[แปลโดย : Netiwit / Source : yusenki (English translation)]
เอลวินกำลังประชุมอยู่กับพวกหัวหน้าหน่วย
เอลวิน : "ถ้างั้นคงเป็นไปได้สูงสินะว่า พ่อของเอเรนมาจากนอกกำแพง"
ฮันซี : "ใช่ รวมไปทั้ง แอนนี่, เบลทรูท และ ไรเนอร์พวกที่มีพลังแปลงเป็นไททันด้วย แต่พ่อของเอเรนดูจะต่างออกไป เขาพยายามช่วยเหลือผู้คนภายในกำแพง"
มีใครบางคนพูดว่า น่าจะดีกว่านี้ถ้าหาก กรีชาสามารถช่วยหน่วยสำรวจได้มากกว่าที่เป็นอยู่
ฮันซี่นึกในใจว่า ถ้าเป็นกรีชาที่รู้สถานการณ์ทั้งหมด ก็น่าจะต้องรู้เป้าหมายที่แท้จริงของตระกูลเรสอยู่แล้วนี่นา
ฮันซี่ : "เป็นไปได้ว่าเขาไม่ปล่อยข่าวเกี่ยวกับตระกูลเรสออกไป เพราะอยากหลีกเลี่ยงการปะทะกับพวกนั้น แต่พอกำแพงมาเรียถูกทำลาย เขาเลยทำอะไรบ้าๆอย่างเข้าไปจัดการตระกูลเรสส์จนหมด"
ฮันซี่เสริมว่าเขาคงต้องกลัวที่จะเข้าไปในกำแพงเพียงคนเดียวเพื่อตามหาตัวราชวงศ์ คงไม่มีกำลังพอจะสู้กับพวกนั้นตรงๆได้
ฮันซี่ : "สิ่งที่อยู่ในชั้นใต้ดินของบ้านที่เขาอยากแสดงให้
'ลูกชายอายุแค่ 10 ขวบที่อยากจะเข้าทีมสำรวจ' เห็นคืออะไรล่ะ ในขณะที่เขากำลังจะตายอยู่แล้ว แต่เขากลับพูดแค่ว่าทุกอย่างอยู่ในนั้น แล้วงั้นมันคืออะไร ?"
เอลวิน : "บางสิ่งที่เขาพูดไม่ได้ ไม่สิ สิ่งที่กรีชาอยากจะพูด แต่พูดไม่ได้อาจจะเป็น 'ความทรงจำของโลกนี้' ที่ถูกลบไปโดยพระราชาคนแรก ที่ถึงแม้พวกเราจะรู้สึกตัวกันแล้ว แต่ก็ยังไม่รู้อยู่ดีว่ามันคืออะไร"
เอลวินมองแววตาของทุกคน เขาบอกว่าการเตรียวารยึดครองกำแพงมาเรียจะเสร็จสิ้นในสองวัน
เอลวิน : "ใครที่อยากรู้ว่าสิ่งที่อยู่ในชั้นใต้ดินนั่นคืออะไรให้ตามชั้นมา"
หลังจากชั้นการประชุมก็สิ้นสุดลง เอลวินบอกว่า "ให้แต่ละหน่วยเตรียมการของตัวเองให้พร้อม" ทหารนายหนึ่งกล่าวว่าเอลวินยังคงทำตัวเป็นความลับเหมือนเคย
มีทหารนายหนึ่งถามว่า แล้วสิ่งที่ชาดิส (ครูฝึกของเอเรน) ทำมีโทษมหันต์ ด้วยการปกปิดความจริงไม่บอกคนอื่น แต่ฮันซี่แย้งว่าปล่อยเขาไว้แบบนั้น
พอทุกคนออกไปหมดจนเหลือแต่ลีไวกับเอลวิน ลีไวก็ปิดประตูทันที
เอลวิน : "มีอะไรรึสำอร"
ลีไว : "มีบางอย่างที่ชั้นต้องรู้ให้ได้เดี๋ยวนี้"
ลีไวถามถึงแผนการหลังจากยึดกำแพงมาเรียเสร็จแล้ว เขาคิดว่าควรมีการวางระบบป้องกันเป็นสิ่งแรก
เอลวิน : "การกำจัดศัตรูคุกคาม [เป็นแผนขั้นแรก] มีใครบางคนที่อยู่ข้างนอกนั่นอยากให้พวกเราเป็นอาหารไททันให้ได้ พวกเราจะรู้ว่าอะไรเป็นอะไรก็ต่อเมื่อไปถึงชั้นใต้ดินนั่น ดังนั้นแผนการที่เหลือไว้ค่อยคิดหลังจากถึงที่นั่นแล้ว"
ลีไว : "ได้ยินว่าแกพูดว่า ไม่รู้ตัวเองจะรอดมั้ยหลังจากนี้ แถมร่างกายของแกก็ขยับไม่ได้เหมือนเมื่อก่อนแล้ว ขืนออกไปตอนนี้ก็กลายเป็นเหยื่อให้ไททันซะเปล่าๆ"
เอลวินเหลือบมองไปที่แขนขวาของตัวเอง
ลีไวพยายามพูดต่อไปว่า ควรจะให้ฮันซี่เป็นคนสั่งการดีกว่า แล้วเอลวินบอกแผนทั้งหมดมาให้พวกเราซะ แบบนั้นจะดีกว่าไม่ใช่รึ ?
