สวัสดีทุกท่าน

นี่เป็นครั้งแรกของรีวิวที่เราเขียน และ เป็นครั้งแรกในการเดินทางไกลไปเยือนต่างประเทศ (ยกเว้นประเทศเพื่อนบ้านนะ ) หากมีข้อบกพร่องและผิดพลาดประการใดต้องขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วย แต่รีวิวนี้เราตั้งใจทำเพื่อเป็นข้อมูลให้กับคนที่กำลังเก็บข้อมูล กำลังจะไปเที่ยวต่างประเทศ หรือกำลังมีแผนจะไปเที่ยวญี่ปุ่นในหน้าร้อน หรือหน้าใดๆ ก็ตาม (อันที่จริงญี่ปุ่นเที่ยวได้ทั้งปี แต่ละที่ก็มีจุดเด่นต่างๆ กันไป อยู่ที่คุณหลงมนต์เสน่ห์ในประเทศนางแบบไหน) ตามที่บอกเลยนะ

ซึ่งเรื่องราวก็เริ่มจากเราและพี่ๆ รวมกัน 6 สาวโสด แต่มีเป้าหมายเดียวกัน คืออยากไปเที่ยวญี่ปุ่น ส่วนไอ้เราก็น้องเล็กที่สุดในทีม ไม่ค่อยมีประสบการณ์แบบนั้น ส่วนพี่ๆ ทุกท่านนั้น ล้วนแต่ไปเที่ยวทั้งในและต่างประเทศบ่อยแล้ววว
ทำไมถึงไปเที่ยวญี่ปุ่น??

ญี่ปุ่นคงเป็นหนึ่งในประเทศที่ทุกคนใฝ่ฝันอยากไปเยือนและสัมผัสกันสักครั้งหนึ่งใช่ไหมค่ะ เราก็เป็นหนึ่งในนั้น ทั้งอาหารที่ชื่นชอบ เมืองที่ใฝ่ฝัน และที่สำคัญอยากแช่ออนเซ็นค่ะ ฮ่าๆๆ มันเป็นความใฝ่ฝันและความสุขเล็กๆ น้อยๆ ที่คิดจะมอบสิ่งนี้ให้กับตัวเราเอง เป็นสิ่งที่เราจะต้องสัมผัสและเจอมันให้ได้ ซึ่งเราคิดว่า การเดินทางครั้งนี้มันคุ้มค่ามากสำหรับการรอยคอย
เข้าเรื่องเลยละกัน

....เรื่องค่าใช้จ่ายเราตั้งงบประมาณไว้ที่ 5X,XXX - 6X,XXX บาท ถ้าเปรียบเทียบกับทัวร์เราคิดว่าคุ้มค่ะ เพราะเราได้ไปหลายที่ๆ เราอยากไป ทุกอย่างเราวางแผนการเดินทางเอง และเปลี่ยนแผนกันเอง คุมงบประมาณกันเอง คือเราอยากทานอะไร ทำอะไร เที่ยวไหน ตามใจเราได้เลยค่ะ ถ้าทุกคนมีความเห็นตรงกัน และเราคิดว่าเราก็เก็บรายละเอียดมันมาได้มากกว่าไปกับบางทัวร์ (แบบทัวร์ชะโงกไม่เอานะคะ อิอิ) ส่วนตัวทริปนี้คิดว่าคุ้มตรงที่ขับรถเที่ยวแถบ Furano – Biei เอง