สวัสดีครับกระทู้แรกเลยที่ตั้งเกี่ยวกับเรื่องการถ่ายรูป
วันนี้ตรงกับวันหยุดของผมพอดี ตื่นขึ้นมาเล่นคอมซักครู่อยู่ดีๆก็อยากถ่ายรูปซะงั้นเรื่องราววันนี้โดยไม่ได้ศึกษาข้อมูลจึงบังเกิด
วันนี้ผมเริ่มต้นการเดินทางจาก บางปะกอกโดยรถเมล์ธรรมดาสาย 82 ราคา 9 บาทสุดสายไปลงสนามหลวง(แอบขึ้นผิดฝั่ง)

เพราะไม่มีการศึกษาข้อมูลมาก่อนเลยแค่เข้าอากู๋ดูว่าต้องขึ้นสายไหนไปสนามหลวง
รูปทั้งหมดถ่ายด้วย olympus E-PL5 เลนส์ 14-42mm ใช้โหมด M ISO 200 แล้วก็ปรับ speed shutter เอาครับ **หากเข้ามาชมก็ขอบคุณน้า แมวเหมียวพุงป่อง ที่แนะนำกล้องให้ครับ
รูปทั้งหมดผ่านการแต่งด้วยโปรแกรม Lightroom นะครับ
มาเริ่มกันเลยดีกว่า
จะไปวัดพระแก้วๆๆ มองไปมีแต่กำแพงสูงล้อมรอบ เข้าวัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม(วัดโพธิ์)ก่อนละกัน ผ่างง!! เข้ามาถึงก็เจอพระอุโบสถเลยครับ
ฝนเพิ่งหยุดตกท้องฟ้าเริ่มปิดครึ้มเชียว
เดินเข้ามาด้านในอีกหน่อยก็จะเจอพระพุทธรูปปรางห้ามญาติเหลืองอร่ามเรียงรอบวิหาร(มีปรางต่างๆล้อมรอบเพียงแต่ผมถ่ายมามุมเดียวครับ)
เดินย้อนกลับมาหน่อยเจอพระมหาเจดีย์องค์ใหญ่สวยมาก
ถัดมาอีกประตูจะเจอพระมณฑปครับ ซึ่งน่าจะกำลังปรับปรุงด้านในว่างเปล่าและห้ามถ่ายรูปครับ
คราวนี้เดินย้อนกลับมาที่พระอุโบสถ ก่อนเข้าประตูจะมีถุงสีน้ำเงินอยู่ในถังพลาสติกไว้สำหรับใส่รองเท้าแล้วสะพายเข้าไปด้านใน พอเดินพ้นประตูเข้ามาด้านในจะเจอกับองค์พระพุทธไสยาส(พระนอน)องค์ใหญ่ที่ด้านซ้ายมือ
มุมนี้ต้องต่อแถวเพื่อจะถ่ายรูปนะครับ ตอนที่ผมไปมีคน 2 คนลัดคิวเพื่อถ่ายรูปก็มีชาวจีนคนหนึ่งตะโกนขึ้นมาว่า queue queue 2 คนนั้นก็ทำท่าตกใจแล้วก็เดินมาต่อคิวใหม่ ในส่วนของด้านหลังไม่ได้ถ่ายรูปมานะครับเพราะกำลังมีการปรับปรุงจึงมีผ้าขาวคลุมอยู่ทั้งหมด แต่ก็มีการทำบุญโดยการหยอดเหรียญใส่บาตรเพื่อบูรณะซ่อมแซมครับ
ออกจากวัดโพธิ์มาแบบงงๆ แล้วก็เดินเข้าวัดพระศรีรัตนศาสดาราม(วัดพระแก้ว)แบบงงๆ โดยการเดินอ้อมเกือบ 1 รอบเพื่อหาทางเข้าวัด

หลังจากเดินเข้ามาภายในกำแพงวัดด้านซ้ายมือก็จะเจอมุมนี้ซึ่งผมเห็นคนที่มารีวิวจะถ่ายมุมนี้กันบ่อยมากเลยขอซักหน่อย
พระศรีรัตนเจดีย์ทางด้านซ้ายและพระมณฑปทางด้านขวา