แต่พอเอลวินได้ฟังดังนั้นแล้ว มันกลับทำให้เขานึกถึงเรื่องในอดีต

เอลวิน : "ไม่"
ลีไวรู้อยู่แล้วว่าเอลวินต้องตอบแบบนี้ เอลวินเสริมว่าเขาไม่สนใจเรื่องตัวเองต้องกลายเป็นเหยื่อล่อ ถ้าหากเขาไม่รอด ฮันซี่ก็จะกลายเป็นผู้บัญชาการคนต่อไป แต่หากฮันซี่ล้มเหลว ก็จะมีคนอื่นมาแทนอีก นี่คือแผนที่เขาวางมาแล้ว ถ้าไม่ทำตามนี้โอกาสสำเร็จของแผนการก็จะลดลงอีก
ลีไว "แล้วรู้มั้ยแผนของแกอาจจะผิดพลาด แล้วถ้ามันเป็นแบบนั้นแล้วแกตายขึ้นมาก็จะไม่มีความหวังใดเหลืออีก แกควรจะนั่งอยู่แถวหลังเป็นมันสมองของการปฏิบัติการ แค่นั้นก็พอแล้ว ซึ่งนั่น -- จะเป็นภัยคุกคามที่ใหญ่ที่สุดของไททัน และเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุดของมนุษยชาติ"
เอลวิน: "ไม่ สิ่งสำคัญที่สุดคือต้องเชื่อมั่นในแผนการนี้"
ลีไว :
"เฮ้ย เฮ้ย ถ้าแกขืนยังทำตัวแบบนั้นเดี๋ยวชั้นจะตัดขาแกออกทั้งสองข้างเพื่อไม่ให้ไปไหนเลยนะ" *ยันเดเระ*
ลีไวบอกว่าสภาพเอลวินตอนนี้แค่จะไปขี้ยังลำบากเลย เอลวินขำ "นั่นคงแย่หน่อย"
เอลวิน : "มันก็จริงที่ทหารบาดเจ็บอย่างชั้นไปคงมีโอกาสไม่รอดสูง แต่ยังไงซะ ชั้นก็ต้องไปที่นั่น.......มันเป็นช่วงเวลาที่ชั้นจะได้เห็นความจริงเกี่ยวกับโลกด้วยตาคู่นี้"

ลีไว: "เรื่องนั้นมันสำคัญกว่าขาสองข้างของแกอีกรึ"
เอลวิน : "แน่นอน"
ลีไว : "มากกว่าชัยชนะของมนุษยชาติอีกงั้นรึ"
เอลวิน : "ใช่แล้ว"

ลีไว : "งั้นรึ........ถ้างั้น ชั้นจะเชื่อในการตัดสินใจของแก"
แล้วลีไวก็ออกจากห้องไป
เอเรนและหน่วย 104 กำลังทานอาหารเย็น มื้อนี้พิเศษตรงที่มีการมีเนื้อให้กินเพื่อให้รางวัลล่วงหน้าสำหรับภารกิจออกไปกู้ wall maria (คนที่มอบเนื้อให้กับทีมสำรวจเป็นมื้อเย็นก็คือ Flegel Reeves ) พวกทหารก็เอะอะเกี่ยวกับการแบ่งเนื้อ เพราะแต่ละคนก็อยากกินกันทั้งนั้น
แจน : "เฮ้ยยัยหัวมันนี่"
ซาช่า : "งื้ออออออออออออ"

ซาช่า อยากกินเนื้อมากจนเผลอเขมือบมือข้างนึงของแจน
แจน : "แอร๊ยยยยยยยยยยยยยย"
โคนี่ : "ซาช่า!? นั่นมันมือของแจน !! ตั้งสติหน่อยไม่ได้รึไง !?"
