รถถูกยึดไปแล้วครับ

กระทู้คำถาม
คือเรื่องมีอยู่ว่า
รถน้องผมโดนจับครับ ในคดีค้ายาเสฟติด เมื่อเดือน มกราคม 58  ตำรวจจึงได้ยึดรถยนต์ไปตรวจสอบด้วย

แม่ผมจึงไปแจ้งกับไฟแนนซ์ว่า รถถูกตำรวจยึดในคดียาเสพติด (ต้องแจ้งตามสัญญาหากรถถูกจับกุม ก็แจ้งเรียบร้อย)

หลังจากนั้น ในเดือน เมษายน  กลับมีหนังสือบอกเลิกสัญญามาให้  "เนื่องจากมีรถไปกระทำความผิด" แม่ผมจึงไปแจ้งกับไฟแนซ์ว่า  รถเอาไปตรวจสอบโดย ปปส.ก่อน  รถยังไม่ได้ถือว่ามีความผิดเลย มาเลิกสัญญาได้ยังไง  เจ้าหน้าที่ก็บอกว่าเดี๋ยวจะรับเรื่องไว้แล้วแจ้งกลับ

จนกระทั่ง...................

ศาลพิพากษา เดือน มิถุนายน น้องผมถูกจำคกไป  และ ปปส.ส่งหนังสือมาเลยว่า "ตรวจสอบรถยนต์ดังกล่าวแล้ว  รถยนต์ดังกล่าวไม่มีความมผิด ให้พ้นผิดและคืนของกลางกับเจ้าของ"

แม่ผมจึงไปรับรถยนต์ตามหนังสือ ปปส.  ที่โรงพัก แต่ปรากฏว่ามีเจ้าหน้าที่ไฟแนซ์มารอยึดรถเช่นกัน  ทำให้ตำรวจไม่สามารถเอารถคืนแม่ผมได้ บอกให้ไปเจรจากันก่อน

ต่อมาแม่ผมไปเจรจากับธนชาติขอรถคืน และเอาหนังสือ ของ ปปส.ให้ดูเลยว่า รถไม่ได้มีความผิด จะมาบอกเลิกสัญญาและยึดรถไม่ได้   เจ้าหน้าที่จึงบอกแม่ผมว่า ให้ปล่อยรถให้ไฟแนซ์นี้ไปตรวจสอบก่อน  แม่ผมจึงไปโรงพักและเซ็นยินยอมให้ไฟแนนซ์ยึดรถไปตรวจสอบ

พอกลับไปที่ไฟแนซ์อีกครั้ง  ปรากฏว่า แม่ผมจะชำระเงินที่ค้างไว้ 4 งวด เพื่อผ่อนต่อไป  กลับปรากฏว่า เจ้าหน้าที่บอกว่า ต้องชำระทีเดียวเลย ประมาณ 100000 บาท ทั้งๆที่ค่างวดที่ค้างแค่ 40000 บาท  มีค่าดำเนินการห่าเหวไรไม่รุ้ เบี้ยปรับต่างๆนานา  ใครจะไปมีครับเงินเป็นแสน  สุดท้ายข่มขู่ว่า ถ้าไม่มีจ่าย ให้เอาทนายมาคุย  ถ้าไม่ได้ ก็ต้องยึดรถขายทอดตลาด....จบสิครับแบบนี้

ผมทราบครับว่าถ้ารถถูกขายทอดตลาดแน่นอนครับ ราคาไม่ถึงครึ่งแน่ๆ แล้วมันจะฟ้องส่วนที่เหลือทีหลัง ....ไปเจอกันที่ศาลนุ้นเลย

วันนี้ มีหนังสือส่งมาบอกว่า ให้ชำระค่างวดที่ค้างทั้งหมด เนื่องจากบริษัทได้ยกเลิกสัญญากับท่านแล้ว หากไม่ชำระใน 7 วัน จะขายรถทอดตลาด

เลยขอปรึกษาครับ  

พอดีอ่านเจอข้อความนี้

"สัญญาเช่าซื้อ เปิดโอกาสให้เรานำรถไปคืนได้ โดยค่าใช้จ่ายการส่งคืนเราต้องเป็นผู้ออกค่าใช้จ่าย ( ปพพ มาตรา 573)
เมื่อการคืนรถให้ไฟแนนซ์ตาม ม.573 แล้ว ถือได้ว่าสัญญาเช่าซื้อระงับไป ดังนั้นไฟแนนซ์นำรถไปขายได้เงินไม่คุ้มทุนของรถ
จึงมาเรียกเก็บจากเรา โดยอาศัยอ้างอิงจากสัญญาเช่าซื้อเดิมที่ระงับไปแล้วไม่ได้
พูดให้เข้าใจง่ายๆว่า สัญญาระงับไปแล้ว คุณจะอ้างสัญญาที่มันจบไปแล้วมาแสวงหาประโยชน์ไม่ได้นั่นเอง

แต่การที่ไฟแนนซ์นำรถไปขายแล้วไม่คุ้มทุนของรถที่ไฟแนนซ์ได้รับความเสียหายในส่วนนั้น
จึงเป็นกรณีการเรียกค่าเสียหายในส่วนที่ยังขาดอยู่ตามสภาพและราคาของรถในขณะนั้น
เมื่อราคารถที่ไฟแนนซ์เรียกมานั้น สูงเกินจริง และไม่ใช่ราคารถที่แท้จริงในขณะนั้น
จึงไม่อาจเรียกได้ทั้งหมด โดยไฟแนนซ์จะอ้างว่าเป็นดอกเบี้ยอันเกิดจากการคืนรถก่อนเวลาไม่ได้
เพราะถ้าอ้างแบบนั้น คือการอ้างสัญญาที่ระงับไปแล้วนั่นเอง


สรุปเพื่อเข้าใจง่ายๆคือ
เงินที่ไฟแนนซ์เรียกร้องมานั้น ไม่ต้องไปสนใจ
และควรปล่อยให้ไฟแนนซ์ฟ้องศาลมา และดูคำฟ้องและคำขอท้ายฟ้องของไฟแนนซ์ว่า ขอให้ชำระหนี้ค่าอะไรเท่าไร
หากสูงเกินส่วนและมีค่าอย่างอื่นที่ไม่อาจเรียกได้ ก็ต้องโต้แย้งและต่อสู้ในคดีครับ
อย่าตกใจ อย่าเครียด เรื่องแบบนี้มันไม่น่ากลัวอย่างที่คิดหรอกครับ

ผมเข้าใจถูกไหมครับ

ประเด็นที่ผมมองว่า จะสู้คดีได้ ก็คือ  เขายกเลิกสัญญาเพราะว่ารถไปทำความผิด แต่ผมมีหลักฐานว่ารถไม่ได้ทำความผิดนิครับ  จะถูกต้องหรือ?

ผมเครียดมากครับ ขอคำแนะนำด้วยครับ

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่