เดินขึ้นมาเพื่อจะถ่ายรูปพระศรีรัตนเจดีย์ใกล้ๆ แต่ด้วยฝีมือจึงต้องคัดออกเลยได้รูปหลังคาพระอุโบสถมาแทน
เดินต่อมาอีกหน่อย อ๊ะ!! เจอแล้วยักษ์ทั้งสองตนคือยักษ์ทวารบาล
มาชมความหล่อเหลาของยักษ์แดง(ยักษ์สหัสเดชะ)กันครับ
ตามมาด้วยยักษ์เขียว(ทศกัณฐ์)หล่อเหลาไม่แพ้กัน
หันหลังกลับมา โอ้วว!! ปราสาทพระเทพบิดร สวยมากเกือบจะไม่ได้ถ่ายแล้วไม๊ล่ะ
ต้นบอนไซวางเรียงรายอยู่เต็มไปหมดขอซักรูปละกัน
ทำหน้าเข้มเชียวนะ ในใจแอบฟินแน่นอนมีสาวๆ ทั้งไทยและต่างชาติแวะเวียนไปเคียงข้างไม่ขาดสายทุกวี่ทุกวัน
ถัดเข้ามาอีกประตูจะเจอกับพระบรมมหาราชวัง ด้านล่างเป็นพิพิธภัณฑ์อาวุธโบราณ(ห้ามถ่ายรูป) เลยมีแค่ภาพด้านนอกให้ชมครับ
เกือบลืมถ่ายมุมนี้ของพระบรมมหาราชวังไปซะสนิท ถ้าชาวจีน 2 คนไม่ขอให้ผมถ่ายรูปให้ ในตอนแรกเค้าทั้ง 2 คนมองหน้าผมแล้วทำท่าชี้ไปที่กล้องผมก็งง อะไรวะชี้กล้องทำไม คิดไปคิดมาอ๋อ จะให้เราถ่ายรูปให้นี่เอง ก็จัดไป แนวตั้งกับแนวนอน และแน่นอนภาพเกือบมืดเพราะไม่กล้าปรับอะไรทั้งสิ้นกลัวทำของเค้าพัง
ถัดมาอีกประตูหันไปด้านซ้าย สวยแฮะเป็นส่วนหนึ่งของพระบรมมหาราชวัง
ในส่วนนี้จะมีพระที่นั่งดุสิตมหาปราสาทซึ่งด้านในว่างเปล่า น่าจะกำลังปรับปรุงใหม่และห้ามถ่ายรูป!!! ครับ...
อ่ะ อีกรูปละกัน แล้วก็เดินออกมาจากวัดแบบ งงๆ
หลังจากนั้นก็เดินไปที่ท่าเรือ(ราคา 3 บาท) ซึ่งไม่รู้เลยว่า ท่าไหนจะไปวังหลัง แต่ก็จ่ายเงินแล้วเดินขึ้นไปโป๊ะเช๊ะ!! รอดแล้วถึงวังหลังแฮะ เดินเข้ามาซักพักก็เจอร้านอรทัยซูชิ เห็นเค้าว่าอร่อยกันแต่ผมไม่ได้ซื้อนะครับ ผมเดินเลยมาอีกนิดกินก๋วยเตี๋ยวบะหมี่เกี๊ยวกุ้ง สั่งพิเศษราคา 50 บาท บะหมี่ 2 ก้อน เกี๊ยว 4 ก้อน หมูแดง 10-12 ชิ้นไม่แน่ใจ น้ำซุปจืดๆแต่มีกลิ่นพริกไทย อร่อยดีเหมือนกัน หิวตาลายไม่มีรูปนะครับ
กินเสร็จเดินตรงไปเรื่อยๆ ป้ายเขียนทางออกวัดระฆังป่ะลุย!! มีนักเรียนเดินสวนทางมาเต็มไปหมดพอเดินไปถึง ถึงได้รู้ด้านในมีโรงเรียนสตรีวัดระฆังนี่เอง รูปนี้ถ่ายระหว่างนั่งกินโตเกียวหน้าทางเข้าวัดระฆัง
ด้านในวัดเงียบมาก เลยถ่ายรูปพระปรางค์วัดระฆังก่อนกลับ
เดินย้อนกลับมาเข้าซอยวังหลังจะมีซอยเล็กๆ เดินเข้ามาจะอยู่ขวามือจะมีร้านกาแฟเพิ่งเปิด วันนี้ที่ผมไปเจ้าของร้านบอกว่าเพิ่งเปิดได้ 8 วัน ชื่อร้านก็ตามรูปเลยนะครับ