มาร์โลว์ : "เป็นเรื่องที่น่าสงสารนะ ที่หน่วยสำรวจแทบไม่เคยได้กินเนื้อเลย" (ดูเหมือนกองทหารสารวัตรได้กินเนื้อเป็นประจำ)
ผัวะ !! มาร์โลว์โดนซาช่าต่อยๆทั้งที่ยังไม่ได้สติ
มิคาสะ : "โคนี่ ช่วยทำให้ซาช่าสงบลงเร็วเข้า"
ผัวะ !! มิคาสะไม่เป็นอะไรเลยจากการโดนซาช่าชกที่ท้องน้อย
โคนี่ : "ชั้นพยายามอยู่ แต่ยัยนี่อย่างกับโดนสิงแน่ะ"
ท้ายสุดแล้วทุกคนก็ได้กินเนื้อ เอเรนกับโคนี่ได้คุยกันถึงเหตุการณ์ที่ ซาช่าพยายามขโมยเนื้อเมื่อ 3 เดือนก่อน ตอนที่หน่วยกำลังบำรุงรกัษาป้อมปืนบนกำแพงมาเรีย
เอเรนนึกถึงช่วงเวลาของเขากับเพื่อนเก่าๆ : โทมัส ซามูเอล มีน่า เพื่อนที่ตายไปเพราะเหตุการณ์นั้น พึ่งผ่านมาแค่ 3 เดือนเองหรือนี่
โคนี่ดึงสติของเอเรนกลับมา
โคนี่ : "แต่ตอนนี้พวกเราได้เป็นถึงส่วนหนึ่งของทีมรีไวแล้ว"
เอเรน : "นั่นเป็นเพราะนายเป็นอัจฉริยะไงล่ะ"
โคนี่ : "นั่นมันแหงอยู่แล้ว"
เอเรน : "รีบกินก่อนที่อาหารจะเย็นเถอะ"
แจนกำลังอธิบายรูปแบบการรบกับมาร์โลว์ เพราะมาร์โลว์เป็นเด็กใหม่ของทีมสำรวจและมีนิสัยติดประมาท คล้ายกับไอ้บ้าคนหนึ่งที่ชอบรีบไปหาที่ตาย
เอเรน: "แกกำลังพูดถึงใครกัน แจน ?"
แจน : "แล้วแถวนี้มันมีคนอื่นอีกรึไง ?"

เอเรนตอบโต้ด้วยการบอกว่าแจนเป็นพวกขี้ขลาด ทั้งสองจ้องกันแล้วเริ่มทะเลาะกัน
(ตรงนี้ผมแปลไม่ได้เพราะ text อังกฤษเขาข้าม แต่เรื่องจบลงที่การทะเลาะกลายเป็นเรื่องฮาๆไป)

เอเรนกับแจนแปลกใจที่ไม่มีใครมาห้ามการทะเลาะกัน
ลีไวโผล่มาตบเกรียนทั้งสองคน บอกว่าพวกนายเสียงดังเกินไป และไล่ให้ไปนอน แถมยังสั่งด้วยว่าก่อนไปนอนให้ทำความสะอาดให้เรียบร้อยด้วย (สำอรเหลือเกิน)
อาร์มินดีใจที่เอเรนกลับมาเป็นเหมือนเดิมแล้ว เอเรนตอบว่า ไม่ว่าเขาจะคิดอะไรอยู่ก็ตาม แต่ตอนนี้เขาก็ยังคงทำอะไรไม่ได้ เขาไม่ได้แข็งแกร่งเหมือนมิคาสะ แต่เขาก็ไม่ควรคิดว่าตัวเองไร้ประโยชน์เพราะไม่ได้แข็งแกร่งแบบมิคาสะหรือกัปตันลีไว เพราะเราไม่ได้ทำงานกันคนเดียว ทุกคนมีสิ่งที่ตัวเองทำได้