และได้เก็บรายละเอียดใน Biei ได้เยอะ และค้นพบว่า สิ่งที่เราเห็นผ่านภาพไม่เหมือนกับที่เห็นด้วยตา ญี่ปุ่นเป็นเมืองที่สวยงาม แต่มีบางอย่างซ่อนอยู่ ต้องค้นพบด้วยตัวเองนะ อาจเป็นเพราะผ่านเลนส์กล้อง บางจุดสวยผ่านเลนส์กล้อง แต่ด้วยการที่ตัวเราเองไม่ค่อยมีศาสตร์ทางด้านการถ่ายรูปและไม่มีรูปตัวเองเยอะ (แอบอิจฉา ได้แต่แอบเซลฟี่ตัวเองเบาๆ) ทำให้เก็บภาพความประทับใจยังไม่สาแก่ใจเลย ใจที่จริงอยากถ่ายรูปให้มันสวยๆ แต่มันไม่เอื้ออำนวย บางที่ๆ ไปก็ยังไม่เจอจุดที่ว่าถ่ายมาแล้วสวยให้สาแก่ใจเราเลย

คืออยากรู้ว่าเขาไปถ่ายมาจากมุมไหน ทำไมเราไม่ได้แบบเขา อะนะแต่ช่างมันเถอะนะ เราเก็บทุกภาพความประทับใจ ใส่ในดวงตาและสะสมในสมองอันน้อยๆ ของเรามาเต็มที่แล้ว

อย่างที่บอกในเบื้องต้น เราต้องวางแผนการเดินทาง กำหนดงบประมาณ (อันนี้เรากำหนดเองได้) จองที่พัก และที่สำคัญที่สุด เราต้องเก็บข้อมูล ศึกษาข้อมูลเรื่องเวลาการเดินทาง สถานที่ และสิ่งที่เป็นประโยชน์กับการเดินทางของเราให้ได้มากที่สุด ยิ่งการเดินทางด้วยตัวเองแล้ว ทุกอย่างสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องภาษา(ส่วนตัวภาษาไม่ได้เก่งนะ แต่พอสื่อสารได้ ทำท่าใบ้ได้ ฮ่าๆๆๆ) ภาษาที่ใช้สื่อสารในประเทศญี่ปุ่น ส่วนมาเขาใช้ภาษาญี่ปุ่นเป็นหลัก และภาษาอังกฤษนิดหน่อยค่ะ ถ้าโชคดี เจอคนญี่ปุ่นที่พูดภาษาอังกฤษได้และเก่งถือเป็นโชคดีของเราค่ะ แต่ถ้าเจอแบบไม่ได้เลย ขอแนะนำให้โหลดเมนูตัวช่วยภาษาญี่ปุ่นค่ะ จิ้มๆๆ ชี้ๆ เขาจะช่วยเราค่ะ อีกอย่างนะค่ะ คนญี่ปุ่นใจดีมาก ถ้าเราถามทาง เขาแทบจะพาเราไปส่งเลยค่ะ อันนี้ต้องขอบคุณป้าและคุณลุงชาวญี่ปุ่น ทั้งสละที่นั่งให้เรานั่ง บอกทางเดิน

และยังมีไมตรีกับเราชาวต่างด้าวอีก ไม่รู้สึกเคว้งคว้างเหมือนไปแถบๆ เพื่อนบ้านข้างๆ เลย คือไปญี่ปุ่นรู้สึกสบายใจและปลอดภัยมากๆ
บินด้วยสายการบินอะไร??