ระหว่างรอกาแฟ(ผมสั่งลาเต้เย็นราคา 60 บาท)รสชาติใช้ได้ ก็เดินถ่ายรูปภายในร้านตกแต่งไปด้านของเก่า และเปิดเพลงน่าจะยุคปี 70-80 มี 2 ชั้นให้นั่งผมขึ้นมาชั้น 2 ครับ
บรรยากาศชั้น 2 อากาศดีครับ ไม่ต้องมีแอร์ก็ไม่ร้อนเท่าไหร่นั่งพักชิวๆได้สบาย
ถ่ายรูปเพลินๆ มาแล้วลาเต้เย็น ขอพักเหนื่อยซักหน่อยละกันเตรียมตัวไปต่อ
ปัญหาเกิดตอนขึ้นเรือข้ามฟากขึ้นผิดลำดันไปลงท่ามหาราช ทำไงล่ะทีนี้กลับไปสนามหลวงยังไงดีแต่ช่างเถอะ มาคนเดียวถ่ายรูปไปพลางๆละกัน ร้านภายในนี้ส่วนใหญ่จะมีสีขาวดูสะอาด
อย่าถามเรื่องรสชาติ เพราะผมไม่ได้เข้าซักร้านมัวแต่เดินถ่ายรูปและหาทางกลับ
คนรอเต็มเลยไม่แบ่งไปร้านอื่นบ้างเหรอ ??
ร้านกาแฟที่ราคาสูงลิบ ที่ตั้งร้านทำเลดีมากสามารถขึ้นไปชั้น 2 ได้นั่งชิวๆกินลมสบายๆ
มุมจักรยานห้อยเรียงรายเต็มไปหมด ขอซักคันได้มั๊ย? คันที่ใช้อยู่ฝืดเต็มทนละ
นั่งเรือข้ามฟากมาถ่ายไม่ทัน มาถ่ายรูปตอนเดินออกแล้วกัน เห็นชาวต่างชาติเดินออกแล้วเลี้ยวขวา เอาวะ!! ตามไปละกันไหนๆก็หลงละ
จ๊ะเอ๋ 7/11 !! วัดพระแก้ว...รอดแล้วเรา
เก็บรูปบรรยากาศด้านนอกซะหน่อย คนเริ่มกลับกันหมดเพราะเริ่มเย็นแล้ว
เดินตรงข้ามฝั่งไปสนามหลวงแบบไม่มีจุดหมาย หันมา อืมมมม..มุมนี้สวยดี
แล้วตอนนี้ก็เฟ้งฟ้าง(เคว้งคว้าง) หาป้ายรถเมล์สาย 82 ไม่เจอเดินวนไปวนมา
อ๊ะ!! มุมนี้ยังไม่ได้ถ่ายขอซักรูป ไม่ได้สำนึกเล๊ยว่ายังหาทางกลับไม่ได้
แล้วก็เดินเข้าไปในซอยด้านข้างซึ่งไม่รู้ไปไหน เดินตามสาว 2 คนมาเฉยๆ
อีกซักรูป เดินวนไปวนมาอ้อมไปด้านหลังเข้าไปในสวน แล้วก็เดินออกมาที่ป้ายรถเมล์ข้างสวนที่มีคนเต้นแอโรบิค แล้วก็เดินกลับไปที่สนามหลวง แล้วก็เดินกลับไปป้ายรถเมล์ข้างสวน เดินไปเดินมา สุดท้ายเจอรถคันเขียวเล็กๆ มีป้ายไป บางปะกอก น้ำตาจะไหลหลงอยู่เป็นชั่วโมงๆ
ขอลาไปด้วยรูปนี้ละกันครับ
สรุปการใช้เงินวันนี้
9 บาท ค่ารถเมล์
7 บาท น้ำเปล่า 7/11
3 บาท ค่าเรือขาไปวังหลัง
50 บาท ค่าก๋วยเตี๋ยว
20 บาท ค่าโตเกียวหน้าโรงเรียนสตรีวัดระฆัง
60 บาท ค่าลาเต้เย็น
3 บาท ค่าเรือไปท่ามหาราช
7 บาท ค่ารถกลับ
ขอบคุณทุกท่านที่เข้ามาชมครับ ผมยังเป็นมือใหม่อยู่ยังไงติชมกันได้ครับ
ปล.แก้ไขคำผิด
ปล2.แก้ไขชื่อสถานที่ ขอบคุณคุณหมายเลข 1652385 ที่เตือนครับ