อาร์มินอดเห็นด้วยกับเอเรนไม่ได้ เขาคิดไปถึงอดีตสมัยที่ลุงฮันเนสยังอยู่ มิคาสะบอกว่าหลังจากยึดกำแพงมาเรียกลับมาได้แล้วทุกอย่างคงกลับเหมือนเดิม เอเรนตอบว่าใช่แต่ไม่ใช่แค่นั้น อาร์มินเสริมว่าพวกเขาจะออกไปดูโลกภายนอกที่มีทะเล นั่นคือเหตุผลที่มาเข้าทีมสำรวจ เอเรนทำท่าเหมือนจะเห็นด้วยแต่สีหน้าเขากลับบอกถึงความรู้สึกอื่น

อาร์มินแปลกใจกับสีหน้าของเอเรน เอเรนคงไม่เชื่อว่าทะเลมีอยู่จริง เอเรนบอกว่ามีวิธีเดียวที่จะพิสูจน์ได้นั่นก็คือต้องไปด้วยกัน
อาร์มิน : "เอเรน นายสัญญาแล้ว ดังนั้นพวกเราจะไปด้วยกัน"
มิคาสะ : "พวกนายสองคนนี่ เอาแต่คุยเรื่องที่ชั้นไม่เข้าใจอีกแล้ว"

เมื่อถึงตอนเช้า ทุกคนต่างก็ตื่นเต้นที่ได้เห็นทีมสำรวจกำลังจะออกไปกู้กำแพง แม้แต่เออร์วินก็ประหลาดใจ นี่เป็นครั้งแรกที่มีคนมาให้กำลังใจทีมสำรวจขนาดนี้
เอลวิน :
"ได้เวลาเริ่มแผนการกู้กำแพงมาเรียกันแล้ว ทุกหน่วย เคลื่อนพลได้ !!!"

ข้างนอกนั่น ไรเนอร์และเบลทรูทกำลังรอพวกเขาอยู่...........
จบตอน
[Spoil] Attack on titan 72
เอลวินกำลังประชุมอยู่กับพวกหัวหน้าหน่วย
เอลวิน : "ถ้างั้นคงเป็นไปได้สูงสินะว่า พ่อของเอเรนมาจากนอกกำแพง"
ฮันซี : "ใช่ รวมไปทั้ง แอนนี่, เบลทรูท และ ไรเนอร์พวกที่มีพลังแปลงเป็นไททันด้วย แต่พ่อของเอเรนดูจะต่างออกไป เขาพยายามช่วยเหลือผู้คนภายในกำแพง"
มีใครบางคนพูดว่า น่าจะดีกว่านี้ถ้าหาก กรีชาสามารถช่วยหน่วยสำรวจได้มากกว่าที่เป็นอยู่
ฮันซี่นึกในใจว่า ถ้าเป็นกรีชาที่รู้สถานการณ์ทั้งหมด ก็น่าจะต้องรู้เป้าหมายที่แท้จริงของตระกูลเรสอยู่แล้วนี่นา
ฮันซี่ : "เป็นไปได้ว่าเขาไม่ปล่อยข่าวเกี่ยวกับตระกูลเรสออกไป เพราะอยากหลีกเลี่ยงการปะทะกับพวกนั้น แต่พอกำแพงมาเรียถูกทำลาย เขาเลยทำอะไรบ้าๆอย่างเข้าไปจัดการตระกูลเรสส์จนหมด"
ฮันซี่เสริมว่าเขาคงต้องกลัวที่จะเข้าไปในกำแพงเพียงคนเดียวเพื่อตามหาตัวราชวงศ์ คงไม่มีกำลังพอจะสู้กับพวกนั้นตรงๆได้
ฮันซี่ : "สิ่งที่อยู่ในชั้นใต้ดินของบ้านที่เขาอยากแสดงให้ 'ลูกชายอายุแค่ 10 ขวบที่อยากจะเข้าทีมสำรวจ' เห็นคืออะไรล่ะ ในขณะที่เขากำลังจะตายอยู่แล้ว แต่เขากลับพูดแค่ว่าทุกอย่างอยู่ในนั้น แล้วงั้นมันคืออะไร ?"