แอร์เอเชีย X บินตรงแบบไม่ต่อเครื่อง ใช้เวลาประมาณ 6 ชม. ถึงที่หมาย โชคดี ตอนที่ตัดสินใจจองเครื่องบิน ได้ในราคา 13,XXX ซึ่งตอนนั้นคิดว่าถูกที่สุด ณ ตอนนั้น กับเส้นทางสายการบินที่เปิดใหม่ บินตรงจาก ดอนเมือง สู่ ซัปโปโร (Chitose) แต่มันไม่ใช่แบบนั้นสิค่ะ ตอนหลังช่วงเดือน พ.ค - มิ.ย. เจ้าหางแดง ออกโปรโมชั่นมาบินไปกลับ 5,9XX บาท T^T แอบร้องไห้หนักมากก เพราะมันถูก แต่!! ไม่นะ หาที่นอนไม่ได้ เพราะช่วงนั้น ทีมเราเพิ่งจองโรงแรม ก่อนหน้านั้นประมาณ 2-3 สัปดาห์ และช่วงนั้นโรงแรมที่ญี่ปุ่น เริ่มขึ้นราคาและมันเต็มเกือบทุกโรงแรมแล้ว ถ้าคิดจะหาโรงแรมถูกๆ เพื่อประหยัดงบยากลงไปอีกค่ะ ก็อย่างว่าค่ะ ได้ตั๋วเครื่องบินถูกแต่ค่าโรงแรมแพงก็ไม่ไหว แล้วอีกอย่างคือ ได้ที่พักอาจจะไกลจากจุดที่ต้องการไปเที่ยว ทำให้เสียเวลาในการเดินทางอีกต่างหาก แต่ทริปนี้ 6 สาวแบบเรา ชิลๆ เลย เหนื่อยแต่สนุกนะ ^^

กำหนดเดินทางไป-กลับ 6 – 13 ก.ค. 58 ( 6 คืน 7 วัน)
6 ก.ค. เดินทางออกจากจันทบุรี เวลา 16.00 น. ถึง สนามบินดอนเมืองเวลาประมาณ 20.30 น.
และเช็คอินขึ้นเครื่อง +ตรวจสัมภาระ และรอขึ้นเครื่อง เวลาประมาณ 23.10 น.
7 ก.ค. - วันที่ 1 เดินทางถึงสนามบินชิโตเสะ และนั่งรถไฟเดินทางไปเที่ยวและค้างคืนที่ Hakodate (เนินโมโตมาชิ , ชมวิว Mt.Hakodate)
8 ก.ค. – วันที่ 2 เที่ยวตลาดเช้า /โกดังเก่าริมน้ำ /หอคอยโกเรียวคะคุ และเดินทางกลับมาพักที่ค้างคืนที่ Sapporo ย่าน Susukino
9 ก.ค. – วันที่ 3 เที่ยวตึกรัฐบาลเก่าฮอกไกโด /เก็บเชอรี่ที่ Niki /ชมคลองโอตารุยามเย็นและยามค่ำ กลับมาพักที่ Sapporo
10 ก.ค. - วันที่ 4 เดย์แพค ฝากกระเป๋า และเช่ารถไปชมสวนดอกไม้ที่ Furano / ค้างคืนที่ Biei
11 ก.ค. – วันที่ 5 เที่ยวสวนดอกไม้ที่ Biei และนำรถมาคืนที่ Sapporo / ทานบุฟเฟ่ต์ขาปูที่ Nanda
12 ก.ค. – วันที่ 6 เที่ยวในSapporo / สวน Odori / หอนาฬิกา / โรงงานช๊อกโกแลต Ishiya /Shopping ย่าน JR ค้างคืนที่ Chitose
13 ก.ค. เวลา 6.30 น. เตรียมตัวเดินทางไปสนามบิน เช็คอินรอขึ้นเครื่องเวลา 08.30 น. กลับถึงดอนเมือง เวลา 14.30 น.(เวลาเมืองไทย)
และกลับถึงจันทบุรี เวลาประมาณ 20.30 น.