**เมื่อตากล้องมือใหม่อยากถ่ายรูป ไปคนเดียวเลยแล้วกัน**(รูปเยอะมากกกก)
วันนี้ตรงกับวันหยุดของผมพอดี ตื่นขึ้นมาเล่นคอมซักครู่อยู่ดีๆก็อยากถ่ายรูปซะงั้นเรื่องราววันนี้โดยไม่ได้ศึกษาข้อมูลจึงบังเกิด
วันนี้ผมเริ่มต้นการเดินทางจาก บางปะกอกโดยรถเมล์ธรรมดาสาย 82 ราคา 9 บาทสุดสายไปลงสนามหลวง(แอบขึ้นผิดฝั่ง)
เพราะไม่มีการศึกษาข้อมูลมาก่อนเลยแค่เข้าอากู๋ดูว่าต้องขึ้นสายไหนไปสนามหลวง
รูปทั้งหมดถ่ายด้วย olympus E-PL5 เลนส์ 14-42mm ใช้โหมด M ISO 200 แล้วก็ปรับ speed shutter เอาครับ **หากเข้ามาชมก็ขอบคุณน้า แมวเหมียวพุงป่อง ที่แนะนำกล้องให้ครับ
รูปทั้งหมดผ่านการแต่งด้วยโปรแกรม Lightroom นะครับ
มาเริ่มกันเลยดีกว่า
จะไปวัดพระแก้วๆๆ มองไปมีแต่กำแพงสูงล้อมรอบ เข้าวัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม(วัดโพธิ์)ก่อนละกัน ผ่างง!! เข้ามาถึงก็เจอพระอุโบสถเลยครับ
ฝนเพิ่งหยุดตกท้องฟ้าเริ่มปิดครึ้มเชียว
เดินเข้ามาด้านในอีกหน่อยก็จะเจอพระพุทธรูปปรางห้ามญาติเหลืองอร่ามเรียงรอบวิหาร(มีปรางต่างๆล้อมรอบเพียงแต่ผมถ่ายมามุมเดียวครับ)
เดินย้อนกลับมาหน่อยเจอพระมหาเจดีย์องค์ใหญ่สวยมาก
ถัดมาอีกประตูจะเจอพระมณฑปครับ ซึ่งน่าจะกำลังปรับปรุงด้านในว่างเปล่าและห้ามถ่ายรูปครับ
คราวนี้เดินย้อนกลับมาที่พระอุโบสถ ก่อนเข้าประตูจะมีถุงสีน้ำเงินอยู่ในถังพลาสติกไว้สำหรับใส่รองเท้าแล้วสะพายเข้าไปด้านใน พอเดินพ้นประตูเข้ามาด้านในจะเจอกับองค์พระพุทธไสยาส(พระนอน)องค์ใหญ่ที่ด้านซ้ายมือ
มุมนี้ต้องต่อแถวเพื่อจะถ่ายรูปนะครับ ตอนที่ผมไปมีคน 2 คนลัดคิวเพื่อถ่ายรูปก็มีชาวจีนคนหนึ่งตะโกนขึ้นมาว่า queue queue 2 คนนั้นก็ทำท่าตกใจแล้วก็เดินมาต่อคิวใหม่ ในส่วนของด้านหลังไม่ได้ถ่ายรูปมานะครับเพราะกำลังมีการปรับปรุงจึงมีผ้าขาวคลุมอยู่ทั้งหมด แต่ก็มีการทำบุญโดยการหยอดเหรียญใส่บาตรเพื่อบูรณะซ่อมแซมครับ
ออกจากวัดโพธิ์มาแบบงงๆ แล้วก็เดินเข้าวัดพระศรีรัตนศาสดาราม(วัดพระแก้ว)แบบงงๆ โดยการเดินอ้อมเกือบ 1 รอบเพื่อหาทางเข้าวัด
หลังจากเดินเข้ามาภายในกำแพงวัดด้านซ้ายมือก็จะเจอมุมนี้ซึ่งผมเห็นคนที่มารีวิวจะถ่ายมุมนี้กันบ่อยมากเลยขอซักหน่อย
พระศรีรัตนเจดีย์ทางด้านซ้ายและพระมณฑปทางด้านขวา
