▼ กำลังโหลดข้อมูล... ▼
แสดงความคิดเห็น
คุณสามารถแสดงความคิดเห็นกับกระทู้นี้ได้ด้วยการเข้าสู่ระบบ
กระทู้ที่คุณอาจสนใจ
อ่านกระทู้อื่นที่พูดคุยเกี่ยวกับ
ภาพถ่ายทิวทัศน์
ภาพถ่าย
เที่ยวภูเขา
บันทึกนักเดินทาง
เที่ยวต่างประเทศ
[CR] 7 วันใน Hokkaido ไปชิลที่ไหนได้บ้าง? อยากรู้ตามมาเที่ยวกันเลย^^...
ปล.รูปทั้งหมดถ่ายเองทั้งรูปวิวและรูปตัวเราเองโดยใช้ขาตั้งกล้องจ้า
ทริปนี้เราไม่ได้บินตรงถึงฮอกไกโด มาลงนาริตะ ดังนั้น Jr Pass จึงเป็นตั๋วเดินทางที่เราเลือกใช้ ซึ่งการเดินทางก็ไม่ได้ยิงยาวไปถึงฮอกไกโดเลยนะ เพราะเราอยากแวะเที่ยวถ่ายรูปดูศิลปะบนนาข้าวที่เมือง Inakadate ก่อน ซึ่งเมืองนี้อยู่ใกล้ๆ เมือง Hirosaki วันแรกของเราแวะนอนพักคืนนึงที่ Hirosaki ไหนๆ ก็มาละเลยไปถ่ายรูปที่ปราสาทซะหน่อย ช่วงที่เราไปปราสาท Hirosaki ปิดซ่อมอยู่ แต่ก็ยังสามารถเข้าไปชมด้านหน้าปราสาทได้
วันที่ 2 ตื่นแต่เช้าเพื่อไปดู Tanbo Art หรือศิลปะบนนาข้าวที่เมือง Inakadate เมืองนี้อยู่ใกล้ๆ เมือง Hirosaki
มันเจ๋งมากจริงๆ คุ้มที่ได้มาชมด้วยตา ซึ่งกว่าจะเป็นศิลปะบนนาแบบนี้เค้าต้องคิดกันมาอย่างดีว่าจะใช้ข้าวพันธุ์อะไรปลูกลงไปบ้าง ซึ่งแต่ละปีก็มีรูปเปลี่ยนไปทุกปี ปีนี้น่าจะทำในแนวจากภาพยนตร์
แล้วพอจะไปอีกนานึงจะมีรถตู้แบบนี้รับส่ง แต่จะวิ่งเป็นรอบๆ สอบถามเจ้าหน้าที่ได้จ้า ซึ่งจะต้องเสียค่าเข้าชมอีก 200 เยนเหมือนเดิม
ข้างๆ นานี้จะมีสถานีรถไฟใกล้มาก นั่งกลับไปที่สถานี Hirosaki ได้เลยจ้า เป็นสายรถไฟที่ชิลมากนั่งผ่านทุ่งนา ภูเขาบรรยากาศดีมากๆ
เสร็จจากนี้เราต้องนั่งรถไฟขึ้นฮอกไกโดกันละ คืนนี้เราจะไปนอนที่เมือง Asahikawa เพื่อตอนเช้าจะได้ไปทุ่งดอกไม้ที่เมือง Furano เดี๋ยวมาต่อน้า อะเอารูปไปชมรูปนึงก่อน เดี๋ยวมาบอกการเดินทางกัน
มาต่อกันเลยดีกว่า
จากนั้นเราออกเดินทางจาก Hirosaki มุ่งหน้าสู่เมือง Asahikawa ซึ่งอยู่ก่อนถึง Furano ที่เราเลือกพักที่นี่เพราะที่พักแถบ Furano เรียกได้ว่าช่วงที่เราไปพักนั้นพีคสุดๆๆ ที่พักราคาแพงหมดเลย แบบ 2 พันบาทขึ้น ซึ่งเราดูงบละ ไม่พร้อม555 ประกอบกับกว่าจะเดินทางไปถึงคงดึกแน่ เราเลยเลือกที่ Asahikawa เพราะตอนเช้าจะได้เดินทางต่อไป Furano ได้สะดวกด้วย แต่อย่าคิดว่าที่นี่ถูกนะ ทั้งทริปที่พักที่นี่ราคาแพงที่สุดสำหรับการพัก 1 คืนของเรา 6400 เยน เราแลกเงินไปตอนนั้นเรทประมาณ 0.28 ก็ประมาณ 1792 บาท คือห้องโอเคนะแต่เสียตรง Wifi มีที่ล็อบบี้เท่านั้น เดี๋ยวไว้สรุปเรื่องที่พักให้ดูอีกทีตอนท้ายนะ มาเรื่องเที่ยวต่อดีกว่า