ประมาณการ รายละเอียดค่าใช้จ่ายต่างๆ ที่จ่ายก่อนเดินทางไปญี่ปุ่น การจองตั๋ว การจองที่พัก/คน (เดินทางทั้งหมด 6 ท่าน)
1. ค่าตั๋วเครื่องบินไป-กลับ คนละ 13,XXX บาท
2. ค่ารถค่าเดินทาง+ค่าเข้าชม คนละ 10,XXX บาท (เดินทางจากจันทบุรีเพิ่มอีกคนละ 1,000 )
3. ค่าโรงแรม 6 คืน คนละ 10,XXX บาท
4. ค่าเช่า Pocket wifi 7 วัน คนละ 5XX บาท (วันละ 200 จำนวน 2 เครื่อง /6 คน)
5. ค่าอาหาร คนละ 10,XXX บาท (ขึ้นอยู่กับขนาดลำตัวและความจุ)
6. ค่าSHOPPINGและของฝาก คนละ 10,XXX บาท (แล้วแต่ความเหมาะสมแต่ละบุคคล)
รวม 54,XXX บาท
ค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นจริง
1. ค่าตั๋วเครื่องบิน+ค่ารถ+ค่าเข้าชม+wiif+ค่าโรงแรม 6 คืน คนละ 33,766 บาท
2. ค่าเดินทางไป-กลับจากจันทบุรี คนละ 750 บาท
3. ค่าอาหาร (เฉพาะตัวเอง) คนละ 9,000 บาท
4. ค่าSHOPPINGและของฝาก คนละ 1X,XXX บาท
รวมประมาณ 53,516 บาท **ไม่รวมรายการที่ฝากซื้อนะคะ**
ซึ่งในฐานะที่เราเป็นเด็กน้อยที่สุดในทริปนี้ (เงินเดือนก็น้อยตาม 555) อยากแนะนำเพื่อนๆ ที่กำลังตามหาฝันของเรานะคะ สมมติว่าคุณมีเป้าหมายอยากจะไปเที่ยวที่ไหนสักที่ ควรมีเงินสำรองเก็บไว้สักก้อนก่อน ตั้งเป้าหมาย วางแผน วางงบประมาณ ไม่ต้องถึงกับต้องไปกู้หนี้ ยืมเงินต่างๆ เพื่อไปท่องเที่ยวหรอกนะคะ การเที่ยวก็ถือเป็นการสิ้นเปลืองอย่างหนึ่ง พูดง่ายๆ มันก็ไม่ใช่เป็นสิ่งที่จำเป็นอะไร เที่ยวก็ได้ไม่เที่ยวก็ได้ แล้วแต่ความคิดของเรานะ ส่วนเราทำงานมาหลายปี มีเงินพอเก็บอยู่ก้อนหนึ่งพอได้ เก็บไว้แล้วไม่มีความสุขก็ใช้ๆ มันแล้วหาใหม่เถอะ เหมือนกับเราซื้อความสุขให้ตัวเองดีกว่า และมันก็ไม่ได้กระทบกระเทือนสถานะทางการเงินของครอบครัวของเราแต่อย่างไร เวลากลับมาบ้านแล้วไม่ต้องไปเสียดายเงินก้อนนั้นที่เราใช้ไปอย่างลืมตัวนะ (มันจะมีพลังงานบางอย่างคอยดูดเงินเราตลอดเลย) ถึงมันหายไปแต่ได้ความสุขกลับมาก็คือคุ้ม คุ้มค่ะ แต่ยังไงชีวิตเราต้องดำเนินต่อไปเงินเป็นปัจจัยที่ต้องใช้ต่อหลังจากกลับมาใช้ชีวิต มนุษย์เงินเดือนธรรมดา เดินดิน กินข้าวแกง ซึ่งยังไงเราก็ควรมีสำรองไว้ด้วย

ไม่มีเงินอย่าไปเที่ยวเลยค่ะ มันจะลำบาก และอึดอัดใจเปล่าๆ นะ