เดินขึ้นมาเพื่อจะถ่ายรูปพระศรีรัตนเจดีย์ใกล้ๆ แต่ด้วยฝีมือจึงต้องคัดออกเลยได้รูปหลังคาพระอุโบสถมาแทน
เดินต่อมาอีกหน่อย อ๊ะ!! เจอแล้วยักษ์ทั้งสองตนคือยักษ์ทวารบาล
มาชมความหล่อเหลาของยักษ์แดง(ยักษ์สหัสเดชะ)กันครับ
ตามมาด้วยยักษ์เขียว(ทศกัณฐ์)หล่อเหลาไม่แพ้กัน
หันหลังกลับมา โอ้วว!! ปราสาทพระเทพบิดร สวยมากเกือบจะไม่ได้ถ่ายแล้วไม๊ล่ะ
ต้นบอนไซวางเรียงรายอยู่เต็มไปหมดขอซักรูปละกัน
ทำหน้าเข้มเชียวนะ ในใจแอบฟินแน่นอนมีสาวๆ ทั้งไทยและต่างชาติแวะเวียนไปเคียงข้างไม่ขาดสายทุกวี่ทุกวัน
ถัดเข้ามาอีกประตูจะเจอกับพระบรมมหาราชวัง ด้านล่างเป็นพิพิธภัณฑ์อาวุธโบราณ(ห้ามถ่ายรูป) เลยมีแค่ภาพด้านนอกให้ชมครับ
เกือบลืมถ่ายมุมนี้ของพระบรมมหาราชวังไปซะสนิท ถ้าชาวจีน 2 คนไม่ขอให้ผมถ่ายรูปให้ ในตอนแรกเค้าทั้ง 2 คนมองหน้าผมแล้วทำท่าชี้ไปที่กล้องผมก็งง อะไรวะชี้กล้องทำไม คิดไปคิดมาอ๋อ จะให้เราถ่ายรูปให้นี่เอง ก็จัดไป แนวตั้งกับแนวนอน และแน่นอนภาพเกือบมืดเพราะไม่กล้าปรับอะไรทั้งสิ้นกลัวทำของเค้าพัง
ถัดมาอีกประตูหันไปด้านซ้าย สวยแฮะเป็นส่วนหนึ่งของพระบรมมหาราชวัง
ในส่วนนี้จะมีพระที่นั่งดุสิตมหาปราสาทซึ่งด้านในว่างเปล่า น่าจะกำลังปรับปรุงใหม่และห้ามถ่ายรูป!!! ครับ...
อ่ะ อีกรูปละกัน แล้วก็เดินออกมาจากวัดแบบ งงๆ
หลังจากนั้นก็เดินไปที่ท่าเรือ(ราคา 3 บาท) ซึ่งไม่รู้เลยว่า ท่าไหนจะไปวังหลัง แต่ก็จ่ายเงินแล้วเดินขึ้นไปโป๊ะเช๊ะ!! รอดแล้วถึงวังหลังแฮะ เดินเข้ามาซักพักก็เจอร้านอรทัยซูชิ เห็นเค้าว่าอร่อยกันแต่ผมไม่ได้ซื้อนะครับ ผมเดินเลยมาอีกนิดกินก๋วยเตี๋ยวบะหมี่เกี๊ยวกุ้ง สั่งพิเศษราคา 50 บาท บะหมี่ 2 ก้อน เกี๊ยว 4 ก้อน หมูแดง 10-12 ชิ้นไม่แน่ใจ น้ำซุปจืดๆแต่มีกลิ่นพริกไทย อร่อยดีเหมือนกัน หิวตาลายไม่มีรูปนะครับ
กินเสร็จเดินตรงไปเรื่อยๆ ป้ายเขียนทางออกวัดระฆังป่ะลุย!! มีนักเรียนเดินสวนทางมาเต็มไปหมดพอเดินไปถึง ถึงได้รู้ด้านในมีโรงเรียนสตรีวัดระฆังนี่เอง รูปนี้ถ่ายระหว่างนั่งกินโตเกียวหน้าทางเข้าวัดระฆัง
ด้านในวัดเงียบมาก เลยถ่ายรูปพระปรางค์วัดระฆังก่อนกลับ
เดินย้อนกลับมาเข้าซอยวังหลังจะมีซอยเล็กๆ เดินเข้ามาจะอยู่ขวามือจะมีร้านกาแฟเพิ่งเปิด วันนี้ที่ผมไปเจ้าของร้านบอกว่าเพิ่งเปิดได้ 8 วัน ชื่อร้านก็ตามรูปเลยนะครับ