เอลวิน : "บางสิ่งที่เขาพูดไม่ได้ ไม่สิ สิ่งที่กรีชาอยากจะพูด แต่พูดไม่ได้อาจจะเป็น 'ความทรงจำของโลกนี้' ที่ถูกลบไปโดยพระราชาคนแรก ที่ถึงแม้พวกเราจะรู้สึกตัวกันแล้ว แต่ก็ยังไม่รู้อยู่ดีว่ามันคืออะไร"
เอลวินมองแววตาของทุกคน เขาบอกว่าการเตรียวารยึดครองกำแพงมาเรียจะเสร็จสิ้นในสองวัน
เอลวิน : "ใครที่อยากรู้ว่าสิ่งที่อยู่ในชั้นใต้ดินนั่นคืออะไรให้ตามชั้นมา"
หลังจากชั้นการประชุมก็สิ้นสุดลง เอลวินบอกว่า "ให้แต่ละหน่วยเตรียมการของตัวเองให้พร้อม" ทหารนายหนึ่งกล่าวว่าเอลวินยังคงทำตัวเป็นความลับเหมือนเคย
มีทหารนายหนึ่งถามว่า แล้วสิ่งที่ชาดิส (ครูฝึกของเอเรน) ทำมีโทษมหันต์ ด้วยการปกปิดความจริงไม่บอกคนอื่น แต่ฮันซี่แย้งว่าปล่อยเขาไว้แบบนั้น
พอทุกคนออกไปหมดจนเหลือแต่ลีไวกับเอลวิน ลีไวก็ปิดประตูทันที
เอลวิน : "มีอะไรรึสำอร"
ลีไว : "มีบางอย่างที่ชั้นต้องรู้ให้ได้เดี๋ยวนี้"
ลีไวถามถึงแผนการหลังจากยึดกำแพงมาเรียเสร็จแล้ว เขาคิดว่าควรมีการวางระบบป้องกันเป็นสิ่งแรก
เอลวิน : "การกำจัดศัตรูคุกคาม [เป็นแผนขั้นแรก] มีใครบางคนที่อยู่ข้างนอกนั่นอยากให้พวกเราเป็นอาหารไททันให้ได้ พวกเราจะรู้ว่าอะไรเป็นอะไรก็ต่อเมื่อไปถึงชั้นใต้ดินนั่น ดังนั้นแผนการที่เหลือไว้ค่อยคิดหลังจากถึงที่นั่นแล้ว"
ลีไว : "ได้ยินว่าแกพูดว่า ไม่รู้ตัวเองจะรอดมั้ยหลังจากนี้ แถมร่างกายของแกก็ขยับไม่ได้เหมือนเมื่อก่อนแล้ว ขืนออกไปตอนนี้ก็กลายเป็นเหยื่อให้ไททันซะเปล่าๆ"
เอลวินเหลือบมองไปที่แขนขวาของตัวเอง
ลีไวพยายามพูดต่อไปว่า ควรจะให้ฮันซี่เป็นคนสั่งการดีกว่า แล้วเอลวินบอกแผนทั้งหมดมาให้พวกเราซะ แบบนั้นจะดีกว่าไม่ใช่รึ ?