ต่อไป เรามีเป้าหมายว่าจะไปเที่ยวแล้ว ขั้นต่อไปเก็บออมเงิน จากเงินเดือน เดือนละนิด เดือนละหน่อย ขั้นต่ำๆ ที่ควรเก็บคือ 2,000 ขึ้นไป และขึ้นอยู่กับระยะเวลา แล้วแต่สถานะทางการเงินแต่ละคน อย่างการไปต่างประเทศ ไปแต่ละที่ใช้เงินไม่เท่ากันหรอก ควรมีเผื่อสำรองไว้ ถึงจะประมาณการแล้วก็ตาม เช่น อย่างการประมาณการไปครั้งนี้ เราตั้งเป้าไว้ที่ 5X,XXX ก็ควรมีเงินสำรองไว้อีกต่างหากประมาณ 1X,XXX กันพลาด = ควรจะมีเก็บให้ได้ 6X,XXX และที่สำคัญควรมีวินัยในการเก็บเงิน ไม่งั้นเราจะพลาดโอกาสและเสียดายโอกาสดีๆ เมื่อได้เงินตามเป้าหมายแล้ว เราก็ลุยวางแผนการเดินทาง จองตั๋วเครื่องบิน จองที่พัก จองรถ แลกเงิน และเตรียมเอกสารทุกอย่างให้พร้อม เมื่อถึงกำหนด ก้อแพ็คกระเป๋าพร้อมเดินทางกันเล๊ยยยย
เดี๋ยวมาเพิ่มรายละเอียดต่อนะ
[CR] Backpack Summer Hokkaido 2015 เที่ยวญี่ปุ่นด้วยตัวเอง 6 คืน 7 วัน (By..Chimaru)
ทำไมถึงไปเที่ยวญี่ปุ่น??
ญี่ปุ่นคงเป็นหนึ่งในประเทศที่ทุกคนใฝ่ฝันอยากไปเยือนและสัมผัสกันสักครั้งหนึ่งใช่ไหมค่ะ เราก็เป็นหนึ่งในนั้น ทั้งอาหารที่ชื่นชอบ เมืองที่ใฝ่ฝัน และที่สำคัญอยากแช่ออนเซ็นค่ะ ฮ่าๆๆ มันเป็นความใฝ่ฝันและความสุขเล็กๆ น้อยๆ ที่คิดจะมอบสิ่งนี้ให้กับตัวเราเอง เป็นสิ่งที่เราจะต้องสัมผัสและเจอมันให้ได้ ซึ่งเราคิดว่า การเดินทางครั้งนี้มันคุ้มค่ามากสำหรับการรอยคอย
เข้าเรื่องเลยละกัน
บินด้วยสายการบินอะไร??
แอร์เอเชีย X บินตรงแบบไม่ต่อเครื่อง ใช้เวลาประมาณ 6 ชม. ถึงที่หมาย โชคดี ตอนที่ตัดสินใจจองเครื่องบิน ได้ในราคา 13,XXX ซึ่งตอนนั้นคิดว่าถูกที่สุด ณ ตอนนั้น กับเส้นทางสายการบินที่เปิดใหม่ บินตรงจาก ดอนเมือง สู่ ซัปโปโร (Chitose) แต่มันไม่ใช่แบบนั้นสิค่ะ ตอนหลังช่วงเดือน พ.ค - มิ.ย. เจ้าหางแดง ออกโปรโมชั่นมาบินไปกลับ 5,9XX บาท T^T แอบร้องไห้หนักมากก เพราะมันถูก แต่!! ไม่นะ หาที่นอนไม่ได้ เพราะช่วงนั้น ทีมเราเพิ่งจองโรงแรม ก่อนหน้านั้นประมาณ 2-3 สัปดาห์ และช่วงนั้นโรงแรมที่ญี่ปุ่น เริ่มขึ้นราคาและมันเต็มเกือบทุกโรงแรมแล้ว ถ้าคิดจะหาโรงแรมถูกๆ เพื่อประหยัดงบยากลงไปอีกค่ะ ก็อย่างว่าค่ะ ได้ตั๋วเครื่องบินถูกแต่ค่าโรงแรมแพงก็ไม่ไหว แล้วอีกอย่างคือ ได้ที่พักอาจจะไกลจากจุดที่ต้องการไปเที่ยว ทำให้เสียเวลาในการเดินทางอีกต่างหาก แต่ทริปนี้ 6 สาวแบบเรา ชิลๆ เลย เหนื่อยแต่สนุกนะ ^^
กำหนดเดินทางไป-กลับ 6 – 13 ก.ค. 58 ( 6 คืน 7 วัน)
6 ก.ค. เดินทางออกจากจันทบุรี เวลา 16.00 น. ถึง สนามบินดอนเมืองเวลาประมาณ 20.30 น.