ระหว่างรอกาแฟ(ผมสั่งลาเต้เย็นราคา 60 บาท)รสชาติใช้ได้ ก็เดินถ่ายรูปภายในร้านตกแต่งไปด้านของเก่า และเปิดเพลงน่าจะยุคปี 70-80 มี 2 ชั้นให้นั่งผมขึ้นมาชั้น 2 ครับ
บรรยากาศชั้น 2 อากาศดีครับ ไม่ต้องมีแอร์ก็ไม่ร้อนเท่าไหร่นั่งพักชิวๆได้สบาย
ถ่ายรูปเพลินๆ มาแล้วลาเต้เย็น ขอพักเหนื่อยซักหน่อยละกันเตรียมตัวไปต่อ
ปัญหาเกิดตอนขึ้นเรือข้ามฟากขึ้นผิดลำดันไปลงท่ามหาราช ทำไงล่ะทีนี้กลับไปสนามหลวงยังไงดีแต่ช่างเถอะ มาคนเดียวถ่ายรูปไปพลางๆละกัน ร้านภายในนี้ส่วนใหญ่จะมีสีขาวดูสะอาด
อย่าถามเรื่องรสชาติ เพราะผมไม่ได้เข้าซักร้านมัวแต่เดินถ่ายรูปและหาทางกลับ
คนรอเต็มเลยไม่แบ่งไปร้านอื่นบ้างเหรอ ??
ร้านกาแฟที่ราคาสูงลิบ ที่ตั้งร้านทำเลดีมากสามารถขึ้นไปชั้น 2 ได้นั่งชิวๆกินลมสบายๆ
มุมจักรยานห้อยเรียงรายเต็มไปหมด ขอซักคันได้มั๊ย? คันที่ใช้อยู่ฝืดเต็มทนละ
นั่งเรือข้ามฟากมาถ่ายไม่ทัน มาถ่ายรูปตอนเดินออกแล้วกัน เห็นชาวต่างชาติเดินออกแล้วเลี้ยวขวา เอาวะ!! ตามไปละกันไหนๆก็หลงละ
จ๊ะเอ๋ 7/11 !! วัดพระแก้ว...รอดแล้วเรา
เก็บรูปบรรยากาศด้านนอกซะหน่อย คนเริ่มกลับกันหมดเพราะเริ่มเย็นแล้ว
เดินตรงข้ามฝั่งไปสนามหลวงแบบไม่มีจุดหมาย หันมา อืมมมม..มุมนี้สวยดี
แล้วตอนนี้ก็เฟ้งฟ้าง(เคว้งคว้าง) หาป้ายรถเมล์สาย 82 ไม่เจอเดินวนไปวนมา
อ๊ะ!! มุมนี้ยังไม่ได้ถ่ายขอซักรูป ไม่ได้สำนึกเล๊ยว่ายังหาทางกลับไม่ได้
แล้วก็เดินเข้าไปในซอยด้านข้างซึ่งไม่รู้ไปไหน เดินตามสาว 2 คนมาเฉยๆ
อีกซักรูป เดินวนไปวนมาอ้อมไปด้านหลังเข้าไปในสวน แล้วก็เดินออกมาที่ป้ายรถเมล์ข้างสวนที่มีคนเต้นแอโรบิค แล้วก็เดินกลับไปที่สนามหลวง แล้วก็เดินกลับไปป้ายรถเมล์ข้างสวน เดินไปเดินมา สุดท้ายเจอรถคันเขียวเล็กๆ มีป้ายไป บางปะกอก น้ำตาจะไหลหลงอยู่เป็นชั่วโมงๆ
ขอลาไปด้วยรูปนี้ละกันครับ
สรุปการใช้เงินวันนี้
9 บาท ค่ารถเมล์
7 บาท น้ำเปล่า 7/11
3 บาท ค่าเรือขาไปวังหลัง
50 บาท ค่าก๋วยเตี๋ยว
20 บาท ค่าโตเกียวหน้าโรงเรียนสตรีวัดระฆัง
60 บาท ค่าลาเต้เย็น
3 บาท ค่าเรือไปท่ามหาราช
7 บาท ค่ารถกลับ
ขอบคุณทุกท่านที่เข้ามาชมครับ ผมยังเป็นมือใหม่อยู่ยังไงติชมกันได้ครับ
ปล.แก้ไขคำผิด
ปล2.แก้ไขชื่อสถานที่ ขอบคุณคุณหมายเลข 1652385 ที่เตือนครับ