แต่พอเอลวินได้ฟังดังนั้นแล้ว มันกลับทำให้เขานึกถึงเรื่องในอดีต
เอลวิน : "ไม่"
ลีไวรู้อยู่แล้วว่าเอลวินต้องตอบแบบนี้ เอลวินเสริมว่าเขาไม่สนใจเรื่องตัวเองต้องกลายเป็นเหยื่อล่อ ถ้าหากเขาไม่รอด ฮันซี่ก็จะกลายเป็นผู้บัญชาการคนต่อไป แต่หากฮันซี่ล้มเหลว ก็จะมีคนอื่นมาแทนอีก นี่คือแผนที่เขาวางมาแล้ว ถ้าไม่ทำตามนี้โอกาสสำเร็จของแผนการก็จะลดลงอีก
ลีไว "แล้วรู้มั้ยแผนของแกอาจจะผิดพลาด แล้วถ้ามันเป็นแบบนั้นแล้วแกตายขึ้นมาก็จะไม่มีความหวังใดเหลืออีก แกควรจะนั่งอยู่แถวหลังเป็นมันสมองของการปฏิบัติการ แค่นั้นก็พอแล้ว ซึ่งนั่น -- จะเป็นภัยคุกคามที่ใหญ่ที่สุดของไททัน และเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุดของมนุษยชาติ"
เอลวิน: "ไม่ สิ่งสำคัญที่สุดคือต้องเชื่อมั่นในแผนการนี้"
ลีไว : "เฮ้ย เฮ้ย ถ้าแกขืนยังทำตัวแบบนั้นเดี๋ยวชั้นจะตัดขาแกออกทั้งสองข้างเพื่อไม่ให้ไปไหนเลยนะ" *ยันเดเระ*
ลีไวบอกว่าสภาพเอลวินตอนนี้แค่จะไปขี้ยังลำบากเลย เอลวินขำ "นั่นคงแย่หน่อย"
เอลวิน : "มันก็จริงที่ทหารบาดเจ็บอย่างชั้นไปคงมีโอกาสไม่รอดสูง แต่ยังไงซะ ชั้นก็ต้องไปที่นั่น.......มันเป็นช่วงเวลาที่ชั้นจะได้เห็นความจริงเกี่ยวกับโลกด้วยตาคู่นี้"
ลีไว: "เรื่องนั้นมันสำคัญกว่าขาสองข้างของแกอีกรึ"
เอลวิน : "แน่นอน"
ลีไว : "มากกว่าชัยชนะของมนุษยชาติอีกงั้นรึ"
เอลวิน : "ใช่แล้ว"
ลีไว : "งั้นรึ........ถ้างั้น ชั้นจะเชื่อในการตัดสินใจของแก"
แล้วลีไวก็ออกจากห้องไป
เอเรนและหน่วย 104 กำลังทานอาหารเย็น มื้อนี้พิเศษตรงที่มีการมีเนื้อให้กินเพื่อให้รางวัลล่วงหน้าสำหรับภารกิจออกไปกู้ wall maria (คนที่มอบเนื้อให้กับทีมสำรวจเป็นมื้อเย็นก็คือ Flegel Reeves ) พวกทหารก็เอะอะเกี่ยวกับการแบ่งเนื้อ เพราะแต่ละคนก็อยากกินกันทั้งนั้น
แจน : "เฮ้ยยัยหัวมันนี่"
ซาช่า : "งื้ออออออออออออ"
ซาช่า อยากกินเนื้อมากจนเผลอเขมือบมือข้างนึงของแจน
แจน : "แอร๊ยยยยยยยยยยยยยย"
โคนี่ : "ซาช่า!? นั่นมันมือของแจน !! ตั้งสติหน่อยไม่ได้รึไง !?"
มาร์โลว์ : "เป็นเรื่องที่น่าสงสารนะ ที่หน่วยสำรวจแทบไม่เคยได้กินเนื้อเลย" (ดูเหมือนกองทหารสารวัตรได้กินเนื้อเป็นประจำ)
ผัวะ !! มาร์โลว์โดนซาช่าต่อยๆทั้งที่ยังไม่ได้สติ
มิคาสะ : "โคนี่ ช่วยทำให้ซาช่าสงบลงเร็วเข้า"
ผัวะ !! มิคาสะไม่เป็นอะไรเลยจากการโดนซาช่าชกที่ท้องน้อย
โคนี่ : "ชั้นพยายามอยู่ แต่ยัยนี่อย่างกับโดนสิงแน่ะ"
ท้ายสุดแล้วทุกคนก็ได้กินเนื้อ เอเรนกับโคนี่ได้คุยกันถึงเหตุการณ์ที่ ซาช่าพยายามขโมยเนื้อเมื่อ 3 เดือนก่อน ตอนที่หน่วยกำลังบำรุงรกัษาป้อมปืนบนกำแพงมาเรีย
เอเรนนึกถึงช่วงเวลาของเขากับเพื่อนเก่าๆ : โทมัส ซามูเอล มีน่า เพื่อนที่ตายไปเพราะเหตุการณ์นั้น พึ่งผ่านมาแค่ 3 เดือนเองหรือนี่
โคนี่ดึงสติของเอเรนกลับมา
โคนี่ : "แต่ตอนนี้พวกเราได้เป็นถึงส่วนหนึ่งของทีมรีไวแล้ว"
เอเรน : "นั่นเป็นเพราะนายเป็นอัจฉริยะไงล่ะ"
โคนี่ : "นั่นมันแหงอยู่แล้ว"
เอเรน : "รีบกินก่อนที่อาหารจะเย็นเถอะ"
แจนกำลังอธิบายรูปแบบการรบกับมาร์โลว์ เพราะมาร์โลว์เป็นเด็กใหม่ของทีมสำรวจและมีนิสัยติดประมาท คล้ายกับไอ้บ้าคนหนึ่งที่ชอบรีบไปหาที่ตาย
เอเรน: "แกกำลังพูดถึงใครกัน แจน ?"
