สวัสดีค่ะเพื่อน ๆ ที่น่ารักทุกท่าน
เรานั่งอ่านข่าวน้องสิงห์ แล้วก็นึกถึงตัวเอง ...
เมื่อเกือบ 20 ปีก่อน เราเคยเป็นภาวะซึมเศร้า และเคยพยายามฆ่าตัวเองตายถึง 2 ครั้ง
ครั้งแรกทานยาพาราจำนวนมาก โชคดีที่ประตูคอนโดเปิดรับลมไว้เปิดอ้าออกมา พี่หน้าห้องเห็นก็เลยพาส่งโรงพยาบาล
ตอนนั้น รู้สึกร้อนท้อง ไม่ได้ดิ้นรนอะไร รู้สึกตัวแบบหวิว ๆ นอนนิ่ง ๆ รอดูว่าจะตายอย่างไร ...
พอมารู้สึกตัวอีกที เราก็อยู่ในโรงพยาบาลแล้ว
ครั้งที่สอง เราอยู่ในภาวะกึ่งไม่รู้สึกตัว ประมาณว่ารู้สึกว่ากำลังเหยียบที่ขอบหน้าต่างคอนโด แต่เราควบคุมตัวเองไม่ได้
โชคดีที่วันนั้นแม่มาเยี่ยมพอดี เลยคว้าตัวไว้ทัน ...
เราเริ่มมีอาการซึมเศร้า หลังเพื่อนสนิทยิงตัวเองตายไป ตอนนั้นเรารู้สึกว่าเรามีเขาเพียงคนเดียวที่คอยอยู่ข้าง ๆ
เราไม่รู้จักความอบอุ่นในครอบครัว พ่อแม่แยกทางกัน และเสมือนอยู่คนเดียวแก้ปัญหาเจออุปสรรคก็ฝ่าฟันมาด้วยตัวเอง
และตอนนั้นเราเข้าออกโรงพยาบาลบ่อยมากเพราะมีโรคประจำตัว รู้สึกเหนื่อยท้อและอยากตาย
หันไปทางไหนรู้สึกไม่มีใครอยู่ข้าง ๆ สักคน อยากได้กำลังใจ ...
เราอยู่คอนโดในห้องขนาด 28 ตร.เมตร ตั้งแต่เย็นวันศุกร์จนถึงเช้าวันจันทร์ ไม่ออกไปเจอใครอยู่แต่ในห้อง
ใช้พฤติกรรมเดิม ๆ ร่วม 10 ปี จนได้โรคกลัวที่แคบ เช่น ลิฟต์ ห้องเล็ก ๆ มาด้วย
เหตุการณ์ในครั้งที่สอง เราตัดสินใจพาตัวเองไปที่แผนกจิตเวช โรงพยาบาลรามาธิบดี พบหมอได้ยาบำบัด
ถึงแม้จะได้ยาก็ยังรู้สึกว่าไม่รู้สึกโล่งเลย พยายามศึกษาการฝึกสมาธิ เรียนรู้ศาสนาเปรียบเทียบ ทำจิตอาสา แต่ก็ช่วยได้ระดับนึง
จุดเปลี่ยนที่ทำหายจากภาวะนี้ เรานึกคำพูดของหมอว่า บางทีเราอาจจะเรียกร้องความอบอุ่นและโหยหาเอาจากคนอื่น
แทนที่จะรู้จักให้ ลดความอยากได้ หรือมอบความรักให้คนอื่นบ้าง
อาจจะเป็นสุนัข หรือการทำอะไรให้คนอื่นก็ได้ ...
เราค่อย ๆ ขยับขยายหาที่อยู่ใหม่ หาสุนัขมาเลี้ยงได้กอดได้สัมผัสไออุ่น ๆ
ได้ปลูกต้นไม้ วาดภาพสีน้ำมัน ฯลฯ และเราค่อย ๆ หาย ปัจจุบันนี้เรามองโลกในอีกมุมที่สวยงาม
อยากรู้ว่าในอนาคตต่อไปจะมีปัญหาอะไรให้เราแก้ไขได้ด้วยวิธีไหน
บางครั้งนั่งเฉย ๆ มองคนนู่นคนนี้ ว่าทำอะไรก็รู้สึกมีความสุขแล้ว ที่สำคัญเราไม่ได้เรียกร้องจากใคร เรารอดมาได้ด้วยตัวเอง
คนที่เป็นภาวะซึมเศร้า บางครั้งเขาไม่ต้องการใครให้มาแก้ปัญหาให้หรอก
เขาแค่ต้องการแค่ใครสักคนที่คอยอยู่ข้าง ๆ คอยรับฟัง คอยกุมมือ
ที่สำคัญความรักความอบอุ่นในครอบครัว จะเป็นเกราะป้องกันที่ดี และช่วยเขาให้รอดพ้นออกมาได้
สู้ ๆ นะ ให้กำลังใจทุกคนที่กำลังอยู่ในภาวะนี้นะคะ
+ + + ประสบการณ์เฉียดตายจากภาวะซึมเศร้า ภาวะที่น่ากลัวแต่หายได้ + + +
เรานั่งอ่านข่าวน้องสิงห์ แล้วก็นึกถึงตัวเอง ...