และเช็คอินขึ้นเครื่อง +ตรวจสัมภาระ และรอขึ้นเครื่อง เวลาประมาณ 23.10 น.
7 ก.ค. - วันที่ 1 เดินทางถึงสนามบินชิโตเสะ และนั่งรถไฟเดินทางไปเที่ยวและค้างคืนที่ Hakodate (เนินโมโตมาชิ , ชมวิว Mt.Hakodate)
8 ก.ค. – วันที่ 2 เที่ยวตลาดเช้า /โกดังเก่าริมน้ำ /หอคอยโกเรียวคะคุ และเดินทางกลับมาพักที่ค้างคืนที่ Sapporo ย่าน Susukino
9 ก.ค. – วันที่ 3 เที่ยวตึกรัฐบาลเก่าฮอกไกโด /เก็บเชอรี่ที่ Niki /ชมคลองโอตารุยามเย็นและยามค่ำ กลับมาพักที่ Sapporo
10 ก.ค. - วันที่ 4 เดย์แพค ฝากกระเป๋า และเช่ารถไปชมสวนดอกไม้ที่ Furano / ค้างคืนที่ Biei
11 ก.ค. – วันที่ 5 เที่ยวสวนดอกไม้ที่ Biei และนำรถมาคืนที่ Sapporo / ทานบุฟเฟ่ต์ขาปูที่ Nanda
12 ก.ค. – วันที่ 6 เที่ยวในSapporo / สวน Odori / หอนาฬิกา / โรงงานช๊อกโกแลต Ishiya /Shopping ย่าน JR ค้างคืนที่ Chitose
13 ก.ค. เวลา 6.30 น. เตรียมตัวเดินทางไปสนามบิน เช็คอินรอขึ้นเครื่องเวลา 08.30 น. กลับถึงดอนเมือง เวลา 14.30 น.(เวลาเมืองไทย)
และกลับถึงจันทบุรี เวลาประมาณ 20.30 น.
ประมาณการ รายละเอียดค่าใช้จ่ายต่างๆ ที่จ่ายก่อนเดินทางไปญี่ปุ่น การจองตั๋ว การจองที่พัก/คน (เดินทางทั้งหมด 6 ท่าน)
1. ค่าตั๋วเครื่องบินไป-กลับ คนละ 13,XXX บาท
2. ค่ารถค่าเดินทาง+ค่าเข้าชม คนละ 10,XXX บาท (เดินทางจากจันทบุรีเพิ่มอีกคนละ 1,000 )
3. ค่าโรงแรม 6 คืน คนละ 10,XXX บาท
4. ค่าเช่า Pocket wifi 7 วัน คนละ 5XX บาท (วันละ 200 จำนวน 2 เครื่อง /6 คน)
5. ค่าอาหาร คนละ 10,XXX บาท (ขึ้นอยู่กับขนาดลำตัวและความจุ)
6. ค่าSHOPPINGและของฝาก คนละ 10,XXX บาท (แล้วแต่ความเหมาะสมแต่ละบุคคล)
รวม 54,XXX บาท
ค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นจริง
1. ค่าตั๋วเครื่องบิน+ค่ารถ+ค่าเข้าชม+wiif+ค่าโรงแรม 6 คืน คนละ 33,766 บาท
2. ค่าเดินทางไป-กลับจากจันทบุรี คนละ 750 บาท
3. ค่าอาหาร (เฉพาะตัวเอง) คนละ 9,000 บาท
4. ค่าSHOPPINGและของฝาก คนละ 1X,XXX บาท
รวมประมาณ 53,516 บาท **ไม่รวมรายการที่ฝากซื้อนะคะ**
ซึ่งในฐานะที่เราเป็นเด็กน้อยที่สุดในทริปนี้ (เงินเดือนก็น้อยตาม 555) อยากแนะนำเพื่อนๆ ที่กำลังตามหาฝันของเรานะคะ สมมติว่าคุณมีเป้าหมายอยากจะไปเที่ยวที่ไหนสักที่ ควรมีเงินสำรองเก็บไว้สักก้อนก่อน ตั้งเป้าหมาย วางแผน วางงบประมาณ ไม่ต้องถึงกับต้องไปกู้หนี้ ยืมเงินต่างๆ เพื่อไปท่องเที่ยวหรอกนะคะ การเที่ยวก็ถือเป็นการสิ้นเปลืองอย่างหนึ่ง พูดง่ายๆ มันก็ไม่ใช่เป็นสิ่งที่จำเป็นอะไร เที่ยวก็ได้ไม่เที่ยวก็ได้ แล้วแต่ความคิดของเรานะ ส่วนเราทำงานมาหลายปี มีเงินพอเก็บอยู่ก้อนหนึ่งพอได้ เก็บไว้แล้วไม่มีความสุขก็ใช้ๆ มันแล้วหาใหม่เถอะ เหมือนกับเราซื้อความสุขให้ตัวเองดีกว่า และมันก็ไม่ได้กระทบกระเทือนสถานะทางการเงินของครอบครัวของเราแต่อย่างไร เวลากลับมาบ้านแล้วไม่ต้องไปเสียดายเงินก้อนนั้นที่เราใช้ไปอย่างลืมตัวนะ (มันจะมีพลังงานบางอย่างคอยดูดเงินเราตลอดเลย) ถึงมันหายไปแต่ได้ความสุขกลับมาก็คือคุ้ม คุ้มค่ะ แต่ยังไงชีวิตเราต้องดำเนินต่อไปเงินเป็นปัจจัยที่ต้องใช้ต่อหลังจากกลับมาใช้ชีวิต มนุษย์เงินเดือนธรรมดา เดินดิน กินข้าวแกง ซึ่งยังไงเราก็ควรมีสำรองไว้ด้วย
ต่อไป เรามีเป้าหมายว่าจะไปเที่ยวแล้ว ขั้นต่อไปเก็บออมเงิน จากเงินเดือน เดือนละนิด เดือนละหน่อย ขั้นต่ำๆ ที่ควรเก็บคือ 2,000 ขึ้นไป และขึ้นอยู่กับระยะเวลา แล้วแต่สถานะทางการเงินแต่ละคน อย่างการไปต่างประเทศ ไปแต่ละที่ใช้เงินไม่เท่ากันหรอก ควรมีเผื่อสำรองไว้ ถึงจะประมาณการแล้วก็ตาม เช่น อย่างการประมาณการไปครั้งนี้ เราตั้งเป้าไว้ที่ 5X,XXX ก็ควรมีเงินสำรองไว้อีกต่างหากประมาณ 1X,XXX กันพลาด = ควรจะมีเก็บให้ได้ 6X,XXX และที่สำคัญควรมีวินัยในการเก็บเงิน ไม่งั้นเราจะพลาดโอกาสและเสียดายโอกาสดีๆ เมื่อได้เงินตามเป้าหมายแล้ว เราก็ลุยวางแผนการเดินทาง จองตั๋วเครื่องบิน จองที่พัก จองรถ แลกเงิน และเตรียมเอกสารทุกอย่างให้พร้อม เมื่อถึงกำหนด ก้อแพ็คกระเป๋าพร้อมเดินทางกันเล๊ยยยย
เดี๋ยวมาเพิ่มรายละเอียดต่อนะ