แจน : "แล้วแถวนี้มันมีคนอื่นอีกรึไง ?"
เอเรนตอบโต้ด้วยการบอกว่าแจนเป็นพวกขี้ขลาด ทั้งสองจ้องกันแล้วเริ่มทะเลาะกัน
(ตรงนี้ผมแปลไม่ได้เพราะ text อังกฤษเขาข้าม แต่เรื่องจบลงที่การทะเลาะกลายเป็นเรื่องฮาๆไป)
เอเรนกับแจนแปลกใจที่ไม่มีใครมาห้ามการทะเลาะกัน
ลีไวโผล่มาตบเกรียนทั้งสองคน บอกว่าพวกนายเสียงดังเกินไป และไล่ให้ไปนอน แถมยังสั่งด้วยว่าก่อนไปนอนให้ทำความสะอาดให้เรียบร้อยด้วย (สำอรเหลือเกิน)
อาร์มินดีใจที่เอเรนกลับมาเป็นเหมือนเดิมแล้ว เอเรนตอบว่า ไม่ว่าเขาจะคิดอะไรอยู่ก็ตาม แต่ตอนนี้เขาก็ยังคงทำอะไรไม่ได้ เขาไม่ได้แข็งแกร่งเหมือนมิคาสะ แต่เขาก็ไม่ควรคิดว่าตัวเองไร้ประโยชน์เพราะไม่ได้แข็งแกร่งแบบมิคาสะหรือกัปตันลีไว เพราะเราไม่ได้ทำงานกันคนเดียว ทุกคนมีสิ่งที่ตัวเองทำได้
อาร์มินอดเห็นด้วยกับเอเรนไม่ได้ เขาคิดไปถึงอดีตสมัยที่ลุงฮันเนสยังอยู่ มิคาสะบอกว่าหลังจากยึดกำแพงมาเรียกลับมาได้แล้วทุกอย่างคงกลับเหมือนเดิม เอเรนตอบว่าใช่แต่ไม่ใช่แค่นั้น อาร์มินเสริมว่าพวกเขาจะออกไปดูโลกภายนอกที่มีทะเล นั่นคือเหตุผลที่มาเข้าทีมสำรวจ เอเรนทำท่าเหมือนจะเห็นด้วยแต่สีหน้าเขากลับบอกถึงความรู้สึกอื่น
อาร์มินแปลกใจกับสีหน้าของเอเรน เอเรนคงไม่เชื่อว่าทะเลมีอยู่จริง เอเรนบอกว่ามีวิธีเดียวที่จะพิสูจน์ได้นั่นก็คือต้องไปด้วยกัน
อาร์มิน : "เอเรน นายสัญญาแล้ว ดังนั้นพวกเราจะไปด้วยกัน"
มิคาสะ : "พวกนายสองคนนี่ เอาแต่คุยเรื่องที่ชั้นไม่เข้าใจอีกแล้ว"
เมื่อถึงตอนเช้า ทุกคนต่างก็ตื่นเต้นที่ได้เห็นทีมสำรวจกำลังจะออกไปกู้กำแพง แม้แต่เออร์วินก็ประหลาดใจ นี่เป็นครั้งแรกที่มีคนมาให้กำลังใจทีมสำรวจขนาดนี้
เอลวิน : "ได้เวลาเริ่มแผนการกู้กำแพงมาเรียกันแล้ว ทุกหน่วย เคลื่อนพลได้ !!!"
ข้างนอกนั่น ไรเนอร์และเบลทรูทกำลังรอพวกเขาอยู่...........
จบตอน