผมฟ้องค่าเสียหายได้ครับ แต่ถึงจะชนะมาอะไรมา จากที่เรียกให้จ่าย2000 ยังไม่จ่าย ผมเรียกเต็มจำนวนได้มีหนีหนี้แน่ๆครับ
ปล.ผมผิดกม.ที่วิ่งขวา(ทางเอก) แต่เค้าก็ผิดที่ใช้จักรยานบนทาง(ทางโท)ตัดหน้าอย่างกระชั้นชิด และประมาททำให้ผู้อื่นได้รับบาดเจ็บ
ปล2. รถผมยังไม่ได้ทำประกัน แต่ถึงแม้จะมีประกัน ก็เคลมไม่ได้เนื่องจากจักรยานมิได้เป็นพาหนะบนทาง
ใครผิด แล้วผมควรทำยังไงดี
ผมก็ขับมอไซค์ไปทำงานแต่เช้า ซึ่งผมกำลังจะไปรับแฟนก่อนแล้วก็วนกลับมาออฟฟิศ
ถึงที่เกิดเหตุประมาณ 6.10-6.30น. บริเวณหน้าสนามกีฬา(รามคำแหง) ผมก็ขับมาเร็วประมาณ 60-70ไม่เกินนี้แน่ๆ
ซึ่งผมก็ขับอยู่คันหน้าสุดในเลนขวา(อันนี้ตามกม.ปัจจุบันผมผิดผมยอมรับ) แล้วทีนี้มีรปภ.หรือยามปั่นจักรยาน(น่าจะออกมาจากซอยด้านซ้าย)
ตัดหน้ารถเมล์ รถตู้ในเลนซ้าย รถแท็กซี่ในเลนกลางออกมาอย่างกระชั้นชิดเพื่อจะข้ามไปฝั่งสนามกีฬา
ทีนี้ในระยะไม่เกิน 3-5เมตรที่ตัดออกมาผมก็เบรครถจนสุดทั้งๆที่ผมก็ตรงมาตลอดทางไม่ได้แซงหรือแทรกมาแต่อย่างใด(ล้อล็อคทั้งหน้าและหลังสไลด์ล้มทันที) เกิดการเฉี่ยวชนกับยามที่ปั่นจักรยานที่ว่าขึ้น
ยามได้รับบาดเจ็บบริเวณศอกขวา จักรยานเสียหาย ส่วนผมสะโพกกระแทก เข่าทั้งสองข้างบาดเจ็บและรถสไลด์ไปอยู่หน้าแท็กซี่เลนกลาง
หลังจากเกิดเหตุผมก็ไปสน.หัวหมากใกล้ๆ พร้อมกับคู่กรณี ซึ่งคู่กรณีพาหัวหน้ามาด้วย
ผมก็เรียกค่าเสียหายเฉพาะค่าซ่อมรถเพราะรถผมเพิ่งจะผ่อนไปงวดแรก (รถเสียหายไม่มากแต่เป็นบริเวณกว้างในแฟริ่งซ้ายแทบทั้งหมดจากการสไลด์ ก้านคลัช ฯลฯ)
แต่คู่กรณีอ้างว่าไม่มีเงินชดใช้ค่าเสียหาย อีกทั้งยังอ้างตนและรถของตน(จักรยาน)ก็เสียหายเช่นกัน
ระหว่างที่ตกลงไกล่เกลี่ยกัน ผมก็บอกว่าให้ชดใช้ค่าซ่อมรถ จากการคาดคะเนก็น่าจะมี 2000-5000บาท ก็เรียกไป5000 แล้วก็ต่อรองกันไปมาจนเหลือ2000บาท แต่สุดท้ายคู่กรณีก็ไปคุยกับหัวหน้าของตนแล้วก็มาบอกว่าไม่ยินยอมชดใช้ค่าเสียหายให้ลงบันทึกประจำวันไว้
ทีนี้ก็เกิดว่า ให้ผมยินยอมปรับหรือไม่ หากไม่ยินยอมต้องเก็บรถทั้งสองฝ่ายไว้ตรวจสอบ ดังนั้นผมก็ทำได้แต่เพียงให้เค้าชดใช้ค่าเสียหายแต่กลับไม่ยินยอม จึงจำใจให้ปรับคดีอาญาจึงสิ้นสุด แล้วผมก็ไปฟ้องแพ่งเอาทีหลัง
หลังจากนั้นผมจึงไปรพ. ตรวจร่างกายและนำรถเข้าตรวจสอบ มีค่าเสียหายประมาณ 2พันกว่าบาท ค่ารักษาพยาบาลอีกเกือบๆ3พันบาท
ผมจึงแจ้งกับทางคู่กรณีว่า มีค่าใช้จ่ายเท่านี้ๆขอให้รับผิดชอบ แต่กลับได้รับคำตอบมาประมาณว่า ไม่มีตัง ไม่จ่าย อยากได้ไปฟ้องเอา
จึงสิ้นสุดการสนทนา และได้ติดต่อไปอีกครั้งเพื่อเจรจาให้รับผิดชอบเพียงส่วนหนึ่ง แต่ก็ไม่ได้รับคำตอบ
ล่าสุด วันนี้ 8 สิงหาคม ผมได้ติดต่อไปทางคู่กรณีอีกครั้งว่าให้ชดใช้ค่าเสียหายกับตัวรถของผม แต่ได้รับคำตอบที่แข็งกว่าเดิมว่า ไม่มีตัง ไม่จ่าย
กรณีแบบนี้ผมควรทำยังไงดีครับ แล้วผมควรเสียเวลาไปฟ้องร้องอีกหรือไม่ครับ (แต่ผมก็ทำใจไปส่วนหนึ่งถือว่าฟาดเคราะห์ไปแล้วครับ)
รถผมไม่ได้เป็นอะไรมาก แต่รถยังใหม่มากจริงๆมันก็เป็นผลทางจิดใจต่อผมน่ะครับ แล้วผมก็ขับมาปกติไม่ได้แซงหรือแทรกมาแต่อย่างใด ทำไมต้องมาเจ็บตัวเจ็บใจกับอะไรแบบนี้
เรียกค่าเสียหายก็ไม่ยอมจ่าย คือผมฟ้องค่าเสียหายได้ครับ แต่ถึงจะชนะมาอะไรมา จากที่เรียกให้จ่าย2000 ยังไม่จ่าย ผมเรียกเต็มจำนวนได้มีหนีหนี้แน่ๆครับ
ปล.ผมผิดกม.ที่วิ่งขวา(ทางเอก) แต่เค้าก็ผิดที่ใช้จักรยานบนทาง(ทางโท)ตัดหน้าอย่างกระชั้นชิด และประมาททำให้ผู้อื่นได้รับบาดเจ็บ
ปล2. รถผมยังไม่ได้ทำประกัน แต่ถึงแม้จะมีประกัน ก็เคลมไม่ได้เนื่องจากจักรยานมิได้เป็นพาหนะบนทาง