เมื่อเกือบ 20 ปีก่อน เราเคยเป็นภาวะซึมเศร้า และเคยพยายามฆ่าตัวเองตายถึง 2 ครั้ง
ครั้งแรกทานยาพาราจำนวนมาก โชคดีที่ประตูคอนโดเปิดรับลมไว้เปิดอ้าออกมา พี่หน้าห้องเห็นก็เลยพาส่งโรงพยาบาล
ตอนนั้น รู้สึกร้อนท้อง ไม่ได้ดิ้นรนอะไร รู้สึกตัวแบบหวิว ๆ นอนนิ่ง ๆ รอดูว่าจะตายอย่างไร ...
พอมารู้สึกตัวอีกที เราก็อยู่ในโรงพยาบาลแล้ว
ครั้งที่สอง เราอยู่ในภาวะกึ่งไม่รู้สึกตัว ประมาณว่ารู้สึกว่ากำลังเหยียบที่ขอบหน้าต่างคอนโด แต่เราควบคุมตัวเองไม่ได้
โชคดีที่วันนั้นแม่มาเยี่ยมพอดี เลยคว้าตัวไว้ทัน ...
เราเริ่มมีอาการซึมเศร้า หลังเพื่อนสนิทยิงตัวเองตายไป ตอนนั้นเรารู้สึกว่าเรามีเขาเพียงคนเดียวที่คอยอยู่ข้าง ๆ
เราไม่รู้จักความอบอุ่นในครอบครัว พ่อแม่แยกทางกัน และเสมือนอยู่คนเดียวแก้ปัญหาเจออุปสรรคก็ฝ่าฟันมาด้วยตัวเอง
และตอนนั้นเราเข้าออกโรงพยาบาลบ่อยมากเพราะมีโรคประจำตัว รู้สึกเหนื่อยท้อและอยากตาย
หันไปทางไหนรู้สึกไม่มีใครอยู่ข้าง ๆ สักคน อยากได้กำลังใจ ...
เราอยู่คอนโดในห้องขนาด 28 ตร.เมตร ตั้งแต่เย็นวันศุกร์จนถึงเช้าวันจันทร์ ไม่ออกไปเจอใครอยู่แต่ในห้อง
ใช้พฤติกรรมเดิม ๆ ร่วม 10 ปี จนได้โรคกลัวที่แคบ เช่น ลิฟต์ ห้องเล็ก ๆ มาด้วย
เหตุการณ์ในครั้งที่สอง เราตัดสินใจพาตัวเองไปที่แผนกจิตเวช โรงพยาบาลรามาธิบดี พบหมอได้ยาบำบัด
ถึงแม้จะได้ยาก็ยังรู้สึกว่าไม่รู้สึกโล่งเลย พยายามศึกษาการฝึกสมาธิ เรียนรู้ศาสนาเปรียบเทียบ ทำจิตอาสา แต่ก็ช่วยได้ระดับนึง
จุดเปลี่ยนที่ทำหายจากภาวะนี้ เรานึกคำพูดของหมอว่า บางทีเราอาจจะเรียกร้องความอบอุ่นและโหยหาเอาจากคนอื่น
แทนที่จะรู้จักให้ ลดความอยากได้ หรือมอบความรักให้คนอื่นบ้าง
อาจจะเป็นสุนัข หรือการทำอะไรให้คนอื่นก็ได้ ...
เราค่อย ๆ ขยับขยายหาที่อยู่ใหม่ หาสุนัขมาเลี้ยงได้กอดได้สัมผัสไออุ่น ๆ
ได้ปลูกต้นไม้ วาดภาพสีน้ำมัน ฯลฯ และเราค่อย ๆ หาย ปัจจุบันนี้เรามองโลกในอีกมุมที่สวยงาม
อยากรู้ว่าในอนาคตต่อไปจะมีปัญหาอะไรให้เราแก้ไขได้ด้วยวิธีไหน
บางครั้งนั่งเฉย ๆ มองคนนู่นคนนี้ ว่าทำอะไรก็รู้สึกมีความสุขแล้ว ที่สำคัญเราไม่ได้เรียกร้องจากใคร เรารอดมาได้ด้วยตัวเอง
คนที่เป็นภาวะซึมเศร้า บางครั้งเขาไม่ต้องการใครให้มาแก้ปัญหาให้หรอก
เขาแค่ต้องการแค่ใครสักคนที่คอยอยู่ข้าง ๆ คอยรับฟัง คอยกุมมือ
ที่สำคัญความรักความอบอุ่นในครอบครัว จะเป็นเกราะป้องกันที่ดี และช่วยเขาให้รอดพ้นออกมาได้
สู้ ๆ นะ ให้กำลังใจทุกคนที่กำลังอยู่ในภาวะนี้นะคะ