วันที่ 3 จุดหมายวันนี้ของเราคือทุ่งดอกไม้สีรุ้งที่ Farm Tomita และบ่อน้ำสีฟ้า Blue Pond ที่เมือง Biei
นั่งชมวิวเพลินๆ เราก็มาถึงสถานี Naka-Furano ลงที่นี่ขอแผนที่จากเจ้าหน้าที่ถามทางไป Farm Tomita จริงๆ จะมีอีกสถานีนึงที่อยู่ใกล้ฟาร์มนี้มากเดินแค่ 5 นาทีก็ถึงแต่ต้องนั่งรถไฟอีกขบวน แต่ไม่เป็นไรเพราะการที่เราได้ลงถานีนี้ถึงจะเดินไกลไปหน่อยใช้เวลาเดินนานไปนิด แต่ระหว่างทางก็มีวิวสวยๆ ดอกไม้งามๆ ให้เราหยุดถ่ายรูปเพียบ
ขบวนนี้พาเรามาที่สถานี Naka-Furano
รถไฟอีกขบวนที่เราไม่ได้ขึ้น เค้าเรียก Furano-Biei Norokko Train จะจอดที่สถานี Lavender Farm Station ตรงแถวๆ Farm Tomita เลย จะรถไฟขบวนนี้ จะเป็นขบวนเปิดด้านข้าง ที่ให้ผู้โดยสารได้ชมวิวสวยๆ ตลอดสองข้างทาง ระหว่าง Asahikawa - Biei - Furano รถไฟนี้จะวิ่งบริการประมาณช่วงเดือนมิ.ย. – ส.ค. จ้า คร่าวๆ ต้องเช็ควันที่แน่นอนกับที่สถานีอีกที
ระหว่างทางเดินไปฟาร์ม Tomita เจอทุ่งดอกไม้สีเหลืองน่ารัก น่าจะเป็นสนามเด็กเล่น แวะแชะรูปซักนิด
ที่นี่ทางเดินถนนส่วใหญ่จะเป็นเนินๆ ดูจากรูปนี้ได้
เอาน้อง Kumamon มาเที่ยวด้วย
ก่อนจะถึง Farm Tomita จะเจอ Farm นี้ก่อน Nakafurano Town Lavender Field (หน้าหิมะจะเป็น Ski Area) อยู่ห่างกันไม่มากเท่าไร
เค้าปลูกดอกไม้ไล่ขึ้นไปบนเขา เป็นภูเขาดอกไม้สวยทีเดียว
มีกระเช้าให้ขึ้นด้วย แต่เราไม่ได้ขึ้น เดินถ่ายรูปด้านล่างอยู่พอจะขึ้นไปด้านบนฝนก็ปรอยๆ เลยไม่ได้ขึ้น ช่วงหน้าหนาวที่นี่คงเป็นลานสกีขนาดย่อมแน่ หรือใครอยากเดินขึ้นก็ได้นะ
ดอกไม้หลากสีปลูกไล่ระดับไปตามเนินเขาสวยงามมาก ขลุกอยู่ตรงนี้นานมากชอบๆ
ด้านบนจะปลูกดอกลาเวนเดอร์ เดินเข้าไปใกล้ๆ กลิ่นหอมลอยมาเลย ชอบๆ
ดอกลาเวนเดอร์แบบใกล้ๆ
ระหว่างถ่ายรูปไปฝนก็ปรอยๆ เลยวิ่งมาหลบในศาลาแถวนั้น เลยได้รูปนี้มาดูน่ารักอบอุ่นเชียว
ได้เวลาย้ายตัวเองไปยัง Farm Tomita ละ ถ้าให้อยู่นานกว่านี้ก็ได้นะ แต่เป้าหมายของการมาที่นี่ของเราคือทุ่งดอกไม้สีรุ้งที่เคยเห็นในหนังสือท่องเที่ยวต้องไปชมกับตาซะหน่อย ต่อด้านล่างนะ: