แฟนทำตัวแบบนี้ มันน่ารัก....หร๋าาาาา...

สวัสดีครับ เข้าเรื่องเลยเนอะ คือผมมีแฟนอยู่คนนึง คบมาสองปีนิดๆแล้วครับ ช่วงแรกคือมันดีมาก มุ้งมิ้ง ฟรุ้งฟริ้ง ชี้นกเป็นนก ชี้ไม้ป็นไม้ จน เราคิดแบบว่า เฮ้ย...ชีวิต ดี้ ดี อ่ะ...จนกระทั่งวันนึง....

            ผมจำเป็นต้องกลับบ้านที่ต่างจังหวัดเพราะ ทางฝั่งครอบครัวของผมมีปัญหาเรื่องราวต่างๆนิดหน่อย แม่ผมเลยให้กลับมาทำงานที่ บ้าน จังหวัดอ่างทอง ก่อนหน้านี้ ผมก็อยู่บ้านคุณสามีนั่นแหละ แต่มันจำเป็นต้องกลับมาบ้านเนอะ ผมก็คุย กับคุณสามี เรียกชื่อย่อว่า ซี แล้วกัน  ผมนั่งคุยกับ ซี ว่า ผมต้องกลับไปอยุ่บ้านนะ ไปทำงานบ้าน แล้วผมก็ชวนเขาไปอยุ่ด้วย จะได้สบายใจกันทั้งสองฝ่าย แต่..ซีเริ่มโวยวาย ด่าทอผม คร่ำ ครวญบอกว่าอยุ่ไม่ได้ ถ้าผมไป ผมเลยบอกกับ ซี ไปว่า ผมกลับมาทำงาน ไม่ได้มาหาสามีใหม่ซะหน่อย ซี ก็ไม่ฟังนะ ผมก็เริ่มหงุดหงิดนิดหน่อย เลยอธิบายสถานะการณ์เรื่องครอบครัวให้ฟัง... ซี ก็ตั้งใจฟังและอ่อนลง ผมจึงขับรถกลับบ้าน โดยบอกให้ซีทำงานที่เก่า ให้ครบเดือนก่อน ค่อย ออกไปอยุ่ด้วยกันที่บ้านผม มันจะได้ไม่เสียงงาน แถมได้เงินเต็มเดือนด้วย


           หลังจากที่ผมกลับมาถึงบ้าน ผมก็ทำงานเป็นพนักงานเสริฟอาหารร้าน ชาบูแห่งหนึ่ง ในร้านเขาจะไม่ให้พกหรือเก็บโทรศัพท์ไว้ที่ตัว เพราะ เป็นการให้เกียรติลูกค้า  ช่วงพัก ผมก็เดินมาพักที่หลังร้าน หยิบโทรศัพท์ที่วางไว้มาดู ...90สายไม่ได้รับ เบอร์ของซีนั่นแหละ ผมก็โทรกลับเนอะ คิดว่าเป็นอะไรหรือเปล่า พอรับสายเท่านั้นแหละ  สารพัดสัตว์ประเคนมาที่หูผมจนแทบจะเปิดสวนสัตว์ได้ ผมก็บอก ใจเย็น ผมทำงานรับโทรศัพท์ไม่ได้ ซีเขาไม่ฟังครับ ด่าลามไปถึงเจ้าของร้าน หัวหน้าเด็กเสริฟ ลูกค้า ประมาณว่า กะจะใช้งานจนไม่มีเวลาคุยกับผัวเลยรึไง... (หยาบคายขออภัยครับ)....ผมก็อธิบายว่า งานเข้า เก้าโมงเช้า พักบ่ายสอง งานมันเยอะ ต่อให้พกโทรศัพท์ก็ไม่มีเวลารับหรอก ซีเขาก็วางสายไป ผมก็ทำงานของผมต่อ เวลาว่างๆ นิดๆ หน่อยๆ ห้านาที สิบนาที ผมก็ไลน์ไปบอกเขาตลอดว่าทำอะไร จนโดนหัวหน้างานดุเอาก็บ่อย


         หลังจากนั้นวันหยุดผมพอดี เขานั่งรถตู้มาที่บ้านผม โผล่มาแบบไม่โทรบอกก่อนนะ ผมก็ไม่ได้ว่าอะไรแค่ถามว่า จะมาแล้วทำไมไม่โทรบอก จะได้บอกแม่ก่อนเขาจะได้หุงข้าว ทำกับข้าวไว้ให้ ผมพูดแค่นี้จริงๆครับ ซีเขาก็โวยวาย ว่า มาหานี่ต้องโทรบอกก่อนหรอ กับข้าวก็ทำให้กินหน่อยสิทำไมต้องไปบอกแม่ด้วยวะ...ผมก็เงิบสิครับ ไข่เจียวผมยังทอดให้กลายเป็นไข่ดำได้เลย จะให้ผมทำให้กิน อีกอย่างผมเคยทำให้กินแล้วครับ แต่มัน เททิ้ง บอกไม่อร่อย ผมเลยไม่ค่อยทำอะไรกินเอง เพราะ ผมก็กินฝีมีตัวเองไม่ได้เหมือนกัน สักพักแม่ผมกลับมาจากตลาดครับ หิ้ว ปลาสวาย หรือปลา อะไรสักอย่าง ตัวเท่าเด็กเก้าขวบ แม่บอกจะทำต้มยำ ซีก็ออกอาการ กินไม่ได้ เหม็นคาว ปลาไม่มีเกล็ด ไขมันเยอะ เหม็น เนื้อมันเเน่นไป บลาๆๆๆ... แม่ผมเริ่มหมันไส้ครับ สุดท้ายจบที่ มาม่าต้มยำกุ้ง


          พอบ่ายๆ ซี เริ่ม บ่น ร้อน บ้านผมไม่มีแอร์ครับ ธรรมชาติล้วนๆ  ผมก็เลยจะพาไปโดดน้ำคลองเนอะ กะจะอารมณ์แบบ พี่คล้าว ทองกวาว ดูดปากกันใต้น้ำ กุ้กกิ้กๆ กันใต้ต้นตะขบไรงี้ .... แต่... ซีบอกไม่เอา น้ำคลองสกปรก มันคัน จะเล่นน้ำสระ ความฝันสัญญารักต้นตะขบของผมพังทลายลง สุดท้าย ผมก็พามาสวนน้ำครับยังไม่ทันก้าวเข้าไปเลยนะ ซีก็บอก ไม่เล่นละ คนเยอะ ร้อนด้วย ผมก็พากลับสิครับ


           สักพัก ซีเริ่มหิว ผมก็จะพาไปกินอาหารตามสั่งในตลาด ร้านประจำเนอะ ซีก็บอก ไม่เอา จะกินร้านนั้น ซี ชี้ไปที่ร้าน อาหารติดแอร์ ชื่อร้านคล้ายเลขที่บ้าน คนอยู่ตัวเมืองอ่างทองจะรู้จักร้านติดแอร์ร้านนี้  ผมก็นับตังพอประมาณว่ามีจ่ายไม่ต้องไปล้างจานแน่นอน ก็จูงมือ สามีตัวแสบเข้าไปกินร้านติดแอร์ที่ทำให้ผมเหงื่อตก ราคามันก็ ปกติ จานละ 50-60ก็ถือว่าถูกสำหรับร้านแบบนี้ แต่สิ่งที่ผมเหงื่อตก คือ ซี เริ่มวิจารณ์ อาหาร แบบออกรสออกชาติ ในแง่ ลบ แม่ครัวเริ่มหันมามอง รวมถึงคนในร้านบางส่วน เริ่มมอง ผมรีบยัดเส้นสปาคาโบนาร่า เข้าปากอย่างรวดเร็ว แถมป้อนให้ไอ้ตัวแสบด้วย แล้วเช็คบิลอย่างเร็ว

          ผมจะมีหมาน้อยอยุ่ตัวนึงพันธ์ปอม ซื้อมาในราคาน้ำตาตกไปสามเดือน ซี เขาจะชอบเล่นกับ สะพรั่ง(ชื่อหมา) แต่สะพรั่ง ไม่ชอบเล่นกับซี เพราะซีชอบเอาที่หนีบผ้าไปหนีบหางหมา


             ส่วนเรื่องหึงหวงนี่ที่หนึ่งเลย ผมจะเมมเบอร์แม่ ว่า "ที่รักของวิทย์" วิทย์คือผมเอง  มีอยู่ครั้งนึงแม่โทรมา ซีเขารับ  เหมือนสงครามโลกครั้งที่สามเกิดขึ้นอีกครั้ง อีกคนก็หึงไม่แหกตาดู อีกคนก็บ้าจีชอบยุชอบแกล้ง  แม่ผมชอบแกล้งให้ทะเลาะกันแม่บอกเหมือนดูละครตลกดี



                               เดี๋ยวมาต่อมีอีกเยอะ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่